บทที่ 186 - The Chosen Ones (11) (ตอนจบ) [26-06-2020]
บทที่ 186 - The Chosen Ones (11) (ตอนจบ)
การจู่โจมสุดท้ายนั้นร้ายแรงมาก นี่คือการจู่โจม 300 คน เมื่อดูจากจำนวนคนที่ได้เข้าร่วมแล้วจำนวนของศัตรูจะต้องมากกว่าจนไม่อาจจะนับได้แน่ สถานที่สำหรับการจู่โจมสุดท้ายก็คือห้องโถงนักล่า จุดเด่นของห้องโถงนี้ก็คือมีขนาดที่ดูจะไม่สิ้นสุด ที่แห่งนี้ได้เต็มไปด้วยเสาสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่าภายในที่แห่งนี้ก็ไม่มีจุดไหนเลยที่ไม่มีเลือด
ศพมอนสเตอร์ได้ถูกกองกันจนเป็นภูเขา และก็ยังมีนักล่าที่ตายไปเช่นกัน แต่ไม่ว่ายังคนนักล่าที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังคงไม่มดความหวัง นี่ก็เพราะสุดยอดนักล่าเค 'ซังจิน' และผู้ถูกเลือกอีกเก้าคนได้ทำหน้าที่สังหารมอนสเตอร์ได้อย่างสมบูรร์แบบ
"ฉันกำลังไปแล้ว เอ็ดเวิร์ด เซริน โจมตีเสาทั้งสองข้าง"
เวทย์ของเอ็ดเวิร์ดกับลูกธนูของเซรินได้ถูกยิงไปที่เสาตามคำสั่งของเขา นักดาบดาร์คเอลฟ์คาเรี่ยนได้รีบหลบไปหลังเสาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าซังจินก็ได้พุ่งตัวไปถึงแล้ว เขาได้จัดการตัดหัวของคาเรี่ยนออกไปในทันที
"อ๊ก"
คาเรี่ยนได้ตายลงไปโดยที่ไม่อาจจะเปล่งเสียงดีๆออกมาได้เลย แต่จากนั้นเอง
"กรรรรรรรรร!"
มังกรสีแดงขนาดมหึมาได้พ่นไฟเข้าใส่ซังจิน เขาไม่มีเวลาได้หลบแล้ว เมื่อซังจินกำลังคิดที่จะใช้การต้านทานไฟจากแหวนคิเมร่าของเขา
"น้ำแข็งแห่งอาร์คติก"
จู่ๆฮิวเดอร์แบรนก็โผล่ขึ้นมายืนขวางซังจินเอาไว้ ความร้อนที่รุนแรงได้มาโดนตัวเขา แต่ว่าความร้อนนี้ก็ไม่ได้อยู่ได้นานนัก
"ย่าห์!"
ฟรานซ์กับฮิโรกิได้ตัดคอของมังกรออกไป แต่ว่าพวกเขาก็้ไม่ได้มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย
"ซีสสสสสส"
เหนือเสาขึ้นไปมีไฮดร้าหลายหัวอยู่
"ให้ตายสิ ไม่หมดไม่สิ้นเลย"
บัลเทรลได้บ่นขึ้นมาแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้ไปยืนประชันหน้ากับไฮดร้า
"มองมาที่เจ้าพวกงูเวร!"
บัลเทรนได้ยั่วยุให้ไฮดร้ามาสนใจที่ตัวเขาเพื่อที่จะให้มาฮาเดสมี่โอกาสเข้าไปทำลายหัวของมัน
จากนั้น
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไหม้ไปเลย!"
น้ำเสียงของจอมเวทย์ที่บ้าคลั่งได้ดังออกมา ซังจินได้ลืมชื่อของจอมเวทย์คนนี้ไปแล้วแต่ว่าเขาจำได้ว่านี่คือจอมเวทย์ที่มาจากหอคอยจอมเวทย์ไอวอรี่ ซังจินได้กำลังจะเอาอาเทอร์มิโอออกมา
"จงมอดไหม้ไปให้หมด... อั๊ก... อ๊าา"
นาดาได้ตัดคอของจอมเวทย์ก่อนที่เขาจะได้เผาทุกอย่างทิ้ง ซังจินอยากที่จะบอกเธอว่า 'เยี่ยม' แต่ว่า
"แหลกไปให้หมด!""มอดไหม้ไป!"
ด้านหลังเสาๆหนึ่งมีโอเกอร์สองหัวปรากฏตัวออกมาทำให้เขาไม่มีเวลาได้พูดอะไรอีก
ซังจินได้รีบพุ่งเข้าไปหาพวกมันแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงร่ายเวทย์ขึ้น
"กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง กระดูกป่นปี้ จงอ่อนแอ"
ท่ามกลางการต่อสู้นี้การได้ยินเสียงร่ายเวทย์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องระวังตัว แต่ว่านี่คือเสียงของคนที่เขาคุ้นเคย นี่คือเสียงต่ำและหนักแน่นของมุสตาฟา โอเกอร์สองหัวได้เคลื่อนไหวช้าลงจนตามซังจินไม่ทันในทันทีทำให้พวกมันได้ถูกตัดหัวในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
"ฮ่าห์..."
ซังจินได้พยายามจะสูดหายใจ แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้เลย มอนสเตอร์ได้หลั่งไหลออกมาจาเสาอย่างไม่สิ้นสุดลง
'ให้ตายสิ! อนาคตที่ฉันได้เห็นในวันพรุ่งนี้เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ?'
ระหว่างคิดแบบนี้ซังจินก็ยังคงกวัดแกว่งดาบของเขาต่อไป นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว และหลังจากการต่อสู้ที่วุ่นวายได้ผ่านมาได้ระยะหนึ่ง นักล่าก็ได้ยินเสียงมาจากลูกบาศก์
[บทที่ 21 ถูกเคลียร์แล้ว!]
ด้วยเสียงนี้ทำให้ศพของมอนสเตอร์และนักล่าที่ตายไปทั่วทั้งห้องโถงนักล่าได้หายไป
นักล่าที่รอดอยู่ได้ตะโกนออกมาอย่างดีใจกันในทันที
"สำเร็จแล้ว"
"พวกเราชนะแล้ว!"
"จบแล้ว!"
นักล่าต่างก็ตะโกนกันออกมาอย่างดีใจ ซังจินก็ยังกำหมัดของเขาแน่น แต่ว่าในตอนนี้เองเกราะทั้งหมดบนตัว อาวุธทั้งหมดในมือ และแหวนทั้งหมดที่ใส่อยู่ก็ได้หายไป
'อ๊า...'
ซังจินไม่ได้มีเวลาที่จะตอบสนองกับเรื่องพวกนี้เลย และนักล่าก็ยังตกใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
[ขอแสดงความยินดีด้วย]
[มนุษยชาติได้เอาชนะ 21 อุปสรรคและได้พิสูจน์ถึงคุณค่าของพวกเขา]
[เพราะแบบนี้ทำให้มนุษยชาติจะได้รับการยกเว้นจากการพิพากษาของเทพเจ้าอีกครั้งเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี]
ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจโอเปอร์เรเตอร์แล้ว นี่มันเพราะว่าการจู่โจมได้จบลงไปแล้ว พวกเขาทุกคนต่างก็กำลังดีใจกันอยู่
"เย้!"
"พวกเราทำได้!"
พวกเขาต่างก็หมกหมุ่นไปกับการเฉลิมฉลองของพวกเขา ในเวลาเดียวกันซังจินก็ได้มองดูในกระเป๋าของเขา ภายในนั้นยังคงมีลูกบาศก์ขนาดเล็กที่มังกรทิ้งไว้ให้กับเขาอยู่
'...นี่มันคือสิ่งที่มีไว้เพื่อ...'
