บทที่ 128 - ทีมรีไวเวิร์ล (2)
บทที่ 128 - ทีมรีไวเวิร์ล (2)
”
ทุกคนได้ได้เงียบเสียงกันลงไป ยังไงก็ตามฉันก็ได้จัดการกับความคิดและถามคำถามกับเธอ
"เธอเลือกพวกเขายังไง?"
[ฉันไม่ได้เป็นคนเลือก พวกเขาได้ถูกเลือกอยู่แล้ว ฉันได้เลือกไปตามความฝันเพื่อที่จะส่งไปให้ผู้ถูกเลือก ถึงแม้ว่าฉันจะต้องใช้พลังความรู้ความเข้าใจในการอ่านอนาคต]
"ดังนั้นเธอก็คือคนที่ตัดสินใจว่าใครจะตื่นขึ้นมามีพลังระดับ D หรือพลังระดับ SS หรอ?"
[ไม่ เหมือนอย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ สิ่งสำคัญก็คือพลังนั้นเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ทุกๆคนต่างก็มีพรสวรรค์และขีดจำกัดของตัวเอง ถ้าหากว่าพวกเขาได้รับพลังที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองมันก็จะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการเลือกพลังที่จะไปให้ใครจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าหากว่าฉันให้พลังกับมุกคนที่พบว่ามีคุณสมบัติตามทั้งหมด ฉันก็จะไม่ต้องเลือกหลายทางเลย]
หรืออีกนัยหนึ่งเธอไม่ได้มีพลังอำนาจมากเท่าที่ฉันคิด ความรู้สึกห่างเหินที่ฉันรู้สึกจากเธอได้ลดลงไปด้วยอะไรบางอย่าง ยังไงก็ตาม
"ทำไมเขาถึงไม่ทำหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง?"
[ฉันก็ไม่แน่ใจ มันอาจจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพลังของโลก]
นั่นมันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด แต่ว่ามันก็ดูเหมือนว่าเคียร่าก็ไม่มีคำตอบเหมือนกัน ในขณะที่ฉันกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันได้ฟังมา รูเดียก็ถามขึ้น
"ดังนั้นเธอจะบอกว่าเธอเป็นคนที่มอบพลังของโลกให้กับฉัน"
[ใช่ ฉันรู้สึกแปลกใจเพราะอยู่ๆก็มีคนที่จะต้องได้รับพลังโผล่ขึ้นมาในทันที แต่ว่าเป็นเพราะว่าฉันมั่นใจ ฉันจึงมอบพลังที่เหมาะสมให้กับคุณ นั่นควรจะเป็นระดับ S+]
"...."
รูเดียได้กลายเป็นพูดไม่ออก ฉันเข้าใจได้ว่ามาจากอะไร ฉันได้ถามเคียร่าอีกครั้ง
"ทำไมเธอถึงเป็นคนเลือก? ฉันหมายความว่าทำไมพลังและภารกิจมี่ยิ่งใหญ่แบบนี้ถึงได้ถูกส่งให้กับเด็กแบบเธอ?"
[คุณฮีโร่นั่นมันก็เหมือนกับคำถามที่ว่า 'ทำไมฉันถึงเป็นฮีโร่' นะคะ]
"เธอหมายความว่า..."
[ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรเลย]
ในเวลาที่ฉันได้ยินแบบนั้น ฉันก็รู้สึกได้ว่าแรงได้หายไป ฉันคาดหวังมาเกินไปงั้นหรอ? แรงจูงใจของฉันมันได้ลดลงไป ฉันต้องการที่จะกลับบ้าน เมื่อฉันกำลังเซรูเดียก็ได้กอดฉันไว้เงียบๆ
[ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณฮีโร่และฉันถึงถูกเลือกเหมือนกัน]
"ฉันบอกให้เธอเรียกฉันว่าชิน"
"นอกจากนี้อย่าได้ผูดมัดเธอกับชินด้วยกัน มันไม่น่าพอใจเลย"
ฉันได้ตอบกลับไปและฮวาหยาก็เสริมขึ้นมาด้วยคำที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยซักนิด เมื่อได้ฟังเธอฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญที่สุดเลย
"แล้วเหตุผลที่เธอเรียกฉันมาที่นี่คืออะไร? จะบอกฉันเกี่ยวกับพลังของเธอหรอ? เพื่อบอกฉันว่าผู้มีพลังได้ตื่นขึ้นมาได้ยังไง?"
[นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง ฉันต้องการจะให้คุณฮี....คุณชินรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของฉัน คุณเป็นแกนหลักของโลกที่ได้รับพลังมาจากโลก คุณเป็นคนที่จะนำพาผู้ใช้พลังทั้งหมดและฉันก็จะเป็นคนที่สนับสนุนทุกๆคนอยู่ด้านข้าง]
"แล้วคำว่า 'สนับสนุน' นี้ครอบคลุมถึงอะไร?"
เธอดูเหมือนจะรอคำถามนี้เอาไว้อยู่นานแล้วหน้าของเธอได้ดูสดใสมากขึ้น ในขณะที่เธอตอบฉัน ฉันก็รู้สึกได้ถึงความกระตือรืนร้นจากน้ำเสียงของเธอ
[ฉันมีทั้งทุนและกำลังคนที่ได้เตรียมเอาไว้ ฉันพร้อมที่จะทำอะไรบางอย่างให้คุณฮีโร่ เนื่องจากว่าคุณฮีโร่มีคุณสมบัติที่จะนำผู้ใช้พลังทั้งหมด กลุ่มใหม่ก็จะถูกส้รางขึ้นสำหรับจุดประสงค์นี้! กลุ่มคนที่ไม่ได้ผูกมัดกับรัฐบาลเหมือนกับผู้พิทักษ์ หรือไม่ได้ถูกติดกับเงินตราแบบปีกแห่งเสรี กลุ่มที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยโลก!]
'อ่าเข้าใจล่ะ' ฉันได้หยักหน้าและพูดออกไป "ไปหาคนอื่นเถอะ"
[คุณฮีโร่?]
"ฉันก็สงสัยตั้งนานว่าเธอกำลังจะพูดอะไร"
เพราะว่ามันน่าเบื่อยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ฉันได้หมดความสนใจไปในทันที ด้วยการถอนหายใจฉันได้หันไปทางอื่น
"ไปกันเถอะ"
"ชินฉันหิวแล้ว"
"ฉันเหนื่อย...ฉันอยากจะนอน"
"คนดูแลอยู่ที่ไหน? ฉันหวังว่าเขาจะมีห้องพักให้กับพวกเรานะ ชินนายต้องการจะดื่มก่อนนอนไหม?"
[เดี๋ยวก่อนสิคุณฮีโร่! คุณกำลังจะกลับแล้วหรอ?]
เคียร่าได้หยุดฉันเอาไว้ ฉันจึงตอบกลับไปโดยไม่หันกลับไปมอง
"ไม่ ฉันจะไปล่าไวเวิร์นซักหน่อย ฉันอยากจะรู้ว่าไวเวิร์นมันมีลักษณะยังไง"
[ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคุยกันในวันพรุ่งนี้ได้ไหม? พวกเราจะต้องพูดถึงสิ่งต่างๆโดยละเอียด ฉันมีข้อมูลจำนวนากที่เก็บเอาไว้]
"ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าฉันได้ยินทุกสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว อย่างที่ฉันพูดไปเธอควรจะไปหาคนอื่น"
[คุณฮีโร่!]
"ชื่อของฉันคือชิน นอกจากนี้...ฉันก็ไม่ต้องการที่จะทำอะไรแบบนั้น ฉันเกลียดเรื่องที่น่ารำคาญเหล่านั้น นำเหล่าผู้ใช้พลังทั้งหมดหรอ? เหมือนอย่างที่เธอพูดยังมีอยู่อีกสององกรค์ที่ทำงานเพื่อเงินหรือคำสั่งของรัฐอยู่ ดังนั้นเธอก็ควรจะไปคุยกับพวกเขาแทนนะ"
[แต่ว่านี้เป็นสิ่งฮีโร่ควรจะทำ! อีกไม่ร่รดันเจี้ยนก็จะถูกสร้างขึ้นจำนวนมากและจำนวนของมอนสเตอร์ก็จะมากยิ่งขึ้น! คุณฮีโร่จะเป็นคนแรกที่พวกนั้นจะเล็งเป้ามา! เพื่อที่จะปกป้องคุณฮีโร่....]
"ดันเจี้ยนจะถูกสร้างขึ้นในเร็วๆนี้หรอ?""
ในตอนนี้เธอได้พูดถึงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคลื่นลูกที่สองในจดหมายของเธอ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดถึงเหตุการดันเจี้ยน ฉันได้ตอบเธอกลับไป
"ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะปกป้องตัวฉันเอง เธอจำเป็นจะต้องรวบรวมผู้ใช้พลังเพื่อที่จะปกป้องตัวเองและเป็นฮีโร่หรอ? ฉันไม่สนใจหรอกนะ อย่าได้ทำให้ฉันมาหาด้วยอะไรแบบนี้อีก ฉันจะปล่อยผ่านไปในตอนนี้เพราะว่าฉันก็ต้องการจะมาที่รังไวเวิร์นเหมือนกัน"
[คุณฮีโร่!]
"ฉันได้พูดไปเยอะแล้วนะ แต่เพราะว่าเธอได้เรียนรู้มามาก ฉันก็จะไม่พูดอะไร ไว้เจอกันนะ อ่า ยังมีอยู่สิ่งหนึ่ง...."
[คะ คุณฮีโร่?]
ฉันได้หันกลับไป ถึงแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นด้วยตาของเธอ เธอก็จะต้องตระหนักได้ว่าฉันหันกลับมาด้วยพลังของเธอ ในขณะนั้นเธอก็ได้ปรับท่าทางนั่งบนเก้าอี้และเงยหน้าขึ้น
"เธอคิดยังไงเกี่ยวกับดันเจี้ยน?"
[ถ้าดันเจี้ยนพวกนี้ไม่ได้ถูกจัดการอย่างรวดเร็วก็จะทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับโลก ถ้าคุณฮีโร่ได้ไปพิชิตดันเจี้ยน คุณก็จะสามารถรวบรวมการสนับสนุนได้อย่างรวดเร็วและ....]
"ไม่เป็นไร"
ด้วยแบบนั้นฉันก็ได้เดินออกมาจากห้อง ฮวาหยา รูเดียและเยอึนได้อ่านบรรยากาศและออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันสามารถจะได้ยินเสียงของเคียร่าที่พยายามจะติดต่อฉันด้วยกระแสจิตของเธอ แต่ว่ามันก็ถูกตัดออกไปเมื่อฉันใช้งานมานาของฉัน ในตอนท้ายพลังกระแสจิตของเธอก็คือความสามารถในการแทรกแซงเป้าหมาย ถ้าหากฉันต้องการฉันก็สามารถจะป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่ฉันเดินลงไปชั้นที่ 12 ฉันก็ได้พูดอย่างเรียบๆว่า "อย่างที่ฉันคิดเลย เธอไม่ได้รู้เกี่ยวกับมัน"
"ใช่แล้ว ฉันก็คิดแบบนั้น"
"แต่ถ้าลองคิดถึงเรื่องนี้ดู เธอก็ไม่เคยปรากฏตัวในความฝันของพวกเราเลย"
"บางทีเธออาจจะไม่สามารถมองเห็นดันเจี้ยนได้ด้วยพลังของเธอ"
'ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถมองเห็นโลกอื่นหรอ?' ฉันได้ตั้งคำถามขึ้นในใจ เมื่อพวกเราได้ลงบันไดมาครึ่งทาง ฮวาหยาที่เดินลงมาทางด้านขวาของฉันก็ได้พูดขึ้นอย่างกังวล
"ชิน ตระกูลคีเน็กต์เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในอเมริกา มันอาจจะเป็นความจริงที่ว่าเธอมีทั้งเงินทุนและกำลังคน ฉันไม่รู้ว่าตระกูลของเธอจะสนับสนุนเธอมากน้อยแค่ไหน แต่ว่านี่มันเป็นโอกาสสำคัญ ทั้งหมดที่เธอกล่าวออกมามันไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลย... นอกจากนี้เธอก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับนาย นี่มันอาจจะอันตรายมากยิ่งกว่าการที่นายเป็นฮีโร่"
"เธอไม่ใช่คนประเภทนั้น เธอจะไม่บอกให้คนอื่นรู้ความลับที่เธอรู้"
ฉันมั่นใจ มันเป็นสิทธิ์พิเศษที่รู้ว่าฉันเป็นฮีโร่ เธอได้บอกว่าเธอได้ถูกเลือก ในขณะที่เท่าเทียมกับฉัน มันสามารถจะเป็นการปลูกฝังทางความคิดว่าพวกเราเป็นพันธมิตรกันโดยธรรมชาติ เธอได้รู้สึกภาคภูมิใจอย่างไม่น่าเชื่อกัยเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะวางตัวเองและฉันไว้ในตำแหน่งพิเศษเมื่อเทียบกันคนอื่นๆ นั่นมันเป็นสิ่งที่เด็กวัยเดียวกันแบบเธอจะคิด
ดังนั้นเธอจึงจะไม่มีวันบอกใครเกี่ยวกับฉัน เธอจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาแทรกแซง แน่นอนว่าถึงแม้ถ้าเธอทำแบบนั้น...
"ฉันเกลียดการที่จะต้องทำตามแผนการของคนอื่น เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันก็ทำให้ฉันขนลุกแล้ว"
สร้างองกรค์ขึ้นเพราะมีกำลังคนอยู่งั้นหรอ? มันเป็นสิ่งที่เด็กประถมมักจะพูดขึ้น ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะเธอนั้นเป็นเด็กประถมจริงๆ แม้ว่าฉันต้องการจะลืมเรื่องนี้ไปบ้างเพราะการคุยกับเธออย่างเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังไงเธอก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ มันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอตอบสนองยังไงเมื่อฉันไม่ได้ตอบกลับไปในแบบที่เธอคิดว่าฉันจะทำ
ฉันไม่เคยรู้สึกชอบในความจริงที่ว่าฉันเป็นฮีโร่เลย ฉันไม่รู้ว่าใครทำให้ฉันเป็นฮีโร่และทำไม แต่ว่าฉันไม่ชอบเขาที่ทิ้งภาระไว้ให้กับฉันโดยไม่พูดอะไรและมันก็น่ารำคาญมากที่เขาทำแบบนั้นโดยที่ฉันไม่ยินยอม ถ้าหากเราได้เจอกันฉันก็จะตกชกหน้าเขาซักที ฉันไม่มีเจตนาที่จะรับผิดชอบอะไรในฐานะฮีโร่เพราะว่าฉันไม่เคยร้องขอมันเลย
นอกจากนี้ฉันก็ยังไม่ชอบความคิดของเคียร่าที่ฉันจะต้องนำทุกคนและปกป้องตัวเองเพราะฉันเป็นคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ตายได้ ในท้ายที่สุดมันก็หมายความว่าฉันจำเป็นจะต้องเสียสละคนอื่นเพื่อปกป้องตัวเอง มันคือสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุด
ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่ไม่ว่าใครก็ตามที่มาหาฉันเพราะคำว่าฮีโร่ฉันจะได้ส่งพวกเขาออกไปด้วยพลังของตัวเอง เพราะว่าโลกนี้มันจะสิ้นสุดลงเมื่อฮีโร่ตาย ทุกๆคนก็ควรจะร่วมมือกันฉันงั้นหรอ? นั่นมันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮีโร่ถึงมีค่าเสน่ห์ที่สูงหรอ? ให้ตายเถอะ
มันเป็นเพราะว่าฉันได้เจอคนที่น่าหงุดหงิดและได้คุยในสิ่งที่น่าหงุดหงิด ในที่สุดฉันก็ได้กลายเป็นคนที่หงุดหงิดไป
มันมีเพียงวิธีเดียวที่ฉันจะบรรเทาอาการหงุดหงิดของฉันลงไปได้ นั่นก็คือการที่จะไปล่า
""พวกเธอควรจะไปหาบ้านพักนะ ฉันจำเป็นจะต้องไปที่ๆหนึ่งก่อน"
"ที่ไหน?"
เยอึนได้เอียงหัวและถามออกมา ในทางกลับกันฮวาหยาดูเหมือนจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร
"นาย...ในวันนี้เลยหรอ?"
"งี่เง่าน่า เธอไม่รู้หรอว่าการตกปลาตอนกลางคือเป็นช่วงที่ดีที่สุด"
ด้วยแบบนั้นฉันก็ได้ทิ้งพวกเธอไว้ เมื่อเห็นเยอึนกันรูเดียที่พยายามจะไล่ตามฉันมาฉันก็ได้ยกนิ้วให้กับเธอ จากนั้นฉันก็ได้มุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขา
มันเห็นได้ชัดว่าไวเวิร์นเป็นมอนสเตอร์ที่บินได้ พวกมันที่มีเกล็ดที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแหล็ก มีปีกที่กว้างถึง 20 เมตร กรงเล็บของพวกมันแข็งแรงพอที่จะทำลายเพรชได้ พวกนี้คือมังกรขนาดเล็กที่ปรากฏในตำนานของตะวันตก
พวกมันทั้งแข็งแกร่งและอึดมากพอที่จะเรียกว่ามังกร พวกมันได้หายใจเป็นไฟ นอกจากนี้พวกมันก็ยังสามารถบินผ่านท้องฟ้าและจับเหยือของพวกมันได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ก็ยังประสบกับปัญหาในการตอบสนองต่อความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกมัน มันยากที่จะยิงพวกมันลงมาด้วยเวทมนตร์ มันเป็นที่เข้าใจได้ว่าดันเจี้ยนจะยังคงอยู่โดยไม่ถูกเคลียแม้ว่ามันจะผ่านไปนานหลายเดือนแล้วก็ตามนับตั้งที่สุสานเหนือทะเลสายถูกเคลียร์
แม้ว่าในตอนดึกการล่าไวเวิร์นก็ยังคงดำเนินต่อไป ผู้ใช้พลังยังคงวิ่งงไปรอบๆอย่างเมามันพยายามที่จะปกป้องที่พักของตัวเองและพลเมืองี่พักอาศัยอยู่ใกล้ๆที่นี่ เนื่องจากว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ใช้พลังระดับ S หรือสูงกว่า ฉันก็ไม่สามารถจะเข้าใจถึง % ระดับของที่นี่ได้
ฉันได้ใส่เกราะ ผ้าคลุมและหมวกลงไปทำให้ฉันได้ปกปิดตัวตนไปอย่างสมบูรณ์ จากนั้นฉันก็ได้ไปเข้าร่วมกับผู้ใช้พลัง
"เฮ้นี้มันเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนระดับ S ห้ามเข้าไปเพียงลำพังเด็ดขาด!"
"เดี๋ยวก่อนนะ ฉันเคยเห็นชุดเกราะสีแดงนี่มาจากที่ไหนสักที่"
"เขา...เขาคืออัศวินสายฟ้า!"
"อัศวินสายฟ้า? ทำไมเขาถึงมาคนเดียวล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าแม่มดเพลิงมาพร้อมกับเขานี่นา"
คนที่สังเกตุเห็นฉันได้เปิดทางให้ฉันในขณะที่พวกเขาเอียงหัวงง ฉันได้เดินเข้าไปต่อในหุบเขาด้วยรอยยิ้ม ในหุบเขาซึ่งกว้างพอสำหรับที่จะเดินไปไม่กี่คนไปแบบเคียงข้างกันได้ขยายกว้างขึ้นจนคนสามารถเดินผ่านไปมาได้มากมาย มีอุปกรณ์เฝ้าระวังและไฟขนาดใหญ่อยู่หลายจุดที่ให้แสงสว่างในที่มืด ฉันยังเห็นผู้ใช้พลังจำนวนมากที่พร้อมที่จะต่อสู้กับไวเวิร์นเมื่อใดก็ตามที่พวกมันปรากฏตัว
ฉันได้มีธาเรเรียอยู่ ด้วยมันฉันสามารถที่จะบินบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระเป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน ยังไงก็ตามเพราะว่าฉันไม่ได้วางแผนที่จะล่าไวเวิร์นเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ฉันก็เลยไม่สามารถจะเอาแต่พึ่งพาธาเลเรียได้เมื่อมองไปที่ไวเวิร์นที่บินอยู่บนท้องฟ้าไกล ฉันได้เรียกภูติธาตุของฉัน
"ริยูเธอควรจะทิ้งไข่ไว้ก่อนนะ"
[โอเค....]
ริยูได้กลับเอาไข่ไปเก็บไว้ในสวนแฟรี่ด้วยท่าทางเศร้าๆ ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ให้ไพก้าเข้าไปในถุงมือของฉัน ความสัมพันธ์ของฉันกับไพก้าได้เติบโตมากขึ้นทุกวันนับตั้งแต่ที่ฉันได้รับชื่อที่แท้จริงของซุส เพียงแค่ริยูลงไปในถุงมือของฉันแล้วถุงมือก็ได้แพร่รัสมีสีทองออกมาและเกิดประกายสายฟ้าขึ้น ผู้คนที่มองดูฉันได้สะดุ้งขึ้นและก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
[ฉันเอาไปเก็บแล้ว ตอนนี้กอดฉันเลย!]
