ตอนที่แล้วGE386 สายลม หิมะ และการสังหาร [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE388 เพลงกระบี่อนันต์ [ฟรี]

GE387 หยูฉงเอ๋อร์ [ฟรี]


วันคืนผันผ่าน หนิงฝานใช้เวลาไปการปรับลมปราณ เตรียมพร้อมร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เมื่อถึงยามรุ่ง เขาเปิดประตูห้องออกมา พบคนรับใช้ที่คอยอยู่

เขาแผ่สัมผัสเทพไปรอบๆ แต่ไม่พบหยุนเทียนเฉว ดูเหมือนมันจะเข้าไปยังบ่อโลหิตก่อน หนิงฝานเองจึงติดตามคนรับใช้ ขึ้นโดยสารรอสูรวัวในขอบเขตไร้ดัดแปลงที่เป็นพาหนะ

อสูรตนนี้มีร่างกายใหญ่โต 5 พันจ้าง บนหลังของมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ และมีผู้ควบคุมมันอยู่ข้างบน

ภายในสิ่งก่อสร้างนั้น มีผู้เยาว์จำนวนมากนั่งอยู่ ผู้เยาว์เหล่านี้ดูจะแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกัน

หนิงฝานไม่ได้กระตุ้นดวงตาซ้ายเพื่อสำรวจระดับพลังของคนเหล่านี้

วิธีไปยังบ่อโลหิตมังกรสมควรต้องโดยสารสัตว์อสูรไป

การที่หุบเขามังกรมีอสูรไร้ดัดแปลงเป็นพาหนะ แสดงให้เห็นว่าหุบเขามังกรทรงพลัง

สิ่งที่ทำให้หนิงฝานประหลาดใจ คืออสูรตนนี้ถูกลงผนึกเอาไว้ ซึ่งผนึกที่ลงไม่ใช่ผนึกตราประทับวิญญาณทั่วไป แต่เป็นตราประทับที่ใช้กับอสูรโดยเฉพาะ

ผนึกอสูรนั้นมีเพียงเผ่าพันธุ์อสูรที่ใช้ได้… ทำให้หนิงฝานคิดว่าผู้ปกครองหุบเขาแห่งนี้ สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์อสูร

เป็นการยากที่มนุษย์จะใช้วิชาอสูร แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครองโลหิตอสูรอย่างหนิงฝาน วังผนึกอสูร และบางคนที่ยังไม่เปิดเผยตัวอยู่

เมื่อหนิงฝานขึ้นหลังอสูรวัว มันดูราวกับหวาดกลัว เพราะสัมผัสได้ถึงโลหิตฟู่ลี่ในร่าง

เหตุที่อสูรวัวจับสัมผัสกลิ่นอายโลหิตหนิงฝานได้ เพราะมันเป็นอสูรระดับสูง หากเป็นอสูรทั่วไปจะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายโลหิตของหนิงฝานได้

อสูรวัวเปล่งเสียงคำรามด้วยความเคารพต่อหนิงฝาน ทำให้ผู้เยาว์หลายคนที่นั่งอยู่บนหลังของมันประหลาดใจ

ทุกคนรู้ดีว่าวัวตัวนี้คืออสูรไร้ดัดแปลง แต่เหตุใดมันจึงเปล่งเสียงคำรามราวกับเคารพต่อหนิงฝานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ?

“ท่านคือซัวหมิงหรือเปล่า?”

น้ำเสียงของชายชราผู้หนึ่งดังมา

เจ้าของเสียงคือชายชราในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง ชายชราป้องมือให้พลางกล่าวถาม

“แล้วท่านคือ?” หนิงฝานที่กำลังเดินกล่าวถามด้วยความสงสัย

“ฮ่าฮ่า ข้าคือผู้อาวุโสแห่งวังสวรรค์นามหยูเป่ย ส่วนคนเหล่านี้ก็เป็นผู้อาวุโสในวังสวรรค์เช่นเดียวกัน...” ชายชราผายมือแนะนำ

“ยินดีที่ได้รู้จักสหายเต๋าหยู” หนิงฝานป้องมือให้เป็นมารยาท และพยักหน้าให้กับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคนอื่นๆ