บนใบหน้าของซังจินได้เริ่มที่จะมีรอยยิ้มขึ้นมาอย่างช้าๆ โอเปอร์เรเตอร์ก็ยังคงพูดต่อไป
[ผู้ที่ไร้ความพยายามและผู้ที่ถูกสังหารในระหว่างการจู่โจม]
[จะถูกลบความทรงจำทิ้งไปและถูกส่งกลับไปที่ โลก บ้านของมนุษยชาติ ]
[แต่ว่าสำหรับนักล่าที่ฟังอยู่ในตอนนี้]
[พวกคุณคือนักล่าที่ประสบความสำเร็จในการจู่โจมนี้จะสามารถเลือกได้ว่าจะลบความทรงจำทิ้งไปหรือจะเก็บมันเอาไว้]
หลังจากที่ได้ยินคำประกาศนี้นักล่าที่กำลังดีใจกันอยู่ก็เงียบลงไป
[โปรดตัดสินใจเรื่องนี้ภายใน 1 นาทีนับจากนี้]
[ในกรณีที่ท่านยังไม่ตัดสินใจก็จะถูกลบความทรงจำก่อนที่จะถูกส่งกลับไป]
นักล่าต่างก็มองดูกันเอง พวกเขาต่างก็เจอกับความยากลำบากที่ว่าจะเลือกทางไหนดี นักล่าที่อยู่รอบๆซังจินโดยเฉพาะผู้ถูกเลือกทั้งเก้าคนต่างก็มองกันเอง
ฮิวเดอร์แบรนได้เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา
"สำหรับฉัน... การลบความทรงจำคือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าหากฉันกลับไปพร้อมกับความทรงจำพวกนี้... ภรรยากับลูกๆของฉันก็จะต้องรู้สึกว่าฉันเปลื่ยนไปแน่"
บัลเทรนก็ยังเลือกที่จะลบในความทรงจำของเขา
"...ฉันก็จะลบความทรงจำเหมือนกัน ฉันคิดว่าตอนฉันเป็นตำรวจฉันได้เห็นทุกอย่างแล้วนะ... แต่ว่าเรื่องที่นี่มันเหนือไปกว่าที่ฉันคิดอีก หลังจากกลับไปฉันไม่อยากที่จะมีฝันร้ายพวกนี้อีก"
ในอีกด้านหนึ่งพระมาฮาเดสได้เลือกที่จะเก็บความทรงจำเอาไว้
"ประสบการณ์ที่นี่เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับฉัน ฉันจะเข้มแข็งขึ้นเพราะประสบการณ์พวกนี้ ฉันไม่อยากจะเสียมันไป"
ฮิโรกิก็เช่นเดียวกัน
"ผมก็ด้วย! เทคนิคดาบของผมได้พัฒนาขึ้นมามากในระหว่างการจู่โจม ผมอยากจะกลับไปพร้อมเทคนิคดาบพวกนี้"
เอ็ดเวิรืดได้กอดอกและตอบกลับมาสบายๆ
"ฉันก็จะเก็บไว้ ถึงมันจะแปลกแต่นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี"
คำตอบของซังจินก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว
"ฉันจะเก็บความทรงจำเอาไว้"
และเซรินก็ได้ให้คำตอบกลับมาพร้อมๆกัน
"ฉันด้วย... ฉันจะเก็บความทรงจำพวกนี้ไว้"
ฟรานซ์ดูจะผิดหวังเล็กน้อยกับการเลือก
"แต่ว่า... ถ้าพวกเขาทุกคนเสียความทรงจำไป... ฮีโร่ผู้กอบกู้โลกก็..."
นาดาก็ดูจะผิดหวังเหือนกัน เธอได้กัดริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง
"ฮ่าห์... ฉันก็ด้วย... ฉันอุส่าห์คิดว่าจะไม่ต้องทำงานซะแล้ว..."
มุสตาฟาก็ยังคงเงียบอยู่ เขาได้มองไปที่นักล่าคนอื่นๆ ระหว่างนี้เองฟรานซ์ก็ได้ตัดสินใจได้
"โอ้จริงด้วย... ถึงคนอื่นจะลืมแล้วจะทำไมล่ะ.. ฉันคือคนที่เป็นฮีโร่กอบกู้เผ่าพันธ์เราเชียวนะ ฉันไม่อยากจะเสียความพีงพอใจนี้ไปหรอกนะ ฉันจะเก็บความทรงจำเอาไว้"
นาดาก็ยังตัดสินใจออกมาได้เช่นกัน
"หืมม.. สำหรับฉัน... ฉันจะต้องกลับไปทำงานในออฟฟิศ... ความทรงจำพวกนี้... ฉันน่าจะไม่ต้องการมันแล้ว สำหรับฉันแล้วไม่ดีกว่า"
เมื่อเห็นคนอื่นๆได้ตัดสินใจกันแล้ว มุสตาฟาก็ตอบกลับ
"ฉันจะเก็บเอาไว้"
เมื่อนักล่าทุกคนได้เลือกเสร็จ โอเปอร์เรเตอร์ก็ได้ประกาศขึ้น
[เมื่อทุกๆคนได้กลับไปที่โลก ความทรงจำของแต่ล่ะคนก็จะถูกจัดการตามที่ถูกเลือกไว้]
[กำลังจะกลับโลกในอีก 5 นาที]
นักล่ากับซังจินได้เริ่มที่จะกล่าวลากัน
"โชคดีนะ"
"ได้ร่วมมือกับพวกนายเป็นเรื่องที่ดีมากเลย"
"ทุกๆคนคือฮโร่"
แต่ล่ะคนต่างก็เข้ามาจับมือกล่าวลากับซังจิน บัลเทรนได้เป็นคนแรกที่เข้ามา
"นายมันคือฮีโร่ตัวจริง ถึงฉันจะเลือกเสียความทรงจำไป แต่ว่า... การเสียความทรงจำเรื่องนายไปมันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด"
"คุณบัลเทรนก็เป็นฮีโร่เหมือนกัน ผมหวังว่าคุณจะคอยอยู่เป็นฮีโร่ปกป้องคนอื่นๆต่อไปนะ ขอให้คุณโชคดี"
มาฮาเดสก็ได้เข้ามาต่อ
"การเจอกันของเรามันยอดเยี่ยมมากเลยเค ฉันไม่รู้ว่าโชคชะตานับจากนี้จะเป็นยังไง... แต่ถ้าเราได้มาเจอกันอีกคงจะเป็นการเจอกันที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ"
"ผมก็เหมือนกัน"
นาดาก็ได้เดินเข้ามาจูบซังจินโดยไม่พูดอะไรเลย
"พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว เพราะงั้นนี่คือทั้งหมดที่ฉันทำได้ ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ฉันก็จะให้อะไรที่ดีกว่านี้ได้อีกนะ"
ใบหน้าของซังจินได้เริ่มแดงขึ้นมา ในตอนนี้เองซังจินก็รู้สึกได้ว่ามีคนมองเขาอยู่ คนๆนั้นก็คือเซรินที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกล
'อ่า'
ฮิโรกิได้พุ่งตัวเข้ามาหาซังจินที่ตกใจอยู่ทันที
"อาจารย์ ผมจะไปหาอาจารย์นะครับ อาจารย์อยู่ที่ไหนในเกาหลีหรอ?"
"อ่า... กรุงโซล"
จากนั้นฟรานซ์ก็เข้ามาเช่นกัน
"ส่วนไหนของโซลล่ะ? ฉันจะไปหาพาร์ทไทม์ทำเพื่อหาเงินมาซื้อตั๋ว..."
แต่ก่อนที่เขาจะพูดได้จบ เขาก็นึกถึงเรียกสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
"เดี๋ยวนะ... รอก่อน... พอมาคิดๆดูแล้ว พวกเราก็ยังไม่เคยรู้ชื่อจริงของคุณเคเลยนี่ คุณชื่ออะไรกันน่ะ? คุณคิดว่าจะเก็บเอาไว้เป็นความลับไปตลอดเลยงั้นหรอ?"