"ริยูเข้ามาในรองเท้าของฉัน"
[ฉันไม่ได้จะเป็นรูปธรรมหรอ?]
"เธอบินไม่ได้"
[คุคุคุ ทำหน้าที่ของเธอให้ถูกนะ]
ริยูได้เข้าไปในรองเท้าของฉันด้วยท่าทางเสณ้าๆในขณะที่ไพก้าได้หัวเราะเยาะเธอ เมื่อคิดว่าพวกเธอดูสนิทกัน ฉันก็ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันไวเวิร์นเกล็ดสีแดงที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็ได้เริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ดูเหมือนว่ามันได้เห็นฉันแล้ว คนที่อยุ่ใกล้ๆได้เริ่มกระจายตัวออกไปและบางคนก็ได้ติดต่อกับคนอื่นทางวิทยุ
"พื้นที่อัลฟา 3-7 ไวเวิร์นได้บินลงมา! ย้ำพื้นที่อัลฟา 3-7 ไวเวิร์นได้บินลงมา! มันมาเพียงตัวเดียวและเล็งเป้ามาที่อัศวินสายฟ้า! ร้องขอการสนับสนุนในทันที!"
'คนพวกนี้เป็นคนดีจัง!' ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก ฉันเป็นเพียงคนโง่ๆที่เดินเข้ามาในพื้นที่ๆถูกจำกัดและดึงดูดความสนใจของไวเวิร์นดังนั้นคนอื่นไม่จำเป็นจะต้องสนใจฉันเลยก็ยังได้ ฉันได้ย่อเข่าลงไป ไวเวิร์นได้พุ่งมาอย่างรวดเร็วมากมันดูเหมือนว่าจะมาถึงตัวฉันในเวลาประมาณ 2 วินาที
แต่ยังไงก็ตามมันก็ยังไม่ใช่คู่แข็งของฉัน
"ความเร็วศักดิ์สิทธ์!"
ในตอนที่ฉันได้เปิดใช้งานทักษะความเร็วศักดิ์สิทธิ์ฉันก็ได้กระโดดขึ้นไปเต็มแรง ด้วยระยะเวลาที่ฉันได้บดขยี้ดันเจี้ยนมาตลอด มันทำให้ฉันสามารถกระโดดขึ้นไปได้หลายสิบเมตรบนท้องฟ้า ด้วยแรงเสริมจากความเร็วศักดิ์สิทธิ์ ฉันได้มาอย่างด้านหน้าของไวเวิร์นในเวลาที่น้อยกว่า 0.5 วินาที พริบตาเดียวไวเวินก็ได้ช้าลงไปมากๆฉันได้ดึงหมดกลับมา
"ฉันไม่จำเป็นแม้แต่จะต้องใช้เวลาถึงวินาทีในการฆ่าแก! เท็มเพรส!"
พลังงานสายฟ้าได้หมุนวนอยู่รอบๆหมัดของฉันสร้างเป็นคลื่นพายุวนที่ทรงพลัง ด้วยทักษะวงจรเพรูต้าที่เลเวลเพิ่มขึ้นทำให้พลังหมุนวนเพิ่มมากขึ้น ฉันได้ต่อยหมดออกไปโดยที่ไม่ลังเลใดๆ ภายใต้ผลของอิทธิพลของความเร็วศักดิ์สิทธิ์หมัดของฉันได้กระแทกหัวของไวเวิร์นเร็วยิ่งกว่าไต้ฝุ่น
[ติดคริติคอล!]
หัวของไวเวิร์นได้ระเบิดออกมา ฉันได้เผาหัวสมองของมันด้วยสายฟ้าจนเกรียมและส่งกลิ่นออกมา ความรู้สึกหงุดหงิดของฉันได้หายไปในขณะเดียวกันฉันก็ได้กะโกนออกมาเพื่อให้เสียงของฉันสามารถเข้าไปถึงหุบเขาทั้งหมด
"เข้ามาหาฉันนี่เจ้าพี่จิ้งเหลนบินได้"
การล่ามอนสเตอร์ในตอนค่ำคืนได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในตอนนี้!