บทที่ 116 - ความโลภเขมือบทุกสิ่ง (3)
บทที่ 116 - ความโลภเขมือบทุกสิ่ง (3)
”
มีทหารอยู่ทั้งหมด 50 คน 40 คนเป็นอัศวิน 10 คนเป็นจอมเวทย์ พวกเขาทั้งหมดเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนและมีเลเวลอย่างน้อยที่ 70 ในหมู่ของพวกเขามีนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งถึง 20 คน ความจริงแล้วฉันรู้สึกประหลาดใจที่หลายคนยังมีชีวิตอยู่หลังจากได้รับการต่อสู้กับกองทัพปีศาจอย่างรุนแรง ถ้าหากทั้ง 50 คนนี้ไปต่อสู้กับมนุษย์โลกก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะชนะแบบขาดลอย ชาวโลกอ่อนแอหรือว่าคนของทวีปลูก้าแข็งแกร่งกันนะ...? ถ้าพวกเขายังแพ้แม้ว่าจะมีกองทัพที่แข็งแกร่งแบบนี้และกองทัพปีศาจจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ?
นอกจากทหารทั้ง 50 คนแล้วก็ยังมีทหารรับจ้างต่างมิติอีก 14 คน ทุกๆคนนอกจากฉันก็ดูเหมือนจะมีเลเวลอย่างต่ำ 60 และในฐานะที่เป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งที่มีคุณสมบัติกลายมาเป็นทหารรับจ้างต่างมิติ พวกเขาทุกคนต่างก็แข็งแกร่ง
แล้วก็รูเดียและเบลโลดทำให้จำนวนคนที่เดินทางไปด้วยกันคือ 66 คน เบลโลดเป็นผู้รับผิดชอบในการนำทางแล้วก็ยังรับผิดชอบในการปกป้องรูเดีย ในฐานะที่เธอเป็นเจ้าหญิงเธอก็มีคุณค่าที่มหาศาลแม้ว่าจะมีเลเวลที่ต่ำ
"ยังไงก็เถอะไม่มีทหารรับจ้างต่างมิติในดันเจี้ยนที่สองเลยหรอ?"
"มีอยู่แล้ว ฉัไม่นคยได้ยินมาแค่ในดันเจี้ยนที่สามและดันเจี้ยยนที่สี่ แต่ฉันเคยได้ยินว่ามีทหารรับจ้างต่างมิติที่มาจากดันเตี้ยนที่สอง มันก็แค่ดูเหมือนจะไม่มีใครรับภารกิจนี้เท่านั้น"
รูเดียได้ตอบคำถามของฉันและจากนั้นเบลโลดก็เพิ่มคำอธิบาย
"นักสำรวจดันเจี้ยนที่สองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่แข็งแกร่งพอที่จะกลายเป็นทหารรับจ้างต่างติมิพวกเขาจะมีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก มีข่าวลือว่าพวกเขาไม่เคยยอมรับภารกิจจากโลกที่สูญเสียฮีโร่ไปเลย"
"เข้าใจแล้ว..."
แม้ว่าฉันจะคิดว่าพวกเขาขี้ขลาด แต่ฉันก็ไม่ได้พูดออกไป
"พวกเราจะไปต่อด้วยม้าที่ได้ฝึกมาพิเศษ ม้าพวกนี้เชื่อฟังเป็นอย่างดีดังนั้นมัน่ใจได้เลยว่าพวกเราจะขี่พวกมันได้สบาย"
อัศวินสามสิบคนได้ขี่ม้าเพียงลำพังในขณะที่อัศวินอีกสิบคนจะขี่ม้าแล้วมีจอมเวทย์ซ้อนอยู่ ทหารรับจ้าต่างมิติที่มองดูพวกเขาดูเหมือนก็จะขึ้นไปบนม้าเหมือนกัน แต่มีสองคนีท่ไม่ได้ทำ
"คลาสย่อยของฉันคือผู้อัญเชิญ ดังนั้นฉันไม่ต้องการมัน ออกมาไวเวิร์น"
คุณลุงที่ดูน่าจะวัย 40 กว่าๆได้ยื่นมือออกไปและอัญเชิญมังกรที่มีขนาดตัวเท่าม้าออกมา แม้ว่าฉันจะไม่ต้องการยอมรับมัน แต่ว่ามันเท่จริงๆ ให้ตายสิเขาได้รับคลาสย่อยนี้มาได้ยังไงกันนะ? ฉันอิจฉาจริงๆ ฉันอยากจะเป็นมั้ง!
ในขณะที่ฉันกำลังมองเขาอย่างงุนงง ทหารรับจ้างต่างมิติอีกคนหนึ่งก็ได้ล้วงเข้าไปในช่องเก็บของและหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นกระดานโลหะที่กว้างและใหญ่พอที่จะให้คนไปอยู่บนมัน นั่นมัน hoverboard งั้นหรอ? ใช่มันคือ hoverboard นี่นา!
"ฉันจะขี่เจ้าสิ่งนี้ดังนั้นไม่ต้องสนใจ"
"อืม แล้วความเร็วมันเมื่อเที่ยบกับม้าศึก?"
"แน่นอนว่ามันเร็วกว่า! ฉันจะต้องเป็นคนที่ลดความเร็วของมันด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความเร็ว!"
นั่นมันเป็นเสียงของผู้หญิง! เธอเป็นผู้หญิงผมสีม่วงที่ดูเหมือนจะอายุ 20 แม้ว่าจะมีผมบังครึ่งหนึ่งของใบหน้าเธอ แต่ฉันก็สามารถจะบอกได้เลยว่าเธอสวยจากใบหน้าอีกครึ่งหนึ่้งของเธอ จากนั้นดวงตาสีเขียวของเธอก็ได้สบเข้ากับตาของฉัน เธอได้จ้องมองมาที่ฉันอย่างน่ากลัวจากนั้นฉันก็จำได้ทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จ้องฉันก่อนหน้านี้!
ฉันก็ยังมองเธอต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าเธอจ้องฉันทำไม จากนั้นหนึ่งในอัศวินก็เข้ามาหาฉันพร้อมบังเหียนของม้าขาวในมือ ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันรู้สึกกว่าม้าสีขาวตัวนี้ไม่เหมือนกับตัวอื่นๆที่คนอื่นได้รับ มันดูคล้ายกับม้าสีขาวที่รูเดียขี่อยู่อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้อัศวินคนนี้ยังมีท่าทางเคารพอย่างไม่น่าเชื่อ
"ท่านคังชินนี่เป็นม้าที่กระผมได้รับหน้าที่มามอบหมายให้คุณ"
"อ่า ฉันก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ขอโทษนะที่พูดช้าไป"
มันชัดเจนเลยว่าเป็นการเตรียมการไว้สำหรับฉัน ดังนั้นฉันก็เลยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ว่าฉันได้มีสัตว์ขี่ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เบื้องหน้าฉันอัศวินที่มองอย่างุนงง ฉันได้ทำให้ริยูเป็นรูปธรรม เมื่อมีหมาป่าสีเงินปรากฏขึ้นมา หลายคนได้ผงะไป แต่ว่าฉันก็ไม่สนใจและลูบไปที่หลังคอของเธอ ด้วยลมหายใจที่ผสมกับน้ำแข็ง เธอได้ถามออกมา
[ฉันต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดหรอ?]
"ไม่ริยู พวกเราจะต้องไปด้วยกันสักระยะหนึ่ง"
[โอเค!]
"ภูติธาตุ"
"ภูติธาตุที่เป็นรูปธรรม มันสักพักหนึ่งแล้ว"
"นี้มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นผู้ใช้ธาตุ พวกเขาได้กำลังสืบทอดต่อไป?"
"เขาอาจจะเกิดมาเป็นหนึ่งเดียว ภูติธาตุนี้ดูอ่อนแอมากเกินไป"
"ใช่แล้ว อ่อนแอ"
"ก็ยังคงเป็นมือใหม่ ฉันเข้าใจแล้ว"
แน่นอน ริยูอาจจะดูเหมือนอ่อนแอในสายตาพวกเขา แต่ว่านั่นเป็นเพราะฉันไม่สามารถดึงความสามารถทั้งหมดของเธอได้ เมื่อทักษะของฉันเติบโตขึ้นไปริยูและไพก้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
"พวกเราจะออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้! บางทีโชคแห่งเทพมิทารัสจะเข้าข้างเรา"
เมื่อทุกๆคนได้ขึ้นไปขี่สัตว์ขี่ของตนแล้ว อัศวินก็ได้พุ่งตัวออกไป อัศวินคนอื่นๆก็ขี่ม้าตามเขาไป และทหารรับจ้างต่างมิติก็ตามไปตามลำดับ
คนที่ขี่ไวเวิร์นก็บินขึ้นไปสูงเล็กน้อยจากทุกคนและผู้หญิงที่ขี่โฮเวอร์บอร์ดก็ได้ลอยอยู่สูงขึ้นไปในระดับความสูงเดียวกับฉันและนอนลงไปบนโฮเวอร์บอร์ดแบบสบายๆ สำหนับฉันฉันได้บอกให้ริยูวิ่งให้มีความเร็วเท่ากับม้าศึก
"คุณเบลโลดก่อนที่เราจะไปถึงกองทัพปีศาจที่กำลังถอยทัพ พวกเราจะไม่เข้าไปเจอกับมอนสเตอร์ตัวอื่นหรือปีศาจตัวอื่นหรอ?"
"ใช่แล้ว พวกเรากำลังใช้เส้นทางที่เร็วที่สุดพร้อมด้วยมีศัตรูน้อยที่สุดด้วย และพูดเราก็จะปรับเส้นทางที่มีการสอดแนมด้วยจอมเวทย์แล้ว"
ครู่หนึ่งฉันก็ได้คิดถึงระบบ GPS ของโลก
"ฟุ เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าตกใจนั้นนะ? นี่มันเป็นมาตราฐานนะ"
"ในโลกของเธอก็อาจจะนะ แม้อย่างนั้นมีอะไรที่คล้ายคลึงกันใน... ชั่งเถอะ"
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอขี่ม้าบ่อยๆ แต่รูเดียก็มีทักษะการขี่ม้าของเธอที่สูงและเคียงคู่ไปด้วยกันกับเบลโลด เธอได้หัวเราะอย่างร่างเริงกับท่าทางตลกขของฉัน ในขณะที่เราอยู่ในพระราชวังเธอได้มองลงไปต่ำเสมอ แต่ว่าตอนนี้เธอดูมีความสุขมากขึ้นเมื่อพวกเรากำลังเดินทาง ฉันได้ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
"เธอสวยขึ้นนะเมื่อเธอยิ้มออกมา ฉันไม่สามารถจะทนมองเธอในแบบตอนก่อนหน้านี้ได้เลย"
"ฮึ่ม! นายเพิ่งจะรู้้งั้นหรอว่าฉันสวย? เจ้าโง่!"
ในขณะที่พวกเราล้อกันไปมา เบลโลดก็ได้ยิ้มบางๆและพูดออกมา
"พวกท่านทั้งสองนี่เหมาะสมกันจริงๆ"
"เบลโลดฉันบอกนายแล้วไง! พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน!"
"หุหุ ผมเข้าใจแล้ว"
"ไม่! นายไม่เข้าใจเลย"
เบลโรดดูเหมือนจะมีฝีมือในการหยอกล้อรูเดียเหมือนกัน ในขณะที่เราสามคนคุยกันอยู่นั้นก็ได้มีคนมาหาฉัน เมื่อฉันหันไปก็มีโฮเวอร์บอร์ดลอยอยู่ถัดไปจากฉัน! ผู้หญิงผมสีม่วงที่นอนอยู่บนโฮเวอร์บอร์ดได้มองมาที่ฉันและพูดขึ้น
"นาย ฉันจะฆ่านาย"
"ทำไม!?"
"ฉันจองเธอแล้ว....ถ้านายขโมยเธอไป ฉันจะไม่ให้อภัยนายแน่!"
"...เธอไม่ได้ใกล้กับรูเดียเลย!"
วิ่งรูเดีย! มีคนที่ไม่คาดคิดเล็งเป้ามาที่เธอ!
พวกเราได้วิ่งไปทั้งวันและได้รับกาซุ่มโจมตีเมื่อเราหยุดพักหรือกินอาหาร
[ก๊าซซซซซ!]
"มันะเป็นมอนสเตอร์ในหน่อยของปีศาจ! อึก ฉันไม่สามารถจะตรวจจับมันได้!"
"จอมเวทย์สร้างระยะห่างและเตรียมเวทย์!"
"อัศวินป้องกันจอมเวทย์! หน่วยหนึ่งไปด้านหน้า! ขยายพื้นที่ออกและครอบคลุมพื้นที่!"
มอนสเตอร์ทั้งหมดที่เราเจอมันดูแปลกๆ พวกมันมีร่างกายสีดำและดูเหมือนจะเป็นการรวมของมอนสเตอร์หลายตัวเข้าด้วยกัน! ตัวที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดสูงอย่างน้อย 3 เมตรมีเกล็ดและสี่แขนที่ความหนาแตกต่างกันไป แขนของมันดูเหมือนจะประกอบจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 4 ตัว
นอกจากนี้มันก็ยังมีสองหัว หนึ่งหนึ่งเหมือนกับตัวเงินตัวทอง อีกหัวเหมือนกับของมนุษย์
"มันเป็นลักษณ์ของกองทัพปีศาจ พวกมันได้สร้างคิเมร่าขึ้นจากการผสมหลายๆสิ่งมีชีวิตเข้าด้วยกันโดยที่ไม่ได้รับการยินยอม แน่นอนว่าพวกมันชั่วร้ายและโหดเหี้ยม"
เบลโลดได้อธิบายให้ฉันฟังในขณะที่กัดฟันแน่น ก่อนที่จะไปจัดการมอนสเตอร์ฉันได้มองดูคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้กับคิเมร่า อัศวินและจอมเวทย์ได้ผสานงานกันเพื่อคิเมร่ากลับไป และทหารรับจ้างต่างมิติแต่ละคนก็ไปเข้าสอดประสาน
ที่สะดุดตาที่สุดในหมู่พวกเขาคือโฮลเดอร์บอร์ดและไวเวิร์น พวกเขาทั้งคู่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่บินอยู่ ไวเวิร์นได้หายใจออกมาเป็นไฟที่แข็งแกร่ง และหญิงสาวที่อยู่บนโฮลเดอร์บอร์ดได้เหวี่ยงอาวุธแปลกๆที่เต็มไปด้วยอ่อร่าที่ดูเหมือนจะทำมาจากเหล็กที่เชื่อมเข้าด้วยกัน
แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเขาแข็งแรก่งกว่าฉันมากนัก ฉันคิดว่าพวกเขาทุกคนที่สามารถจะมาเป็นทหารรับจ้างต่างมิติได้ใช้อิลิกเซอร์เหมือนกับฉัน แต่ว่าฉันคิดผิดหรือป่าวนะ?
"อา ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าพวกเราเป็นเหมือนฉันในตอนที่พวกเขาเคลียร์ชั้นที่ 50..."
ในขณะที่พวกเรากลายมาเป็นนักสำรวจระดับทองไม่ได้หมายความว่าพวกเขากลายมาเป็นทหารรับจ้างตต่างมิติ ยังไงก็ตามพวกเขาได้กลายมาเป็นทหารรับจ้างต่างมิติหลังจากผ่านเลเวล 60 หรือ 70 พวกเขาได้มีเส้นทางที่แตกต่างไปจากฉัน จนถึงตอนนี้ฉันรู้สึกขาดบางอย่างไปเมื่อเทียบกับพวกเขา แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะปล่อยความคิดนั้นผ่านไป
ฉันได้ถือหอกของฉันและเล็งไปที่คิเมร่าที่ปรากฏตัวในกลุ่ม ฉันไม่รู้ว่าพวกมันมาจากไหนแต่พวกมันออกมาจากทุกทิศทางของป่าที่เรากำลังเดินผ่าน ทุกๆคนกำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับพวกเขา แต่ทหารรับจ้างต่างมิติเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้พยายามอย่างถึงที่สุด พวกเขาไม่ควรจะรีบๆจบและพวกเราจะได้พักผ่อนกันหรอกหรอ!?
"เอาล่ะริยู...ไปกันเถอะ! เส้นทางวายุ!"
[บรูววววว!]
ริยูได้หอนออกมาอย่างเต็มไปด้วยพลังงานน้ำแข็ง ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้ใส่มานาเป็นจำนวนมากไปให้ไพก้า ด้วยพลังของซุส พันธะของฉันกับไพก้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพียงแค่ใช้งานสปิริตออร่าหอกกลืนกินสีชาดก็ได้เปลื่ยนสีไปเป็นสายฟ้าสีทอง
ทันทีหลังจากนั้นริยูก็ได้วิ่งออกไปข้างหน้า
"ฮ่าห์! เข้ามาเลย!"
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ! ศัตรูจากทุกด้านจะโจมตีคุณด้วยความเกลียดชัง!]
[ก๊าซซซซ!]
[ภูติธาตุสายฟ้า]
[ผู้ใช้ธาตุ!]
[เครื่องบูชายัญอันใหม่....]
คิเมร่าทุกขนาดและทุกรูปร่างได้มุ่งตรงมาหาฉัน แต่ละตัวต่างก็แข็งแกร่ง! บางตัวมีกรงเล็บที่เป็นพิษ บางตัวมีดวงตาแห่งเสน่ห์ และบางตัวสามารถพ่นน้ำลายเป็นกรด
[บรูววววว!]
ยังไงก็ตามพวกมันก็ไม่สามารถจะเทียบกับลมหายใจน้ำแข็งของริยูได้ พวกมันได้ถูกส่งลอยไปด้วยลำตัวของริยูและหอกสายฟ้าของฉันในทันทีหลังจากนั้น
ริยูได้ดูแลการป้องกันและไพก้าได้ดูแลการโจมตี! เส้นทางวายุ! ในเส้นทางนี้ผลของไพก้าและริยูได้กลายเป็นหนึ่งเดียว เป็นผลลัพธ์ที่แสดงออกมาอย่างยิ่งใหญ่ มันไม้สำคัญว่าคิเมร่าจะแข็งแกร่งยังไง พลังทำลายของฉันได้เพิ่มขึ้น 110% ในขณะที่ใช้ทักษะพุ่ง! ฉันมั่นใจได้เลยว่าแม้แต่บอสประจำชั้นก็ไม่สามารถทนต่อการพุ่งนี้ของฉันได้
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
แม้ว่าคิเมร่าจะเป็นการรวมกันของสิ่งมีชีวิตอื่นแต่ว่าพวกมันก็ยังมีกระดวกสันหลัง ดังนั้นผลของทักษะนักทำลายกระโหลกก็เลยแสดงผล เมื่อการโจมตีติดคริติคอลส่วนต่างๆของคิเมร่าไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็ได้ระเบิดออก ฉันได้พุ่งต่อไปโดยที่ไม่หยุดลง ถ้าหากมีสิ่งใดที่ทำให้ฉันไม่พอใจก็คงศัตรูมีจำนวนที่น้อยเกินไป!
ในชั่วพริบตาฉันก็ได้มาถึงคิเมร่าตัวที่อยู่ด้านหลังสุดซึ่งใหญ่กว่า 3 เมตรและขี่อยู่บนกิ้งก่ายักษ์ มันเป็นการง่ายที่จะบอกว่ามันเป็นคิเมร่า มันมีสีแขนแต่ละข้างต่างก็ถืออาวุธขนาดใหญ่! จากออร่าที่เปล่งมามันดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าหนวดของคิเมร่านี้
[ค๊าก๊าก๊าก๊า! แกเร็วและแข็งแกร่งจริงๆ! ฉันจะเอาขาของแกมาทำเป็นของฉัน!]
"เหมือนฉันแคร์ล่ะ!"
นอกเหนือจากการพุ่งแล้วเส้นทางวายุยังทำให้ฉันระเบิดการโจมตีสุดท้ายด้วยลมพายุ! ฉันได้ดึงหอกกลับมา เหนือหอกสายฟ้าได้มีลมปรากฏขึ้นและหมุนด้วยความเร็ซที่น่าทึ่ง ตามปกติมันจะจบลงด้วยลมที่เรียบง่าย แต่ว่าด้วยเฮอร์มีสและความเชี่ยวชาญความเร็วศักดิ์สิทธิ์มันทำให้ฉันมีความสัมพันธ์กับธาตุลมถึงขีดสุดซึ่งทำให้ลมนี้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น มันดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทักษะระดับต่ำเกิด
[คุก๊าก๊า รับนี่ไป! ยักษ์...!]
แกกล้าขัดจังหวะทักษะของฉัน!? ในขณะที่คิเมร่าขยับแขนทั้งสี่ข้างเพื่อใช้ทักษะ ฉันก็ได้ใช้งานความเร็วศักดิ์สิทธิ์ การเคลื่อนไหวของมันได้ช้าลงไปในทันทีเกือบจะเหมือนกับว่ามันหยุดนิ่งลงไปโดยสมบูรณ์ ในทางกลับกันฉันก็ได้กลายเป็นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าทักษะความเร็วศักดิ์สิทธิ์จะปกป้องร่างกายจากความเร็วระดับหนึ่ง มันก็ยังยากที่จะควบคุมความเร็วถึง 1000%
อย่างไรก็ตามมันไม่มีปัญหากับการเคลื่อนไหวเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการเคลื่อนไหวที่ฉันทำมามากที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเกิด และเป็นการเคลื่อนไหวแรกที่ทำให้ฉันถูกเรียกขานว่าฮีโร่
"ตาย!"
หอกลมสายฟ้าได้ถูกปล่อยออกไปโดยเล็งไปที่หน้าอกของยักษ์ การโจมตีนี้บรรจุไปด้วยพลังงานที่เข้มข้นของร่างกายของฉันซึ่งมันได้แทงทะลุหน้าอกไปอย่างง่ายดาบ และพลังจากหอกที่รวมกันอยู่ก็ได้ระเบิดออก
[ติดคริติคอล!]
[เส้นทางวายุระดับต่ำได้กลายเป็นเลเวล 3 การเร่งความเร็วของคุณในระหว่างการพุ่งจะเพิ่มขึ้นและพลังที่ได้จากการโจมตีสุดท้ายจะเพิ่มสูงขึ้น]
ระหว่างที่ความเร็วศักดิ์สิทธิ์หมดลง ฉันก็รู้สึกว่าร่างกายได้ดังขึ้นเล็กน้อย ฉันได้ดึงหอกกลับมาจากอกของยักษ์ ในเวลานั้นเลือดสีเขียวก็ได้พุ่งเข้ามาหาฉันซึ่งฉันได้หลบมันอย่างตกใจ หลังจากที่มันโดนพื้นเลือดสีเขียวก็ละลายพื้นไป ดังนั้นมันก็คือกรดจริงๆ!
ฉันได้แช่แข็งเลือดที่ออกมาด้วยพลังของริยูจากนั้นก็ตรวจสอบสภาพของคิเมร่า หน้าอกของมันได้โดนเจาะเป็นโพร่งเหมือนกับโดนระเบิด อวัยวะภายใน กระดูกและกล้ามเนื้อทั้งหมดได้ถูกระเบิดขึ้น และมันเห็นได้ชัดว่ามันอยู่ในสถานะที่ไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้ ถ้ามันสามารถสามารถจะขยับได้อีกหลังจากโดนทั้งหมดนี้มันก็ไม่ใช่คิเมร่า แต่คงเป็นกาเมร่าแล้วล่ะ
ตามที่คาดไว้คิเมร่าได้หยุดหายใจโดยที่ไม่มีโอกาสได้ร้องออกมา เมื่อยืนยันแล้วว่ามันตายฉันก็ได้เก็บศพลงไปในช่องเก็บของ จากนั้นฉันก็หันไปรอบๆและตรวจสอบสถานะของสนามรบ อัศวินส่วนมากมองมาที่ฉันอย่างแปลกใจ และมีทหารรับจ้างต่างมิติหลายคนได้หยักหน้า
"เขาค่อนข้างดีทีเดียว"
"ฮ่าห์ พวกเราไม่สามารถล้าหลังได้ เด็กใหม่ได้เอาหัวไปแล้ว! พวกนายควรจะพยายามให้มากขึ้นนะ!"
ฟู่ มันดูเหมือนว่าฉันจะประสบความสำเร็จในการปลุกจิตวิญญาณต่อสู้ของทุกคน ฉันได้หยักหน้าด้วยความพึงพอใจและมองหาคู่ต่อสู้ต่อไป
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ตระหนักเลยว่านี่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้เขียนชื่อคังชินลงไปในดันเจี้ยน
สามารถติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ที่เพจนี้เลยครับ > กดเลย <