บทที่ 84 ผู้อยู่เบื้องหลัง
ตามกฎของสำนัก? จัดการตอนนี้?
เจียงอี้แสดงสีหน้าเย้ยหยันต่ออาจารย์จ้าว เขาไม่คิดหนีและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “อาจารย์จ้าว ท่านสมรู้ร่วมคิดกับพวกมือสังหารเพื่อฆ่าข้า แล้วท่านจะเอ่ยถึงกฎของสำนักได้เยี่ยงไร? ท่านไม่ต้องการที่จะเป็นอาจารย์อีกต่อไปแล้ว? เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านแน่ใจหรือว่าไม่มีพยานรู้เห็นอยู่รอบๆนี้?”
ร่างของอาจารย์จ้าวหยุดชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความโหดเหี้ยมออกมา เขากัดฟันและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกน “เจียงอี้! ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไง… ตราบใดที่อยู่ต่อหน้าข้า เจ้าจะต้องตาย! ข้าจะกำจัดเจ้าในฐานะตัวแทนของสำนัก!”
“อะแฮ่ม!”
แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะ ที่ด้านหนึ่งของป่า จู่ๆก็มีร่างเงาแปดร่างโผล่ออกมา ผู้นำเป็นชายร่างอ้วนที่มีรอยยิ้มอันไร้เดียงสาบนใบหน้า เขาหันไปทางอาจารย์จ้าวและกล่าว “อาจารย์จ้าว ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ? นี่ท่านกำลังจะสังหารศิษย์ของสำนักต่อหน้าพวกเรา?”
“เฉียนว่านก้วน? ไม่ใช่ว่าเจ้า…”
ร่างของอาจารย์จ้าวถึงกับหลั่งเหงื่อ แต่พริบตาเดียวดวงตาของเขาก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวอย่างเรียบเฉย “เฉียนว่านก้วน หากว่าเจ้าฉลาดพอก็จงอย่าได้สอดมือเข้ามายุ่ง! เจียงอี้ผู้นี้ได้ฝ่าฝืนกฎของสำนัก…”
“ฮ่าฮ่า!”
ก่อนที่อาจารย์จ้าวจะทันพูดจบ เขาก็ถูกเสียงหัวเราะของเฉียนว่านก้วนขัดจังหวะเสียก่อน “เจียงอี้ละเมิดกฎของสำนักจริง แต่คนที่ควรจะลงโทษเขาก็ควรเป็นหน่วยลาดตระเวนไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ คนที่เจียงอี้ฆ่าไปเป็นศิษย์ของสำนักจริงๆ? แต่ข้าว่า… ดูยังไง อายุของพวกมันอย่างน้อยสุดก็ยี่สิบเจ็ดปี พวกมันจะเป็นศิษย์ของสำนักได้อย่างไร?”
“เห็นอยู่ว่าพวกมันเป็นคนนอก แล้วทำไมเจียงอี้ถึงจะสังหารพวกมันไม่ได้? อาจารย์จ้าว ในโลกนี้มีบางคนที่ท่านไม่ควรจะล่วงเกิน หนึ่งในนั้นรวมไปถึงข้าด้วย… อ่อ จริงสิ ได้ข่าวว่าครอบครัวของท่านอาศัยอยู่ในเมืองหู่เซี่ยวใช่หรือไม่?”
คราวนี้สีหน้าของอาจารย์จ้าวแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาเหลือบมองเจียงอี้ก่อนที่จะหันกลับมามองเฉียนว่านก้วน จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขมขื่น “นายน้อยเฉียน ข้าถูกบังคับให้ต้องทำ… ข้าหวังว่าท่านจะไม่แตะต้องครอบครัวของข้า!”
ปังง!
หลังจากที่กล่าวจบ อาจารย์จ้าวก็โคจรแก่นแท้พลังไปที่ฝ่ามือและกระแทกใส่ศีรษะของตัวเอง โลหิตมากมายไหลรินออกมาพร้อมกับร่างอันไร้วิญญาณที่ล้มลงบนพื้น
“หืม?”
ม่านตาของเจียงอี้หดแคบลง เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะลงเอยเช่นนี้ อาจารย์ของสำนักจิตอสูรถึงกับถูกบังคับให้ต้องจบชีวิตตัวเองเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเฉียนว่านก้วน?
แต่พริบตาเดียวเจียงอี้ก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาหันไปทางเฉียนว่านก้วนและเอ่ยถาม “อาจารย์จ้าวถูกใครบางคนบังคับ?”
“เหอะ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี ไม่ว่าเขาจะฆ่าเจ้าได้หรือไม่ก็ตาม!”
เฉียนว่านก้วนพยักหน้าและกล่าว “อาจารย์จ้าวจะต้องได้รับข้อมูลบางอย่างมาซึ่งทำให้เขากล้าเสี่ยง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทำภารกิจลุล่วง ผู้อยู่เบื้องหลังก็ยังต้องกำจัดเขาอยู่ดีเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ด้วยความประมาทของข้า มันทำให้ข้าถูกหลอกแต่โชคดีที่ข้าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นล่ะก็…”
เจียงอี้หัวเราะเล็กน้อย ความสงสัยในตัวของเจ้าอ้วนภายในใจของเขาได้สูญสลายไป หากเฉียนว่านก้วนคิดจะเล่นไม่ซื่อจริงๆ เขาคงไม่ปรากฏตัวออกมาในเวลานี้
“พวกมันเป็นใครกัน? เจ้าสามารถสืบมาได้หรือไม่? อีกอย่าง… ข้าได้ยินว่าหนึ่งในพวกมันถูกเรียกว่าอิงปา”
ม่านตาของเฉียนว่านก้วนหรี่ลง เขาเดินไปยังซากศพที่อยู่ด้านข้างเจียงอี้ จากนั้นเขาก็ส่งสายตาให้กับผู้ติดตามและส่งพวกเขาสองคนเข้าไปในถ้ำ หลังจากที่ตรวจสอบศพอยู่ชั่วครู่ เขาก็เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ
“ชายคนนี้ไม่ได้มาจากตระกูลอิง หากเป็นตระกูลอิงจริงๆ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้ายังคงรอดชีวิตอยู่ ยังไงก็เถอะ พวกมันทั้งหมดคือนักฆ่ามืออาชีพ! เฉียนทงเสิน ส่งสัญญาณให้กับอาจารย์หลิวและอิงชาให้มาที่นี่ด่วนเลย”
สมาชิกจากตระกูลเฉียนผู้นั้นเคลื่อนไหวตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเฉียนว่านก้วนก็หันมาทางเจียงอี้และกล่าวด้วยสีหน้าประจบประแจง
“ลูกพี่ เจ้ามันสุดยอดจริงๆ! สามารถเอาชนะพวกมันทั้งสิบสามคนด้วยตัวคนเดียว อีกทั้งหนึ่งในพวกมันยังเป็นถึงจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่และอีกห้าคนที่เหลือยังบรรลุขอบเขตฉูติ่งขั้นสูงสุด!”
“หึหึ ก็แค่โชคดี”
เจียงอี้หัวเราะกลบเกลื่อนพลางส่ายหัว หากไม่ใช่เพราะสัตว์อสูรตนนั้น เขาอาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว
“พวกเราจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง? นอกจากนี้มันยังเกี่ยวข้องกับการตายของอาจารย์ผู้หนึ่ง…”
“ฮ่าฮ่า ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”
เฉียนว่านก้วนหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจและกล่าว “เมื่ออาจารย์หลิวและหน่วยลาดตระเวนมาถึง ข้าจะจัดการเอง”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันได้ไม่นาน ผู้ที่ถูกเรียกว่าอาจารย์หลิวและอิงชาก็มาถึง เฉียนว่านก้วนขอให้อิงชาแสดงทักษะการลอบสังหารของเขาให้กับเจียงอี้ดู หลังจากที่ลองนำไปเทียบกับทักษะของมือสังหาร เจียงอี้ก็เข้าใจทันทีว่านักฆ่าเหล่านี้ไม่ได้มาจากตระกูลอิง ก็เหมือนกับที่เฉียนว่านก้วนกล่าวก่อนหน้านี้ หากเป็นคนของตระกูลอิงจริงๆ เขาคงจะตายไปนานแล้ว
อิงชาสำรวจศพและเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา “เจียงอี้ ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าขอเวลาสามวันเพื่อค้นหาองค์กรนักฆ่าที่พวกมันสังกัดอยู่ แต่ใครคือผู้ที่ส่งพวกมันมานั้น เกรงว่าคงมีเพียงนายน้อยเฉียนที่สามารถบอกได้”
เฉียนว่านก้วนส่ายหัวเล็กน้อยก่อนเอ่ย “อาจารย์จ้าวก็ตายไปแล้ว ถึงจะสามารถค้นหาว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานอยู่ดี”
อาจารย์หลิวผู้นี้เห็นได้ชัดว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับเฉียนว่านก้วน เขาตรวจสอบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้กับหน่วยลาดตระเวน ศิษย์ของสำนักที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้มารวมตัวกัน ก่อนที่หน่วยลาดตระเวนจะมาถึง ทำให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยผู้คน
การตายของอาจารย์ทำให้สำนักจิตอสูรตกอยู่ในความโกลาหล ในขณะที่หน่วยลาดตระเวนกำลังทำการตรวจสอบ อาจารย์หลิวก็ได้นำเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนกลับไปที่สำนัก หลังจากที่ได้พูดคุยกับรองเจ้าสำนัก คำตัดสินสุดท้ายทำให้เจียงอี้ถึงกับพูดไม่ออก
กลับกลายเป็นว่า มือสังหารเหล่านั้นได้กลายเป็นกลุ่มโจรและอาจารย์จ้าวก็คือผู้ที่พลีชีพเพื่อต่อสู้กับพวกมัน ทางสำนักได้นำศพของอาจารย์จ้าวไปฝังอย่างสมเกียรติ สำหรับเจียงอี้… เขาได้กลายเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยเหลืออาจารย์จ้าวในการต่อสู้กับเหล่าคนชั่ว เขาได้รับการยกย่องจากสำนักและยังได้คะแนนสะสมถึงห้าร้อยคะแนน!
“สำนักจิตอสูรเน่าเฟะถึงเพียงนี้เชียว?”
เมื่อเจียงอี้ได้ยินข่าว สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง ไม่ใช่ว่าอาจารย์จ้าวร่วมมือกับพวกมือสังหารเพื่อฆ่าเขา? คนผู้นี้กลัวที่จะถูกเฉียนว่านก้วนเปิดโปงจนบังคับให้ต้องฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายเขาก็ได้ตายในฐานะผู้กล้า? คนเหล่านี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นนักฆ่าอย่างแน่นอน แต่สำนักกลับไม่พยายามที่จะสืบว่าใครคือผู้บงการ?
“ลูกพี่ใจเย็นก่อน!”
เฉียนว่านก้วนหัวเราะขณะเอ่ย “สำนักอื่นๆหรือตระกูลใหญ่เองก็คงจัดการในลักษณะนี้ หากเรื่องที่อาจารย์ต้องการสังหารศิษย์ในสำนักถูกแพร่ออกไป มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ไม่ใช่ว่าพวกเขาให้คะแนนท่านถึงห้าร้อยคะแนนหรอกหรือ? ไม่ต้องห่วง คนของข้ากำลังตรวจสอบอยู่… แต่ตอนนี้ข้าก็พอคาดเดาได้แล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร”
สีหน้าของเจียงอี้แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังและเอ่ย “มันคือเจียงฉีหลิน?”
“มีโอกาสเป็นไปได้เก้าในสิบส่วน!”
เฉียนว่านก้วนพยักหน้า “บรรดาผู้ที่มีเรื่องบาดหมางกับเจ้ามีเพียงแค่มันและเยว่เหม่ยเอ๋อร์ แต่เยว่เหม่ยเอ๋อร์ไม่ได้มีความสามารถในการทำเช่นนั้น ส่วนเจียงฉีหลิน… มันเป็นถึงทายาทสายตรงของตระกูลเจียง สถานะของมันสามารถใช้ข่มขู่อาจารย์จ้าวได้อย่างแน่นอน จากนั้นก็คงใช้เงินในการว่าจ้างนักฆ่า แต่น่าสงสารที่มันประเมินเจ้าต่ำไป!”
เจียงอี้ตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ยถาม “เป็นไปได้ไหมว่าเจียงนี่หลิวจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้?”
เฉียนว่านก้วนจ้องมองไปยังเจียงอี้ราวกับกำลังมองดูคนปัญญาอ่อน “เจียงนี่หลิวมีสถานะอะไร? หากเขาเป็นผู้ที่ส่งมือสังหารมาจริง เจ้าคิดหรือว่าตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้?”
เจียงอี้ถึงกับชะงัก จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา เฉียนว่านก้วนพูดถูก หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะพบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะเป็นเจียงฉีหลิน แต่ก็ไม่มีอะไรที่เจียงอี้สามารถทำได้นอกเสียจากต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะแก้แค้นในภายหลัง
“จริงสิ คะแนนพวกนี้สามารถใช้ทำอะไรได้?”
เจียงอี้จำได้ว่าแม้แต่อันดับหนึ่งของเทศกาลชำระโลหิตยังได้รับเพียงแค่หนึ่งร้อยคะแนนเท่านั้น เขาสามารถใช้พวกมันเพื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มความแข็งแกร่งได้หรือไม่?
ดวงตาของเฉียนว่านก้วนส่องประกายก่อนจะเอ่ย “ลูกพี่ เจ้าได้กำไรก้อนโตจากภัยพิบัติในครั้งนี้! หลังจากที่เจ้าใช้คะแนนทั้งห้าร้อยคะแนนนี้ คาดว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าคงทะลวงสู่ขอบเขตฉูติ่งขั้นที่เจ็ดหรือแปดได้เลยทีเดียว!”