ผู้หยูเป่ยแนะนำมีด้วยกัน 13 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น 5 ขั้นกลาง 3 ขั้นสูง 2 ขั้นสูงสุด 2 และกึ่งไร้ดัดแปลงอีก 1

ดูเหมือนคนเหล่านี้จะเป็นผู้ร่วมลงบ่อโลหิตมังกรด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนการเตรียมบ่อโลหิตมังกรในครั้งนี้ จะต้องทุ่มทรัพยากรมหาศาล เพราะผู้ที่ลงไม่ใช่หนิงฝานคนเดียว แต่เป็นคนกลุ่มใหญ่

เดิมทียามนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดบ่อโลหิตมังกร แต่เหตุที่ต้องเปิดก็เพราะหยุนเทียนเฉวบังคับ ในเมื่อฉูฉางเอ๋อร์ไม่อาจขัดขืน มันจึงต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ที่ลงไปได้ประโยชน์สูงสุด

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมเดินทางไปกับหนิงฝานต่างลอบนับถือ เพราะแม้หนิงฝานจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างพวกตน แต่ยังคงสีหน้าสงบเรียบเฉยได้

นอกจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 13 คนที่หนิงฝานเห็นแล้ว ลึกเข้าไปในที่พักบนหลังอสูร ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกราว 23 คนที่เป็นผู้อาวุโสของวังสวรรค์แดง หนิงฝานไม่สนใจพวกมัน เขาเพียงแผ่กลิ่นอายในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดดของตน เพื่อข่มพวกมัน

ในวังสวรรค์แดง หยุนหยานคือผู้ที่ทรงพลังที่สุดในหมู่ผู้อาวุโส การที่หนิงฝานสังหารมันได้ หมายความว่าเขาเก่งยิ่งกว่า จึงไม่มีผู้อาวุโสของวังสวรรค์แดงคนใดกล้ายั่วยุหนิงฝาน

เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้อาวุโสห้าธาตุของพวกมันดูแคลนหนิงฝาน จึงต้องเผชิญชะตากรรมอย่าง...ความตาย!

“สหายเต๋าซัวนั่งเถอะ... ท่านไม่ธรรมดาถึงขนาดที่ทำให้อสูรวัวนับถือได้ เหตุการณ์เช่นนี้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ข้าก็พึ่งเคยเห็นท่านทำได้เป็นคนแรก”

“สหายเต๋ากล่าวเกินไปแล้ว สหายเต๋าเองก็ไม่ธรรรมดา หากฝึกฝนอย่างหนักอีก 2 - 3 ร้อยปี ท่านต้องทะลวงระดับเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้แน่นอน”

หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวกับหยูเป่ย แต่นั่นก็ทำให้หยูเป่ยประหลาดใจ

“สหายเต๋าช่างมีดวงตาเฉียบคม! อีกไม่นานข้าจะทะลวงระดับ ข้ายังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ในหมู่ผู้อาวุโสด้วยกันก็ไม่มีใครรู้ มีเพียงสหายเต๋าเท่านั้นที่รู้ ข้าประหลาดใจจริงๆ… ดูเหมือนท่านจะเหนือกว่าคนทั่วไปตามข่าวลือ”

จริงๆแล้วข่าวลือเกี่ยวกับหนิงฝานที่หยูเป่ยได้ยินมานั้นเป็นข่าวด้านลบซะส่วนใหญ่ มีทั้งการเข่นฆ่า เลือดเย็น โหดเหี้ยม… สรุปง่ายๆคือในสายตาของวิหารพิรุณ หนิงฝานคือปีศาจดีๆนี่เอง

ดังนั้นเมื่อหนิงฝานปรากฏตัว ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่บนหลังอสูรถึงทำท่าราวกับไม่ต้อนรับหนิงฝาน

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่ไม่ได้สนใจชื่อเสียงในส่วนนั้นของหนิงฝาน

การหยูเป่ยกล่าวชื่นชมหนิงฝาน เพราะชายชรามองออกว่าหนิงฝานไม่ได้ชั่วร้ายอย่างข่าวลือ

ผู้ที่ตั้งใจฝึกฝนกระทั่งจิตใจกระจ่างใส จะรู้ว่าไม่อาจเชื่อข่าวลือได้

เหล่าผู้เชี่ยวชาญของวังสวรรค์เริ่มที่จะกล้าพูดคุยกับหนิงฝาน หลังจากได้คุยกัน พวกมันรู้ทันทีว่าหนิงฝานไม่ใช่คนชั่วเหมือนที่ผู้คนกล่าวขาน

รอยยิ้มดูเป็นมิตรน่าคบหา ร่างกายไม่ได้แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมาแม้แต่น้อย

หลังจากเจตจำนงค์ทั้งสามผสานรวมเป็นหนึ่ง ตัวตนของหนิงฝานก็ได้เปลี่ยนไป

หากเขาสวมอาภรณ์ดำ นั่นคือปีศาจหนิงฝาน หากถอดอาภรณ์ดำสวมอาภรณ์ขาว นั่นคือหนิงฝานฝ่ายธรรมะ ผู้ที่เก็บซ่อนความชั่วร้ายทั้งหมดไว้ภายใน ไม่เผยให้ผู้ใดเห็น

ในที่หนิงฝานพูดคุยกับคนอื่น อสูรวัวก็พาทั้งหมดไปยังบ่อโลหิตมังกร

สถานที่ของบ่อโลหิตมังกรอยู่บริเวณลำธารโลหิต บริเวณนั้นปกคลุมด้วยหมอกสีแดงฉาน ดูราวกับมีอันตรายซ่อนอยู่ อสูรตัดวิญญาณและไร้ดัดแปลงไม่กล้าเข้าใกล้ จะมีก็เพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่เข้าได้

“ลำธารโลหิต...” หนิงฝานได้กลิ่นโลหิตโชยมา ยามนี้ความรู้สึกประหลาดปรากฏขึ้นในใจ ที่สำคัญกระบี่มังกรโลหิตของเขายังเกิดปฏิกริยาตอบสนอง ราวกับมันกำลังตื่นเต้น

เมื่อลองขบคิด ในที่สุดหนิงฝานก็เริ่มเข้าใจ… หุบเขามังกร… บ่อมังกรโลหิต… ลำธารโลหิต...

สถานที่แห่งนี้ต้องมีมังกรโลหิตอยู่!

หนิงฝานรู้สึกดีใจ บางทีสถานที่แห่งนี้อาจเป็นประโยชน์กับกระบี่มังกรโลหิตของเขาก็ได้

ชาสมุนไพร น้ำผลไม้ เติมเต็มการพูดคุยระหว่างหนิงฝานและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ครั้งแรกที่พบ หนิงฝานยังระมัดระวังคนเหล่านี้ แต่ยามนี้ ทั้งหมดดูราวกับจะสนิทกันมากขึ้น

แต่ในขณะที่หนิงฝานและเหล่าผู้เชี่ยวชาญกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

“ฮึ่ม! ท่านหมิงไม่ธรรมดาจริงๆ แม้ท่านจะมีชื่อเสียงราวกับปีศาจร้ายในทะเลไร้สิ้นสุด แต่ยามนี้กลับพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของวิหารพิรุณราวกับสหาย… ท่านเคยได้ยินหรือไม่ว่า คนผู้ที่ทำให้ศัตรูมีความสุข และทำให้คนของตนมีความสุข ใช่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นคนดี… แต่คนผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์!”

ผู้ที่กล่าวคือสตรีผู้มีใบหน้างดงามกระจ่างใส สวมเกราะสีเงิน แม้การแต่งกายของนางไม่ต่างจากขุนพล แต่ก็ยังไม่อาจบดบังความงามของนางได้

นางคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นที่เพิ่งทะลวงระดับมาแววตานางดูกล้าหาญ แววตาจับจ้องหนิงฝานด้วยความเหยียดหยาม

นางตำหนิว่าหนิงฝานเป็นคนเจ้าเล่ห์

“ฉงเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!” หยูเป่ยขมวดคิ้ว พลางป้องมือให้หนิงฝานเป็นเชิงขออภัย

“นางคือน้องสาวข้า นาม ‘หยูฉงเอ๋อร์’ นางเป็นคนไม่ค่อยประสีประสาจึงพูดจาแบบนั้น ท่านหมิงอย่างได้โกรธนางเลย”

หยูเป่ยยิ้มเจื่อน หากหนิงฝานเป็นคนเจ้าเล่ห์จริง หยูเป่ยย่อมรู้ อีกอย่าง หนิงฝานเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด ไม่ใช่ผู้ที่จะดูหมื่นได้

หนิงฝานประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนมองว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ หยูเป่ยเองก็รู้สึก กลัวว่าหนิงฝานจะเกลียดน้องสาวตน

หนิงฝานหันมองหยูฉงเอ๋อร์ เขาส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก นางเป็นคนพูดออกมาตรงๆ หาคนที่เถรตรงเช่นนางได้ยาก… เห็นแก่หน้าสหายเต๋าหยู ข้าจะไม่สนใจเอาความ”

“ฮ่าฮ่า! ขอบคุณสหายเต๋าซัวที่ใจกว้าง... ฉงเอ๋อร์! เจ้ายังไม่มาขอโทษท่านหมิงอีกเหรอ?” หยูเป่ยขมวดคิ้ว

“ไม่! ท่านกลัวมันก็เลยไม่กล้าพูดใช่มั้ยหล่ะ! แต่ข้าหยูฉงเอ๋อร์ไม่กลัว อาจารย์ของข้าเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ทรงพลัง ‘หยุนฉิงเก๋อ’ ข้าไม่กลัวคนเจ้าเล่ห์นี่หรอก”

นางจับจ้องหนิงฝานไม่วางตา นางมั่นใจว่าหนิงฝานเป็นคนชั่ว

ตั้งแต่เกิดมา นางเป็นผู้ที่สามารถสัมผัสได้ถึงปราณปีศาจดีกว่าคนทั่วไปมาก และยามนี้ นางสัมผัสปราณปีศาจในร่างของหนิงฝานได้ และปราณปีศาจระดับนี้ สมควรเคยสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมาแล้วนับร้อย

ฬนเมื่อรู้ว่าหนิงฝานคือปีศาจร้าย นางจึงมองหนิงฝานเป็นตัวอันตราย

หากให้ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมมาเข้าร่วมวิหารพิรุณ ย่อมจะทำให้วิหารพิรุณเสื่อมเสีย

แม้นางจะอายุยังน้อย แต่นางยึดมั่นในเส้นทางฝ่ายธรรมะ เมื่อผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเห็นนางจึงเอ็นดู และรับนางเป็นศิษย์ จึงทำให้นางเป็นคนที่มีนิสัยเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเอง

นางเป็นคนเถรตรง หากไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ นางคิดว่าสิ่งที่นางกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนเข้าข้างหนิงฝาน นางยิ่งโกรธ

“เจ้าอยากทำอะไรก็ทำไป ข้าก็ไม่สนใจแล้ว” นางแค่นเสียงพลางกล่าวกับหนิงฝานด้วยสัมผัสเทพ

หนิงฝานไม่กล่าว เขาไม่อยากโต้เถียงกับนาง

จริงอยู่ที่หนิงฝานไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตน แต่ไม่ว่าผู้ใดก็เปิดยังตัวตนกันทั้งนั้น

หนิงฝานไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องใครก่อน อีกอย่างยามนี้ถือว่าหนิงฝานยังติดหนี้บุญคุณวิหารพิรุณด้วยซ้ำ

หากเป็นศัตรูต้องสังหาร… หากเป็นมิตรแค่สั่งสอน

“เห้อ… สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น… ท่านหมิงยิ่งใหญ่จนยากจะหาคนเทียบเคียง แต่น้องสาวข้ากลับดวงตามืดบอด ล่วงเกินท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าขอโทษแทนนางจริง… ขอท่านหมิงรับสิ่งนี้แทนคำขอโทษด้วย”

หยูเป่ยขบฟัน ชายชราไม่อยากยั่วยุหนิงฝานให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงได้นำกล่องหยกใบหนึ่งออกมา กลิ่นหอมสมุนไพรโชย ราวกับภายในนั้นมีสมุนไพรหมื่นปี

เมื่อผู้อาวุโสคนอื่นๆได้กลิ่น แววตาของพวกมันกลับลุกวาว

“สมุนไพรหมื่นปี...” หยูเป่ยขบฟันพลางยื่นให้หนิงฝาน

“นี่คือสมุนไพรหมื่นปี นามว่า ‘บุบผาแดง’ หากกินมันเข้าไปจะช่วยยืดอายุขัยได้อีก 200 ปี… ข้ามอบให้ท่าน”

“บุบผาแดง?” หนิงฝานประหลาดใจ สมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มอายุขัย 200 ปี หากนำไปประมูลอาจทำให้ราคาของมันพุ่งสูงถึงร้อยล้านแน่ เพราะบุบผาแดง

“ขอบคุณสหายเต๋าหยู... ข้าไม่รับของผู้ใดมาเปล่า นี่เป็นโอสถของท่าน ข้าปรุงพวกมันเอง”

หนิงฝานนำขวดโอสถออกมาหลายขวด โอสถเหล่านี้คือโอสถผันแปรที่ 5 ที่เขาปรุงขึ้นเอง

เมื่อคนอื่นได้ยินว่าหนิงฝานจะมอบโอสถที่ปรุงเองให้ พวกมันก็ขมวดคิ้ว พวกมันคิดว่าอย่างมากหนิงฝานก็เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 แม้มีโอกาสเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่ก็ยาก นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ยิ่งเป็นไปไม่ได้

แต่นั่นก็ทำให้หยูเป่ยดีใจ เพราะการที่หนิงฝานยอมมอบโอสถที่ปรุงเองให้นั้น แสดงว่ายอมรับมันเป็นสหาย แม้จะเป็นเพียงโอสถผันแปรที่ 3 ก็ไม่เป็นไร

“พี่สาม ทำไมท่านถึงมอบบุบผาแดงให้ปีศาจนี่ นี่มันของท่านแม่นะ...”

“ท่านแม่กินมันไปแล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้กินอีกก็ไม่เป็นผลแล้ว...”

“ท่านก็เลยให้มันหน่ะเหรอ? อย่างมากโอสถที่มันให้ท่านก็เป็นแค่โอสถผันแปรที่ 3 ท่านมีแต่จะเสียเปรียบ!”

“หุบปาก! ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่อาจวัดกันได้ด้วยราคา!”

หยูเป่ยจ้องมองหยูฉงเอ๋อร์ด้วยความไม่พอใจ

หยูเป่ยนับถือหนิงฝานมาก ขอเพียงได้เป็นสหายกับหนิงฝาน โอสถเหล่านั้นย่อมไม่สำคัญ

ต่อให้หนิงฝานไม่มอบอะไรให้มัน มันก็ยังยินดีที่จะได้เป็นสหายด้วย

แต่นั่นยิ่งทำให้หยูฉงเอ๋อร์โกรธหนิงฝานมากขึ้น นางด่าทอปีศาจร้าย เหตุใดพี่ชายถึงได้ต่อว่าตน

นางกระทืบเท้าพลางวิ่งเข้าหาหยูเป่ย แล้วฉวยเอาขวดโอสถในมือ แล้วคืนให้หนิงฝาน

“เอาโอสถผันแปรที่ 3 ของเจ้าคืนไป แล้วเอาบุบผาแดงของท่านพี่คืนมา!” นางไม่อยากให้พี่ชายเสียเปรียบ

“ฉงเอ๋อร์ นี่เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ!”

“แม่นางหยูใจเย็นก่อน...” หนิงฝานรู้สึกขบขัน ไม่ได้โกรธนางแม้แต่น้อย

หยูเป่ยเป็นสะพานที่คอยเชื่อมระหว่างหนิงฝานและหยูฉงเอ๋อร์

“ซัวหมิง เอาโอสถผันแปรที่ 3 ของเจ้าคืนไป ปีศาจอย่างเจ้าไม่ควรข้องเกี่ยวกับตระกูลข้า!”

“ข้าและพี่ชายของเจ้าพูดคุยกัน มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า ที่เจ้าพูดจริงจังว่าโอสถในขวดเป็นเพียงโอสถผันแปรที่ 3 เจ้ามั่นเหรอ?” หนิงฝานขมวดคิ้วพลางจ้องมองนาง

“ถ้าไม่ใช่โอสถผันแปรที่ 3 ก็ต้องเป็น 4 หรือจะเป็น 5 เป็นไปไม่ได้!”

“เจ้าบอกว่าเจ้าปรุงโอสถเอง ไม่มีทางจะปรุงโอสถระดับสูงขนาดนั้นได้หรอก”

แต่เมื่อนางเอาขวดเข้ามาดมใกล้ๆ สีหน้านางกลับแปรเปลี่ยน

โอสถผันแปรที่ 5… เป็นไปไม่ได้! ปีศาจเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้!

ในระหว่างที่นางดมกลิ่นนั้น กลิ่นที่โชยออกจากโอสถก็ต้องจมูกของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ คนเหล่านั้นล้วนดวงตาเบิกกว้าง

“โอสถผันแปรที่ 5 ขั้นกลาง โอสถรักษาขั้นสูง เป็นโอสถที่ล้ำค่า และรักษาให้อย่างรวดเร็ว!

“โอสถผันแปรที่ 5 ขั้นกลาง… โอสถผนึกความตาย! เป็นโอสถของแดนสวรรค์ที่คนในโลกมนุษย์ไม่มีทางรู้ตำรับโอสถ แต่ท่านหมิงกลับปรุงมันได้!”

“ท่านหมิงเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นกลาง!”

ทุกสายตาจับจ้องหนิงฝานด้วยความตกตะลึง

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ในวิหารพิรุณมีไม่ถึง 50 คน

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 อีก 7 คน

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 7 ยังไม่มี ข่าวลือว่ากษัตริย์โอสถกำลังเก็บทะลวงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 7 ไม่รู้ว่าสำเร็จหรือเปล่า

สถานะของนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ในวิหารพิรุณนั้นสูงส่ง ยิ่งรวมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด สถานะของหนิงฝานในวิหารพิรุณยิ่งจะสูงส่งขึ้นไปอีก

หยูฉงเอ๋อร์วางขวดโอสถลง นางนิ่งเงียบไม่กล่าว นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ทั้งยังมอบโอสถผันแปรที่ 5 ให้

รวมๆแล้วโอสถที่หนิงฝานให้ราคารวมกว่า 200 ล้านหยกสวรรค์ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าบุบผาแดง

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็สงบใจ “ขอโทษ… ข้าเข้าใจท่านผิดไป ถึงท่านไม่ใช่คนดี แต่ท่านก็ไม่ได้ชั่วร้าย… คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5ขั้นกลาง ข้า… ข้าขอโทษที่ด่าทอท่าน แต่ข้าก็ยังไม่ชอบท่านอยู่ดี… หวังว่าท่านจะให้อภัย” แววตาที่นางหมิงฝานเปลี่ยนไป ไม่ได้ชื่นชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด

ท่าทีที่เปลี่ยนไปของนางทำให้หยูเป่ยขบคิด ที่น้องสาวของตนตำหนิด่าทอหนิงฝาน หรืออาจเป็นเพราะนางชอบหนิงฝาน จึงอยากเรียกร้องความสนใจ?

“ฮ่าฮ่า… ไม่แปลกที่แม่นางฉงเอ๋อร์จะไม่ชอบข้า หากชอบข้าย่อมแปลก แต่ยังไงข้าก็มีภรรยาแล้ว”

คำกล่าวเย้าหยอกของหนิงฝานทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนหัวเราะ

“ฮึ่ม! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีภรรยาหรือไม่มี ข้าเกลียดเจ้า!” เมื่อกล่าวเสร็จนางก็เดินหนีไป

หนิงฝานไม่ใช่คนดีจริงๆนั่นแหละ ต่อหน้าผู้คนขนาดนี้ ยังกล้าทำให้นางอับอาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด