SGS บทที่ 102 – ยูเรนัสซิสเต็มส์ มาแล้วล่ะ! (ตอนฟรี)
“นะ....นี่มันออกจะ....”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า วู่หยานกับมิโคโตะก็หันมามองหน้ากันและกัน ในแววตาทั้งสองคนมีความคิดเหมือนกันคือ....โครตโชคดี! ที่ตัวเองไม่โดนลูกหลงไปด้วย ทั้งคู่ถอนหายใจด้วยความโล่งขณะที่มือก็ยกขึ้นมาจับหน้าอก
คาร์ลเรียส ชาร์ล และ โมมิลี้ กำลังยืนอ้าปากค้าง มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าความช็อค
พวกเขาเห็นภาพอะไรกันแน่?
คำตอบคือ พวกเขาเห็นพื้นหินที่แม้ว่าจะผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมาหลายต่อหลายครั้งก็ยังทำได้แค่เกิดริ้วร้อยเล็กๆน้อยๆ หินที่แข็งแรงทนทานถึงขั้นนี้ ณ ตอนนี้ตรงจุดที่โดนลูกศรเข้าไปมัน....ได้หายไปหมดแล้ว!
ไม่เพียงแต่พื้นหิน แม้แต่ผู้คนที่กำลังสู้กับกับวู่หยานและมิโคโตะ ก็ได้พบเจอความตายที่โหดเหี้ยม เพราะมันเล่นไม่เหลือร่ายกายหรือศพพวกเขาไว้เลยนะสิ! มัน...ได้หายไปหมดโดยไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว! และสิ่งที่มาแทนที่ก็คือหลุม..หลุมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าร้อยเมตร! หลุมยักษ์ยังไงล่ะ!
“อึก...” ท่ามกลางความเงียบนี้ อยู่ๆก็มีเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นไม่หยุด เป็นเสียงของคนที่บังเอิญไม่ได้อยู่ตรงจุดที่ลูกศรลง จึงรอดตายมาได้ แน่นอนว่านั่นรวมไปถึงพวกคาร์ลเรียสทั้งสามคนด้วย.....
ท่านี้ของอิคารอส ได้คร่าชีวิตผู้คนที่กำลังสู้กับวู่หยานและมิโคโตะไป อย่างต่ำก็70%แล้ว!
พวกที่เหลือต่างก็มีบาดแผลน้อยใหญ่ตามตัวจากที่สู้กับพวกวู่หยานไม่ก็โดนลมพัดจากแรงระเบิดจนปลิว และยังมีผู้คนบางส่วนที่โดนมิโคโตะน็อคเอาท์ไปแต่ไม่ได้โดนฆ่าแค่ทำให้ลุกขึ้นมาสู้ต่อไม่ได้ แต่ด้วยดวงที่ซวยๆสุดจึงตายไปเพราะอพอลโลแล้ว!
ถ้าวู่หยานกับมิโคโตะไปได้กินยาลมหายใจแห่งชีวิต บางทีถ้าไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่ได้กินยาลมหายใจแห่งชีวิต อิคารอสก็จะไม่มีทางเลือกยิงอพอลโลแน่นอน!!
นึกถึงนักรบที่เมื่อกี้ยังปะดาบด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับ......วู่หยานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
‘ถึงแม้อิคารอสจะซื่อและไร้เดียงสาก็เถอะ แต่ต่อจากนี้ทางที่ดี..เราอย่าไปเล่นอะไรบ้าๆใส่เธอจะดีกว่าแฮะ....ไม่งั้นวันหนึ่งชีวิตน้อยๆดวงนี่ก็อาจจะหาไม่.....’
“ยะ...ยัยสัตว์ประหลาดนั่น...”
ณ เวลานี้ในหัวพวกคาร์ลไม่ได้มีความรู้สึกโกรธหรืออิจฉาเหลืออยู่แล้ว ความรู้สึกพวกนี้ได้โดนการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของอิคารอส บดขยี้จนหมด!
และสิ่งที่มาแทนที่ความรู้สึกเหล่านั่นก็คือ...ความกลัว....
ต้องรู้ก่อนว่า ในชีวิตพวกเขา สิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนหวาดกลัวถึงขั้นนี้มีแต่แมงมุมราชินีตัวเดียวเท่านั้น.....
พลาดเป้าไป อิคารอสได้ยกแขวเรียวบางของตนไปที่ธนูอีกครั้ง.....
“หยุดเธอซะ! อย่าปล่อยให้เธอมีโอกาสใช้ไอ้ยุทธภัณฑ์นั่นอีกครั้ง!”
คาร์ลเรียาและอีกสองคนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเมื่อเห็นท่าทางของอิคารอส ธนูอันนั่นและพลังทำลายล้างขาดนี้ย่อมเป็นยุทธภัณฑ์ฟ้าระดับสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
เพื่อหลบลูกศรดอกเมื่อกี้ พวกเขาได้ใช้ปราณที่มีไปถึง50% และผลจากการฝืนใช้ปราณเกินขีดจำกัดทำให้ร่างกายพวกเขารับไม่ไหว ในตอนนี้ทั้งสามคนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว แต่ถึงแบบนั้นเมื่อกี้พวกเขาก็เรียกได้ว่าหลบได้แบบหวุดหวิด ถ้ามันมาอีกดอกล่ะก็......
คิดถึงตรงนี้พวกคาร์ลก็ไม่กล้าจินตนาการต่อ โดยไม่สนใจสภาพร่ายกายตนเอง ทั้งสามคนเร่งเร้าลมปราณในร่างออกมาอย่างบ้าคลั่ง! แล้วพุ่งตัวเข้าหาอิคารอส!
การจะยิงศรอีกดอกมันต้องใช้เวลา ทั้งจากการขึ้นคันศร เล็ง และยังต้องควบแน่นพลังไปที่หัวลูกศรอีก ถึงแม้มันจะใช้เวลาไม่นานแต่มันก็ยังมีอยู่ ถ้าเป็นตัวพวกคาร์ลเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ย่อมไม่มีทางป้องกันทัน
แต่ทว่าในเวลานี้ ภายใต้การคุกคามถึงชีวิต ทั้งสามคนปลดปล่อยแรงฮึดออกมา โดยไม่สนว่าร่างกายตัวเองจะปริแตกเนื่องจากฝืนใช้ปราณมากเกินไป พวกเขาเข้าโจมตีอิคารอสอย่างบ้าคลั่ง!
ดังนั้น โดยไม่รอให้มือของอิคารอสสัมผัสคันธนู ทั้งสามยกอาวุธของตนขึ้นตวัดใส่เธอ ทำให้อิคารอสต้องยกธนูขึ้นมาป้องกัน.....
เคร้ง!
บล็อกการโจมตีของทั้งสาม ทำให้อิคารอสโดนดันกลับไปด้านหลัง เงยหน้ามอง สิ่งที่เธอเห็นคือดวงตาแดงก่ำสามคู่ที่กำลังมองมาที่ตนอย่างมาดร้าย ขณะที่มือก็ไม่หยุดกวัดแกว่งอาวุธโจมตีเธอ!
เปิดใช้แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์ทันที ป้องกันการโจมตีได้อีกครั้ง ต้องรู้ก่อนว่าอีจิสของอิคารอสมันทนทานมากกถึงขั้นต้องให้ทั้งสามคนรวมพลังกันใช้วิขาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนถึงจะทำลายอีจิสลงได้ ดังนั้นการโจมตีธรรมดาย่อมไม่สามารถทำลายได้
แต่ทว่าเวลานี้ พวกคาร์ลไม่ได้สนใจอะไรแล้ว ตราบใดที่ตนหยุดโจมตีไอ้ลูกศรน่าสะพรึงกลัวนั้นก็จะถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้พวกเขาไม่มีความมั่นใจแต่น้อยเลยว่าจะหลบพ้น!
ดังนั้น ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ทั้งสามคนต่างก็ไม่หยุดกวัดแกว่งยุทธภัณฑ์ดินในมือ โจมตีใส่แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์ของอิคารอส!
เนื่องจากกำลังเปิดใช้อีจิสอยู่ อิคารอสจึงไม่สามรถใช้อพอลโลได้ แม้แต่อาร์เทมิสก็ไม่สามารถใช้ได้ สิ่งที่ทำได้มีแต่เปิดใช้อีจิสขณะที่ถอยไปด้วย และมองหาโอกาสในการใช้อพอลโลอีกครั้ง
แต่พวกคาร์ลทั้งสามคนย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้อิคารอสมีเวลาง้างคันศร เมื่ออิคารอสถอยพวกเขาก็จะตามไปติดๆ คอยโจมตีใส่อีจิสไม่หยุด
ไม่ใช้ว่าพวกเขาไม่อยากใช้วิชายุทธ แต่ถ้าพวกเข้าใช้ อีกฝ่ายก็จะใช้ธนูนรกแตกด้วย เมื่อถึงตอนนั้น ฝ่ายที่จะตายก็จะเป็นพวกตน!
ดังนั้น ถึงมันจะดูเปล่าประโยชน์ แต่พวกเขาก็ทำได้ยื้อต่อไปแบบนี้......
ขณะที่พวกคาร์ลกับอิคารอสสู้กันอย่างดุเดือด ทางฝั่งวู่หยานกับมิโคโตะก็ได้จัดการศัตรูหมดแล้ว ขณะนี้ทั้งสองคนกำลังมองขึ้นไปทางอิคารอสตาปริบๆ
ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันบินไม่ได้อ่ะ......
ถึงแม้วู่หยานจะลแกเปลี่ยนไอเท็มที่ช่วยให้บินได้ชั่วคราวจากระบบ แต่กับการต่อสู้ระดับนี้เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้!
ดังนั้น จึงทำได้แค่ยืนมองส่งกำลังใจให้ ‘อิคารอสสสส สู้ๆนะ!’……
อิคารอสเองก็สังเกตเห็นแล้วว่าทางฝั่งมาสเตอร์ได้จัดการเสร็จแล้ว แล้วหันไปมองคนสามคนตรงหน้าที่โมตีไม่หยุด อิคารอสราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ จึงเก็บธนูในมือลงไป....
คาร์ลเรียส ชาร์ล กับ โมมิลี้เมื่อเห็นดังนี้ก็อึ้งไป มือก็ชะงักค้างกลางอากาศ ทำไมอยู่ดีๆถึงได้เก็บยุทธภัณฑ์น่ากลัวนั้นไปล่ะ?
พวกคาร์ลไม่ได้รู้เลยว่า กำลังจะมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวกว่านั้นออกมา......
ปีกแสงด้านหลังอิคารอส จู่ๆก็กางขึ้น วินาทิต่อมาปีกแสงก็ได้แยกตัวออกมาเป็นเส้นแสง12เส้น!
เห็นภาพนี้ พวกคาร์ลก็ยิ่งุนงง แต่ในเมื่อมีโอกาส พวกเขาก็จะไม่ปล่อยไป รวบรวมลมปราณในร่างแล้วใช้วิชายุทธทำลายอีจิสลงไป แต่ทว่าเห็นแบบนี้นัยน์ตาวู่หยานก็เปร่งกระกาย!
เป็นเพราะ ภาพนี้เขา...ได้ดูมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วยังไงล่ะ!
เขารู้ว่านี่คือ อิคารอสในโหมดที่แข็งแกร่งที่สุด!
“เชื่อมต่อ!”
สิ้นเสียงอิคารอส เส้นแสงทั้งสิบสองก็ได้โค้งงอไปด้านหลัง ทันใดนั้นด้านหน้าของเส้นแสงก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น เส้นแสงได้เชื่อมต่อเข้าไปข้างใน จากนั้นมันก็ได้หายไปราวกับเส้นแสงได้เชื่อมต่อกับความว่างเปล่า!
วินาทีต่อมาก็มีประกายแสงแวบออกมาจากจุดที่เส้นแสงได้เชื่อมต่อ และสิ่งที่ตามมาคือคลื่นกระแสไฟฟ้ากระจายตัวออก ก่อนจะมีเงาอะไรบางอย่างขนาดมโหฬารปรากฏขึ้นมาตรงด้านหลังอิคารอส!
“นะ...นั่นเธอกำลังทำไรอยู่กัน....”
เห็นอะไรแปลกๆเกิดขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่เมินมันไป เนื่องจากได้บทเรียนเกือบตายจากรอบเมื่อกี้มาแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้น....
มองดูคาร์ลกับอีกสองคน ใบหน้าไร้อารมณ์ของอิคารอสได้มีความเย็นชาเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เธอไขว้แขนขึ้นแล้วตวัดลงมา จากนั้นด้านหลังเอิคารอสก็มีปากกระบอกหน้าตาแปลกๆหลายอันยื่นออกมาจากความว่างเปล่า!
“ยูเรนัสซิสเต็มส์!”
“นั่นมันบ้าอะไรกันวะ!”
ปากกระบอกอันใหญ่ที่ปรากฏออกมา ทำเอาพวกคาร์ลที่ใจไม่ดีอยู่แล้วก็เริ่มหน้าเสีย พวกเขาแอบคิดในใจว่าวันนี้วันเดียวพวกตนก็ได้ใจหายใจคว่ำมามากกว่าที่เคยตลอดชีวิตนี่มาอีก เมื่อมองดูอะไรแปลกๆดานหลังอิคารอส พวกคาร์ลก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“นี่มัน....เครื่องบินรบ!” มิโคโตะแม้แต่ฮินางิคุที่ซ่อนตัวอยู่ต่างก็ทำสีหน้าช็อคอ้าปากค้างเหม่อมอง ดูอิคารอสที่เปิดใช้ยูเรนัสซิสเต็มส์
“เทียบกับเครื่องบินรบแล้ว ยูเรนัสซิสเต็มส์ของอิคารอส จะเป็นป้อมปราการลอยฟ้ามากกว่า!”
วู่หยานพูดด้วยสีหน้าขบขัน ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็ได้เห็นของจริงๆซะที!
ได้ยินเสียงวู่หยาน มิโคโตะก็หันไปถามว่า “ยูเรนัสซิสเต็มส์? งั้นนี่ก็คือยุทธภัณฑ์ฟ้างั้นสิ?”
เมื่อเห็นวู่หยานพนักหน้า มิโคโตะก็หันไปมองเครื่องบินรบด้านหลังอิคารอสอีกครั้ง ริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะกระตุก
“ไม่คิดเลยว่า....”