"อ่า..."
ซังจินได้อ้าปากปิดปากไปมาอยู่หลายครั้ง พอคิดดูแล้วตั้งแต่ที่การจู่โจมรอบสองได้เริ่มขึ้นมา เขาก็ได้ซ่อนชื่อจริงเอาไว้ตลอดเพราะว่าเขาไม่อยากจะสนิทกับเหล่าคนที่อาจจะตายได้ แต่ว่าตอนนี้การจู่โจมได้จบลงไปแล้วทำให้เขาไม่มีเหตุผลให้ซ่อนเอาไว้อีก มุสตาฟาก็ยังถามออกมาเช่นกัน
"จริงด้วยสุดยอดนักล่าเค เรายังไม่เคยรู้ชื่อของคุณเลยนะ คุณจะไม่บอกชื่อจริงกับเราเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยหรอ?"
ซังจินรู้สึกแปลกๆนิดๆ จากนั้นซังจินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมา
"ชื่อของผมคือซังจิน ซังจิน คัง ถ้าพวกเราเจอกันอีกในโลกจริงก็เรียกผมด้วยชื่อนี้นะ"
นักล่าที่ได้ยินชื่อของเขาต่างก็ทวนซ้ำๆเพื่อให้จำได้
จากนั้นโอเปอร์เรเตอร์ก็ได้เริ่มนับถอยหลัง
[คุณจะกลับสู่โลกในอีก 1 นาที 60,59,58...]
ตอนนี้เหลือเวลาแค่นาทีเดียวแล้ว ซังจินได้มองออกไปรอบๆ ในตอนนี้มีอีกหลายคนเลยที่ยังไม่ได้กล่าวลากัน ซังจินได้เดินเข้าไปหาเอ็ดเวิร์ดที่ยืนก่อนอกอยู่ไม่ไกล ซังจินได้ยื่นมือให้กับเอ็ดเวิร์ดก่อน เอ็ดเวริ์ดก็มองมาที่มือของซังจินโดยไม่พูดอะไรก่อนที่สุดท้ายจะยื่นมือออกมาจับ
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ"
ซังจินได้พูดออกมา
เอ็ดเวิร์ดได้เริ่มมองเขาแปลกๆ แต่ซังจินก็แค่ยิ้มออกมา เขาได้จับมือกับเอ็ดเวิร์ดเสร็จแล้วจากนั้นก็หันหน้าไปเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ เซรินกำลังหรี่ตามองมาที่เขาอยู่
ระหว่างซังจินกำลังคิดว่าจะพูดอะไรกับเธอดี เธอก็ได้พูดขึ้นมาก่อน
"ฉันจะรอที่ ‘28 Sapience’ ในกังนัมจนกว่าโอปป้าจะมานะคะ"
ซังจินได้ตอบกลับไปสั้นๆโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก
"โอเค"
ตอนนี้เหลือเวลาเพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น นักล่าต่างก็กอดกันและจับมือกล่าวลากัน และในที่สุดพวกเขาก็ถูกเทเลพอตไปที่โลก ไปที่บ้านของพวกเขา
***
ช่วงกลางฤดูฝนในเดือนมิถุนายนที่สถานีกังนัม มีฝนตกลงมากระทบพื้นดินได้กลบเสียงทุกอยู่ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนได้สัญจรกันไปมาด้วยร่มในมือโดยที่มีวิทยุเล่นเปนพื้นหลัง
"มีการประกาศที่น่าตกตะลึงจากสถาบันวิทยาศาตร์ในประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 เมษายน หรือก็คือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ประกาศว่านาฬิการะดับอะตอมได้ถูกเร่งเวลาขึ้นไปประมาณ 3 วินาที เหตุการณ์นี้ถูกทางสถาบันมองว่าเป็นเรื่องน่าพิศวงมาก และเพื่อที่เราจะได้เข้าใจการประกาศนี้เราจึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ศาตราจารย์ซงวาน ฮง ยินดีต้อนรับศาตราจารย์ฮงครับ
"ขอบคุณนะ"
"ในมุมมองของผมการที่นาฬิกาขยับไป 3 วินาทีนี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยนะครับ แล้วการที่นาฬิการะดับอะตอมถูกเร่งไป 3 วินาทีนี่มันหมายความว่ายังไงครับ? ศาตราจารย์พอจะอธิบายให้เราฟังได้ไหมครับ?"
"นาฬิการะดับอะตอมได้ใช้ซีเซียมสร้างขึ้นมา เวลาจะถูกกำหนดขึ้นจากการวัดการสั่นของซีเซียม นาฬิกานี้มีความแม่นยำสูงมากซึ่งการจะขยับสักวินาทีหนึ่งจะต้องใช้เวลาราวประมาณ 3 พันปีได้ แต่ว่าเมื่อเดือนก่อนนาฬิกาซีเซียมนี้จู่ๆก็ขยับไปถึง 3 วินาที นี่มันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราไม่อาจจะใช้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันอธิบายได้เลย..."
ขณะที่เสียงวิทยุได้ดำเนินไป ผู้คนก็ยังคงเดินไปตามชานชะลาและพูดคุยกับคนรัก เพื่อนหรือครอบครัว แม้วิทยุจะดำเนินไปเรื่อยๆแต่ดูแล้วก็ไม่มีใครสนใจเลย
"ต่อไปคือข่าวสารโลก อาบู อาลี มุสตาฟาผู้ที่ได้สร้างทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในการแข่งขันพรีเมียร์ลีคของอังกฤษได้เดินทางมาถึงเกาหลีเมื่อคืนวายนี้เวลา 9 นาฬิกา คุณมุสตาฟาคือผู้มีชื่อเสียงที่เป็นทายาทของตระกูลราชวงศ์ที่มีสินทรัพย์กว่า 300 ล้้านวอน แล้วเขาไม่ได้แค่เป็นเจ้าของของทีมฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆอีกด้วย การมาเกาหลีของเขาในครั้งนี้ได้ถูกจับตามองอย่างมาก นับตั้งแต่ที่เขาได้มาถึงที่เกาหลี เรื่องราวของเขาได้กลายมาเป็นประเด็นที่ร้อนแรงขึ้น"
"มีหลายทฤษฎีที่กล่าวถึงว่าเขามาที่เกาหลีทำไม มีทั้งเขามาซื้อของไปไว้สำหรับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ หรือไม่ก็ซื้อของเข้าไปในโรงงานอุตสาหกรรมก็ได้ แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้จุดประกายทฤษฎีใหม่ขึ้นมาก็คือมาเพื่องานอดิเรกของเขา"
"งานอดิเรกหรอครับ?"
"ใช่ครับ เนื่องจากว่ามื่อเดือนก่อนมุสตาฟาได้เริ่มตระเวนไปทั่วโลกแล้วก็ได้มอบของขวัญราคาแพงให้กับคนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนเลย"
"ของราคาแพง..."
"ก็อย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ ของขวัญต่างๆต่างก็มีมูลค่ามากกว่า100 ล้านวอนขึ้นไปทั้งนั้น"
"หนึ่งร้อยล้านวอน!?"
"ใช่แล้ว"
"เดี๋ยวก่อนนะ นี่เขาเอาของที่มีมูลค่าเป็นร้อยล้ายวานไปให้กับคนที่ไม่เคยเจอเนี้ยหรอครับ?"
"ใช่ครับผม แล้วก็เพราะแบบนี้ทำให้มีข่าวใหม่ขึ้นมาคือ 'ได้ร้อยล้านโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้อหวยล่ะครับ' จนกระทั่งตอนนี้ผู้โชคดีที่ได้เงินไปก็มีคุณนาดาจากบาเซโลน่า คุณฮิวเดอร์แบรนจากแฮมเบิร์ก คุณบัลเทรนจากนิวยอร์ก แล้วก็เขายังไปที่สเปน เยอรมันนีแล้วก็อเมริกาโดยไร้สาเหตุด้วยนะครับ เพราะแบบนี้การมาเกาหลีของเขาในครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมาเลือกผู้โชคดีในเกาหลีเราก็ได้นะครับ"
"คุณผู้ฟังอาจจะคิดว่านี่สำหรับผมแล้วอาจจะมีโอกาสน้อย... แต่ผมหวังอย่างมากว่าคนๆนั้นจะเป็นผมนะครับ"
"ผมก็เหมือนกันครับ!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า!"
เสียงหัวเราะที่ชื่นมื่นได้ดังออกมาจากวิทยุ แต่แล้วเสียงนี้ก็ถูกเสียงรถยนต์ภายในกังนัมกลบลงไปจนหมดทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงวิทยุเลยสักคนเดียว
"ในที่สุดเราก็มาถึงข่าวบันทักกันแล้วนะครับ นักธนูเหรียญทองราชินีคนสวยของเขาที่ถูกโหวตให้เป็นนักกีฬาดาวเด่นที่สวยที่สุดคุณเซรินฮาน ในตอนนี้เธอกำลังมุ่งหน้าสู่ความรักอยู่ครับ ตามที่คนวงในได้ส่งข่าวออกมาดูเหมือนว่าเธอกำลังมีความรักกับชายหนุ่มธรรมดาที่เรายังไม่รู้ว่าเป็นใครครับ เมื่อ 5 ปีก่อนตอนที่เธอได้ชนะเหรียญทองมาจนถึงตอนนี้นั้นเธอไม่เคยมีข่าวความสัมพันกับใครเลย มีผู้ชายหลายคนที่..."
แต่แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเดินอยู่ริมทางในเขตกังนัมแล้วก็พูดออกมา
"อ่า... เดี๋ยวสิ เฮ้... นี่เธอไม่มีปัญหานะ?"
"ไม่เป็นไรค่ะโอปป้า ทำไมล่ะ นี่ไม่ได้ผิดกฏหมายซะหน่อยนี่?"
"หืมมม"
พวกเขาได้เดินคุยกันเหมือนกับคู่รักมากมายที่เดินไปมาอยู่
"โอ้ ยังไงก็เถอะพรุ่งนี้ไปสวนสัตว์กันดีกว่า"
"สวนสัตว์หรอคะ?"
หญิงสาวได้ตอบกลับมาอย่างตกใจ ในตอนนี้พวกเขากำลังหลบฝนอยู่ในร่มคันเดียวกันอยู่
"ใช่แล้ว สวนสัตว์นั่นแหละ ในเมื่อวันพรุ่งนี้ฝนหยุดตกเพราะงั้นจึงเป็นเวลาเหมาะที่จะไปเที่ยวไงล่ะ"
"แต่ว่า... ฉันดูพยากรณ์อากาศมาในวันพรุ่งนี้แล้ว แล้วก็เขาบอกว่าฝนจะตกไปทั้งสัปดาห์..."
"พยากรณ์อากาศงั้นหรอ? พวกเขาพยากรณ์ผิดบ่อยจะตายไป"
"อ๊า อีกแล้ว โอปป้ารู้ได้ยังไงคะว่าพวกเขาพยากรณ์ผิดน่ะ?"
เธอได้เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้าในตอนนี้ได้เต็มไปด้วยเมฆฝนดำเมืด จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปจากร่วมเพื่อรับสายฝน
"ดูสิค่ะโอปป้า ในเมื่อเป็นแบบนี้... โอปป้าคิดจริงๆหรอคะว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะสดใสน่ะ?"
ชายคนนี้ได้มองตามมือของแฟนสาวเขาที่ยื่นออกไป แล้วจากนั้นเขาก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
"พรุ่งนี้ท้องฟ้าจะสดใสแน่นอน"
Master Hunter K (จบแล้วครับ)
ขออภัยด้วยนะครับที่หายไปนานมากๆเลย กลับมาแปลให้แล้วนะครับ