บทที่ 80 แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ
แม้ว่าเจียงอี้จะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เขาเป็นถึงบุตรชายของผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรเสินหวู่ ชายผู้ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดและยังเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้ใช้แซ่ของราชวงศ์!
เจียงอี้ไม่ใช่เด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่อีกต่อไป! สถานะที่แท้จริงของเขาสูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ! ไม่ใช่ว่าเขาเป็นถึงหนึ่งในราชตระกูลของอาณาจักรเสินหวู่?
องค์ชาย? นี่มันเรื่องตลกอะไร?!
เจียงอี้แสยะยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยันในตัวเอง ในตอนที่เขาถูกรังแกตอนที่อยู่ในตระกูลเจียง เจียงเปี๋ยหลีไปอยู่ที่ไหน? ในตอนที่เขาถูกเจียงหยูหู่ทำร้าย ชายผู้นั้นไปอยู่ที่ไหน? ในตอนที่เจียงเสี่ยวนู๋ถูกทำร้ายจนเกือบตาย? หรือหลายต่อหลายครั้งที่เจียงอี้แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ชายที่เขาสมควรเรียกว่าพ่อ ไปอยู่ที่ไหน?!
หากคนที่เป็นพ่อไม่เคยปรากฏตัวในช่วงเวลาที่เจียงอี้ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด เขาจะยังต้องการพ่อไปอีกทำไม? หรือเพราะสถานะ ‘องค์ชาย’? ไม่เลย… เขาไม่ต้องการสถานะเช่นนั้นเลย เขารู้สึกรังเกียจเสียด้วยซ้ำ!
เจียงอี้ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนเจียงหยุนไฮ่จะกล่าวต่อ “ใต้เท้าน้อย สถานะของท่านจะถูกเปิดโปงในเวลาอีกไม่นาน เจียงเปี๋ยหลีจะมาหาท่านในไม่ช้า ท่านควรที่จะเตรียมการไว้เสียแต่เนิ่นๆ”
“ท่านไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเจียงเสี่ยวนู๋และตัวข้า เจียงนี่หลิวไม่มีอำนาจในการสั่งการผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านรับรู้ก็คือ นายหญิงอาจจะไม่ได้จัดการเรื่องนี้ได้ดีนัก แต่นางก็มีหัวใจที่เข้มแข็งมาก นางเป็นผู้หญิงที่มากไปด้วยความสามารถและช่วยเหลือเจียงเปี๋ยหลีอยู่หลายครั้ง”
“หากปราศจากนายหญิง เจียงเปี๋ยหลีคงไม่สามารถขึ้นมาอยู่ตำแหน่งจอมพลของกองทัพทหารตะวันตกได้ แต่ชายผู้นั้น… ไม่เพียงแต่จะไม่ให้สถานะใดๆกับนายหญิง แต่เขายังส่งมือสังหารติดตามนางหลังจากที่นางเลือกที่จะจากไป เรื่องนี้ทำให้หัวใจของนายหญิงตกสู่ความเศร้าโศกอย่างสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นแล้ว นายหญิงจะสิ้นใจตั้งแต่ที่อายุยังน้อยได้เยี่ยงไร…?”
ปังง!
เจียงอี้กำหมัดแน่นและชกไปที่ผนังถ้ำ เขาจ้องมองเจียงหยุนไฮ่และพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะเอ่ย “ท่านปู่ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้ารู้ว่าควรทำอะไร ข้า,เจียงอี้ เป็นเด็กกำพร้า! ข้าไม่เคยมีพ่อนับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันและมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป!”
“ข้าจะฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อที่จะไปให้ถึงขอบเขตจื่อฝู่, ขอบเขตเสินโหยวหรือแม้แต่ขอบเขตจินกัง(วัชระ)! วันใดที่ข้ามีพลังมากพอ ข้าจะไปลากตัวเจียงเปี๋ยหลีเพื่อไปขอขมาท่านแม่ที่หลุมศพของนาง!”
“ประเสริฐ! หากท่านสามารถไปถึงจุดนั้นได้ นายหญิงที่อยู่ในปรโลกจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่!”
เจียงหยุนไฮ่ผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ เขาหยิบกล่องออกมาจากด้านหลังและมอบให้กับเจียงอี้
“ในนี้มีเม็ดยาและทักษะต่อสู้ระดับพิภพ หากเม็ดยาไม่เพียงพอ ท่านสามารถบอกให้เฉียนว่านก้วนส่งข้อความถึงข้าได้ แต่ท่านต้องระวังชายผู้นี้ให้ดี พวกตระกูลเฉียนต่างก็มีสายเลือดพ่อค้า พวกเขาเชี่ยวชาญในการใช้คน ดังนั้นอย่าได้สนิทกับเขามากจนเกินไปจะดีกว่า”
“สำหรับจ้านอู๋ซวง… ชายผู้นี้ควรค่าแก่การคบหาเป็นสหาย ตราบเท่าที่ไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น เขาจะสามารถกลายเป็นจอมยุทธชั้นแนวหน้าของอาณาจักรได้อย่างแน่นอน”
เจียงอี้รับกล่องมาและจ้องมองเจียงหยุนไฮ่ “ท่านปู่ รักษาตัวด้วย ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในสำนัก ไม่มีใครกล้าที่จะสังหารข้าแน่นอน”
“อืม ท่านสามารถติดต่อข้าได้ตลอดเวลาผ่านทางเฉียนว่านก้วน… รักษาตัวด้วย ลาก่อน!”
เจียงหยุนไฮ่ตบไปที่ไหล่ของเจียงอี้และจ้องมองเขาด้วยความห่วงใย จากนั้นร่างของเขาก็หายไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เฉียนว่านก้วนก็ปรากฏตัวและกล่าวหยอกล้อกับเจียงอี้ “ได้เวลากลับแล้วเจ้านาย”
เจียงอี้พยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากถ้ำ ศิษย์นอกสำนักจำนวนมากกลับมาจากการไล่ล่าสัตว์อสูร พวกเขาวนเวียนอยู่รอบๆอาจารย์พร้อมกับส่งมอบวัตถุดิบที่ได้จากสัตว์อสูรให้กับเขา
“เอ๊ะ? นั่นคืออะไร?”
เจียงอี้มองเห็นอาจารย์ของสำนักกำลังจดรายการเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ได้รับจากศิษย์นอกสำนัก ไม่ว่าจะเป็น หนามจากปีศาจหมูป่า, พิษของปีศาจงู หลังจากที่อาจารย์ผู้นั้นจดบันทึกแล้ว เขาก็โบกมือและวัตถุเหล่านั้นก็หายวับไป
เจียงอี้ที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับตกตะลึง มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆของเหล่านั้นถึงหายไปได้ล่ะ?
“มันคือแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ, เป็นสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอด!”
ม่านตาของเฉียนว่านก้วนหดแคบลงขณะที่กล่าว “ของสิ่งนี้มีค่าเทียบเท่ากับรถม้าสงครามศักดิ์สิทธิ์โบราณของเจียงนี่หลิว ทั่วทั้งทวีปมีแหวนแบบนี้อย่างมากแค่หนึ่งร้อยวงเท่านั้น มันมีความสามารถในการจัดเก็บสิ่งของจำนวนมากไว้ในมิติลับ ตระกูลเฉียนของข้าเองก็มีแค่สามวงเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ข้ายังไม่คู่ควรกับมัน หากอาจารย์จ้าวไม่ใช่ผู้นำกลุ่มในครั้งนี้ เขาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใช้มันเช่นกัน”
ในขณะที่พวกเขายังคงพูดคุยกันอยู่ ศิษย์ประมาณแปดคนก็วิ่งลงมาจากเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เฉียนว่านก้วนส่งสัญญาณทางสายตาให้กับพวกเขาและกล่าว “ไปกันเถอะลูกพี่ คนของข้ามาถึงแล้ว พวกเรานำวัตถุดิบไปส่งกันเถอะ”
เจียงอี้เดินตามเฉียนว่านก้วนและตรงไปหาคนกลุ่มนั้น
“คารวะนายน้อยเฉียน, นายน้อยเจียง!”
เจียงอี้รู้สึกไม่คุ้นเคย เขาโบกมือเล็กน้อยพลางเอ่ย “ไม่ต้องเรียกข้าว่านายน้อย ข้าไม่ใช่เจ้านายของพวกเจ้า เรียกข้าว่าเจียงอี้ก็พอ”
คนกลุ่มนี้ค่อนข้างสับสน เมื่อเฉียนว่านก้วนเห็นเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้และกล่าวขึ้น “งั้นก็เรียกเขาว่าลูกพี่แล้วกัน เขาเป็นลูกพี่ของข้าก็ถือว่าเป็นลูกพี่ของพวกเจ้าด้วย”
“ลูกพี่!” ทั้งแปดคนนี้ต่างก็เป็นสมาชิกของตระกูลเฉียน พวกเขาโค้งคำนับเจียงอี้อย่างว่าง่าย เจียงอี้ที่ทำอะไรไม่ถูกจึงทำได้เพียงแค่ถูจมูกด้วยความเคอะเขิน อยู่ดีๆคนพวกนี้ก็เรียกว่าเขาลูกพี่ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ราวกับกลายเป็นหัวหน้าของกลุ่มอันธพาลไปแล้ว!
จากนั้นคนกลุ่มนี้ก็หยิบเขี้ยวพิษ, หนามและเขาสัตว์จำนวนมากออกมาและมอบให้กับเจียงอี้และเฉียนว่านก้วน ไม่ได้มีวัตถุดิบที่มีค่าจากสัตว์อสูรมากนักแต่โดยส่วนมากแล้วก็มีเพียงหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งตัว วัตถุดิบที่มีค่าเหล่านี้สามารถนำไปหลอมเป็นอาวุธหรือกลั่นเป็นเม็ดยาได้
หลังจากที่ส่งมอบวัตถุดิบแล้ว ศิษย์ทุกคนก็เดินตามอาจารย์กลับสำนัก ระหว่างทางนั้น ศิษย์อีกสองกลุ่มก็โผล่มา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็เป็นศิษย์นอกสำนักที่ออกไปล่าสัตว์อสูรเช่นเดียวกัน
เจียงฉีหลิน! เยว่เหม่ยเอ๋อร์!
เจียงอี้มองเห็นพวกเขามาตั้งแต่ไกลและรีบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว เฉียนว่านก้วนเองก็สังเกตเห็นพวกเขาด้วยเช่นกัน ใบหน้าของเขาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มราวกับว่าได้พบกับสหายเก่า
ทั้งสามกลุ่มรวมตัวเข้าด้วยกันและเป็นเหมือนกับที่คาดไว้ เจียงฉีหลินเองก็สังเกตเห็นเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามาใกล้และทำเพียงแค่จ้องมองเจียงอี้ด้วยสายตาอันชั่วร้ายแทน
“เจ้าหัวขโมยน้อย!”
สาวน้อยผู้น่ารักในชุดสีแดงพุ่งเข้ามาพร้อมกับก่นด่าสาปแช่งเจียงอี้ด้วยสายตาอันอาฆาตแค้น มุมปากของเจียงอี้กระตุกและเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินนาง
เมื่อเห็นเช่นนั้นเฉียนว่านก้วนก็แสดงท่าทีไม่พอใจและกล่าว “เจ้าว่าใครคือ ‘หัวขโมยน้อย’? เยว่เหม่ยเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ไปขโมยกางเกงในของเจ้าเสียหน่อย!”
“เจ้า!!”
ดวงตาของเยว่เหม่ยเอ๋อร์ลุกไหม้ไปด้วยเพลิงโทสะ ตระกูลของนางอยู่ในเมืองหลวง นางรู้ดีว่าตระกูลเฉียนทรงอิทธิพลขนาดไหน นางกัดฟันแน่นและจ้องมองไปยังเจียงอี้ราวกับจะกลืนกินเขาทั้งตัว “เหอะ! เจ้าหัวขโมยน้อย! เจ้ารอก่อนเถอะแล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
เยว่เหม่ยเอ๋อร์หันหลังและเดินจากไปด้วยความฉุนเฉียว จากนั้นเฉียนว่านก้วนก็เดินเข้ามาใกล้กับเจียงอี้และกล่าวด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ “ลูกพี่ ดูเหมือนว่าเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยตัวนี้จะไม่ค่อยพอใจเจ้านะ ไม่ใช่ว่าเจ้าเล่นสนุกกับนางแล้วไม่ได้จ่ายเงินหรอกหรือ?”
“ไสหัวไป!”
เจียงอี้ที่ถูกหยอกล้อจนรู้สึกอับอายและโกรธ เขาใช้มือตบไปที่หัวของเจ้าอ้วนเฉียนว่านก้วน แต่อีกฝ่ายก็สามารถหลบได้อย่างเชี่ยวชาญราวกับว่าคาดการณ์ไว้แล้ว เจียงอี้จ้องมองไปยังแผ่นหลังจากเยว่เหม่ยเอ๋อร์และกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ข้าเคยเผลอไปทำให้แม่นางคนนั้นโกรธเข้า นางมีสถานะอะไร? จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อข้าหรือไม่?”
“เรื่องนี้ก็ยากที่จะเอ่ย!”
เจ้าอ้วนขมวดคิ้วด้วยความกังวลและกล่าว “หญิงสาวของตระกูลเยว่แต่ละคนล้วนแต่มีพรสวรรค์ในการปรุงยา สำหรับเป้าหมายของเยว่เหม่ยเอ๋อร์ในการเข้ามาฝึกวิชาในสำนักจิตอสูรคือการมองหาศิษย์สำนักอัจฉริยะที่จะกลายมาเป็นคู่ชีวิตเต๋าของนาง”
“คู่ชีวิตเต๋าในอนาคตของเยว่เหม่ยเอ๋อร์จะต้องเป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วยพลังและฐานะ ตัวของนางเองก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่เลวเช่นกัน ด้วยความงดงามและทักษะยั่วยวนที่ฝังลึกลงไปถึงกระดูกทำให้เป็นเรื่องง่ายที่นางจะดึงดูดบุรุษเพศ…”
“เห้อ!”
เจียงอี้ถอนหายใจเมื่อเขารู้สึกว่าได้สร้างศัตรูไว้ทุกหนทุกแห่ง แต่ในทางกลับกัน มันก็ยิ่งทำให้เขามีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
“ฮิฮิ ลูกพี่ ทำไมเจ้าถึงไม่ครอบครองลูกเจี๊ยบน้อยตัวนี้ไว้เองเสียล่ะ?”
เฉียนว่านก้วนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายและกล่าว “หากเจ้าสามารถใช้เยว่เหม่ยเอ๋อร์เพื่อดึงตระกูลเยว่ให้มาสนับสนุนเจ้าได้ เจ้าจะสามารถบ่มเพาะพลังได้เร็วขึ้นและเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล! ด้วยพลังของข้า นางคงไม่แม้แต่จะฟังข้าแน่ แต่ถ้าลูกพี่สามารถคว้าหัวใจของแม่ลูกเจี๊ยบมาครองได้ เจ้าจะยังต้องกลัวปัญหาอะไรอีก? หากเจ้าต้องการ ข้าก็สามารถช่วยสนับสนุนเจ้าได้!”
“ความคิดดี!”
เจียงอี้พยักหน้าและตบไปที่ไหล่ของเฉียนว่านก้วนพร้อมกับเอ่ย “ข้าคงต้องรบกวนให้เจ้าไปนำตัวแม่ลูกเจี๊ยบมาส่งที่ห้องข้าในคืนนี้แล้วแหละ… นายน้อยเฉียน!”