EP 207
EP 207
By loop
เฉินเห่าชู่ไม่รู้จพูดอย่างไรหลังจากการสนทนาของเขากับ หมอลู่ทางโทรศัพท์
เฉินเห่าชู่ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากแพทย์ ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับชีวิตการทำงานในโรงพยาบาลนั้นเท่ากับแพทย์ประจำแผนก ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะเป็นลูกจ้างของโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เขาจึงไม่เข้าใจการทำงานเป็นกะและความทรมานของแพทย์ที่จะต้องทำงานให้กับโรงพยาบาล นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของแพทย์จริง ซึ่งถ้าเป็นแพทย์ทั่วไปมักมีปัญหาอย่างต่อเนื่องเช่นความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและเรื่องน่ารำคาญอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม เฉินเห่าชู่รู้ตัวเองดีว่าเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่น้อยมากในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกภายใต้นักวิชาการ เขาต้องไปเยี่ยมโรงพยาบาลหลายแห่งทุกแห่งและจัดการเรื่องโรงพยาบาลมากมายแทนอาจารย์ของเขา ปริมาณงานของเขาเท่ากับภาระงานของเลขานุการของ บริษัท ใหญ่ จำนวนผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เขารู้จะมากกว่าจำนวนผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ผู้อำนวยการส่วนใหญ่และผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายรู้
จากมุมมองของเขาเอง เฉินเห่าชู่รู้สึกว่าการจัดการของเขาสำหรับการให้หลิงรันนั้นพักเป็นเวลาหลายวันเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ
แต่อย่างไรก็ดีเขาคงจะคิดว่าหลิงรันจะขู่เขาว่าจะกลับหยุนหัวเพียงเพราะว่าหลิงรันไม่ได้ทำการผ่าตัด
แน่นอนน้ำเสียงของ หมอลู่นั้นดูเเป็นมิตรและวิธีที่เขาส่งข้อความนั้นเขาใช้ภาษาแบบอ้อมๆแต่อย่างไรก็ตาม เฉินเห่าชู่ก็ยังสาบานจากฐานะของนักเรียนปริญญาเอกว่าเขาได้ยินเสียงขู่จาก หมอลุ่จริงๆ
ด้วยโทรศัพท์ของเขาในมือ เฉินเห่าชู่คิดอยู่นานก่อนที่จะเปิดวีแชทของเขาอีกครั้งและส่งข้อความออกไป
เขาไม่กล้ารบกวนอาจารย์ของเขาแน่ๆ ดังนั้นปัญหานี้เขาจะต้องแก้ไขมันด้วยตัวเองเท่านั้น หลังจากที่เขาใช้เวลาประมาณสิบนาทีที่ที่วุ่นวายนี้ เฉินเห่าชู่ไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป เขารีบทำงานอย่างรวดเร็วและเดินออกไปหาใครบางคน
ซึ่งการที่แพทย์ที่มีชื่อเสียงประพฤติกรรมแปลกอาจส่งผลต่อชื่อเสียงของสถาบันได้มันก็เหมือนกับนักกีฬาดังที่ทำตัวไม่ดีจนทำให้อุสหกรรมกีฬาเสื่อมเสีย
ผู้บริหารของศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อ โต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องของการรับแพทย์จากโรงพยาบาลอื่น ๆ ที่จะมาเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ของการผ่าตัดที่ถูกคิดโดยนักวิชาการจู้ตงยี่
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สถาบันการวิจัยเชิญ หลิงรันมาทำงานสองสามวันที่ผ่านมา
เฉินเห่าชู่ ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อไรที่ควรจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาติดต่อกับผู้ป่วย
* แตะแตะแตะแตะ *
เสียงของพื้นรองเท้าหนังของเฉินเห่าชู่ทำให้เกิดเสียงดังชัดเจนเมื่อเขาเดินไปตามทางเดินในโรงพยาบาล
พื้นของศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อมีขนาดเล็กซึ่งเปรียบได้กับโรงพยาบาลเกรดเอขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามจำนวนเตียงในศูนย์อายุรกรรมกระดูกและเวชศาสตร์มีน้อยกว่าโรงพยาบาลทั่วไป ด้วยเหตุนี้ทำให้สถาบันการวิจัย ดูกว้างขวางมากและมันก็ดูคล้ายกับโรงพยาบาลญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่มีห้องผ่าตัดขนาดเล็กอยู่ในอาคาร
ในความเป็นจริงตอนที่จู้ตงอี้เชิญคนมาออกแบบอาคารสถาบันวิจัย เขาได้สั่งให้สถาปนิกออกแบบ สถาบันโดยอ้างอิงจากโรงพยาบาลญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเพียงแห่งเดียวที่เขาสามารถเรียนรู้ได้ในขณะที่เขายังศึกษาอยู่ในระดับสูง โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกามีความก้าวหน้ามากขึ้น แต่รูปแบบการรักษาทางการแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศจีนจะมีทุนขนาดนั้น สำหรับแพทย์มันยังแพงมากสำหรับพวกเขาที่จะเข้ารับการฝึกอบรมในสหรัฐอเมริกา
เฉินเห่าชู่ชอบความกว้างขวางของศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและเวชศาสตร์การกีฬามากที่สุด หลังจากเขาคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่มันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะกลับไปคุ้นเคยกับชีวิตที่วุ่นวายในโรงพยาบาลเกรดเออีกครั้ง
น่าเสียดายที่มีจำนวนสถาบันวิจัยอยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศ เช่นศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและเวชศาสตร์การกีฬา
"หมอคู." เฉินเห่าชู่เคาะประตูคลินิกวีไอพีก่อนที่เขาจะเข้าห้อง
สำนักงานแพทย์เชื่อมต่อกับห้องรักษาและด้วยกันพวกเขาอยู่ในพื้นที่ 196 ตารางฟุต หมอคูอายุสี่สิบปีเขาหมือนไม้ไผ่มีตา จมูกตรง หัวล้านหัวเรียวและนิ้วที่เท่ากันทุกนิ้ว เฉินเห่าชู่เห็นเขาถือเครื่องอ่านหนังสือพกพาคินเดอร์[1] ซึ่งเขากำลังอ่านมันอยู่ตอนนี้ เมื่อหมอคูเห็นเฉินเห่าชู่ ก้าวเข้ามาในห้องเขายิ้มและพยักหน้า เขากล่าวว่า "ผู้อำนวยการกลับมาแล้วหรือยัง"
จี้ตงยี้เป็นนักวิชาการ ในเวลาเดียวกันเขายังเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอีกด้วย แต่คุณหมอคูมักนิยมเรียกชื่อที่สองเพื่อทักทายเขา
เฉินเห่าชู่ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ผมไม่ได้มาหาคุณเพราะผู้อำนวยการฮวงวันนี้ คุณยังจำหมอหลิงจากโรงพยาบาลหยุนหัวได้ไหม
“ฉันจะลืมเรื่องตลกนี้ได้อย่างไร? เอาหมอฝึกงานกลับมาและปล่อยให้เขาทำการผ่าตัด” หมอคูยิ้มในขณะที่เขาพูด เขาเองก็เป็นศัลยแพทย์ แม้ว่าเขาจะใช้เวลาในการวิจัยมากกว่าการฝึกฝนทางคลินิกและมักได้เจอศัลยแพทย์จากทั่วโลก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับหมอฝึกงาน
ซึ่งเฉินเห่าชู่เคยเห็นหลิงรันทำงานมาก่อน เขายิ้มและพูดว่า "คุณหมอคูคุณตรวจดูวิดีโอที่เรานำกลับมาหรือยัง?"
“ฉันเหลือบมองผ่านและมันไม่น่าสนใจจริงๆ” การแสดงออกของหมอคูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาวางคินเดอร์ลงแล้วพูดว่า "แล้วตอนนี้เขาต้องการอะไรล่ะ"
เฉินเห่าชู่หยักคิ้วขึ้นก่อนที่จะนั้งลง เขาพูดว่า "หมอหลิงต้องการที่จะผ่าตัด หลิวเหว่ย"
“การผ่าตัดหลิวเหวย์หรอ เป็นไปไม่ได้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบของเขาแผนการผ่าตัดของหลิวเหว่ยและผู้อำนวยการก็ไม่ได้ยืนยันจะให้ผ่าตัด ...”
"ท่านอาจารย์ยืนยันแล้ว"
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามแผนของผู้อำนวยการ หลิวเหว่ยไม่ต้องการเทคนิคการซ่อมแซมเอ็นร้อยหวายแบบแอนชิลเขาต้องใช้เอ็นร้อยหวายของเขาเพื่อใช้การแข่งขันวิ่ง 100 เมตรและ 200 เมตรซึ่งแผนการเย็บปัจจุบันอาจเป็นเรื่องปกติคนทั้วไปและฉันก็ไม่เห็นด้วยที่จะต้องเพิ่มขั้นตอนการผ่าตัดที่จะเพิ่มความเสี่ยงการผ่าตัดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร”
“อาจารย์เขาคิดว่าหลิงรันสามารถผ่าตัดได้คุณจะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่ให้เขาลองทำเสียก่อน” ในขั้นต้น เฉินเห่าชู่ไม่ต้องการพูดกับ หลิงรันแต่ด้วยตำแหน่งที่เขาอยู่มันบังคับให้เขาต้องทำแบบนี้
หมอคูร้องครวญครางแล้วส่ายหัว เขากล่าวว่า "ฉันยอมรับว่าเทคนิคที่เขาแสดงในวิดีโอนั้นค่อนข้างดี แต่นั่นเป็นแค่การผ่าตัดมือหลิงรันเคยผ่าตัดเท้ามาก่อนด้วยหรือยังไง?
เฉินเห่าชู่แสดงรอยยิ้มจาง ๆ "คุณเห็นบันทึกการผ่าตัดของหลิงันแล้ว"
หมอคูตอบคำถามอย่างไม่เต็มใจ
“เมื่อคุณเห็นมันคุณควรรู้อัตราความสำเร็จของเขาใช่ไหมการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการผ่าตัดรักษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ทั้งหมดมันจะง่ายกว่ามากสำหรับเขาที่จะทำการผ่าตัดเท้า” เฉินเห่าชู่เป็นเลขาของนักวิชาการจู้ตงยี้เขาต้องทำการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกคนในสถาบันและเขาสามารถเข้าใจจุดอ่อนของแพทย์ได้อย่างง่ายดาย
หมอคูยังคงนิ่งเงียบ เห็นได้ชัดว่าการผ่าตัดเท้านั้นง่ายกว่าการผ่าตัดมือเพราะเท้านั้นใหญ่กว่ามือ สิ่งนี้มีบทบาทชี้ขาดในการผ่าตัดเล็ก นอกจากนี้ยังไม่สามารถเปรียบเทียบการทำงานของเท้ากับมือได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งมีช่องว่างมากขึ้นสำหรับข้อผิดพลาดในการทำผ่าตัดเท้า
หากหัวหน้าศัลยแพทย์ที่นักวิชาการนำกลับมาเป็นแพทย์อายุสี่สิบปี หมอคูอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำในการโต้แย้งการตัดสินใจของนักวิชาการ แม้ว่าแพทย์ไม่เคยทำศัลยกรรมใด ๆ มาก่อนก็ยังสามารถฝึกเขาได้ ท้ายที่สุดเมื่อพูดถึงการผ่าตัดขนาดเล็ก มันเป็นไปไม่ได้ที่แพทย์จะเชียวชาญการผ่าตัดมือเพียงอย่างเดียวแต่ไม่เคยผ่าตัดเท้าเลย
"เอายังงี้ไหมหมอคูเราก็พาหลิงรันมาก่อนแล้วคุณก็นำการผ่าตัดแล้วค่อยเก็บเรื่องนี้ไปอภิปรายในวันพรุ่งนี้" เฉินเห่าชู่ให้คำแนะนำที่ยอมรับได้
หมอคูคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนที่เขาจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
แม้ว่า เฉินเห่าชู่มีความสุขมาก แต่เขาก็ยังออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง
เมื่อเขาเดินไปตามทางเดิน เฉินเห่าชู่ไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป เขารู้จักหมอคูดีมาก หากเขาพูดว่าหลิงรันต้องการทำการผ่าตัดอย่างตรงไปตรงมามีโอกาสสูงที่เขาจะถูกปฏิเสธ เขาทำได้แค่ให้หมอคูเห็นด้วยกับเขาไปก็เท่านั้น
"ไม่ว่าจะยากแค่ไหนคุณก็ยัง ... " เฉินเห่าชู่ยังคงพึมพำภายใต้ลมหายใจของเขาจนกว่าเขาจะคิดคำพูดไม่ออกแล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มร้องเพลง
... ..
วันที่สอง.
เฉินเห่าชู่ไปรับหลิงรันขึ้นมาและพาเขาไปที่ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและกระดูกและข้อ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาเป็นคนที่ถูกเลือกโดยนักวิชาการซึ่งเฉินเห่าชู่และหมอคูไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาได้
ทุกคนวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ในลักษณะของศัลยแพทย์และทุกคนก็สรุปเหมือนกัน: วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการตัดสินทักษะของ หลิงรันคือผ่านการผ่าตัด
โดยธรรมชาติแล้วหมอคูหวังว่าหลิงรันจะลาออกไปเพราะปัญหาที่เขาเผชิญ เฉินเห่าชู่…เขาเชื่อว่าตัวเองเป็นศัลยแพทย์คนเดียวเท่านั้น
สำหรับหลิงรันเขาเพิ่งได้รับเทคนิคการรักษาเอ็นรอยหวายระดับที่สมบูรณ์แบบ ถ้าตอนนี้เขาอยู่ในโรงพยาบาลหยุนหัวเขาคงจะขอร้องผู้อำนวยการแผนกฮวงหาผู้ป่วยให้เขา
ถึงจะเป็นในโรมหรือในกรณีนี้เป็นเซี่ยงไฮ้ หลิงรันสามารถทำได้เช่นเดียวกัน เขาเหมือนกับชาวโรมัน
แต่หมอคูไม่ได้ตั้งใจจะหยุดหลิงรัน เขาสุ่มเคสการแพทย์ออกมาสิบเคสเพื่อหลิงรัน และกล่าวว่า "เพียงแค่ดูที่เคสแพทย์ที่คุณต้องการลองแล้วเราจะทำเช่นนั้น ... "
คุณหมอคูยังต้องการแสดงให้เห็นถึงความสง่างามของหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำด้านกีฬาในประเทศ
เช่นเดียวกับสิ่งที่หมอคูหวังไหวจะทำให้หลิงรันแปลกใจเล็กน้อย
ในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวหลิงรันสามารถเลือกเคสการแพทย์ที่เขาต้องการในทุกเคสการแพทย์ที่มีคนนำมาให้เขาผ่านผู้อำนวยการฮวง อย่างไรก็ตามจำนวนเคสมักจะเป็นตัวเลขหลักเดียวหรือมากกว่าเล็กน้อย เขาแทบจะไม่ได้รับมากกว่ายี่สิบหรือสามสิบเคสในครั้งเดียว
ในขณะเดียวกันหมอคูได้นำเคสทางการแพทย์ประมาณสิบเคสในศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและกระดูกและข้อ หลิงรันเห็นว่ามีเคสแพทย์จำนวนมากในตู้เก็บเอกสารของหมอคู
"ทุกคนพร้อมสำหรับการผ่าตัดหรือไม่" หลิงรันชี้ไปที่เคสแพทย์ในมือของเขาก่อนที่เขาจะชี้ไปที่ตู้เอกสารหมอหมอยู
หมอคูรู้สึกหงุดหงิดและพูดว่า "เคสที่น่าจะทำได้นั้นก็น่าจะได้รับการรักษาไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือคือเคสที่ไม่น่าจะรักษาได้คุณจะทำมันได้หรอ"
หลิงรันไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบยังไง เขาไม่ใช่คนที่รักการโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเอง
ในชีวิตส่วนใหญ่ของหลิงรันเมื่อนักเรียนชายเห็นเขาสิ่งแรกที่พวกเขาต้องการทำคือการโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเอง
สำหรับหลิงรันการโอ้อวดเป็นเพียงกระบวนการที่ทำให้เขาเสียเวลา
"เราจะทำเคสทางการแพทย์ง่ายๆ" หลิงรันหยิบออกมาอย่างง่ายที่สุดธรรมดาที่สุดและเป็นเคสของเอ็นร้อยหวายมีอาการเอ็นฉีก
การแสดงออกของหมอคูดีขึ้น เขาคิดว่า 'คุณเลือกถูกแล้ว'
ตามแผนของเขาเขาจะอนุญาตให้ชายหนุ่มคนนี้พักในศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและเวชศาสตร์ในระยะเวลาหนึ่งให้เขาได้รับใบรับรองเพื่อพิสูจน์ว่าเขาผ่านการฝึกอบรมมาแล้วและให้เขากลับบ้าน
หากเขามีสิทธิ์ในการตัดสินใจหมอคูจะไม่ต้องการมอบใบรับรองการฝึกอบรมให้กับหลิงรันอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลิงรันได้เลือกเคสแพทย์ที่ง่ายและได้มาตรฐานและหมอคูก็รู้สึกโล่งใจกับตัวเลือกของเขา ดังนั้นความสงบของเขาส่วนใหญ่จึงบรรเทาลง เขายิ้มและพูดว่า "ได้โปรดเตรียมตัวให้ดีก่อนเราจะทำการผ่าตัดล่าสุดในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้"
ลึกลงไปในใจของเขาหมอคูคิดว่า 'นี่จะเป็นการผ่าตัดครั้งสุดท้ายของนายในสถาบันวิจัย'
หลิงรันยังรู้ว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและเห็นด้วย สำหรับเขาเขายังต้องทำความคุ้นเคยกับการผ่าตัดก่อนแม้ว่าเขาจะเพิ่งได้รักทักษาการผ่าตัดรักษาเอ็นร้อยหวาย แต่หลิงรันต้องเข้าร่วมในการผ่าตัดจริงเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของเทคนิคการรักษาเอ็นร้อยหวายในระดับที่สมบูรณ์แบบ
เฉินเห่าชู่ เขาเห็นรอยยิ้มที่จริงใจที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองและเขารู้สั่นด้วยความกลัว
เพราะ เฉินเห่าชู่ รู้ว่าพวกเขาทั้งคู่มีความจริงใจ ถึงกระนั้นรอยยิ้มที่จริงใจเพียงอย่างเดียว มันก็ยังทำให้เหตุการณ์นี้ไม่ได้ผ่านพ้นไปง่ายแน่นอน