ตอนที่แล้วบทที่ 122 - ความโลภเขมือบทุกสิ่ง (9)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 124 - ในโลกที่มีพระอาทิตย์ตก (2)

บทที่ 123 - ในโลกที่มีพระอาทิตย์ตก (1)


บทที่ 123 - ในโลกที่มีพระอาทิตย์ตก (1)

หลังจากที่รูเดียไปมาที่โลกพร้อมกันกับฉัน สิ่งแรกที่เธอได้เผชิญเลยก็คือการพบกับครอบครัวของฉัน

"โอ้?"

"...ผะ ผมกลับมาแล้ว"

ในวินาทีที่ฉันออกมาจากห้องพร้อมกับรูเดีย พวกเราก็ได้เจอกับแม่ที่กำลังดูดฝุ่นบนบันได ตาของแม่ได้โตอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อแม่เห็นพวกเรา และแม่ก็นิ่งไป ครู่หนึ่งแม่ก็ได้ปิดเครื่องดูดฝุ่นด้วยท่าทางใจเย็น และเช็ดมือด้วยผ้ากันเปื้ยน จากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉัน วางมือลงบนไหล่และกระซิบออกมา

"นั่นคือลูกสะใภ้หรอ?"

"เธอเป็นเพื่อนของผม"

ต้องขอบคุณคำถามแม่ที่ฉันได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะเจอฉันเลยได้ตอบกลับไปในทันที ยังไงก็ตามรูเดียได้เอียงหัวและพูดออกมา

"เธอพูดอะไร?"

"อ่า"

ฉันพึ่งจะคิดได้ว่ารูเดียมาจากทวีปลูก้า เธอสามารถจะคุยกับฉันได้เพราะเราทั้งคู่เป็นนักสำรวจดันเจี้ยน แต่ว่าเธอไม่เข้าใจคำที่แม่พูดเพราะไม่ได้เป็นนักสำรวจดันเจี้ยน สิ่งมือที่ว่างอยู่ของเธอ เธอได้ล้วงไปในอากาศและหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นที่รัดคอหนังสีดำ เธอได้ใส่มันลงไปและพูดออกมา

"สวัสดี"

นั่นมันภาษาเกาหลี!

"อะ อะไรนะ? ไอสิ่งที่เธอใส่มันคืออะไร?"

"มันเป็นไอเทมแปลภาษาที่ขายในดันเจี้ยนราคา 300,000 ทอง มันจะช่วยแปลภาษาที่ฉันพูดหรือสิ่งที่ผู้อื่นพูดให้ฉันเข้าใจได้ เนื่องจากว่าในทวีปของฉันมีคนพูดหลายภาษาฉันก็เลยซื้อมา"

"ทำไมหลินและโรเล็ตต้าถึงไม่ได้บอกฉันเกี่ยวกับไอเทมนี้...!"

ฉันสามารถแก้ไขปัญหาภาษาอังกฤษที่น่าเศร้าของฉันได้ง่าบๆด้วยสิ่งนี้

ในขณะที่ฉันรู้สึกโกรธสวนแฟรี่เล็กน้อย แม่ก็ได้เข้าไปหารูเดียอย่างกังวล

"เธอเป็นคนต่างชาติหรอ?"

"อย่างที่แม่เห็นเลยรูเดียเป็นชาวต่างชาติ"

"เธอมาจากไหนหรอ? ด้วยลักษณะชาวตะวันตกนี้เธอเป็นชาวอเมริกัน อังกฤษ หรือว่าฝรั่งเศษ เธอดูไม่เหมือนชาวอิตาเลี่ยนเลย..."

"ฉันเป็นเจ้า...พลเมืองสามัญของจักรวรรดิอีเฮอ"

ถ้าเธอจะทิ้งสถานะนี้ไปเธอก็ไม่ควรจะพูดเกี่ยวกับมันนะ ฉันได้จ้องไปที่รูเดียอย่างจริงจัง แต่เธอก็ได้หันหัวไปทางอื่นและสำลักออกมา สำหรับตอนนี้เธอได้จับฉันแรงด้วย เมื่อได้ยินคำว่าจักรวรรดิอีเฮอ แม่ก็เอียงหัวงง

"อีเฮอ..."

"แม่ เธอเป็นเพื่อนที่ผมรู้จักในดันเจี้ยน ผมอยากจะให้เธออยู่ที่นี่ซักพัก จะเป็นอะรไหม? เดี๋ยวผมก็จะไปบอกพ่อกับยุยเหมือนกัน"

ฉันได้เปลื่ยนเรื่องและถามแม่ไป แม่ได้รีบหยุดคิดเรื่องจักรวรรดิอีเฮอในทันที ในขณะนั้นแม่ก็ได้วางมือลงบนไหล่ของรูเดีย

"แน่นอน เธอสามารถจะอยู่ที่นี่ได้ตลอดไปเลย พระเจ้าฉันไม่คิดว่าลูกของฉันจะพาสาวสวยเข้าบ้านมาก่อนแล้ว แล้วนี่ลูกไปไกลแค่ไหนแล้ว"

"แม่เธอเป็นแค่เพื่อนของผมอย่าเข้าใจผิดสิ..."

"ถ้าลูกจะแก้ตัวว่าเป็นแค่เพื่อนอย่าน้อยก็หยุดคล้องแขนกันแบบนั้นก่อนสิ"

เมื่อรูเดียได้ยินสิ่งที่แม่ฉันพูด ทันใดนั้นเธอก็ได้ตัวอ่อนปวกเปียกและดึงแขนฉันแน่นขึ้นพร้อมกันเอาตัวเองเข้ามาในอ้อมกอดของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติท่าทางของแม่ฉันได้กระด้างขึ้น ฉันได้ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มขม

"ฉันช่วยหน่อยสิ?"

"...เอาเถอะนะ ตั้งแต่ที่ชินพาเพื่อนมาบ้าน แม่ก็ควรจะต้องแสดงออก แม่จะต้องปลอบใจยุยด้วยเหมือนกัน"

"ปลอบใจยุย? ยุยโกรธที่ผมไม่ได้กลับบ้านมาพักหนึ่งหรอ?"

"ลูกจะรู้เองเมื่อเจอยุย"

ด้วยแบบนั้นแม่ได้ยิ้มออกมา ฉันได้เอียงหัวงงและมองไปที่รูเดีย แต่เธอก็ยังคงตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของฉัน

ในกรณีนี้ยุยก็ดูเหมือนจะโกรธจริงๆเหมือนกับที่แม่เศร้า

"มะ...ไม่! ธะ เธอไม่มีทางมาอยู่ด้วยกันกับ...พี่ได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่สวยแบบนี้!"

"เธอเป็นเพียงแค่เพื่อนกับพี่นะยุย มันมีสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากดังนั้นพี่หวังว่ายุยจะเข้าใจนะ"

ฉันได้มองไปที่พ่กับแม่ในขณะที่พยายามจะโน้มน้าวยุย แต่ว่าเขาทั้งคู่ได้เป็นห่วงมากยิ่งขึ้นกับรูเดีย แม่ได้ถามถึงงานอดิเรกของเธอและพ่อก็ดูเหมือนจะสนใจในความจริงที่ว่ารูเดียเป็นนักสำรวจ ไม่ว่าในกรณีใดพวกเขาจะบอกให้ฉันโน้มน้าวยุยด้วยตัวเอง

"พี่นะเอาจริงๆนะ หนูจะบ้าแล้ว พี่พึ่งกลับมาจากอังกฤษได้ไม่นาน แต่พี่ก็ออกไปจากบ้านถึงสี่วัน และยังแม้แต่พาคนสวยคนนั้นมาที่นี่!"

"ขอโทษนะ แต่มันมีบางอย่างที่พี่ไม่สามารถจะบอกยุยได้ มันยากที่จะอธิบาย...."

"ทำไมมันถึงยากที่จะอธิบาย"

เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่ฉันได้เห็นยุยไร้เหตุผล ฉันไม่รู้ว่าทำไม จากนั้นรูเดียก็ถอนหายใจและดึงแขนฉัน เธอได้ถือตะเกียบแบบแปลกๆและถามฉัน

"ชินนายช่วยอธิบายวิธีการใช้เจ้าเครื่องมือนี่ทีสิ?"

"ฉันบอกให้เธอใช้ส้อมแทนตะเกียบไง"

"ฉันไม่ต้องการ ไม่ว่านายจะไปประเทศไหนเพื่อต่อรองมันก็จะต้องเริ่มจากมารยาทบนโต๊ะอาหารไม่ใช่หรอ ดังนั้นนายต้องสอนฉัน"

"เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อการทูตสักหน่อย..."

"ฉันจะเป็นคนของโลกใบนี้ดังนั้นฉันจะต้องสมบูรณ์แบบ นายจะต้องสอนฉันทุกๆอย่าง"

"เธอ..."

"พี่คะ!"

"อึก!"

ในขณะที่ฉันมัวแต่สนใจรูเดีย ยุยก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แบบตัวสั้น

"หนูจะโกรธจริงๆแล้วนะ! หนูไม่สนแล้ว พี่เชิญทำตามที่พี่ต้องการเลย!"

"ยุย!?"

หลังจากที่จัดการจานจนวางยุยก็จากไป ในที่สุดยุยก็ถึงวัยต่อต้านแล้วสินะ....!

"ชินนายช่วยโชว์วิธีใช้เจ้าสิ่งนี้หน่อยสิ? ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้มันยังไง"

"ฉันนี่ประหลาดใจจริงๆที่เธอสามารถจะเมินคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี"

แม้ในขณะที่ฉันถอนหายใจ ฉันก็ได้สอนรูเดียใช้ส้อม เพราะฉันไม่รู้ว่าจะปลอบใจยุยยังไง ฉันก็ทำได้แต่ถอนหายใจออกมา

เมื่อฉันได้บอกโรเล็ตต้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่เธอก็โกรธขึ้นมา"

"ชินกำลังจะบอกว่าลูกค้าที่ชื่อเพลรูเดียกำลังพักอยู่ในบ้านของชินหรอ และก็เป็นคนที่ชินมอบที่คาดหัวให้!?"

"ใช่แล้ว"

"ฉันอิจฉา....ไม่สิ ส่งเธอกลับมาพื้นที่พักอาศัยซะ!"

"เธอก็พูดแบบนี้ด้วยหรอโรเล็ตต้า? ฉันกังวลเรื่องของรูเดีย ฉันต้องการที่จะเฝ้าดูเธอซักพักหนึ่ง"

"นะ นั่นมัน...ฉันรู้ว่าชินไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น แต่ว่า...."

โรเล็ตต้าดูเหมือนจะพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นเธอก็พูดเหมือนหมดทางเลือก

"ไม่เป็นไร ฉันอนุญาติ"

"ขอบคุณ...?"

แปลก ทำไมฉันถึงต้องได้รับความเห็นชอบจากโรเล็ตต้าด้วย ฉันได้รับการเห็นชอบอะไร ในขณะที่โรเล็ตต้าพูดต่อไปหัวของฉันก็ยังคงเต็มไปด้วยคำถาม

"ถ้างั้นอย่างแรกฉันจะสอนชินว่าจะปลอบน้องสาวชินยังไง"

"บอกฉันมาเร็วๆเลย!"

คำถามเหล่านั้นได้หายไปในทันที

เมื่อฉันได้กลับออกมาจากดันเจี้ยนมันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ในขณะที่ฉันเข้าไปในดันเจี้ยงก็คือตอนที่รูเดียหลับไปและฉันก็ได้เป็นอิสระ ฉันได้พูดคุยกับโรเล็ตต้าไม่นานนัก

"ยุย น้องหลับหรือยัง?"

[ใช่แล้ว หนูหลับอยู่!]

"พี่เข้าไปได้ไหม?"

[....เชิญ]

หลังจากที่เธอตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองว่าหลับอยู่ เธอก็ได้ยอมรับคำขอของฉันอย่างง่ายดาย ฉันได้เปิดประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ยุยดูเหมือนว่ากำลังเรียนอยู่ ในขณะที่เธอมองหารโน๊ตบุ๊คของเธอและเปิดอินเตอร์เน็ต เธอก็ได้หมุนเก้าอี้และหันมาหาฉัน แก้มของยุยได้พองขึ้นมา

"หนูคิดว่าพี่จะอยู่กับคุณเพลรูเดียซะอีก"

"เธอได้เข้าไปนอนเมื่อไม่นานมานี้ พี่เพิ่งจะกลับออกมาจากดันเจี้ยน"

"อูววว ถ้างั้นเธอก็อยู่ติดกับพี่ก่อนนอน?"

"ยุย น้องก็รู้ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติใช่ไหม?"

เมื่อฉันได้ถามออกไปอย่างใจเย็น ยุยก็ได้แสดงท่าทางยากๆ...จากนั้นก็หยักหน้ารับ

"พี่พบกับเธอได้ยังไง?"

"พี่ได้พบกับเธอในดันเจี้ยนและเราก็ได้กลายเป็นเพื่อนกัน น้องก็น่าจะรู้ในครั้งนี้พี่ได้ไปช่วยเธอ"

"เธอเป็นเพื่อนจริงๆใช่ไหม พี่ไม่ได้กำลังเดทกันนะ?"

"แน่นอนว่าไม่"

"ทำไมเธอถึงตัวติดกับพี่แบบนั้นล่ะ?"

"มันยากที่จะอธิย่นระ เธอเพิ่งจากได้ผ่านความยากลำบากบางอย่างมา เธอได้สูญเสียยสถานที่ๆอยู่ในประเทศของเธอ พี่ไม่สามารถจะปล่อยเธอไว้เพียงลำพังได้ พี่ก็เลยพาเธอมาที่นี่"

"รายละเอียดนี้แหละคือสิ่งที่หนูต้องการจะได้ยิน...."

ยุยได้พึมพัมออกมาเบาๆและห่อไหล่ของเธอ จากนั้นเธอก็พูดอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน

"หนูอยากจะช่วยพี่เหมือนกัน"

"เอ๊ะ....?"

"พี่ดูเหมือนว่าพี่จะมีปัญหามากเมื่อเร็วนี้ๆ นอกจากนี้พี่ก็ยังยุ่งอยู่เสมอ เหตุการที่ทำให้เพื่อนของพี่เป็นแบบนั้น....พี่ก็คงจะอยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นหนูก็เลยเป็นห่วงพี่"

"อืม"

ในขณะที่ฉันตระหนกจากการตอบสนองของยุยที่แตกต่างไปจากที่โรเล็ตต้าบอกมา ยุยก็พูดต่อออกไป

"เมื่อตอนแรกที่พี่กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนพี่นะมีความสุข พี่มักจะยิ้มอยู่เสมอ เต็มไปด้วยความมั่นใจและแม้แต่เสียกล้ามเนื้อและกลายเป็นหล่อขึ้น...อ่า พี่หล่ออยู่เสมอแหละ แต่ว่าพี่ได้หล่อมากยิ่งขึ้น"

"ขะ ขอบคุณ"

"แต่ว่าหลังจากมีดวงจันทร์ดวงที่สองปรากฏขึ้นและมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาพี่ก็เริ่มเปลื่ยนไป หนูมีความสุขหนูรู้สึกภูมิใจกับพี่ แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้หนูร้อนใจมาก หนูกังวลว่าอยู่ดีๆพี่อาจจะทิ้งหนูและไหายตัวไป"

สักวันหนึ่งมันจะมาถึงวันที่คนที่ไม่มีความสามารถจะเกิดปัญหาถ้าอยู่ใกล้กับฮีโร่ ในตอนนั้นที่ฉันจะออกไปจากครอบครัว เพราะคำพูดของยุยนั้นถูกต้อง ฉันก็เลยไม่สามารถจะโต้เถียงเธอไปได้

จากนั้นยุยก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาฉัน

"ถ้าหนูกลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน...หนูจะสามารถช่วยพี่ได้สินะ?"

"ไม่"

แม้ว่าฉันจะแปลกใจกับคำพูดของยุย แต่ฉันก็ได้ตอบกลับเธอไปในทันที

"ยุยไม่จำเป็นต้องสู้ การต่อสู้มันควรจะเป็นพี่และพ่อที่รู้วิธีต่อสู้เท่านั้น ยุยสามารถจะช่วยพี่ได้โดยการอยู่อย่างปลอดภัยและรักษาสุขภาพให้ดี"

"หนูก็รู้วิธีการต่อสู้เหมือนกัน!"

"ไม่ยุย น้องนะเหมาะสมกับสิ่งต่างๆที่ไม่ใช่การต่อสู้"

ยุยไม่ได้มีพรสวรรค์ในการใช้พลังงานกายแบบการต่อสู้ ฉันแน่ใจได้เลย เพราะว่าฉันไม่สามารถจะบอกเธอตรงๆได้ ฉันก็เลยพยายามจะพูดอ้อมๆ แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

"หนูเกลียดพี่"

"อึก!"

"พี่นิสัยไม่ดี! ออกไปนะ!"

ยุยพูดแบบนี้กับฉัน! เมื่อยุยได้ผลักฉันด้วยมือของเธอ ฉันก็กลัวว่าเธอจะจบด้วยการทำให้มือของเธอเจ็บ ฉันได้รีบออกจากห้องของเธอ ในทันทีหลังจากนั้นประตูก็ได้ถูกปิดเสียงดังตูม ทิ้งฉันไว้ข้างนอกเพียงลำพัง ฉันพบว่าคำพูดที่จะอธิบายในสถานการนี้ได้และพึมพัมด้วยหัวใจที่พังทลายลง

"พี่น้องทะเลาะกัน....!"

โรเล็ตต้าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ! แม้ว่าฉันจะพูดในสิ่งที่เธอบอกฉันหรือใช้ในสิ่งที่เธอให้ฉัน

ฉันได้พบเป้าหมายที่จะระบายมันก็คือเวนดิโก้ ยังไงก็ตามเวนดิโกมีจุดอ่อนที่าสำคัญนั่นก็คือการโจมตีจุดเดิมซ้ำๆ

[เลือกรางวัลของคุณ]

[1.กางเกงขนสัตว์ของเวนดิโก้

2.คริลตัลเยือกแข็ง]

"เวรเอ้ย เจ้านี่มันอ่อนเกินไป!"

มันอ่อนมาก ฉันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับการจ่อสู้เลย! ฉันได้เตะหิมะบนพื้นด้วยความโกรธและกลืนคริสตัลเยือกแข็งลงไป

[ด้วยการกินคริสตัลเยือกแข็ง ความต้านทานและความสัมพันธ์กับธาตุน้ำแข็งของคุณได้เพิ่มมากขึ้น พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]

[ฉันรัชิน! มันเย็นมากขึ้นแล้ว!]

"ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของริยูได้มากถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่วา....ริยู ฉันก็ชอบริยูเหมือนกัน"

[เอะเฮะๆ...]

ริยูได้เอาหัวของเธอมาถูกับอกของฉันและฉันก็ลูบหัวเธอในขณะที่คิดว่าจะทำอะไรต่อไป อย่างแรก ฉันก็จะต้องง้อยุย.... ไม่สิ นั่นมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ในตอนี้ เพราะว่ายุยไม่ค่อยได้โกรธฉัน ดังนั้นฉันก็เลยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะใจเย็นลง ฉันได้คิดว่าทำไมเธอถึงโกรธ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะหาต้นตอของเรื่องนี้....

"ฉันเดาว่ามันน่าจะเป็นรังไวเวิร์น"

อเมริกา ในรัฐแอริโซนา หุบเขาแอนทีโลปมันเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนรังไวเวิร์น ถ้าฉันไปที่นั่นฉันก็จะได้พบกับเคียร่า คีเน็กต์ ผู้หญิงที่พูดว่าฉันเป็นฮ๊โร่ ฉันจะรู้เมื่อฉันได้พบกับเธอว่าทำไมเธอถึงเรียกฉันว่าฮีโร่และเธอเป็นใคร ถ้าเธอปฏิเสธที่จะพูด ฉันก็จะต้องเค้นข้อมูลนั้นออกมาจากเธอ ในตอนนี้ฉันมีศักยภาพที่มากพอแล้ว

เอาล่ะ ฉันตัดสินใจได้แล้ว เมื่อฉันได้จบการพิชิตเวนดิโกและพลังของริยูเพิ่มขึ้น ฉันก็จะไปที่รังไวเวิร์น ล้างคอรอฉันได้เลยเคียร่า คีเน็กต์!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด