GE388 เพลงกระบี่อนันต์ [ฟรี]
บริเวณลำธารโลหิตไร้ซึ่งอสูรตัดวิญญาณ มีเพียงอสูรไร้ดัดแปลงจำนวนหนึ่งในคุ้นชินกับที่นี่อยู่อาศัย
อสูรตัดไร้ดัดแปลงเหล่านั้นคืออสูรที่ถือกำเนิดจากลำธารโลหิต พวกมันแข็งแกร่ง เหล่าผู้ที่เดินทางมาแม้จะมีอสูรวัวป้องกัน แต่อสูรเหล่านั้นก็เข้าจู่โจมอยู่บ่อยๆ
แต่น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีอสูรไร้ดัดแปลงเข้ามาจู่โจม ผู้เชี่ยวชาญที่มาล้วนประหลาดใจ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุที่อสูรเหล่านั้นไม่จู่โจม เพราะหนิงฝานแผ่กลิ่นอายโลหิตฟู่ลี่ ทำให้พวกมันหวาดกลัว
เหล่าอสูรไร้ดัดแปลงที่เฝ้าลำธารโลหิตนั้นมีหน้าที่ปกป้องที่นี่ แต่ด้วยที่เผ่าอสูรจะให้ความสำคัญกับสายเลือด เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงสายเลือดเผ่าพันธุ์จักรพรรดิจากตัวหนิงฝาน พวกมันจึงไม่กล้าเข้ามา แม้จะรู้ว่าระดับพลังของเขาไม่สูงก็ตาม
“ทำไมจู่ๆข้านึกถึงสาวน้อยคนนั้น...” หนิงฝานยิ้มพลางส่ายหน้า
เขานึกถึงสาวน้อยคนหนึ่ง นางเป็นอสูรที่อยู่ในสุสานใต้นิกายกุ่ยเชว่ และมักจะชอบคิดว่าเขาเป็นแหล่งขนมหวานของนาง
อสูรวัวนำพาเหล่าผู้เชี่ยวชาญข้ามผ่านลำธารโลหิต ข้ามผ่านภูเขาอีกนับหมื่น กระทั่งไปถึงหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
หุบเขาแห่งนี้มีพื้นที่หมื่นลี้ ใจกลางหุบเขามีบ่อโลหิตสีแดงฉาน บ่อโลหิตแห่งนั้นสมควรเป็นบ่อโลหิตมังกร
ยิ่งเข้าใกล้บ่อโลหิต กระบี่มังกรโลหิตของหนิงฝานยิ่งสั่นไหว หนิงฝานเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก
บางทีสถานที่แห่งนี้อาจเป็นแหล่งที่เก็บซ่อนความลับของเผ่ามังกรโลหิต
“ที่นี่มีมังกรโลหิตอยู่...”
ในขณะที่หนิงฝานขบคิดอยู่นั้น เสียงการต่อสู้ที่รุนแรงก็ดังมาจากบนฟ้า
*ตูม ตูม ตูม*
การปะทะกันของปราณที่ทรงพลังทำให้พื้นดินรัศมีล้านลี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ผลกระทบจากการปะทะกันแต่ละครั้ง แทบจะทำให้ภูเขาโดยรอบถล่ม
บนท้องนภา เงาของมังกรโลหิตขนาดยักษ์พาดผ่าน เปล่งพลังต่อสู้กับหยุนเทียนเฉวอย่างดุเดือด ไม่ไกลนัก มีหยุนจิงหงคอยเฝ้าดู
มังกรโลหิตตนนั้นทรงพลังมาก ระดับพลังของมันเกือบจะบรรลุถึงจุดสูงสุดของขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 2
“มังกรโลหิต! มังกรนั่นมัน...” หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาเดาถูก มังกรตัวนั้นคือมังกรโลหิตจริงๆ เป็นผู้ปกครองหุบเขามังกรแห่งนี้ ซึ่งมังกรตนนั้นคือฉูฉางเอ๋อร์
“หืม! ดูเหมือนท่านซัวผู้ยิ่งใหญ่จะไม่เคยเห็น… นี่คือการประลองของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแห่งวิหารพิรุณเรา ร่างจริงของท่านฉูคือมังกรโลหิต แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยในวิหารพิรุณที่รู้”
หยูฉงเอ๋อร์จิกกัดหนิงฝานเล็กน้อย
หนิงฝานไม่รู้ว่าฉูฉางเอ๋อร์คือมังกรโลหิต
ในวิหารพิรุณมีผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกอยู่ทั้งหมด 11 คน คนกลุ่มนี้คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกพิรุณ แต่หากเรียงตามศักดิ์ฐานะ กษัตริย์พิรุณมีศักดิ์สูงสุด รองลงมาเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก 4 คน ถัดจาก 4 คนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกอีก 7 คนที่เหลือ แต่น่าเสียดายที่ 1 ใน 7 คนนั้นถูกหยุนเทียนเฉวสังหาร
ฉูฉางเอ๋อร์คือ 1 ใน 4 ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นรองจากกษัตริย์พิรุณ
หนิงฝานไม่รู้ว่าเหตุใดมังกรโลหิตที่เป็นเผ่าพันธุ์อสูรถึงได้เข้าร่วมวิหารพิรุณ และเหตุใดวิหารพิรุณจึงไม่ต่อต้าน
อีกหนึ่งข้อสงสัยที่หนิงฝานอยากรู้… ครั้งแรกที่เขาพบฉูฉางเอ๋อร์ เขาสัมผัสได้ว่าชายชรามีเพลิงไร้แบ่งแยกในครอบครอง เหตุใดต้องฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญคนอื่น เหตุใดถึงไม่ให้ชายชราเข้าไปในทะเลเพลิงแทน
แต่เมื่อได้รู้ว่าชายชราเป็นอสูร ก็ทำให้พบคำตอบที่ว่าเหตุใดชายชราจึงเข้าไปในทะเลเพลิงไม่ได้ เพราะชายชราไม่ใช่มนุษย์ กษัตริย์พิรุณจึงไม่ไว้ใจ
“ข้าขอถามแม่นางฉงเอ๋อร์... ว่าผู้อาวุโสฉูเข้าร่วมวิหารพิรุณได้ยังไง?”
“เพราะท่านฉูเป็นอสูรรับใช้ข้างกายของกษัตริย์พิรุณคนก่อน...”
ฉงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบ หยูเป่ยก็ชิงตอบหนิงฝานด้วยสัมผัสเทพก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยให้คนอื่นได้ยิน
ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคนอื่นๆเพ่งมองการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกบนฟ้า
หนิงฝานรู้ว่าชายชรามีสายเลือดมังกรโลหิต แม้โลหิตไม่ได้เข้มข้นนัก แม้ไม่อาจปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ แต่ชายชราก็นับว่ามีพรสวรรค์
หนิงฝานเอามือแตะกระเป๋าพลางขบคิด กระบี่มังกรโลหิตของเขาสร้างขึ้นจากกระดูกมังกรโลหิตในขอบเขตเซียน ซึ่งเป็นอสูรในแดนสวรรค์
หากมอบกระบี่เล่มนี้ให้ฉูฉางเอ๋อร์ได้ดูดซับ ชายชราคงทะลวงขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 3 ได้ไม่ยาก
นั่นหมายความว่า หนิงฝานอาจซื้อใจชายชราได้ด้วยกระบี่มังกรโลหิต เหตุที่ต้องทำถึงขนาดนี้ ก็เพื่อเตรียมรับมือกับสงคราม เมื่อถึงเวลาที่ประตูแห่งลานสวรรค์โบราณเปิดออก
เมื่อถึงยามนั้น หานเนี่ยเทียนสมควรมุ่งหน้าไปยังโลกกระบี่เพื่อสังหารหานหยวนจี๋ แต่ก่อนหน้านั้นมันสมควรต้องไปเยือนลานสวรรค์โบราณก่อน
แผนการที่หนิงฝานวางไว้ คือจัดการหานเนี่ยเทียนในลานสวรรค์ ยิ่งทำให้มันกลายเป็นทาสได้ยิ่งดี
ไม่รู้ว่าเว่ยฉวนจะเชื้อเชิญผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกมาได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าหนิงฝานจะควบคุมผู้ไม่อาจบรรลุเซียนได้หรือไม่ และเมื่อถึงยามที่ลานสวรรค์โบราณเปิด...ยามนั้นหนิงฝานจะบรรลุพลังระดับไหนก็ไม่อาจทราบ
ดังนั้นการที่ได้ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเป็นสหาย หรือขอให้ผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นช่วยจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญ
“กระบี่มังกรโลหิตแลกกับการที่ฉูฉางเอ๋อร์ยอมช่วย นับว่าคุ้มค่า… แต่ปัญหาคือ ระดับพลังของข้ายังไม่มากพอที่จะพูดคุย มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก หากรู้ว่าข้าครอบครองกระบี่มังกรโลหิต มันแค่ช่วงชิง เหตุใดต้องรับปากว่าจะช่วยเหลือข้า แม้ข้ามีผู้อาวุโสหยุนเทียนเฉวคุ้มกัน แต่ก็ใช่ว่าจะคุ้มกันไปได้ตลอด… ยามนี้คงยังไม่ใช่เวลาที่จะกล่าวเรื่องนั้นกับฉูฉางเอ๋อร์”
หนิงฝานสงบใจ หากไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่อาจกล่าวคำ
ยังเหลือเวลาอีก 60 ปีกว่าลานสวรรค์โบราณจะเปิด ด้วยเวลาเพียงเท่านี้ หนิงฝานคงไม่อาจทะลวงขอบเขตไร้แบ่งแยกได้ทัน แต่หากหาผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกมาช่วย น่าจะไม่ยากนัก
เหม่ยเฉินแห่งป่าภูติพราย หากในอนาคตเขาหาทางช่วยนางได้ คงจะได้นางช่วย
หลั่วโยว่แห่งโลกหยิน หากดวงจิตของนางหายดี นางอาจพื้นพลังในขอบเขตไร้แบ่งแยกอีกครั้ง
หากได้ฉูฉางเอ๋อร์ช่วยอีกแรง อาจจะทำให้หนิงฝานสู้หานเนี่ยเทียนได้
“เหลือเวลาอีก 60 ปี...” หนิงฝานกำหมัดแน่น บนท้องนภา การต่อสู้ก็ดำเนินมาถึงจุดตัดสิน
*ตูม!*
หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่นจางไป หยุนเทียนเฉวและมังกรโลหิตก็หยุดมือ เหตุที่ฉูฉางเอ๋อร์ต่อสู้มาได้ถึงขนาดนี้ เพราะหยุนเทียนเฉวยังไม่เอาจริง ไม่ได้ใช้เพลงกระบี่ใดๆ เพียงกวัดแกว่งกระบี่รุกรับเท่านั้น
ร่างมังกรหดเล็กลงคืนร่างเป็นชายชราผมแดงที่ถอนหายใจ “สมแล้วที่เป็นเทพกระบี่อาภรณ์ขาว ได้ยินว่าเมื่อยามที่ท่านอยู่ขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 1 ท่านก็เอาชนะเทพกระบี่ในยามนั้นได้ ถึงไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ แม้ตัวท่านจะฟื้นพลังในขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 4 แต่หากท่านเอาจริงก็คงต่อสู้ได้แม้กระทั่งกับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 5”
“เจ้าก็ออมมือเช่นกัน” หยุนเทียนเฉวเก็บกระบี่และร่อนลงมาเบื้องล่างพร้อมกับชายชรา
เมื่อวานชายชราคิดว่าตนเองสู้หยุนเทียนเฉวได้ แต่ยามนี้ชายชรารู้ว่าตนเองไม่อาจรับมือหยุนเทียนเฉวได้แม้แต่น้อย
ในวิหารพิรุณ นอกจากกษัตริย์พิรุณแล้ว หากไม่นับว่าใช้ปราณ ก็ไม่มีใครเอาชนะฉูฉางเอ๋อร์ได้
แต่ดูเหมือนยามนี้ต้องรวมหยุนเทียนเฉวเข้าไปอีกคน หากหยุนเทียนเฉวตั้งใจจะสังหารตนจริง คงสังหารได้ในพริบตา
ขนาดตนที่อยู่ขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 2 ยังถูกสังหารได้ในพริบตา นับประสาอะไรกับหยุนจิงหง
เหงื่อกาฬไหลอาบร่าง หยุนจิงหงรู้ดีว่ามันไม่อาจสู้กับหยุนเทียนเฉวได้
“หยุนเทียนเฉวทำลายผนึกสยบอสูรได้ ทำให้ฟื้นพลังกลับมา… นอกจากท่านพ่อแล้วคงไม่มีใครเอาชนะมันได้ ตอนนี้ความทรงจำในอดีตของมันยังไม่กลับมา ไม่อย่างนั้น ข้าและพี่รองคงมีชะตากรรมไม่ต่างจากพี่สี่...”
ผู้อาวุโสของวังสวรรค์เริ่มทะยอยลงจากอสูรวัว และป้องมือให้กับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกทั้ง 3
หนิงฝานเองก็เช่นกัน เขาป้องมือทำท่าลังเลว่าจะกล่าวกับชายชราดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่กล่าว
“พวกเจ้ามากันเร็วเกินไป!” ชายชราคิดจะใช้เวลาว่างช่วงที่รอเหล่าผู้เยาว์ ประลองกับหยุนเทียนเฉว
แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเหล่าผู้เยาว์จะมาถึงเร็ว จนได้เห็นตนเองพ่ายให้กับหยุนเทียนเฉว นับเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก
“เรียนผู้อาวุโสฉู... โดยทั่วไปแล้วหากข้ามลำธารโลหิตมา กว่าจะมาถึงที่นี่น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วยาม แต่วันนี้ดูแปลกๆ ใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น” หยูเป่ยกล่าว
“หืม? พวกเจ้าไม่โดนอสูรจู่โจมบ้างเหรอ?” ชายชราประหลาดใจ อสูรไร้ดัดแปลงที่คอยเฝ้าเส้นทางนั้น จะเข้าจู่โจมไม่เลือกหน้า เว้นแต่ศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก
ชายชรากวาดตามอง เมื่อจับจ้องมาที่หนิงฝาน ชายชรากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“จะว่าไปเหมือนคนจะหายไป 4 คน? ผู้อาวุโส 4 คนที่องค์ชายเจ็ดพามาไม่มาด้วยเหรอ? พวกมันไม่อยากลงบ่อโลหิตมังกรหรือไง?” ชายชรากล่าวด้วยความไม่พอใจ
“ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกมันไปไหน… บางทีซัวหมิงอาจจะรู้คำตอบ”
หยุนจิงหงขมวดคิ้วพลางจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาเย็นชา
มันรู้ดีว่าศิษย์ทั้ง 4 คนของมันมีนิสัยยังไง ถึงพวกมันจะหวาดกลัวบ่อโลหิต แต่ย่อมไม่กล้าหนีอย่างแน่นอน
บางที...พวกมันที่เห็นหนิงฝานได้โลหิตมังกรสามหม้อ อาจเกิดความโลภและคิดช่วงชิง จึงไปหาหนิงฝานเมื่อคืนที่ผ่านมา
การที่พวกมันทั้งสี่คนไม่กลับมา ทำให้หยุนจิงหงคิดว่าเป็นฝีมือของหนิงฝาน
“บางทีไอ้พวกโง่นั่นอาจคิดลงมือกับซัวหมิงเมื่อคืน! หยุนเทียนเฉวไม่ได้สังหารพวกมัน แผ่นป้ายชีวิตของพวกมันก็ยังอยู่ดี หากหยุนเทียนเฉวทำจริงย่อมต้องมีหลักฐานอยู่บ้าง… เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงเป็นได้สูงว่าซัวหมิงเป็นคนทำ แต่ลำพังพลังในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงกับร่างต้านเพลิง จะไปสู้พวกนั้นได้ยังไง? ซัวหมิงทำอะไรกับพวกมันกันแน่!” หยุนจิงหงขบคิด
“ถามซัวหมิง? องค์ชายเจ็ดอย่าได้พูดจาไร้เหตุผล” เมื่อชายชราได้ยินคำกล่าวของหยุนจิงหง ชายชราขมวดคิ้ว
แต่ถึงแม้ชายชราจะกล่าวเช่นนั้น ชายชราก็ยังคิดอีกว่า บางทีสี่คนนั้นอาจคิดจู่โจมหนิงฝานและถูกโต้กลับ!
แต่สุดท้ายชายชราก็คิดว่า เป็นไปไม่ได้ที่หนิงฝานจะรับมือผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงได้ถึง 4 คน
หากป้ายชีวิตของพวกมันยังอยู่ แสดงว่าพวกมันยังมีชีวิต การที่จะจับเป็นพวกมันทั้ง 4 คนได้นั้น หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงคงทำไม่ได้
หยุนเทียนเฉวไม่กล่าว มันนิ่งเงียบราวกับปล่อยให้หนิงฝานจัดการด้วยตัวเอง
หนิงฝานป้องมือกล่าว “ผู้เยาว์ไม่เข้าใจในสิ่งที่องค์ชายเจ็ดกล่าว”
“เจ้าไม่ต้องเข้าใจ ข้ามีวิชาลับที่สามารถค้นความทรงจำของเจ้าได้โดยไม่ส่งผลกระทบกับดวงจิตเจ้า แค่นั้นข้าก็จะรู้ทุกสิ่ง! หากเจ้าเป็นคนลงมือจริง ข้าจะฆ่าเจ้า แต่หากเข้าไม่ได้ทำ ข้าจะมอบโอสถให้”
ทันทีที่กล่าวจบนั้น หยุนจิงหงยื่นมือหมายคว้าร่างหนิงฝาน ปราณสีครามพันธะนาการร่างจนไม่อาจเคลื่อยไหว ทำให้หนิงฝานโกรธเป็นอย่างมาก
มันคิดจะค้นความทรงจำของเขาต่อหน้าผู้คน
แม้หยุนจิงหงจะพ่ายให้กับหยุนเทียนเฉว แต่มันก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก หากมันได้ลงมือ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงยังไม่อาจขัดขืน นับประสาอะไรกับหนิงฝาน
แม้ปราณสีครามจะพันธะนาการร่างเพียงเล็กน้อย แต่หนิงฝานกลับรู้สึกราวกับมีภูเขายักษ์นับหมื่นทับร่าง จนไม่อาจขยับเคลื่อนไหว
แม้มันจะอ้างว่าค้นความทรงจำ แต่มันอาจใช้โอกาสนี้ลอบสังหาร
แรงกดดันที่รุนแรงทำให้กระดูกทั่วร่างส่งเสียงลั่น กระดูกขาราวกับจะทนแรงกดดันไม่ไหว โลหิตไหลอาบอาภรณ์ขาว แต่เขายังไม่ยอมคุกเข่า แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา ถึงแม้จะรู้ดีว่าตนเองยังไม่อาจเทียบเคียงมันได้
มุมปากปรากฏโลหิตไหลริน แววตาเย็นชาขึ้นทุกขณะ
เจตจำนงค์ความทรงจำปรากฏ เตรียมป้องกันการค้นความทรงจำอย่างสุดความสามารถ
หากหนิงฝานไม่สามารถต้านการอ่านความทรงจำได้จริง เขาจะใช้เจตจำนงค์ความทรงจำของตน ผนึกความทรงจำเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็น
“เด็กนั่นเริ่มทนไม่ไหวแล้ว องค์ชายเจ็ดอาจเข้าใจผิด รีบหยุดมือเดี๋ยวนี้” ชายชราจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาชื่นชม แม้ร่างกายแทบจะรับแรงกดดันไม่ไหว แต่ตนเองยังไม่ยอมคุกเข่า และไม่ยอมเปล่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย
“เข้าใจผิดหรือเปล่านั้น ค้นความทรงจำดูเดี๋ยวก็รู้... หากข้าเข้าใจผิด ข้าจะชดใช้ให้มันเอง”
*ฮึ่ม!*
ชั่วพริบตาก่อนที่หยุนจิงหงจะอ่านความทรงจำ ปราณกระบี่กลับตรงเข้าทำลายปราณที่พันธะนาการร่างของหนิงฝาน
เส้นแสงกระบี่ที่วาบผ่านเมื่อครู่ คือปราณกระบี่นับหมื่น หยุนจิงหงสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“หยุนเทียนเฉว นี่มันหมายความว่ายังไง?”
“ข้าแค่อยากดูความกล้าของเด็กนั่น และตอนนี้ข้าก็พอใจมาก… ส่วนเจ้า!”
ปราณกระบี่นับหมื่นพุ่งผ่านร่างหยุนจิงหง ลอยผ่านขึ้นไปบนท้องนภา แปรสภาพเป็นปราณกระบี่นับล้านปกคลุมท้องนภา ตรงเข้าจู่โจมหยุนจิงหง
หยุนจิงหงกระอักโลหิต ร่างกายแทบไม่อาจทนรับปราณกระบี่ไหว เหตุที่มันยังทนได้ เพราะหยุนเทียนเฉวไม่ได้คิดจะสังหารมันจริงๆ
“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงได้กล้าล่วงเกินคนของข้า!”
ร่างของหยุนจิงหงถูกปราณกระบี่กระแทกไปไกลนับหมื่นลี้ กระแทกพื้นดังสนั่นจนเกิดหลุม
“เพลงกระบี่อนันต์… หมื่นกระบี่!”
หนึ่งในเพลงกระบี่ที่ทรงพลังของหยุนเทียนเฉว และเป็นเพลงกระบี่เดียวกันที่ใช้ปลิดชีวิตองค์ชายสี่
หยุนจิงหงคาดไม่ถึงว่าแม้มันจะบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก มันก็ยังไม่อาจต้านรับเพลงกระบี่นี้ได้
อีกอย่าง มันยังคาดไม่ถึงว่าหยุนเทียนเฉวจะกล้าลงมือกับมันจริงๆ ยามนี้มันไม่กล้าค้นความทรงจำของหนิงฝานอีก
ผู้อาวุโสของวังสวรรค์แดงตกตะลึง ประมุขวังพ่ายแพ้หยุนเทียนเฉวราบคาบ
ฉูฉางเอ๋อร์เองก็ตกตะลึง เพลงกระบี่เมื่อครู่ หากชายชราโดนเข้าไป ก็ไม่อาจรับมือได้เช่นกัน
ในขณะที่หยุนเทียนเฉวลงมือ หนิงฝานเร่งโคจรวิชาดาราทมิฬ รักษาอาการบาดเจ็บด้วยความที่คาดไม่ถึง พลางป้องมือกล่าวขอบคุณหยุนเทียนเฉว
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วย”
หนิงฝานและหยุนเทียนเฉวนั้นคล้ายกัน ในเมื่อสั่งสอนหยุนจิงหงไปแล้ว มันไม่กล้าล่วงเกินหนิงฝานอีก
แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานจะจดจำความแค้นที่มีนต้องหยุนจิงหงเอาไว้
บุญคุณของหยุนเทียนเฉวเอง เขาก็จะจดจำเอาไว้
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ข้าแค่ทดสอบเจ้าเท่านั้น” หยุนเทียนเฉวกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ศักดิ์ของผู้อาวุโสวิหารพิรุณนั้นมีด้วยกัน 3 ระดับ… หากเจ้าลงไปเอาโลหิตมังกรมาได้ 10 หม้อ ข้าจะให้ป้ายทองคำแดง หากเอามาได้ 20 หม้อ ข้าจะให้ป้ายเงิน หากเอามาได้ 50 หม้อ ข้าจะให้ป้ายทองคำ… แต่หากเจ้านำโลหิตมังกรมาได้ไม่ถึง 10 หม้อ เจ้าก็ไม่ผ่านการทดสอบ”
คำกล่าวของหยุนเทียนเฉวทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆตกตะลึง และคิดว่าคงหูฝาดไป
กลายเป็นว่าการทดสอบที่พวกมันต้องเผชิญนั้นต้องนำโลหิตมังกรมาให้ได้อย่างน้อย 10 หม้อ!
เท่าที่พวกมันรู้ แค่นำโลหิตมังกรกลับมาได้ 1 หม้อก็ผ่านการทดสอบแล้ว อีกอย่าง ต่อให้อยู่ในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ก็ใช่ว่าจะนำโลหิตมังกรกลับมาได้ถึง 10 หม้อ
เหตุใดกฏการทดสอบถึงได้เปลี่ยนไป
กฏที่เปลี่ยนไปนี้ แม้เป็นฉูฉางเอ๋อร์เองก็ยังไม่พอใจ ระยะเวลาที่เข้าไปในบ่อโลหิตได้นั้นคือ 1 เดือน การจะนำโลหิตมังกรกลับมา 10 หม้อได้นั้น นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ก็ไม่มีผู้ใดทำได้
ดูเหมือนกระบี่เมื่อครู่จะเป็นการเพิ่มความยากในการทดสอบให้หนิงฝาน
“10 หม้อ… มันทำไม่ได้แน่” ชายชราส่านหน้า แม้ชายชราจะชื่นชมหนิงฝาน แต่ก็ใช่ว่าหนิงฝานจะแข็งแกร่งพอที่จะทำได้
โลหิตมังกร 1 หม้อประกอบด้วยโลหิตมังกรร้อยหยด นั่นหมายความว่าต้องสังหารมังกรโลหิตในบ่อนั้นจำนวน 10 ตัว
หากจะนำโลหิตมังกรกลับมา 10 หม้อ ก็ต้องสังหารมังกรโลหิต 100 ตัวในหนึ่งเดือน ซึ่งนั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“มาเดิมพันกันมั้ยหล่ะ?” หยุนเทียนเฉวกล่าวขึ้น
ชายชราตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าคนอย่างหยุนเทียนเฉวจะชอบการเดิมพัน
“ข้าเดิมพันว่ามันจะเอาโลหิตมังกรกลับมาได้ 50 หม้อ” หยุนเทียนเฉวกล่าว
“50 หม้อ! องค์ชายใหญ่ ท่านคงไม่คิดจะเดิมพันจริงๆหรอกใช่มั้ย?”
“เดิมพันด้วยกระบี่ของข้ากับเพลิงไร้แบ่งแยกของเจ้า” หยุนเทียนเฉวนำกระบี่เล่มใหญ่ของตนออกมา และปักลงดินไว้ หยุนเทียนเฉวมั่นใจว่าหนิงฝานทำได้
แต่หากหนิงฝานทำไม่สำเร็จ กระบี่เล่มนี้จะกลายเป็นของฉูฉางเอ๋อร์
แต่หากหนิงฝานทำได้ เพลิงไร้แบ่งแยกจะกลายเป็นของหยุนเทียนเฉว
“ได้! ข้าเดิมพัน!” ชายชรารู้ว่ากระบี่เล่มนั้นตกทอดมาจากเทพกระบี่ปีศาจ ทั้งยังมีเจตจำนงค์กระบี่ของหยุนเทียนเฉวอยู่ด้วย
เพลิงไร้แบ่งแยกแลกกับกระบี่ปีศาจ แม้ฉูฉางเอ๋อร์ไม่ชอบการเดิมพัน แต่ในเมื่อมันมั่นใจว่าหนิงฝานไม่อาจทำได้แน่ มันจึงยอมเดิมพัน
หนิงฝานหันมองหยุนเทียนเฉว เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอะไร เหตุใดหยุนเทียนเฉวจึงมั่นใจว่าเขาจะเอาโลหิตมังกรกลับมาได้ 50 หม้อ
หนิงฝานสัมผัสได้ราวกับว่า การเดิมพันของหยุนเทียนเฉว เท่ากับการสร้างภาระและแรงกดดันให้เขาเพิ่ม
ดูเหมือนการลงบ่อโลหิตมังกรนั้นต้องทุ่มสุดตัว ไม่อย่างนั้นเขาคงทำไม่สำเร็จ
“เปิดบ่อโลหิตมังกรได้! สหายน้อยซัวหมิง ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะเอาโลหิตมังกรกลับมาได้เท่าไหร่”
ชายชราหัวเราะพลางเปิดบ่อโลหิตมังกร เหล่าผู้อาวุโสของวิหารพิรุณทั้งหมด เร่งทะยานเข้าสู่ภายในอย่างรวดเร็ว
ชายชราเชื่อมั่นว่าตนเองต้องชนะ นำโลหิตออกมา 50 หม้อใน 1 เดือน ไม่มีใครทำได้อย่างแน่นอน
หยุนจิงหงที่บาดเจ็บไม่กล่าว มันจะเฝ้ารอดูความพ่ายแพ้ของหยุนเทียนเฉว
อีกอย่าง มันยังอยากรู้ว่าหนิงฝานทำยังไง หยุนเทียนเฉวถึงได้กล้าเดิมพันด้วยกระบี่ของตน
หากหนิงฝานมีโลหิตของตระกูลหยุนไหลเวียน มันคงคิดว่าหนิงฝานคือบุตรชายของหยุนเทียนเฉว!