ตอนที่แล้ว6 ยุคมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป8 ซ่อมคริสตัลโพรเซสเซอร์

7 เทพธิดาแห่งโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง


7 เทพธิดาแห่งโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง

“ตื๊ดดด...”

เครื่องทำการสอบที่ล้าสมัยแล้วเปิดออกอย่างช้าๆ หลี่เย้าได้ก้าวออกมาจากตัวเครื่อง เขาส่ายหัวเพื่อไล่อาการปวดหัว ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับจิตใจ หลังจากที่อยู่ในดินแดนแห่งภาพลวงขั้นสุดยอดนานเกินไป

“ให้ตายสิ! หัวของฉันปวดอย่างกับจะระเบิดออกมาแน่ะ! คงมีแค่พวกเราที่เป็นเด็กจาก”คลาสสามัญ“เท่านั้นแหละ ที่ยังใช้เจ้าเครื่องขยะนี้อยู่ พวกนักเรียนจากคลาสพิเศษกับคลาสปกติ ได้ใช้เครื่องสอบรุ่นใหม่ล่าสุดกันหมด แล้วมันยังเป็นเครื่องที่ไม่มีผลข้างเคียง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้งานมันนานแค่ไหนด้วย!” เมิ่งเจียงที่อยู่ข้างๆหลี่เย้า ได้พร่ำบ่นออกมาด้วยเสียงอันดัง หลังจากที่นวดกระบอกตาเสร็จ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเย้า ข้อสอบคราวนี้มีความยากสูงมาก ฉันอาจจะสอบตกอีกครั้งก็ได้ กลับไป ฉันต้องโดนตีแน่ แล้วนายล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็พอได้” หลี่เย้าถูจมูกของเขา การสอบครั้งนี้มีความยากที่สูงกว่าทุกครั้ง ถึงแม้ว่าพื้นฐานความรู้ของเขาจะแน่นและมีจิตใจที่แน่วแน่พอ เขาก็ยังรู้สึกว่า เขาไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของตัวเองแล้ว

“มาเร็ว มาดูคะแนนกัน!” เมิ่งเจียงขยับไปที่เครื่องทำการสอบ แล้วเริ่มทำการคำนวณคะแนน ซึ่งในทุกเครื่องที่ใช้ทำการสอบ ได้มีการติดตั้งคริสตัลประมวลผลความเร็วสูงเอาไว้ เพื่อให้สามารถคิดคำนวณคะแนนออกมาได้ในทันที และหลังจากที่จบการสอบ เครื่องก็จะเริ่มคำนวนคะแนนออกมาให้ในทันที

“ว้าว! 525 คะแนน! คะแนนสูงมากเลย! นี่เป็นคะแนนที่สูงพอจะสอบเข้ามหาลัยหลักได้เลยนะ แล้วนายยังจะมาบอกว่าพอได้อีกเหรอ? การถ่อมตัวมากเกินไป ก็เหมือนกำลังอวดตัวนั่นแหละ ไปตายซะเสี่ยวเย้า!” เมิ่งเจียงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

หลี่เย้าหันไปมองคะแนนที่หน้าจอ และถอนใจอยู่ข้างใน คะแนน 525 นั้นไม่ถือว่าต่ำเลย และมันก็มากพอที่จะทำให้เขา สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อของสหพันธรัฐได้ แต่ตัวเลขสีแดงที่ต่อท้าย กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนมีหนามทิ่มแทงลูกตาของเขาอยู่

“พัฒนาการของรากวิญญาณ 35%”

รากวิญญาณคือ ต่อมไพเนียล ที่อยู่ส่วนหน้าของสมองมนุษย์ (เป็นต่อมที่มีอยู่ในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง) มันเป็นอวัยวะที่เต็มไปด้วยปริศนา เพราะในทางกายวิภาค อวัยวะส่วนนี้นั้นไม่ถือว่ามีอยู่จริง ในหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีใครหาคำตอบในที่มาของรากวิญญาณนี้ได้เลย

แต่อวัยวะนี้กลับมีอยู่จริงในโลกของการฝึกตน และยังเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกตน มันมีความสามารถในการเชื่อมต่อจิตวิญญาณของมนุษย์เข้ากับพลังฟ้าดิน มันคือกุญแจที่นำไปสู่พลังของจักรวาล!

มีเพียงการพัฒนาของรากวิญญาณต้องไปถึง 100% เท่านั้น ถึงจะสามารถ “ปลุกรากวิญญาณ” ได้ และถึงจะสามารถก้าวไปสู่เส้นทางของการฝึกตนได้!

เมื่อมหาวิทยาลัยทั่วไปเปิดการสอบ พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องของการพัฒนาการของรากวิญญาณเลย ถึงจะมีอยู่แค่ 1% ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในเมื่อมหาวิทยาลัยทั่วไป ก็เป็นมหาวิทยาลัยสำหรับคนธรรมดาอยู่แล้ว

แต่เมื่อเป็นการสอบของ “9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ” ที่เปิดรับผู้ฝึกตนโดยเฉพาะแล้ว พวกเขาจะนำคะแนนสอบและคะแนนการพัฒนารากวิญญาณมารวมกัน แล้วหารออกมาเป็นคะแนนที่ใช้ในการตัดสิน และโดยปกติแล้ว คนที่ยิ่งมีการพัฒนารากวิญญาณที่สูงมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งจะได้รับประโยชน์มากขึ้น

หลี่เย้านั้นมีพัฒนาการของรากวิญญาณต่ำอย่างน่าสงสาร หลังจากที่รวม 500 กว่าคะแนนเข้ากับ 35% แล้ว เขาก็จะได้คะแนนรวมประมาณ 200 คะแนนเท่านั้น

ส่วนเหล่านักเรียนคลาสพิเศษที่เย่อหยิ่งนั้น จะมีพัฒนาการของรากวิญญาณสูงถึง 60% อีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาจำเป็นต้องมีคะแนนอีกแค่ 300 คะแนน ก็สามารถก้าวข้ามหลี่เย้าไปได้แล้ว

ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อมีพัฒนาการของรากวิญญาณที่สูงกว่า การประมวลของสมองของพวกเขาก็จะยิ่งเร็วขึ้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าคมชัดขึ้น และความสามารถในการควบคุมร่างกายก็จะดีเยี่ยมขึ้นด้วย ดังนั้น คะแนนของนักเรียนในคลาสพิเศษเหล่านั้น จะไม่ให้สูงกว่าคะแนนของนักเรียนในคลาสสามัญได้ยังไง

มันไม่ใช่ว่า หลี่เย้าไม่เคยคิดที่จะพยายามเพิ่มพัฒนาการรากวิญญาณของเขาเลย แต่มันเป็นเพราะว่า เรื่องการพัฒนารากวิญญาณนั้นต่างไปจากการเรียนปกติ ความรู้ในหนังสือนั้นสามารถใช้การท่องจำได้ ความสามารถทางร่างกายและทักษะการต่อสู้ สามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยการฝึกฝนอย่าบ้าคลั่ง แต่สำหรับการพัฒนารากวิญญาณนั้น เป็นสิ่งเดียวที่ต้องขึ้นอยู่กับการใช้ทรัพยากรเพื่อพัฒนาให้สูงขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่าง เช่น เหล่าในนักเรียนของคลาสพิเศษ พวกเขาจะบริโภคทรัพยากรล้ำค่า, สมบัติวิเศษ และยาเสริมความแข็งแกร่งอยู่เป็นประจำทุกวัน พวกเขายังได้จ้าง “ผู้ฝึกสอนการพัฒนารากวิญญาณ” มาสอนที่บ้านของพวกเขา หรือไม่ก็ไปที่ “ยิมใต้ดินสำหรับฝึกบ่มเพาะ” เพื่อฝึกพิเศษ จำนวนเงินที่พวกเขาใช้จ่ายสำหรับสร้างพื้นฐานให้กับรากวิญญาณในแต่ละเดือน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนเหรียญ ไปจนถึงหลายสิบล้านเหรียญ พวกเขาต้องใช้จ่ายเงินทองออกไปเป็นจำนวนมาก เพียงเพื่อให้รากวิญญาณของพวกเขาพัฒนาขึ้นไปให้ได้สักหนึ่งเปอร์เซ็นต์

สำหรับหลี่เย้า ที่ต้องคุ้ยหาเศษขยะอยู่ในสุสานอาร์ติเฟ็กซ์นั้น อย่างมากที่สุด เขาก็สามารถทำเงินได้แค่ 10,000 เหรียญต่อเดือนเท่านั้น และหลังจากที่จ่ายค่าเช่า, ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และค่าเล่าเรียน สิ่งที่เขาเหลืออยู่ก็มีแค่เพียงขาไก่ ที่ไม่พอจะยาไส้ด้วยซ้ำ แล้วเขาจะมีเงินพอสำหรับจ่ายเพื่อเพิ่มการพัฒนารากวิญญาณของเขาได้ยังไง?

สรุปง่ายๆก็คือ เขามันโค*รตจน!

ในขณะที่จิตใจของเขายังจมอยู่กับความกังวลนั้น เขาก็ได้ยินเสียงร้องราวกับหมูที่กำลังจะถูกเชือดของเมิ่งเจียงดังขึ้น “บ้าจริง! มีสองคนที่ได้ 691 คะแนน! ซือเจียเสวี่ยกับเฮ่อเหลียนเลี่ย สองคนนั้นได้ที่หนึ่งในการสอบครั้งนี้อีกตามเคย!”

ในเวลานี้ คือเวลาที่นักเรียนชั้นปีที่สามทุกคนต้องทำการสอบจำลอง ที่ด้านหน้าของห้องเรียนมีหน้าจอโฮโลแกรมติดอยู่ และได้แสดงรายชื่อกับข้อมูลของนักเรียนที่ได้ 10 อันดับแรกของทั้งโรงเรียน ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของทั้งโรงเรียนนั้น เป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม ที่มีท่าทีเย็นชาและบริสุทธิ์ราวหิมะ และชายหนุ่มร่างสูง ที่มีสายตาขู่ขวัญและท่าทีในแบบของผู้กล้า

คะแนนของทั้งสองไม่ได้ทำให้หลี่เย้าตกใจมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตาของหลี่เย้าต้องลุกเป็นไฟ เพราะความอิจฉาก็คือ ค่าการพัฒนารากวิญญาณของทั้งสองต่างหาก

ซือเจียเสวี่ยนั้นมีค่าการพัฒนารากวิญญาณอยู่ที่ 71% ส่วนเฮ่อเหลียนเลี่ยนั้นมีค่าการพัฒนารากวิญญาณอยู่ที่ 72%!

เมิ่งเจียงยังคงพร่ำบ่นออกมา “จุ๊จุ๊จุ๊ สมแล้วที่พวกเขาเป็นถึงดาวเด่นของโรงเรียนเรา เทพธิดากับเทพบุตรของโรงเรียน พวกชั้นยอดในหมู่คนชั้นยอดของคลาสพิเศษ! มาดูสองคนนี้สิ ไม่ใช่แค่ว่าจะสวยหล่อกันอย่างเดียวเท่านั้นนะ แต่พวกเขายังมาจากตระกูลที่ร่ำรวยแล้วก็มีอำนาจมากด้วย มีข่าวลือมาว่า ในสายตระกูลของพวกเขามีผู้ฝึกตนอยู่หลายคนเลยล่ะ คะแนนสอบก็ดี แถมอัตราการพัฒนาของรากวิญญาณก็ยังสูงอีก แล้วพวกเขาก็คืออาวุธลับของโรงเรียนเรา ที่จะเอาไว้ใช้โจมตีการสอบเข้ามหาลัยปีนี่! ทุกคนต่างก็พูดกันว่า การสอบเข้า 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ ก็เป็นแค่เรื่องหมูๆสำหรับพวกเขา แล้วการที่โรงเรียนเชิญดาบปีศาจเผิงห่ายมา ก็เพื่อมาฝึกสอนให้พวกเขาโดยเฉพาะเลยล่ะ จริงๆแล้วมันยังมีอีกความหมายซ่อนอยู่ด้วยนะ ก็คือโรงเรียนของเราคาดหวังไว้ว่า พวกเขาจะสามารถทำคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยติดระดับท็อปด้วย อย่างน้อย ติดท็อปสอบของเมืองฝูเกอก็ยังดี!”

เมิ่งเจียงพูดไม่หยุด จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เฮ้อ ของใช้ไม่นานก็ถูกทิ้งขว้าง คนเราไม่นานเดี๋ยวก็ตาย ทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นนักเรียนมอปลายเหมือนกัน อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่พอผ่านการสอบเข้ามหาลัยไปเมื่อไหร่ ฉันกลัวว่าพวกเขาคงจะบินออกไปไกล แล้วเข้าไปสู่แวดวงของพวกผู้ฝึกตน มีชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า อยู่อย่างไม่ต้องทุกข์ร้อน ส่วนเด็กจนๆอย่างเรา ก็คงจะเป็นชนชั้นแรงงานกินเงินเดือนไปตลอดชีวิต คิดถึงเรื่องนี้ทีไร ใจฉันก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทุกที!”

เขาพูดอยู่นาน แต่หลี่เย้าก็ไม่ได้ตอบสนองกับคำพูดของเขาเลย เมิ่งเจียงหันไปมองหลี่เย้า และเห็นว่าหลี่เย้ากำลังเหม่อมองรูปภาพของซือเจียเสวี่ยอยู่ แววตาของเขาสงบนิ่งและว่างเปล่า บอกไม่ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เมิ่งเจียงเคาะหัวเพื่อนสนิทของเขาเบาๆ “นี่ เพื่อน อย่าบอกนะ ว่านายตกหลุมรักซือเจียเสวี่ยน่ะ? ฉันขอเตือนนายด้วยความหวังดีไว้ก่อนเลยนะ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นสิ่งที่ฉันกับนายแตะต้องไม่ได้ เธอน่ะเป็นเพื่อนกับเฮ่อเหลียนเลี่ยมาตั้งแต่เด็ก มีข่าวลือว่า ทั้งสองตระกูลตั้งใจที่จะให้ทั้งสองคนนี้แต่งงานกันด้วยนะ แล้วอีกอย่าง เธอก็เป็นเป้าหมายที่เฮ่อเหลียนเลี่ยต้องการได้มาครอง แล้วเขาก็ยังแข็งแกร่ง แถมยังความอดทนต่ำด้วย เขาไม่เคยยอมให้ใครเข้าใกล้ซือเจียเสวี่ยเลย ครั้งก่อน มีเด็กใหม่ย้ายมาที่โรงเรียนเรา แล้วดันไม่เจียมตัวประกาศออกไปว่า เขาจะจีบซือเจียเสวี่ย ผลก็คือ ตอนเรียนคลาสศิลปะการต่อสู้ เขาถูกเฮ่อเหลียนเลี่ยหักกระดูกไปสามท่อน ถ้าเป็นเด็กคลาสสามัญอย่างเราๆ แค่เฮ่อเหลียนเลี่ยจาม เขาก็ทำให้เรากระอักเลือดได้แล้ว”

“ไร้สาระ”

หลี่เย้าถอนสายตากลับมา แล้วพูดออกมาอย่างชัดเจนว่า “ตอนนี้เลิกพูดถึงเรื่องของเฮ่อเหลียนเลี่ยเถอะ มาพูดเรื่องของซือเจียเสวี่ย ที่เอาแต่ทำหน้าเย็นชาทั้งวันราวกับคนตาย บางทีเธออาจจะเป็นผู้หญิงตายด้านก็ได้นะ แล้วฉันจะไปชอบผู้หญิงประเภทนี้ได้ยังไง?”

......

ทรัพยากรส่วนใหญ่ของทางโรงเรียนนั้น มักจะมอบให้กับนักเรียนของคลาสพิเศษกับคลาสปกติ ส่วนกฎเกณฑ์ที่พวกเขาใช้กับเด็กคลาสสามัญนั้นค่อนข้างเรียบง่าย ดังนั้น หลังจากที่จบการจำลองการสอบแล้ว สิ่งที่นักเรียนในคลาสสามัญต้องทำ ก็คือการเน้นไปที่เรื่องจุดอ่อนและฝึกฝนทักษะพิเศษเท่านั้น เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาบ่าย 4 โมง ชั้นเรียนก็เลิก

“รอฉันเดี๋ยวนะ แล้วเราจะได้เดินไปพร้อมกัน ฉันไปเจอร้านขายแพนเค้กร้านใหม่มาล่ะ เจ้าของเป็นคุณลุงที่ทำงานพาร์ทไทม์ที่นิกายหัวเฉินด้วยล่ะ แล้วเขาก็ยังได้เรียนทักษะ”ฝ่ามือหัวหยุน“มาด้วย”ไข่เจียวไฟโลกันต์“ที่เขาเป็นคนทำมันสุดยอดมาก วันนี้ฉันจะเลี้ยงนายเอง ว่าไง?” เมิ่งเจียงตบไปที่หน้าอกของตัวเองอยู่หลายครั้ง

“ฉันไปไม่ได้ พอดีวันนี้ฉันมีธุระน่ะ”

“หรือว่า จะให้ฉันเลี้ยงนายวันพรุ่งนี้ดีล่ะ!” เพื่อนสนิทของเขาพูดออกมาอย่างไม่ลังเล แต่หลี่เย้าได้หนีออกไปจากห้องเรียนด้วยความเร็วสูงแล้ว

ในเวลานี้ หลี่เย้าหันมองซ้ายขวา ทำตัวอย่างกับหัวขโมย เขาวิ่งวนไปรอบโรงเรียนได้ครึ่งวงกลม เขาผ่านหน้าโรงอาหาร แล้วไปหยุดที่ป่าด้านหลังโรงเรียนเกือบหนึ่งนาที ก่อนที่จะเดินกลับไปยังทางเดิมที่เขามา เขาใช้ปลายเท้าเดินย่องไปอย่างเงียบๆ แล้วแอบเข้าไปยังชั้นแรกของตึกเรียนเก่า ที่แต่ละห้องเต็มไปด้วยเศษขยะ

เขาปิดประตูเบาๆ แล้วก็พบเข้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆของกล้วยไม้ป่า

ในมุมมืดมุมหนึ่ง มีดวงตาที่ใสกระจ่างคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองมาที่เขาคล้ายกับจะหมดความอดทน ใต้ดวงตาคู่นั้น มีจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากบางที่เม้มแน่นอยู่

หากเมิ่งเจียงอยู่ที่นี่ด้วย เขาต้องกรีดร้องเหมือนเสียงหมูที่กำลังถูกเชือดออกมาอย่างแน่นอน “โอเค เสี่ยวเย้าที่น่าตาย ความจริงแล้วนายแอบมาเจอกับเทพธิดาของโรงเรียนสินะ! นาย! นายมันแน่มาก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด