ตอนที่แล้วบทที่ 49 แย่งชิงอำนาจ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51 ตัวแทนผู้สมัคร!!

บทที่ 50 โอกาสมาถึงแล้ว!!


บทที่ 50 โอกาสมาถึงแล้ว!!

ผู้แปล loop

ในตอนบ่าย.

เกาแพนเหว่ย, ฉางจี้, และ ดงซูบินกลับมาที่สำนักงานหลังการแข่งขันฟุตบอล การเกษียณอายุของโจวฉางจูได้รับการยืนยันจากหลี่ชิงเรียบร้อย  ซึ่งดงซูบินที่ยังคงหวังว่าการเกษียณของโจวฉางจูเป็นเพียงข่าวลือนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ

‘หัวหน้าโจวคุณน่าจะเกษียณปีหน้านะผมจะได้มีโอกาสเข้ามาแทนที่คุณ’

วันที่ดีของดงซูบินกำลังจะสิ้นสุดลงไป

ดงซูบินกำกำปั้นของเขาแน่น เขากระซิบไปที่ต้าหลินเหม่ยขณะที่เขาเดินไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร “ไปเยี่ยมหัวหน้าโจวกันไมเย็นนี้?”

ต้าหลินเหม่ยมองเขาอย่างประหลาดใจ:“ทำไมต้องไปอ่ะ?”

“ก็จะได้ไปดูว่าหัวหน้าโจวเป็นยังไงบ้าง และในเวลาเดียวกันก็ถามเขาว่าใครจะเข้ามาแทนที่เขาเผื่อมีใครย้ายจากสำนักงานอื่นมารับช่วงต่อของเขา” ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ต้าหลินเหม่ยหัวเราะ “นายพูดจริงดิ? จะไปเยี่ยมหัวหน้าโจวนี้นะ?”

"ฮะ? เธอหมายถึงอะไร?” ดงเซวปิงไม่เข้าใจความหมายของต้าหลินเหม่ยที่พยายามจะบอก

ต้าหลินเหม่ยเริ่มสอนดงซูบิน:“นายซื่อบื้อหรือยังไง? โจวฉางจูไม่ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานกิจการอีกต่อไปแล้ว มันไม่มีความหมายสำหรับนายที่จะให้เขาผลักดันนายอีก นายไม่รู้เรื่องนี้หรือยังไง การเกษียณอายุก่อนกำหนดของเขาถูกจัดการโดยหัวหน้าสำนักเพราะเขาอาจมีปัญหากับบาง รวมถึงเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต หากนายเข้าหาเขาตอนนี้เหมือนนายแกว่งเท้าห้าเสี้ยนเปล่าๆ”

“แย่ล่ะ” ดงซูบินเริ่มตัวสั่น “มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอแต่ถ้าหัวหน้าโจวป่วยจริง ๆ และแค่อยากจะเกษียณล่ะ?”

ต้าหลินเหม่ยตอบกลับไปว่า “ซูบินฟังฉัน แม้ว่ามันจะเป็นไปตามที่นายพูด แต่เขาก็ไม่มีอำนาจใดๆแล้วถึงแม้เขาจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทุจริตจริง แต่เขาเกษียณแล้วและเขาอาจเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่เราไม่รู้ก็ได้ เราจะมีปัญหาถ้าเราเข้าหาเขาตอนนี้ สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดที่ต้องทำในตอนนี้คืออยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาเห็นใจเขาในตอนนี้”

ดงซูบินเริ่มคิดอย่างหนักในสิ่งที่ต้าหลินเหม่ยพูด “เธอก็พูดถูก” ดงซูบินต้องการที่ใกล้ชิดกับโจวฉางจูเพราะผลประโยชน์ ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริงระหว่างพวกเขาทั้งสอง ตอนนี้โจวฉางจูเองก็มีปัญหาด้านการเงิน มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะพยายามแสดงความเมตตาต่อเขา เขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบางอย่างก็เป็นได้

มันคงปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ห่างจากโจวฉางจูไว้

‘เฮ้อ……ฉันเสียเวลาไปกับการช่วยเขาในการเล่นหุ้นตั้งนาน’

ต้าหลินเหม่ยยืนขึ้น:“จ้วงจื่อเองก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ฉันต้องเตือนเขาให้อยู่ห่างจากหัวหน้าโจวเมื่อเขากลับไปเก็บข้าวของของเขาเสร็จแล้ว” สถานที่แห่งนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ เมื่อมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทุกคนจะพยายามหลีกเลี่ยงมันอย่างเห็นได้ชัด

ดงซูบินเริ่มเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความโหดร้ายของระบบราชการ

ณ ตอนนั้นประตูของสำนักงานกิจการก็เปิดออกทันที

“ตึกๆ ตึกๆ” มันเป็นเสียงฝีเท้าของรองเท้าหนัง ดงซูบินเงยหน้าขึ้นมามอง มันคือโจวฉางจู เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วและเดินกะเผลกๆ เขาดูดีขึ้นเล็กแต่ยังมีปัญหาในการเดิน เขาอาจจะะกลับไปเก็บข้าวของหรือบางทีเขาอาจจะกลับมาเพื่อถูกสอบสวน

สำนักงานเงียบ

1 วินาที……

2 วินาที……

ไม่มีใครทักทายโจวฉางจู ดงซูบินรู้สึกว่านี้มันมากเกินไปแล้ว เขาทักทายด้วยเสียงดัง:“หัวหน้าโจว”

จ้วงจื่อเองก็ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วมองไปที่ต้าหลินเหม่ยก่อนทักทายเขา:“หัวหน้าโจว”

“หัวหน้าโจว” ฉางจ้วง, ฉางจี้ และคนอื่น ๆ ก็ทักทายเขาด้วยเช่นกัน แต่น้ำเสียงของพวกเขาแตกต่างจากในอดีตมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทักทายเขาเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น แม้แต่เกาแพนเหว่ยที่ซื่อสัตย์ของหัวหน้าโจวก็ทักทายเช่นเดียวกับคนอื่นเหมือนกัน เขาเองก็ไม่เลวร้ายที่สุด เขาขยับปากของเขาแต่ไม่ได้ส่งเสียงออกมา

ดูเหมือนว่าทุกคนรู้สึกว่าการเงินของโจวฉางจูนั้นมีปัญหาและต้องการตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมด

โจวฉางจูรู้สึกถึงความตั้งใจของพวกเขา เขาพูดอย่างไม่น่าเชื่อ:“แพนเหว่ยเข้าห้องมากับฉันสักเดียวสิ”

เกาแพนแหว่ยแสดงความร้ายกาจของเขาออกมา เขาตอบทันที:“ผมขอโทษด้วยครับหัวหน้าโจว ผมต้องส่งเอกสารด่วนวันนี้”เกาแพนเหว่ยเป็นคนที่ มอบของขวัญมากมายให้แก่หัวหน้าโจวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเขาก็สนิทกับโจวฉางจูมากที่สุดในสำนักงาน

หัวหน้าโจวขมวดคิ้วและมองดู ฉางจี้และคนอื่น ๆ

ฉางจี้และฉางจ้วงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลยและทำงานต่อไป

ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อโจวฉางจูเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นเดือนที่แล้วเมื่อโจวฉางจูเข้ามาในสำนักงานเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักคำเลยและพวกเขาทั้งหมดจะเบียดเสียดมาอยู่รอบตัวโจวฉางจูเอง แต่ตอนนี้ไม่มีใครเต็มใจช่วยเขาขนสิ่งของเหล่านี้เลย ดงซูบินก็ก้มหัวลงไปและแสร้งทำเป็นงานยุ่งมากๆ

นี่คือระบบราชการ เมื่อคุณหมดอำนาจคุณก็เหลืออะไรเลย

ใบหน้าของโจวฉางจูเปลี่ยนไป เขาจ้องจ้องที่ดงซูบินและผู้ช่วยที่วางใจได้ในอดีตของเขาอย่างเกาแพนเหว่ย “ดี……………ดี……” เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปที่ห้องโดยใช้กำแพงเพื่อช่วยพยุงตัวเข้าไป ไม่มีใครเข้าไปช่วยเขาเลย

เกาแพนเหว่ย, ฉางจ้วงและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ทุกคนต่างรู้ใจกันในขณะนั้น

แตะแตะแตะแตะ……

ประตูห้องถูกเปิด ดูเหมือนว่าโจวฉางจูกำลังโทรศัพท์อยู่

“สวัสดีหัวหน้าหยานอยู่รึเปล่า? ฉันคือโจวฉางจู” โจวฉางจูพูดด้วยความตั้งใจดงซูบิน และทุกคนข้างนอกสามารถได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน

เกาแพนเหว่ยและคนอื่น ๆ กำลังฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาต้องการทราบว่าโจวฉางจูกำลังถูกสอบสวนอยู่รึเปล่าและมันอาจเกี่ยวข้องกับพวกเขา

แต่ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าโจวพูด “เมื่อวานนี้คุณขอให้ผมแนะนำใครบางคนให้เป็นรองหัวหน้าสำนักเพื่อการพิจารณา……. หลังจากการพิจารณาอย่างจริงจังผมคิดว่า……” เขาหยุดพูดไปสองวินาที “……ผมคิดว่าเสี่ยวเกาจากแผนกการเมืองเหมาะสมที่สุด เขาทำงานหนักและพิถีพิถันในการทำงานของเขา……. ใช่. ถูกตัอง…. ใช่……ฉันแนะนำเสี่ยวเกา เพื่อมาแทนที่ผม……. ส่วนคนที่มาจากสำนักของผมหรอ โอ้พวกเขายังต้องการประสบการณ์มากกว่านี้……ใช่แล้ว……”

ทุกคนในสำนักงานตกตะลึง

‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโจวฉางจูแนะนำคนให้เข้ามารับตำแหน่งกันล่ะ?’

‘เวรล่ะ! หัวหน้าสำนักหยาน ไว้วางใจโจวฉางจูมาก? เขาต้องการให้โจวฉางจูจะแนะนำใครบางคนให้กับคณะกรรมการพรรคเพื่อหารือว่าบุคคลนั้นเหมาะสำหรับการเลื่อนตำแหน่งหรือไม่?’

โจวฉางจูไม่ได้ทำให้หัวหน้าระดับสูงไม่พอใจและเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุจริตใด ๆอีกด้วย ? โจวฉางจูเกษียณตัวเองจริงๆเพราะสุขภาพของเขาจริงๆหรอเนี่ย?

“อ่า……” เกาแพนเหว่ยยืนขึ้นจากเก้าอี้ของเขา เขารู้สึกเสียใจ จากความสัมพันธ์ของเขากับโจวฉางจูในอดีตเขามีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับการแนะนำ แม้แต่ดงซูบินก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้ ถ้าเพียงเขาเท่านั้นที่ไปช่วยโจวฉางจูตั้งแต่ตะกี้ โจวฉางจูคงจะแนะนำเขาอย่างแน่นอน โจวฉางจูได้เรียกเขาไปที่ห้องของเขาก่อนหน้านี้เพื่อหารือกับเขาเกี่ยวกับการแนะนำให้เลื่อนตำแหน่ง เขาเสียโอกาสนี้ไปแล้ว

“ทำไมถึงอย่างงี้”ฉางจี้ก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน เขาคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคณะกรรมการพรรคของสำนักที่จะตัดสินใจว่าใครจะเข้ารับตำแหน่งนี้ โจวฉางจูและหลี่ชิงเองก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการจึงไม่น่ามีสิทธิในการให้คำแนะนำในครั้งนี้ แต่ใครจะรู้ว่าหัวหน้าหยานจะขอให้โจวฉางจูเสนอชื่อใครซักคนให้เขา หากเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเขาก็จะไปช่วยโจวฉางจูและโจวฉางชุนอาจเลือกเขา มันจะมีโอกาสสูงที่จะทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง

เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้ทั้งสองดูหน้าตาหม่นหมองไปในทันที การแสดงออกของคนอื่น ๆ นั้นก็แตกต่างกันออกไป

บางคนเสียใจบางคนก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้

มีดงซูบินเท่านั้นที่คิดต่างจากคนอื่น เขาเสียใจเพียงเสี้ยววินาทีและรู้สึกตื่นเต้นทันที

‘โอกาสมาแล้ว’.

‘นี่เป็นโอกาสของฉัน!’

ดงซูบินสูดหายใจเข้าลึก ๆในทันที :“ต้องรีบย้อนเวลา”

“ย้อนกลับ.....!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด