4 ดาบปีศาจเผิงห่าย
4 ดาบปีศาจเผิงห่าย
สายตาของหัวหน้าครูผู้สอนนั้นราวกับเสือที่กำลังจดจ้องไปที่เหยื่อของมัน ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่เย้าก็เร่งฝีเท้าพุ่งผ่านเข้าไปยังประตูที่กำลังจะถูกปิด เขาพ่นลมหายใจออกมาและดูเวลาที่นาฬิกา 7.29น. ซึ่งเส้นยาแดงผ่าแปดพอดี!
และเหมือนกับโรงเรียนอื่นๆในสหพันธรัฐ ที่โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองได้เข้าสู่ “ช่วงเวลาการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่บ้าคลั่ง” ได้เกิดแสงแห่งการฆ่าฟันส่องผ่านเข้าไปในโรงเรียน ราวกับเป็นสนามรบ ที่อาคารประตูทางเข้าของโรงเรียนได้ติดป้าบโฮโลแกรมขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลาง ที่ด้านบนสามารถอ่านได้ว่า
“เวลาก่อนถึงการสอบ : 99 วัน 18 ชั่วโมง 32 นาที 57 วินาที!”
ตัวเลขที่อยู่บนป้ายโฮโลแกรมได้มีการเปลี่ยนแปลงทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขนั้นไม่มากนัก แต่กลับส่งแรงกดดันต่อผู้เข้าสอบได้อย่างใหญ่หลวง
สองข้างของตึกที่ติดป้ายโฮโลแกรมขนาดใหญ่เอาไว้ ยังมีข้อความเขียนเอาไว้ด้วยว่า
“ตราบใดที่การเรียนไม่ทำให้ถึงตาย ก็จงเรียนจนตายไปข้าง!”
“คะแนนที่เพิ่มขึ้น หมายถึงเหยียบย้ำคนนับพัน!”
“โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองจะปกครองสหพันธรัฐ สาบานที่จะพุ่งสู่การสอบ หรือถูกขับไล่!”
“เข้าสู่ <9 มหาวิทยาลัยชั้นยอด> กลายเป็นผู้ฝึกตน ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต!”
เสียงเพลงปลุกใจและเร่าร้อนดังก้องกังวานไปทั่วโรงเรียน นักเรียนกว่าพันคนพากันเดินเบียดเสียดกันไปราวกันสายน้ำที่ไหลตรงไปยังสนามกีฬาของโรงเรียน หลี่เย้าเร่งฝีเท้าของเขาและแทรกเข้าไปในคลื่นของฝูงชน ทันทีที่พวกเขาเดินไปถึงสนามกีฬา เด็กนักเรียนได้แยกกันออกเป็นสามกลุ่ม ที่แบ่งแยกออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด
นักเรียนกลุ่มแรกนั้นมีอยู่เพียงสี่สิบคน ทุกคนต่างมีภาพลักษณ์ที่สง่าผ่าเผยและงดงามราวกับถูกแกะสลักขึ้นมาจากธรรมชาติ เหล่าคนที่ดูหยิ่งยโสและอวดดีทั้งสี่สิบคนนี้ คือคนที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ เครื่องแบบนักเรียนที่อยู่บนร่างกายของพวกเขาถูกถักทอขึ้นมาจากไหมสวรรค์ มันได้ถูกออกแบบและตัดโดยช่างที่เป็นผู้ฝึกตน เสื้อผ้าของพวกเขาโบกสะบัดไปตามแรงลม และส่องประกายราวกับสมบัติที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ ทุกๆอย่างในตัวของพวกเขา แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา พวกเขาคือนักเรียนของ “คลาสพิเศษ” อัจฉริยะจากหนึ่งในพันของนักเรียนทั้งหมด พวกเขาคือต้นกล้าชั้นดี ที่มีความสามารถพอที่จะเข้าเรียนใน <9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ>ได้
นักเรียนกลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดประมาณ 7-8 ร้อยคน เครื่องแบบของพวกเขาได้รับการถักทอจากไหมสวรรค์เช่นเดียวกับนักเรียนกลุ่มแรก แต่ไม่ใช่เครื่องแบบที่ถูกสั่งตัดและออกแบบโดยช่างที่เป็นผู้ฝึกตน พวกเขาดูทึมทื่อและธรรมดาสามัญ ซึ่งเป็นใบหน้าที่ดูไม่แตกต่างกันมากนัก พวกเขาคือนักเรียนใน “คลาสปกติ” ส่วนใหญ่คือเด็กที่มาจากครอบครัวมีเงินและตระกูลใหญ่ ในส่วนของความสามารถของพวกเขานั้น เกิดจากการใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของพวกเขา
นักเรียนกลุ่มที่สามมีอยู่ด้วยกันประมาณร้อยกว่าคน เครื่องแบบนักเรียนของพวกเขานั้น ถูกตัดด้วยผ้าพื้นๆ ทั้งยังดูหลวมโพรกและเก่า ทำให้ดูเทอะทะ เจ้าของเครื่องแบบเหล่านี้ไม่ได้มีพลังพิเศษใดๆแผ่ออกมาจากร่างกาย พวกเขาเหล่านี้คือนักเรียนของ “คลาสสามัญ” ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ในคลาสนี้มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง การมาอยู่ในโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองของพวกเขา ก็ไม่ต่างไปจากฝูงปลาฝูงใหญ่ที่พยายามแหวกว่ายอย่างหนัก
หลี่เย้านั้นเป็นเด็กนักเรียนของคลาสสามัญ และไม่นานเขาก็หาจุดยืนในแถวเจอ ในตอนที่เขาเพิ่งจะเข้าไปยืนในแถวได้แล้วนั้น ก็มีใครบางคนตบลงไปที่ไหล่ของเขา พร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่า “ปีศาจน้อย นายเพิ่งจะมาถึงใช่ไหม? ดูเหมือนวันนี้จะมีคนสำคัญเดินทางมาที่โรงเรียนของเราด้วยล่ะ!”
หลี่เย้าไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมอง ก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือเพื่อนสนิทของเขา “เมิ่งเจียง” เขาเงยหน้าขึ้นไปมองบนเวที ใช่จริงๆด้วย เขาพบว่ามีทั้ง อาจารย์ใหญ่, รองอาจารย์ใหญ่ และอาจารย์ฝ่ายระเบียบวินัย รวมอยู่ในกลุ่มของอาจารย์หลายๆคนที่ยืนอยู่บนเวทีนั้นด้วย คนที่อยู่ในระดับสูงทั้งหมดล้วนมารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าทุกเช้า
“คนสำคัญคนไหนกันที่สามารถทำให้โรงเรียนต้องทำถึงขนาดนี้ได้? ขนาดหัวล้านจ้าวถึงกับต้องออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองแบบนี้!”
หากพูดให้ถูก หัวล้านจ้าวก็คือรองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง จ้าวชู่เต๋อ เขาเป็นหนึ่งในเสาหลักของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง ที่เคร่งขรึมและเอาจริงเอาจังอยู่เสมอ เขาเป็นผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังในการบ่มเพาะอยู่ในระดับสูง แต่มีข่าวลือออกมาว่า ในตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม เขาได้รับบาดเจ็บในระหว่างการฝึกฝนอยู่ใน “ดินแดนรกร้าง” ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตลอดทั้งปี เขาก็มักจะปิดประตูเพื่อฝึกตนเป็นส่วนใหญ่ และแทบจะไม่ออกมายุ่งเกี่ยวกับการจัดการเรื่องของโรงเรียนเลย
“เขาคือ เผิงห่าย! ยังไงล่ะเพื่อน เขาคือ ‘ดาบปีศาจ’เผิงห่าย!” เมิ่งเจียงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูสั่นเครือ
แค่ชื่อนี้ชื่อเดียว ก็สามารถทำให้อัตราการเต้นของหัวใจของหลี่เย้าเต้นระรัวได้
ดาบปีศาจเผิงห่าย คือศิษย์เก่าที่เป็นตำนานในรอบหลายร้อยปีของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง
เขาเป็นเด็กที่เกิดจากในสลัม ตั้งแต่ยังเด็ก เขาก็ได้แสดงพรสวรรค์ของการเป็นผู้ฝึกตนให้ได้เห็น เมื่อเขาอายุได้ 11 ปี เขาก็ถูกทางโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองรับเข้าเรียนเป็นกรณีพิเศษ เมื่ออายุได้ 12 ปี “ระดับการพัฒนาพลังจิตวิญญาณ” ของเขาสูงถึง 100% และเขายังสามารถปลุกรากวิญญาณระดับสูงสุดได้ด้วย และเมื่อเขาอายุได้ 13 ปี เขาได้รับการตอบรับจาก 1ใน9มหาวิทยาลัยชั้นนำคือ “สถาบันการสงครามต้าฮวง” เมื่อเขาจบการศึกษาตอนอายุ 15 ปี เขาก็สามารถบ่มเพาะไปถึงขั้นที่ 10 ของระดับการกลั่นวิญญาณ และได้กลายเป็นดาวแห่งความหวังของสหพันธรัฐ!
หลังจากที่เขาจบการศึกษาจาก “สถาบันการสงครามต้าฮวง” แล้ว เขาได้ปฏิเสธข้อเสนอเงินเดือนสูงลิ่วจากหลายๆนิกาย และตัดสินใจเข้าร่วมกับ “กองทัพแห่งสหพันธรัฐ” อย่างเด็ดเดี่ยว ในดินแดนรกร้าง เขาได้ต่อสู้กับสัตย์อสูรนับล้านเพื่อปกป้องรุ่นเยาว์และเลือดเนื้อของสหพันธรัฐ จนเกิดเป็นกองภูเขาซากศพและทะเลเลือดของเหล่าสัตย์อสูร ด้วยความบ้าคลั่งและน่าประทับใจของเขาจนได้ฉายาว่า “ดาบปีศาจ” ในที่สุดเมื่อเขาอายุได้ 22 ปี เขาก็ได้กลายเป็นผู้ฝึกตนที่อายุน้อยที่สุดในสหพันธรัฐที่สามารถเข้าสู่การบ่มเพาะในระดับรากฐานวิญญาณได้!
หลังปลดประจำการ เผิงห่ายก็ได้กลับมาที่บ้านเกิดของเขา ด้วยข้อเสนอเป็นจำนวนเงินมหาศาล เขาจึงได้เข้าร่วมกับกลุ่มซื่อเซียว ภายในช่วงเวลาสั้นๆแค่ 3 ปี เขาก็ได้กลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ของแผนกที่มีชื่อว่า “กลุ่มขนส่งซื่อเซียว” ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างเส้นทางขนส่งใหม่ ในเขตพื้นที่อันตรายซึ่งเต็มไปด้วยสัตย์อสูรที่ดุร้าย นอกจากเงินที่สูงลิ่วของเขาแล้ว พูดกันว่า เขายังได้รับส่วนแบ่งจากหุ้นของ “กลุ่มขนส่งซื่อเซียว” เป็นเงินปันผลด้วยเงินทองกองเท่าภูเขา!
“นายเคยได้ยินข่าวลือนี้ไหม? ว่าตอนที่เผิงห่ายอยู่”หาดหยินป่าย“เขาซื้อวิลล่าติดริมทะเลเอาไว้หลังหนึ่ง เขาว่ากันว่า มันมีราคาสูงถึง 70-80ล้านเหรียญ! นักข่าวแทบลอยด์บอกว่า เขาชอบพาสาวๆเป็นสิบมาปาร์ตี้กันที่วิลล่าของเขาด้วยล่ะ!” เมิ่งเจียงพูดจนน้ำลายแตกฟอง และไม่อาจเก็บซ่อนความอิจฉาของเขาได้
จากเด็กในสลัม กลายมาเป็นผู้จัดการระดับสูง มีเงินนับร้อยล้าน รถหรู และสาวงามรายล้อม พร้อมกับวิลล่าติดริมทะเล ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความฝันของเด็กสลัมทุกคน และหลี่เย้ากับเมิ่งเจียงต่างก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
พวกเขาต่างกระหายอยากที่จะเป็นเผิงห่ายคนต่อไปกันทั้งนั้น!
“เขามาแล้ว!”
นาฬิกาข้อมือของหลี่เย้าสั่นเตือน แสดงให้รู้ว่ามีบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงผ่านทางอากาศ มายังที่นี่ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทางทิศตะวันออก เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนมันเป็นท้องฟ้า แต่เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ได้มียานบินสีดำโผล่ขึ้นมากลางท้องฟ้า!
ตัวยานบินมีความเพรียวบางและเป็นมันเงา คล้ายกับหยดน้ำที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น มันมีความยาวพอๆกับยานบินทั่วไป การตกแต่งด้านนอกของตัวยานนั้นใสแจ๋วและไม่เห็นรอยต่อหรือหมุดเลยแม้แต่น้อย ถือได้ว่าเป็นยานบินที่ถูกออกแบบมาได้อย่างดีเยี่ยม มันไม่สามารถบอกได้เลยว่าวัสดุที่ถูกนำมาตกแต่งด้านนอกตัวยานคืออะไร ภายใต้บรรยากาศอันตรายที่แผ่ออกมาจากยานบินสีดำวาวเป็นประกาย จนเกือบทำให้หัวใจของคนที่อยู่รอบด้านต้องหยุดเต้น ด้วยแรงของความต้องการฆ่าฟันที่อวลอยู่ในอากาศ ได้ทำให้นักเรียนเกือบพันคนแทบหายใจไม่ออก
“มันคือ ‘ยานรบมิสติกเบิร์ด!’ ยานรบที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดของสหพันธรัฐ! ความสามารถในการรบของยานอาจจะสูงกว่าผู้ฝึกตนในระดับรากฐานวิญญาณด้วยซ้ำ! เมื่อยานบินถูกใช้งาน แม้แต่สัตย์อสูรในดินแดนรกร้างก็ยังไม่สามารถต้านทานได้!” หลี่เย้าพูดออกมาด้วยความคลั่งไคล้ที่มีอยู่ในจิตใจของเขา
ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของอาร์ติเฟ็กซ์อย่างหลี่เย้าแล้ว “ยานรบมิสติกเบิร์ด” ยังเป็นสิ่งที่เขาให้การยกย่องชื่นชมมากกว่าตัวของเผิงห่ายด้วยซ้ำ!
และที่มากไปกว่านั้น เขายังรู้อีกว่า แค่ราคาส่วนประกอบตัวยานรบมิสติกเบิร์ดในตลาด ก็สูงเกือบหนึ่งร้อยล้านเหรียญแล้ว ซึ่งแม้แต่ครอบครัวที่ร่ำรวยหรือตระกูลใหญ่ก็ไม่อาจเอื้อมถึงได้
ผ่านไปหนึ่งวินาที ท้องที่ถูกบีบรัดของเด็กนักเรียนนับพันก็คลายตัวลง และพวกเขาก็สามารถกลับมาหายใจเป็นปกติได้อีกครั้ง ยานรบมิสติกเบิร์ดที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนท้องฟ้าก็ค่อยๆลดระดับลงมา
แววตาดำมืดราวกับผุดขึ้นมาจากขุมนรกคู่หนึ่ง ที่ยังคงมีแสงส่องประกายแวววาว ในทุกการกลิ้งกลอกก็ทำให้นึกถึงสายฟ้าฟาด ไม่ต่างจากแววตาของสัตย์อสูร
ทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบจากการจ้องมองของเขา ซึ่งแม้แต่รองอาจารย์ใหญ่จ้าวชู่เต๋อ และอาจารย์ฝ่ายระเบียบวินัยที่ดุอยู่เสมอยังไม่อาจทนรับการจ้องมองจากเขาได้ จนต้องหลบสายตา พวกเขาไม่มีใครกล้าสบตากับเขาเลย
“พวกผู้ฝึกตนนี่รวยกันจริงๆ! พวกเขาทั้งสุดยอด! ทั้งมีอำนาจล้นมือ!” หลี่เย้าพึมพำ พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“มีข่าวลือมาว่า โรงเรียนเชิญเผิงห่ายให้กลับมาเป็นโค้ชสอนพวก”คลาสพิเศษ“โดยเฉพาะเลยนะ! นี่ ปีศาจน้อย นายรู้ใช่ไหมล่ะว่าโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองของเราเป็นถึงหนึ่งในสิบโรงเรียนดังน่ะ แต่หลายปีมานี้ กลับไม่มีนักเรียนที่ทำผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้โดดเด่นพอเลย แล้วคนที่สอบเข้า”9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ“ได้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะแบบนี้ ชื่อเสียงของโรงเรียนเราเลยไม่ได้ดังเท่าโรงเรียนอื่น ดังนั้น คราวนี้พวกเขาเลยเชิญเผิงห่ายให้กลับมาฝึกพิเศษโดยเฉพาะ เพราะหวังว่าเขาจะเปลี่ยนโชคชะตาของโรงเรียน และทำให้มันกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งหนึ่ง!” น้ำเสียงของเมิ่งเจียงเต็มไปด้วยความอิจฉาตาร้อน
เพราะมีเพียงนักเรียนใน “คลาสพิเศษ” เท่านั้น ที่โชคดีพอจะได้รับการสั่งสอนจากดาบปีศาจเผิงห่ายเป็นการส่วนตัว ส่วนนักเรียนใน “คลาสสามัญ” อย่างพวกเขานั้น คงไม่มีสิทธิเลยแม้แต่น้อย
หลี่เย้าได้ฟังแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา
“9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ” คือ สถานที่ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรความรู้ในด้านการฝึกฝนมากที่สุดในสหพันธรัฐ พวกเขามีทั้งทรัพยากรมากมาย และเต็มไปด้วยเหล่าอาจารย์ผู้สอนที่อยู่ในระดับสูงอีกเป็นจำนวนมาก ทั้ง 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ จึงกลายเป็นสถานที่ที่นักเรียนในทุกโรงเรียนของสหพันธรัฐต่างก็เฝ้าฝันที่จะได้เข้าไปเรียน
สำหรับมหาวิทยาลัยทั่วไปนั้น พวกเขาไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงดูผู้ฝึกตน แม้แต่นักเรียนที่มีพรสวรรค์สูง ที่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักสักแค่ไหน หรือได้พบเจอกับโชคดีมากแค่ไหน โอกาสที่พวกเขาจะได้กลายเป็นผู้ฝึกตนยังมีไม่ถึงหนึ่งในพันด้วยซ้ำ
แต่ 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำนั้น ต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากนิกายมากมาย ทั้งยังสนับสนุนทรพยากรในด้านการบ่มเพาะเป็นพิเศษ ตราบใดที่นักเรียนถูกรับเข้าไปเรียนใน 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำเหล่านี้ พวกเขาก็มีโอกาสถึง 30% ที่จะได้กลายเป็นผู้ฝึกตน และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิ!
กลายที่จะกลายเป็นผู้สร้างอาร์ติเฟ็กซ์ในระดับมาสเตอรได้นั้น อันดับแรกคือต้องกลายเป็นผู้ฝึกตนให้ได้ก่อน และการที่จะสามารถกลายเป็นผู้ฝึกตนได้ สิ่งแรกก็คือต้องสอบเข้า 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำให้ได้ก่อน หลี่เย้านั้นได้ใส่ความพยายามลงไปกับเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบ เขานั้นไม่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่กำเนิดและไม่มีความสามารถมากพอ ระยะทางของการไปสู่ความฝันของเขา ได้ไกลออกไปเรื่อยๆ
เพราะความกังวลที่มีอยู่ในจิตใจ ทำให้ความกระตือรือร้นในใจของหลี่เย้าลดลง และทำให้เขาไม่ได้ยินคำปราศรัยบนเวทีเลย เวลาเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกตน ดาบปีศาจเผิงห่ายจึงไม่ได้ใช้เวลาในการพูดนานนัก และอาจารย์ใหญ่ก็ได้ประกาศเลิกการประชุมในเช้านี้ลง
เผิงห่ายได้รับการรับรองจากเหล่านักเรียนคลาสพิเศษที่เย่อหยิ่ง และได้จากไปพร้อมกับพวกเขา และนักเรียนจากคลาสปกติและคลาสสามัญ ก็ได้พากันแยกย้ายไปตามตึกเรียนของแต่ละคลาส
และด้วยเหตุนี้ การเรียนของวันนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!