ตอนที่แล้วChapter 174 – Black Market Fifteenth Shopping (1) [01-06-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 176 – The Chosen Ones (1) [05-06-2020]

Chapter 175 – Black Market Fifteenth Shopping (2) [03-06-2020]


Chapter 175 – Black Market Fifteenth Shopping (2)

ในช่วงอาหารค่ำมุสตาฟาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีภายใต้การนำทีมของฟรานซ์

"ถ้างั้นตอนนี้ดื่มให้กับการมาใหม่ของมุสตาฟากัน"

มุสตาฟาได้ถือแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำผลไม้ เขาได้มองมาที่ซังจินและคนอื่นในขณะที่พูดออกมา

"สำหรับนักล่าที่สามารถมารวมกันแบบนี้และกินอาหารด้วยกัน.... มันน่าทึ่งมาก..."

"มันเป็นเวลานานแล้วใช่ไหมที่นายได้มาคุยกันคนอื่นแบบนี้? นายจะต้องทำมันบ่อยๆนะ"

"แน่นอน มันเป็นการดีที่จะมารวมตัวกันระหว่างพวกเรา"

มุสตาฟาได้มองไปรอบๆก่อนจะพูดเสริมขึ้นมา

"ฉันมีครอบครัวใหญ่ ที่บ้านพวกเรามักจะนั่งกินข้าวด้วยกันด้วยโต๊ะขนาดใหญ่แบบนี้ ดังนั้นฉันไม่เคยกินข้าวคนเดียวมาก่อนเลย ยังไงก็ตามหลังจากที่มาที่นี่... ฉันจะต้องกินข้าวเพียงลำพังอยู่เสมอ... เพราะอย่างนี้ทุกๆครั้งที่ฉันกินอาหารมันทำให้ฉันอดที่จะคิดถึงครอบครัวของฉันไม่ได้"

อารมณ์ได้กลายเป็นมัวหมองเมื่อหัวข้อเกี่ยวกับครอบครัวได้ถูกยกขึ้นมา บางทีเขาอาจจะรู้ตัวมุสตาฟาจึงได้เปลื่ยนเรื่องไปในทันที

"ยังไงก็ตามมันก็เป็นเรื่องที่เยี่ยมมากที่ฉันสามารถจะกินอาหารร่วมกันคนอื่นได้อีกครั้ง ถ้าพวกเราร่วมแรงกันและบุกดันเจี้ยนแบบนี้ต่อไปเราจะต้องช่วยคนที่เรารักได้"

"แน่นอนสิ"

"ใช่แล้ว"

ในตอนแรกมุสตาฟายังคนเคร่งขรึมเล็กน้อยในขณะที่รักษาท่าทางเอาไว้ แต่ไม่นานนักเขาก็เริ่มผ่อนคลายและมีส่วนร่วมกันนักล่าคนอื่นๆ เขาได้ทำตัวเหมือนกันตัวตนในตอนสิบคนสุดท้ายของเขา มันเป็นสิ่งที่ทำให้ซังจินโล่งใจ ตลอดช่วงมื้อค่ำเวลาได้ผ่าสนไปอย่างราบรื่นซังจินได้ลอบออกมาจากที่นั่ง ในตอนที่เขาได้ทำแบบนั้นเซรินและนักล่าคนอื่นๆบางคีนก็ได้มองมาที่ซังจินอย่างสงสัย ซังจินได้โบกมือในขณะพูดอกมา

"อ่า ไปห้องน้ำน่ะ เดี๋ยวจะกลับมา"

ในไม่ช้านักล่าก็ได้หันกลับมาสนใจที่โต๊ะอาหารและซังจินก็ได้เดินออกไปเข้าห้องน้ำ เขาได้ล็อคประตูเผื่อคนอื่นจะเข้ามาก่อนที่จะหยิบเอาไอเทมรูปดาวออกมาจากเสื้อ

เหตุผลที่ซังจินเลือกที่จะใช้ไอเทมที่ทำให้เขาเห็นอนาคตในตอนที่ทุกคนกำลังกินมื้อค่ำนั้นก็ง่ายมาก ถ้าหากว่าเขายังกินอาหารเหมือนกันสมาชิกเดิมในวันพรุ่งนี้ถ้างั้นก็หมายความว่าการจู่โจมในวันพรุ่งนี้ก็จะปลอดภัยและสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม

"แสงดาว"

ไอเทมรูปปดาวนี้ได้ส่องแส้ออกมาอย่างสดใสในทันที แสงของมันได้ส่องจนทำให้แทบจะมองไม่เห็นอะไร เมื่อแสงได้ปกคลุมไปทั้งห้องน้ำที่ซังจินได้ยืนอยู่ เหตุการในอนาคตก็เริ่มภายด้านหลังเขา

ฟรานซ์ได้ตะโกนออกมาในขณะที่ถือแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำส้ม

'ในตอนนี้ได้มีพรรคพวกใหม่มาร่วมกันเราแล้ มาอวยพรให้เขากันเถอะ ยินดีด้วยนะ!'

ซังจินได้เอียงหัวอย่างสับสน

'อะไร? นี้มัน....ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อตะกี้หรอกหรอ?'

ยังไงก็ตามคนที่เขาได้ต้อนรับนั้นต่างออกไป

'ขอบคุณนะที่ต้อนรับฉันอย่างอบอุ่น'

เขาเป็ฯชายวัยรุ่นที่แขวนคาตานะที่เอวทั้งสองข้าง

'ฉันได้มาเจอกับอาจารย์ใหม่จริงๆด้วยแล้วก็ยังได้เจอกับเพื่อนร่วมทีมอีก'

มันเป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคย ชายหนุ่มที่เขาได้พบในสุสานวิญญาณสีเทา นักดาบฮิโระกิ ซังจินได้รู้สึกยินดีขึ้นทันที แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะสนใจที่สถานการณ์ก่อนเป็นอย่างแรก

'นี่คือ... สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้?'

เขาได้เห็นมุสตาฟาได้นั่งปรบมืออยู่ข้างๆ ดังนั้นสิ่งที่เขาได้เห็นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซังจินได้มองไปที่นักล่าคนอื่นๆ เซริน นาดา ฟรานซ์ มาฮาเดส และเบลเทรนก็ยังยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

'เยี่ยม ถ้ามันเป็นแบบนี้ ถ้างั้นก็... ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นสินะ'

หลังจากนั้นช่วงอาหารค่ำก็ได้ดำเนินไปอย่างสนุกสนานเล็กน้อยเหมือนๆกับในวันนี้ ซังจินได้สังเกตอารมณ์ที่ผ่อนคลายนี้ หลังจากนั้นไม่นานสภาพแวดล้อมก็ได้มืดลงเหมือนกันในร้านค้าลับ ซังจินได้ตื่นตระหนกและสงสัยในทันที

'เกิดอะไรขึ้น?'

ซังจินได้กลับเข้าไปในห้องน้ำในช่วงต่อมา จากนั้นเขาก็จ้องไปที่เครื่องประดับรูปดาวในมือ

'ถ้างั้นมันจะแสดงให้เห็น...อนาคตเป็นเวลา 3 นาทีสินะ'

ตัวเลขนี้ไม่แน่นอนนัก แต่ว่ามันก็เป็นเลขคร่าวๆ ซังจินได้เก็บเครื่องประดับรูปดาวลงไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินออกมา ยังไงก็ตามเบลเทรนกำลังยืนอยู่น่าประตูด้วยท่าทางแปลกๆ เขาได้เปิดปากขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองไปที่ซังจินราวกับว่ามีอะไรที่ผิดปกติ

"เอ่อ..."

การดูอนาคตของเขาถูกเปิดเผยงั้นหรอ? ซังจินได้ถามเขาออกไป

"อะ อะไรหรอเบลเทรน?"

เบลเทรนได้ตอบกลับมา

"ไม่ มันก็แค่... ในตอนที่นายบอกว่าจะเข้าห้องน้ำมา... ฉันก็รู้สึกเหมือนกันนะดังนั้นฉันว่าจะรอให้นายออกมา... แต่ว่านายเพียงแค่ล็อคประตูและปลดล็อคประตูพร้อมออกมา... ฉันก็แค่คิดว่ามันแปลกนะ"

ซังจินได้เอียงหัวงง

"ฉันทำงั้นหรอ?"

"ใช่สิ"

"นายกำลังจะบอกว่าเมื่อตะกี้ฉันล็อคประตูและจากนั้นก็เปิดประตูออกมาหลังจากเข้าไปในทันทีสินะ"

เบลเทรนได้หยักหน้าอีกครั้ง

"อย่างนั้นแหละ"

ถึงแม้ว่าซังจินจะได้ดูในอนาคตเป็นเวลาสามนาที แต่ว่ามันก็แปลกที่เขาจะออกมาหลังจากเขาเข้าไป ซังจินและเบลเทรนกำลังยืนมองหน้ากันและกันอยู่ในตอนนี้ ในตอนนี้เองที่ซังจินได้ตระหนักว่าเขากำลังขวางทางเข้าห้องน้ำ

"อ่า ใช่แล้ว เชิญเลยๆ"

เขาได้ออกจากทาง เบลเทรนได้มองไปที่ซังจินด้วยสายตางง แต่ว่าครู่หนึ่งเขาก็เข้าห้องน้ำไป ดูเหมือนว่าเขาจะจำเป็นที่จะต้องใช้มันจริงๆ ซังจินได้กลับมาที่โต๊ะอาหารและหยิบขนมขึ้นมากินในขณะที่คิดถึงความฝันครั้งล่าสุดของเขา

'...เมื่อฉันลองนึกถึงมันดู...ฉันเพียงแค่เห็นเอ็ดเวิร์ดเรืองแสงครู่หนึ่ง... ถ้างั้น... เวลามันไม่ได้ขยับในตอนที่เขาดูอนาคตสินะ?'

ในตอนแรกการดูอนาคตเป็นสิ่งที่เหมือนกับจินตนาการดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่เวลาจะหยุดลงในตอนที่เรามองไปในอนาคต

'ไม่ว่ายังไงก็เถอะ... ถ้ามันเหมือนกับที่ดาวนั่นได้แสดงให้ฉันเห็น....ถ้างั้นในวันพรุ่งนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น นั่นมันก็คือถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรแปลกๆสินะ '

มันก็เหมือนกับในกรณีของเอ็ดเวิร์ด มันสามารถที่จะเปลื่ยนอนาคตที่ได้เห็นได้ ยกตัวอย่างง่ายๆก็ตามเขาสามารถจะล่าบอสจนเสร็จแล้วกลับมาเลยไม่ทำอะไรก็ตาม ดังนั้นซังจินได้ปรบมือและทำข้อตกลงกับตัวเอง

'ฉันจะผ่านวันพรุ่งนี้ตามปกติเท่าที่ฉันจะทำได้ ปกติเหมือนกับที่ฉันมักจะทำอยู่เสมอ'

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จซังจินก็ได้มองนักล่าคนอื่นๆจากไปและเข้าไปนอนอย่างรวดเร็ว ในอดีตซังจินจะเข้านอนเร็วเพื่อที่จะไปร้านค้าลับ แต่สำหรับตอนนี้เขาทำมันเพื่อที่จะมองไปในอดีตของเอ็ดเวิร์ด

'ฉันสามารถที่จะมองเห็นอนาคตได้ แต่...มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ควรจะมองไปที่อดีต'

ซังจินใส่ผ้าปิดตาและหลับลงไป ครู่หนึ่งภาพอดีตของเอ็ดเวิร์ดก็ได้เริ่มฉายออกมา

*****

โครงกระดูกได้รอบตัวอยู่กลางอากาศ กรามร่างของมันได้ขยับด้วยการร่ายเวทย์

"ลมหนาว! คมมีดน้ำแข็ง! พายุน้ำแข็ง!"

เมื่อเวทย์ของลิขได้เริ่มทำงาน เอ็ดเวิร์ดก็ได้ร่ายเวทย์ของตัวเอง

"เวทย์พื้นที่กลืนเวทมนตร์ โล่ต่อต้านเวทมนตร์"

ราวกับว่าเขาได้เตรียมเอาไว้แล้ว โล่เวทย์ได้ปกคลุมเอาไว้เป็นบาเรีย เอ็ดเวิร์ดได้วิ่งเข้าไปหาลิช เมื่อมันเห็นเอ็ดเวิร์ดพุ่งเข้ามาลิชได้พยายามที่จะร่ายเวทย์ขึ้นอีกครั้ง แค่เอ็ดเวิร์ดได้เริ่มจู่โจมก่อน

"จงเงียบ! ความเงียบ!"

กรามล่างของลิชได้พยายามขยับไปมาหลายครั้งแต่มันไม่สามารถที่จะร่ายเวทย์ได้ เอ็ดเวิร์ดไม่ยอมที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปและร่ายเวทย์ใส่ใบหน้าของลิชตรงๆ

"เพลิงอันศักดิ์สิทธิ์จงลงทัณ! เพลิงศักดิ์สิทธิ์"

ครู่หนึ่งเพลิงสีขาวได้ลุกโชกขึ้นบนร่างของลิช มันได้ร้องออกมาอย่างตกใจ

"ไม่! เวทย์นี้มัน?"

"แค่แกกกกกกกกกกกกก....."

เพลิงได้ลุกลามไปทั่วกระดูกที่สร้างขึ้นมาเป็นร่างกายของลิชในทันที นักล่าคนอื่นๆได้ยืนมองอยู่ด้านหลังของเอ็ดเวิร์ดได้อุทานกันขึ้น

"อะ เอ็ดเวิร์ด...น่าทึ่งมาก"

"วะ..เวทย์อะไรกัน?"

เอ็ดเวิร์ดได้รับการตอบรับเหมือนๆกับซังจินในก่อนหน้านี้ จากนั้นพวกเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง

"มันน่าทึ่งมาก มันราวกับว่าเขารู้ว่าลิชจะใช้เวทย์อะไร"

ซังจินได้มองไปที่นักล่าที่ไม่รู้จักและคิดขึ้นมา

'ถูกแล้ว เขาได้ต่อสู้ในขณะที่รู้ในทิ่งสิ่งที่ต้องรู้'

เอ็ดเวิร์ดใช้ความรู้พื้นฐานที่สร้างขึ้นมาจากบทเรียนที่ได้จากความพยายามครั้งก่อนๆของเขาเพื่อให้ไปสู่ผลที่น่าทึ่ง มันก็เหมือนกับสิ่งที่ซังจินได้ทำในตอนที่เขาได้ย้อนเวลากลับมา เอ็ดเวิร์ดได้รับผลงานที่สูงอย่างน่าทึ่งในปราสาทเคาท์เดมิทรี ที่ราบสูงทาราชาน และเมืองเอลฟ์ทมิฬและปรับปรุ่งตัวเองเหมือนซังจิน

แต่ยังไงก็ตามยังมีบางสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดยังขาดอยู่ ซังจินได้เห็นเอ็ดเวิร์ดได้ยอมแพ้ในการต่อสู้กับบางสิ่งที่แข็งแกร่งอย่างบอสลับในตอนที่เขาล้มเหลวในการสร้างข้อตกลงกับนักล่าคนอื่นๆ นี้ก็คือขีดจำกัดหลักของผู้ใช้เวทย์อย่างเอ็ดเวิร์ด

ตั้งแต่แรกแล้วจอมเวทย์สามารถจะส่องประกายได้เมื่อเขาหรือเธอสามารถทำตัวอยู่ในแนวหลังได้อย่างอิสระในระหว่างการต่อสู้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จอมเวทย์จะที่จะไปต่อสู้กับบอสเพียงคนเดียวเหมือนกันที่ซังจินทำ

เอ็ดเวิร์ดนั้นเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในด้านเวทมนตร์ที่น่าทึ่ง แต่ว่ามันกลับน่าสิ้นหวังมากเมื่อเขาได้ใช้อาวุธ มีอยู่หลายครั้งที่เขาได้พยายามจะใช้อาวุธ และซังจินเห็นแม้แต่เขาได้ลงทุนแต้มไปที่ความคล่องแคล่ว

แต่ว่ามันก็แค่นั้นแหละ ไม่ว่าแต้มสเตตัสจะสูงแค่ไหนแต่เอ็ดเวิร์ดก็มักจะตามหลังในด้านทักษะเมื่อเทียบกับคนอื่นๆเหมือนเขาหรือริวชินที่ได้ฝึกมาเกือบทั้งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิงในการจู่โจมที่จะไม่มีใครมาสอนเทคนิคการใช้อาวุธพวกนี้

ในท้ายที่สุดเอ็ดเวิร์ดก็ได้เลือกที่จะทุ่มทั้งหมดไปที่เวทมนตร์ซึ่งแตกต่างไปจากซังจิน ตั้งแต่ต้นจนจบลงเขาได้ลงแต้มสเตตัสทั้งหมดไปที่เวทมนตร์ เพราะแบบนี้เอ็ดเวิร์ดจึงทำอะไรไม่ได้นอกเหนือไปจากข้ามเหล่าบอสรับที่ทรงพลังอย่างเช่นเอลฟ์ทมิฬคาเรี่ยนเมื่อไม่มีการสนับสนุนจากนักสำรวจคนอื่นๆ เพราะว่าเขาได้ข้ามบอสลับหลายตัวทำให้มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะได้รางวัลที่น้อยกว่าซังจิน

ในตอนที่ซังจินได้เห็นแบบนี้เขาได้พึมพัมขึ้น

'ฮึ่ม ฉันทำได้ดีกว่านายเอ็ดเวิร์ด'

ยังไงก็ตามทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าผมของเขาตั้งขึ้นหลังจากที่พูดแบบนั้น

ฉันทำได้ดีกว่านาย

นี้มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงส่งเขากลับมาในเวลานี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด