SM:บทที่ 15 เล้งเซียงหนิง
SM:บทที่ 15 เล้งเซียงหนิง
“ใช่เขาจริงๆ”
เซี่ยเย่หรี่ตาเล็กลง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนบ้าคนนี้จะหาเขาเจอ
เซี่ยเย่รู้ถึงความอันตรายของชายคนนี้ดีและเขาก็ไม่มีนิสัยนั่งรอความตายด้วย ในใจเขานั้นสั่งจินตั๋วให้รักษาแผลและความแข็งแกร่งให้เขา แม้ว่าจะมีราคาสูงก็ตาม แต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิตของเขาแล้ว
วู...ขั้นตอนแรกคือต้องแข็งแกร่ง และเซี่ยเย่ใช้ท่าเก้าดาราอีกครั้ง ความเร็วของเขาไปถึงจุดสูงสุดและดาบใหญ่ในมือเขาตัดเข้าที่คอของหนุ่มรูปงามในทันที
หลังจากการฟันนั้น เซี่ยเย่รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด เขาหันหลังกลับมาในทันที ดาบใหญ่อยู่ในมือเขาพร้อมทั้งป้องกันหน้าอกของเขาเอง
ติ้งๆ
ในตอนนั้น รอยเลือดและเงานับไม่ถ้วนที่ถูกแทงลงบนดาบใหญ่ ด้วยแรงมหาศาลนั้น ทำให้เซี่ยเย่ต้องลอยออกมาจากจุดนั้น
เงาของชายหนุ่มหายไปอย่างช้าๆและกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาเลียกริชที่เต็มไปด้วยเลือดในมือของเขาและใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขามองมาที่เซี่ยเย่และหัวเราะอย่างตื่นเต้นพร้อมกล่าวว่า “ยอดเยี่ยมๆ ฉันต้องการเลือดแบบนี้มานานแล้ว”
ชึบ...ในเวลาเดียวกัน มีรอยขาดที่เสื้อบนหน้าอกของเซี่ยเย่ และชุดสีขาวของเขาถูกย้อมด้วยสีแดงในทันที
“เร็วมาก ฉันคิดว่าฉันหยุดการโจมตีทั้งหมดได้ แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ถูกแทงจนได้” ในใจของเซี่ยเย่เห็นว่ากริชสีเลือดกำลังหมุนในมือหนุ่มรูปงามอย่างรวดเร็ว เขามองมาที่เซี่ยเย่อย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า “ฉันหวังว่านายจะทนได้นานกว่านี้ ฉันไม่เคยพบเหยื่อที่น่าสนใจแบบนายมานานแล้ว”
ทันทีที่สิ้นสุดเสียง เซี่ยเย่รับรู้ถึงเสียงท้องฟ้ากำลังแยกออกจากกันในหูของเขา แต่เขาไม่ต้องการแบบนั้น ดังนั้น เขาจึงพยุงร่างของเขาขึ้น
“โล่ดาบ!”
คลิก คลิก
เพียงชั่วครู่ โล่ดาบหลายอันถูกสร้างขึ้นข้างตัวเซี่ยเย่ ในขณะที่หนุ่มรูปงามปรากฏตัวต่อหน้าเขาและส่งกริชสีเลือดในมือแทงไปที่คอของเซี่ยเย่เหมือนกับที่งูพ่นพิษ
ติ้ง...กริชสีเลือดโจมตีเข้าที่โล่ดาบ ทำให้เกิดเสียงปะทะเข้ากับเหล็กสีทอง
“เคลื่อนไหวได้ดี แต่ยังช้าไป” เสียงของหนุ่มรูปงามก้องสะท้อนในหูของเซี่ยเย่ ซึ่งเป็นเหมือนเสียงจากจิตวิญญาณของชายหนุ่มรูปงามและความต้องการเอาชีวิต “แต่ถึงอย่างไร ความแข็งแกร่งของนายยังอ่อนหัดยิ่งนัก!”
ปิ้ง...เพียงแค่การโจมตีธรรมดาของหนุ่มรูปงาม ทำให้ดาบและเกราะแตกเป็นเสี่ยงๆในเวลาแค่ชั่วอึดใจ
ปัง ปัง
กริชสีเลือดช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก มันสามารถทำลายโล่ดาบได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังชนะการตอบกลับของเซี่ยเย่ในตอนนี้ได้อีกด้วย
หนุ่มรูปงามเห็นเซี่ยเย่กำลังหันดาบ แต่กริชกำลังพุ่งเข้าแทงเซี่ยเย่ ดาบใหญ่ตัดเข้าที่เอวของหนุ่มรูปงาม ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าหนุ่มรูปงามไม่อยากตายพร้อมกับเซี่ยเย่ กริชย้อนกลับมาครึ่งทางและโจมตีที่ดาบใหญ่อย่างรวดเร็ว
ติ้ง...เทพแห่งสงครามอยู่ในทุกที่ กำลังของเซี่ยเย่ไม่อาจเทียบเท่ากำลังของหนุ่มรูปงามได้ ท่าเก้าดาราสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งตอนนี้เขากำลังวาดเงาบนอากาศ
“นายหนีไม่รอดหรอก”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะใช้ท่าเก้าดาราหรือใช้กระบวนท่าอื่นๆของร่างกาย ความเร็วและความแข็งแกร่งของหนุ่มรูปงามนั้นก็ยังมากกว่าเขา
ชึบ...ระหว่างนั้นร่างกายเกิดความผิดปกติขึ้น มีเลือดพุ่งออกมากลางอากาศและเกิดแสงสว่างที่ร่าง ชายทั้งสองคนหายตัวไป หนุ่มรูปงามรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ในขณะที่เซี่ยเย่มีแผลลึกที่กระดูกแขนด้านขวา
“ตั่วตั๋ว ช่วยฉันห้ามเลือดที”
เซี่ยเย่สั่งจินตั๋วให้หยุดอาการบาดเจ็บของเขาในทันที แต่เขายังไม่รักษาแผลดังกล่าวให้หายในทันที อย่างไรก็ตาม ที่นี่มีคนนอกและเขาไม่อยากเปิดเผยความลับของเขาเร็วเกินไป
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเย่ได้รับบาดเจ็บจนเลือดออกจากชายไม่ปกติคนนี้ หญิงสาวซินเซียวเหลียน ซึ่งเป็นคนที่เซี่ยเย่เคยช่วยชีวิตไว้ ต้องการที่จะเร่งช่วยเซี่ยเย่โดยไม่ได้นึกถึงบาดแผลของตนเอง
“อย่าเข้ามา เดี๋ยวเธอก็ตายหรอก” แม้ว่าเสียงของเซี่ยเย่จะเย็นชา แต่ก็ส่งผลต่อหญิงสาวไปชั่วขณะ
“ฉันไม่ได้หวังว่านายจะเป็นคนละเอียดอ่อน เหมือนชายที่รู้สึกเสียดายกับน้ำหอมหรือชื่นชมหยกเสียหน่อย”
หนุ่มรูปงามมองไปยังหญิงสาวอยากขบขันและกล่าว “อย่าห่วงเลย ฉันจะให้พวกเขาตามนายไปด้วย”
หนุ่มรูปงามได้ทำร้ายส่วนสำคัญของเซี่ยเย่ไม่เว้นแม้แต่มือของเขา เขาเห็นรอยแผลเป็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆบนตัวของเซี่ยเย่ และแผลเหล่านั้นทำให้เขาสูญเสียพลังกายของตนเองไป ทันใดนั้น อุณหภูมิลดต่ำถึงจุดเยือกแข็ง และค่อยๆมีลมเย็นพัดผ่านไป หนุ่มรูปงามพบว่าเท้าของเขาถูกแช่แข็งโดยชั้นความเย็น
“เล็งเซียงหนิง เธอกล้าเข้ามาขวางฉันหรือ”
“วิเศษมาก” ชายหนุ่มร้องออกมา ในเวลานั้น เงาที่ในชุดขาวค่อยๆลงมาอยู่ข้างๆหญิงสาว
หญิงสาวทั้งหมดรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นผู้มาเยื่อน ซินเซียวเหลียนพูดขึ้นกับหญิงสาว “ขอบคุณท่านมากที่มา ไม่เช่นนั้นครั้งนี้น้องสาวฉันคงต้องตายแน่”
“อืม” หญิงสาวผู้เย็นชาเพียงแค่พยักหน้าแล้วจึงเดินไปยังชายหนุ่มรูปงาม
“เซว่อู๋ฉาง ฉันอยู่นี่แล้ว นายไม่มีทางชนะเขาได้หรอก ไปเถอะ”
เสียงของหญิงสาวกล่าวขึ้นเบาๆด้วยท่าทางนุ่มนวล ผิวสีขาวราวหิมะของเธอดูโปร่งแสงในดวงอาทิตย์ พร้อมกับใบหน้าสวยซึ่งถูกวางโครงไว้อย่างยอดเยี่ยม
“ช่างเป็นผู้หญิงที่เย็นชาและร้ายนัก” เซี่ยเย่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะเคยเห็นหญิงงามมาหมดแล้วในทุกรูปแบบ เธอคนนี้นับว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่หายากยิ่ง
ชายรูปงามดูเหมือนจะเกรงกลัวหญิงสาวอย่างมาก โดยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวสักนิด เลือดในร่างกายเปร่งแสงออกมา ทำให้น้ำแข็งใต้เท้าของเขาแตกออก และกล่าวด้วยเสียงเย็นว่า “วันนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อน แต่ความน่าอับอายในวันนี้จะเพิ่มทวีคูณในวันหน้า”
หลังจากพูดจบ เซว่อู๋ฉางหันหน้าไปที่เซี่ยเย่พร้อมแสดงรอยยิ้มร้ายให้เห็น “เหยื่อของฉัน จงอย่าเผยข้อมูลอะไรออกไป และจงมีความสุขกับช่วงเวลาที่นายได้รับ”
เมื่อพูดจบ เซว่อู๋ฉางได้หายตัวไปต่อหน้าฝูงชน เซี่ยเย่ค่อยๆลดพลังลมปราณทั่งร่างลงและถอนหายใจเล็กน้อย
“คุณหนูู ทำไมถึงปล่อยเขาไปล่ะ” ลินซิงเดินไปยังเล็งเซียงหนิงอย่างสงสัย
“เพราะมันไม่คุ้มค่าและเขาก็มาจากสมาคมเลือดมังกร” เซียงหนิงกล่าวเบาๆ จากนั้นจึงนำขวดขนาดเล็กออกมาและส่งให้กับลินซิง “ไปกันเถอะ”
การโบกมือของเล็งเซียงหนิง เก้าอี้น้ำแข็งจับตัวรวมกันบนพื้นแล้วและนั่งรอคนอื่นๆรักษาตัว
ซินเซียวเหลียนหยิบยาเม็ดสีขาวออกมาและส่งให้กับเซี่ยเย่ซึ่งนั่งพักอยู่แถวซากปรักหักพัง เธอส่งยาให้เขาและกล่าวว่า “เซี่ยเย่ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันครั้งนี้ นี่เป็นยาเม็ดหิมะ มีสรรพคุณรักษาบาดแผลได้ดีมากๆ”
เซี่ยเย่ไม่ได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วกลืนยาลงคอพร้อมรอยยิ้ม
“เธอไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ฉันจะเรียกอย่างไรดี เพื่อนร่วมรุ่นได้ไหม จริงสิ ทำไมเธอไม่เข้าร่วมศาลาน้ำแข็งและหิมะกับนักเรียนคนอื่นล่ะ” เซี่ยเย่กล่าว
“ทำไมล่ะ นายรู้จักศาลาน้ำแข็งและหิมะด้วยหรือ ฉันไม่คิดว่านายจะกลับไปเป็นหนุ่มเจ้าสำราญสักระยะนะ” ซินเซียวเหลียนรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดหยอกล้อเซี่ยเย่
เซี่ยเย่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหัวตนเอง ช่วยไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะ ถึงอย่างนั้นการรับบทเป็นหนุ่มเจ้าสำราญของเขาทำให้เขากลับมาดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว “เธอบอกว่าฉันเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แล้วทำไมฉันจะไม่รู้ถึงความงามของหญิงในศาลาน้ำแข็งและหิมะแห่งจีนตอนใต้ได้ล่ะ”
“ฮาฮา...นั้นเป็นเพราะหญิงกลุ่มนั้น แต่ฉันแนะนำไม่ให้นายพูดเรื่องอิสรภาพอะไรพวกนี้ต่อหน้าพวกเธอนะ ตอนนั้น นายอาจต้องระวังว่านายจะถูกแช่แข็งเป็นฮ๊อกกี้น้ำแข็งหรือไม่” ซินเซียวเหลียนมองมาที่เซี่ยเย่แต่ด้วยสายตาที่ต่างออกไป จากนั้นเธอกล่าวว่า “จริงๆแล้ว ฉันโตในศาลาน้ำแข็งและหิมะตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ ท่านหัวหน้าส่งฉันให้มาติดตามคุณหนูเพื่อร่วมการประเมินระดับวรยุทธ์ แต่นายก็เห็นความแข็งแกร่งของคุณหนูแล้วว่าไม่อาจประเมินค่าได้ ในทางกลับกัน ต้องให้คุณหนูปกป้องพวกเราแทนเลย”
“ความแข็งแกร่งของเล้งเซียงหนิงนั้นสามารถเทียบได้จากความงามของเธอ เพื่อนฉันหลายคนในจีนตอนใต้ต่างชื่นชมเธอ แม้จุดเปลี่ยนของสามาคมเลือดมังกรจะห่างไกลจากศัตรูของเธอ แต่หากให้เทียบกับเธอ มันเป็นเพียงแค่เรื่องน่ารำคาญเท่านั้น” เซี่ยเย่เอนตัวนอนบนแผ่นหินด้านหน้าพร้อมกับดาบใหญ่ในแขนเขา เขารู้สึกผ่อนคลาย
“ฮาฮา นายก็รู้นิ แต่ฉันคิดว่านายแข็งแกร่งนะ ทำไมนาย...”
“ฉันเคยดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่ใช่หรือ แต่นั้นเป็นความลับของฉัน อย่าถามถึงเรื่องนี้อีกเลย หากผู้หญิงอยากรู้เรื่องผู้ชายมากเกินไป เธออาจจะรักชายคนนั้นก็ได้นะ” เซี่ยเย่เลือกตอบอย่างนุ่มนวล
“อืม!” ซินเซียวเหลียนพยักหน้าและมองที่เซี่ยเย่ครู่หนึ่ง และนำผ้าไหมสีเขียวขึ้นมาปิดบังหน้าของเธอ “มีคนตามหาฉันมากมาย เช่นนั้น ฉันคงจะไม่ได้เห็นนายที่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญอีกแล้ว”
“เซียวเหลียน พร้อมจะไปหรือยัง”
ตอนนั้นเอง ลินซิงเข้ามาหาซินเซียวเหลียนและพูดว่า “ขอบคุณนายมากที่ช่วย แต่คุณหนูของฉันไม่ชอบการเดินร่วมกับคนแปลกหน้า เช่นนั้นแล้วเราไปกันเถอะ”
ลินซิงนำบัตรคริสตัลซึ่งแกะสลักเป็นรูปบัวหิมะออกมาและมอบให้กับเซี่ยเย่
“นี่เป็นบัตร VIP ของศาลาน้ำแข็งและหิมะ หากนายต้องการความช่วยเหลือในภายภาคหน้า นายสามารถมาที่ศาลาน้ำแข็งและหิมะได้เท่าที่นายต้องการ”
“งั้นขอเสียมารยาทแล้วกัน” เซี่ยเย่ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขารับบัตรคริสตัลนั้นมาและมองที่บัตร จากนั้นจึงเก็บบัตรนั้นไว้
ลินซิงยิ้มแปลกๆกับท่าทางของเซี่ยเย่ จากนั้นจึงกล่าวลากับเซี่ยเย่และออกเดินทางไปกับเซียวเหลียน
เซี่ยเย่มองไปยังด้านหลังของหญิงที่ที่เพิ่งจากไป เขาเลียริมฝีปากที่แห้งของเขาแล้วพูดขึ้นเบาๆ “อา สาวเมืองน้ำแข็งนี่ช่างพูดจากเย็นชาเสียเหลือเกิน”