SM:บทที่ 13 กุหลาบแดง
SM:บทที่ 13 กุหลาบแดง
ถนนยามค่ำคืนเงียบสงัดจนหน้ากลัว มีลมเย็นพัดผ่านบ้างบางครั้ง แต่นั้นเป็นเหมือนสัญญาณแห่งความตาย
ที่หัวมุมถนน ละมั่งตัวใหญ่เท่าอสูรกำลังกัดกินร่างของผีดิบตัวหนึ่งอยู่ ละมั่งดังกล่าวเป็นเพียงอสูรรูปสัตว์ที่ตั้งชื่อให้คล้ายละมั้งเท่านั้น มันฆ่าผีดิบตัวนั้น โดยส่วนบนของร่างนั้นถูกเขาของอสูรละมั่งแทงและฆ่าตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว อาจดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างอสูรและผีดิบจะไม่ดี แต่พวกมันมีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือมนุษย์
วู!...เสียงเบาๆดังขึ้น แสงอ่อนตัดผ่านความเงียบสงัดยามค่ำคืน เหมือนสายฟ้าฝาดลงมาโดยตรงใส่หัวอสูรละมั่ง
ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงอันตราย เขาและส่วนหัวของอสูรละมั่งก้มลงเล็กน้อย จากนั้นเขาบนหัวทั้งสองข้างของมันพุ่งเข้าแทงกับสิ่งหนึ่ง
ติ้ง!...เขาของอสูรละมั่งปะทะเข้ากับวัตถุที่กำลังเข้ามาหามัน ทำให้เกิดเสียงเหมือนโลหะกระทบกันและเกิดประกายไฟมากมายกระจายไปรอบๆ แม้ว่าอสูรละมั่งจะสามารถสกัดการโจมตีได้ แต่มันก็ตกใจกับแรงปะทะอันมหาศาลและต้องถอยไปหลายเมตร
ดาบใหญ่สีดำเปร่งแสงอ่อนออกมา ในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ได้ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยการก้าวขาเพียง 3 ครั้ง และกำลังจับจ้องมาที่ดาบใหญ่นี้
ฉับ!...
ดาบตัดผ่านเพียงความว่างเปล่าและโจมตีเข้าที่หัวของอสูรละมั่งโดยตรง ตอนนี้ ร่างของอสูรละมั่งเริ่มไม่มั่นคง แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้การโจมตีครั้งนี้เช่นกัน
เนย์ล่า-คือใบมีดของดาบใหญ่ ตัดผ่านขนของอสูรละมั่งนั้น ซึ่งทิ้งบาดแผลลึกไว้ที่คอของมัน
“โฮก!...”
เมื่อใกล้ตาย เขาปล่อยให้อสูรละมั่งโจมตีกลับเป็นครั้งสุดท้าย กีบของมันพุ่งมายังเงามืดที่พื้นอย่างแรง
ปิ้ง!...ร่างนั้นเคลื่อนไหว แต่กีบเท้าทั้งสองอยู่ห่างจากร่างที่แท้จริงนั้นเพียงแค่ก้าวเดียว ในเวลาเดียวกันนี้ ดาบใหญ่แทงทะลุผ่านรอยดาบบนคอของอสูรละมั่ง
อสูรละมั่งสิ้นใจในที่สุด เมื่อดาบเล่มนั้นสั่น เซี่ยเย่ยิ้มอย่างพึงใจ ท่าเก้าดารามีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ซึ่งทำให้เขาเร็วเท่าแสง ซึ่งสามารถสร้างความประหลาดใจในการโจมตีและการต่อสู้ได้
เซี่ยเย่ตัดหัวของอสูรละมั่งและหาอัญมณีสีดำที่อยู่ใจกลางอสูร จากนั้นจึงนำอัญมณีดังกล่าวเก็บไว้ในแหวน
เซี่ยเย่ได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้เซี่ยเย่ จินตั๋วซึ่งเป็นผู้ดูแลเงินให้เซี่ยเย่ จึงต้องการซื้อพื้นที่มิติขนาด1 ลูกบาศก์เมตรในเวลานั้น แต่พื้นที่ขนาดนั้นมีราคาถึง 10 ล้านหยวน ในขณะที่เขาเหลือเงินเพียง 6 ล้านหยวนเท่านั้น
“ที่ราคาแพงเกินไป แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ท่านสามารถเป็นจอมยุทธ์ได้ เมื่อเข้าไปยังพื้นที่ศัตรูยึดครองแล้ว ท่านจงล่าผีดิบหรืออสูรเพื่อนำนิวเคลียสมาขาย” เมื่อลองคิดดูแล้ว ร่างเงาของเซี่ยเย่นั้นเปร่งแสงและเคลื่อนไหวจากที่อยู่เดิมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเริ่มมองหาเหยื่อรายต่อไป
หลังจากที่เซี่ยเย่ออกไปไม่นาน ผู้เข้าร่วมการประเมิน 3 คนเข้ามาและมองไปที่ร่างอสูรละมั่งที่พื้น และเหล่าผู้เข้าร่วมการประเมินจึงรู้สึกประหลาดใจ
“จากตำแหน่งของบาดแผลที่มองเห็น ชายผู้นี้น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ อสูรละมั่งถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็ว และฆ่าโดยชายคนหนึ่ง” ผู้เข้าร่วมการประเมินคนหนึ่งตรวจสอบบาดแผลของอสูรละมั่งและกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง
ผู้เข้าร่วมการประเมินอีกคนหนึ่งรู้สึกประหม่าภายหลังจากได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าอสูรละมั่งจะไม่ได้เป็นปีศาจที่พละกำลังมากมายอะไร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถก่อกวนผู้ที่ฆ่าปีศาจละมั่งได้
“ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
ฟิ้ว ก่อนที่ทั้ง 3 จากไป ทันใดนั้นเอง มีเงาหลายคนลงมาจากท้องฟ้า หนึ่งในนั้นถูกเงาคนอื่นผลักลงมาก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับ
กลิ่นของผีดิบกระจายไปทั่ว และนี่คือจำนวนที่แท้จริงของผีดิบ ซึ่งโจมตีทางอากาศ
“ช่วยฉันด้วย...”
เงาที่ถูกผลักลงมาถามผู้เข้าร่วมการประเมินด้วยกันเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทางด้วยความหวาดกลัว แต่ผีดิบเหล่านี้โหดร้ายและตะครุบเขาที่คอของเขา
อีกสองคนที่เหลือรู้สึกตื่นกลัวและกังวล อีกทั้ง พยายามที่จะหนีไป แต่จำนวนผีดิบที่มีมาก ไม่นานพวกเขาก็ถูกล่าและถูกฆ่าตายในที่สุด
เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างของผู้เข้าร่วมการประเมินทั้งสามและอสูรละมั่งถูกเหล่าผีดิบกลืนกินจนเหลือเพียงเลือดและเศษซากเท่านั้น
ที่นี่เป็นเมืองเล็ก มีเพียงแค่ 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้เข้าร่วมการประเมิน อสูร และผีดิบ ซึ่งทำการสังหารกันอย่างโหดร้าย ที่นี่ไม่มีผิดหรือถูก มีเพียงแค่มีชีวิตรอดหรือตายเท่านั้น
บนถนน ความเร็วของเซี่ยเย่ถึงระดับสูงสุด มีเพียงแสงอ่อนๆปรากฏไปมาบริเวณรอบๆเท่านั้น เมื่อเขาพบกับเหล่าอสูรและผีดิบ เขาจะใช้วิธีดังกล่าวในการแก้ปัญหา หากมีตัวใดที่มีพลังมากเป็นพิเศษ เซี่ยเย่จะไม่ต่อสู้ด้วย และท้ายสุดแล้ว จะเหลือเพียงเขาผู้เดียว หรือหากเขาอยู่ในวงล้อมของศัตรู เขาเพียงแค่หนีออกมาเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง เซี่ยเย่สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นปกคลุมไปทั่ว ราวกับว่าเขาถูกแอบมองจากบางสิ่งที่เลวร้าย แสงดาวเปร่งแสงอย่างต่อเนื่องที่เท้าของเขาเป็นระยะทางกว่าสิบเมตร แล้วจึงหายไปจากหัวมุมถนนในที่สุด
จากนั้นไม่นาน เซี่ยเย่ก็ยังไม่ปรากฏตัว ร่างสีแดงปรากฏตัวขึ้นที่ถนนตอนนี้ เขาเป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามในชุดสีแดง และถือกริชสีแดงคู่หนึ่ง
“หึหึ ช่างเป็นเหยื่อที่น่าสนใจนัก น่าสนใจตรงที่สามารถหนีมาได้ไกลขนาดนี้ ฉันไม่ได้พบเหยื่อที่น่าตื่นเต้นแบบนี้มานานมากแล้ว”
ชายหนุ่มแลบลิ้นยาวออกมาเลียมีดสั้นในมือ พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยประกายความตื่นเต้น
ตอนนั้นเอง กลุ่มผู้เข้าร่วมการประเมินปรากฏตัวขึ้นที่มุมถนน เมื่อพวกเขาเห็นหนุ่มรูปงาม พวกเขาจึงตั้งท่าพร้อมต่อสู้ทันที
ชายหนุ่มร่างสูงในกลุ่มดังกล่าวถอยหลังและตะโกนไปยังหนุ่มรูปงาม “สหาย พวกเราแค่ผ่านมา ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร”
วูวว..ความกรุณาของชายหนุ่มร่างสูงไม่ได้รับการตอบรับคืนมาแต่อย่างใด เขาเคลื่อนไหวร่างกายที่ชวนหลงไหลอย่างรวดเร็ว เขาเดินมาด้านหน้าของเด็กหนุ่มร่างสูงแทบจะทันที โดยถือกริชพรุ่งตรงไปยังคอของชายหนุ่มร่างสูง
ติ้ง...ชายหนุ่มร่างสูงแข็งแกร่งไม่พอที่จะต่อสู้กลับ เพียงแค่เผชิญหน้ารับการโจมตีของหนุ่มรูปงาม มือขวายกขึ้นมากางออกเพื่อตั้งรับการโจมตี
เมื่อเห็นว่าคนจากฝั่งตนเองกำลังจะถูกโจมตี ฝ่ายที่เฝ้าดูไม่อยู่เฉยและหยิบอาวุธของพวกเขาออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้เช่นกัน
“แกเก่งพอที่จะหยุดฉันได้หรอ” ชายหนุ่มรูปงามถอยหลังไปในทันที ขณะที่ถือกริชในมือพร้อมทั้งมองมายังเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างชื่นชม
“สหาย หากท่านใจดี ขอจงอย่าถือโทษพวกเราที่กลั่นแกล้งท่านเลย”
ในขณะเดียวกัน ทุกคนโจมตีไปยังหนุ่มรูปงาม แต่ดาบผ่านตัวเขาไปมา ขณะนั้นเองก็มีเองก็มีแสงสว่างอ่อนๆขึ้น แต่ร่างของชายหนุ่มรูปงามกลับแปลกยิ่งนัก เขาไม่ได้ทำอะไรแต่การโจมตีใส่เขาทั้งหมดกลับหายไป
“พอแล้ว ทีนี้ ถึงตาฉันบ้าง” ชายหนุ่มรูปงามกล่าว ด้วยคำพูดเยอะเย้ยจากปากเขา และมีแสงเปร่งออกมาจากร่างกายด้านหลัง
ผู้ชายคนหนึ่งรู้สึกว่าหน้าอกของเขาเย็นและเมื่อก้มมองลงไป เขาเห็นเลือดคั่งไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของเขา ร่างของเขาสั่นไหวในอากาศเหมือนกุหลาบสีแดง
“นับเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตงดงามที่สุด ฮ่าๆ..” หนุ่มรูปงามมองอย่างตื่นเต้นไปยังกุหลาบที่เต็มไปด้วยเลือดในอากาศและปล่อยให้เขาไว้แบบนั้น
เพื่อนของเขาถูกฆ่าในชั่วพริบตาตายอย่างน่าสลดใจ ผู้คนโกรธแค้นในขณะที่ความหวาดกลัวก็เกิดขึ้นในใจด้วยเช่นกัน
“กลัวหรอ” ชายหนุ่มรูปงามยืนขึ้นท่ามกลางกองซากศพและคราบเลือด โดยที่เขามีรอยเลือดเปื้อนบนตัวและกริชของเขา อีกทั้ง เขาแสดงออกว่าเขาสนุกมากด้วย
ขณะนี้ เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มตัวสูงเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาเสียสติไปแล้ว และตอนนี้มือของเขากำลังสั่นไม่หยุด
“อ้ากก!...”
ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่อยากถูกฆ่า ชายร่างสูงเสียงร้องออกมาอย่างน่าสลดใจเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้น พญาเสือที่สร้างจากไฟได้กลืนกินชายหนุ่มรูปงาม
วู...กริชที่เต็มไปด้วยเลือดลากผ่านไปยังหัวของเสือและใช้เลือดวาดเป็นเส้นในอากาศ
ต่อมา ชายรูปงามปรากฏตัวขึ้นด้านหลังชายร่างสูง กริชที่พุ่งตรงไปยังชายคนดังกล่าววนกลับมาที่มือของเขา
อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงผุดรอยยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ จากนั้น เลือดคั่งในคอของเขาก็พุ่งออกมาเหมือนน้ำพุอีกครั้ง ประหนึ่งดอกกุหลาบงามที่บานในอากาศ
เมื่อมองไปที่ซากศพบนพื้น ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง “ยังไม่พอ นี่ยังไม่ใช่ความงามที่สุดที่ฉันตามหา นี่ยังไม่พอ!”
ด้านบนของตืกสูง เซี่ยเย่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดและเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะชายหนุ่มรูปงามคนนั้นได้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
ไม่ได้หมายความว่าชายหนุ่มกลุ่มใหญ่จะอ่อนแอ แต่ชายรูปงามนั้นแข็งแกร่งเกินไป จากการประเมินของเซี่ยเย่ ค่าพลังของคนกลุ่มนั้นน่าจะมากกว่าระดับ 10 เมื่อค่าพลังเกินกว่าระดับ 10 ความแข็งแกร่งจะแปลเปลี่ยนเป็นระดับทะเลวิญญาณตันเทียน ซึ่งเป็นระดับที่เกินกว่าที่คู่ต่อสู้ที่มีค่าพลังต่ำกว่าระดับ 10 จะรับมือได้