ตอนที่แล้วบทที่ 46  ความงามที่สะดุดตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 หัวหน้าโจว เกษียณแล้ว!!

บทที่ 47 ฉายาใหม่นักผจญเพลิง


บทที่ 47 ฉายาใหม่นักผจญเพลิง

ผู้แปล loop

ในวันถัดมา.

วันนี้เป็นวันกล่าวสุนทรพจน์และสาบานตนของดงซูบินเพื่อพิสูจน์ความพรรคดีในการเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC)

หลังจากออกจากห้องประชุมหลี่ชิงตบไหล่ของ ดงซูบินและขอให้ดงซูบินไปหาเขาที่ห้อง “ตอนนี้ห้องเก่าของฉันมันโดยเผาไปจนหมดแล้วและนี่คือห้องใหม่ของฉันเอง หากนายมีเรื่องอะไรที่จะให้ฉันช่วยก็แวะมาห้องนี้ได้ และก็ซูบินนายไม่ต้องหักโหมมากเกินไปนะ หากนายอยากพักอีกสักสองสามวันฉันก็ไม่มีปัญหาเดียวฉันจัดการเรื่องวันลาให้ แต่ก็นะ...ตอนนี้นายดูดีขึ้นมากเลยล่ะ เมื่อเทียบกับตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล” ในทันใดนั้นโจวฉางจูเองก็เดินเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม:“อ่าวซูบิน... สวัสดีครับหัวหน้า....ตะกี้ผมได้ยินเรื่องที่คุยกันพอดี...ถ้ายังไงเดียวช่วงสองสามวันนี้ผมจะสั่งงานให้กับซูบินเบาๆ...ส่วนงานหนักเดียวให้เจ้าหน้าที่คนอื่นทำแทน”

ดงซูบินก้มตัวลงเพื่อขอบคุณหัวหน้าทั้งสองคนของเขา:“ขอบคุณครับหัวหน้า ผมจะทำให้ดีที่สุด.”

หลี่ชิงพยักหน้า "ดี. แต่อย่าหักโหมเกินล่ะ”

หลี่ชิงใช้มือตบไปบนไหล่ของดงซูบินเพื่อให้กำลังใจก่อนจะหันหน้าไปมองโจวฉางจูซึ่งตอนนี้เขาดูป่วยๆอยู่

“พี่โจว” หลี่ชิงมองดูเขา “พี่ต้องดูแลสุขภาพด้วย ดูพี่หน้าซีด ๆ ณ วันนี้”

“เฮ้อ……นี่มันเป็นปัญหาเรื้องรังรักษาไม่หายสักที่”

ดงซูบินขอตัวออกไปทำงานต่อ ก่อนที่หลี่ชิง และ โจวฉางจู นั้นจะสนทนากันต่อภายในห้องนั้น

หลังจากดงซูบินพยายามเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอาเอกสารสำคัญจากกองเพลิงในวันนั้น ทำให้หลี่ชิงและโจวฉางจูเชื่อใจในตัวดงซูบินเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีกับตัวของดงซูบินมากสำหรับการพิชิตเป้าหมายของเขา

ดงซูบินเดินกลับไปที่สำนักบริหารทั่วไปด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ตอนนี้ทุกคนในสำนักงานกำลังทำงานกันอยู่ ต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจื่อ กำลังถ่ายเอกสารบางอย่างที่เครื่องถ่ายเอกสารพร้อมกับสนทนากันอยู่  ฉางจ้วง และ พี่หยางแอบอยู่เงียบๆหลังหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยฉางจ้วงกำลังอ่านนิตยสาร “ผู้หญิงถึผู้หญิง”และพี่หยางเองก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์เจ้าประจำของเขา ฉางจี้ก็กำลังทำอะสักอย่างที่โต๊ะทำงานของเขาและ เกาแพนเหว่ยก็กำลังเขียนรายงานด้วยมือข้างขวาส่วนมือข้างซ้ายก็กำลังดูต้นแบบการเขียนรายงานอยู่

ในตอนนั้นพี่หยางเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าดงซูบินเดินเข้ามาในห้อง เขาลดหนังสือพิมพ์ลง:“โอ้ซูบินนายกลับมาทำงานได้แล้วหรอเนี่ย”

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเขา  ต้าหลินเหม่ยเธอยิ้มและโบกมือให้กับดงซูบิน “ซูบิน ยินดีด้วยนะสำหรับการเข้าร่วมพรรคของนายและที่นายออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

"ขอบคุณนะ."

ฉางจ้วงก็พูดเสริมขึ้นมาว่าว่า:“ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ของเรากลับมาแล้ว อาการบาดเจ็บของน้องซูบินของพี่เป็นอย่างไงบ้างจ๊ะ”

"ผมสบายดีครับ.ก็โอเคขึ้นมาบางแล้ว ขอบคุณครับพี่สาวจ้วง” ดงซูบินขยับแขนของเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว

แม้ว่าเกาแพนเหว่ย จะอิจฉาดงซูบินแต่เขาก็ยังแสดงความห่วงใยให้เห็นเขาพูดกับดงซูบินว่า“ซูบินนายก็อย่าให้แผลมันไปโดนน้ำล่ะ เดียวมันจะไม่หายดี”

คนเดียวที่ไม่ได้พูดกับดงซูบินก็คือฉางจี้ ซึ่งฉางจี้และเกาแพนเหว่ยทั้งคู่นั้นคือคนที่ลุยไฟเข้าไปตอนแรกแต่ก็หนีออกมาก่อน ฉางจี้แค่เหลียวมองดงซูบินเท่านั้นก่อนที่จะก้มหน้าลงไปเพื่อหลับต่อ

หลังจากคุยกับเพื่อนร่วมงานซักพักแล้ว ดงซูบินก็กลับไปนั่งที่โต๊ะของเขาและเริ่มทำงานต่อ เขาสังเกตเห็นสัญญาณแปลก ๆไม่ใช่กับเกาแพนเหว่ย และฉางจี้ เท่านั้นแต่รวมถึงจ้วงจื้อเพราะเขาดูเหนื่อยๆ เขาดูเหมือนว่าเพิ่งออกกำลังกายเสร็จมา เมื่อจ้วงจื้อเดินไปที่ต้าหลินเหม่ยที่เครื่องถ่ายเอกสารดงซูบินก็ตามไปด้วย เขาถามว่า: "จ้วงจื่อ เกิดอะไรขึ้นกับนาย? เมื่อวานนี้นายไปอะไรมา?” ดงซูบินถามพร้อมขยิบตาที่ต้าเหลินเหม่ย

มันทำให้ต้าหลินเหม่ยนั้นเขิน “ทำไมนายมองมาที่ฉันล่ะ?”

ดงซูบินก็ตอบว่า:“ป่าวไม่ได้มีอะไร” เขารู้สึกว่าทั้งคู่กำลังมีอะไรปิดปังเขาอยู่ ‘หรือทั้งคู่อาจจะไปออกเดทกัน?’

จ้วงจื่อเลยพูดขึ้นมาว่า “ซูบินนายหยุดเดามั่วซั่วได้แล้วน๊า บังเอิญฉันพึงไปแข่งฟุตบอลมาเมื่อไม่กี่วันก่อน”

“แข่งฟุตบอล?”

"ใช่. แข่งฟุตบอลของสำนักความมั่นคงของรัฐของเขตเรานะ“จ้วงจื่ออธิบาย” ฉันได้ยินมาว่าสำนักงานเขตมีการแข่งขันทุกปี แต่ปีนี้ต่างจากปีที่ผ่านมาที่การแข่งขันถูกจัดขึ้นภายในที่ทำว่าการอำเภอ ในปีนี้เราจึงมีการจัดการแข่งขันกีฬารวมกัน โดยทำการสาขาของปักกิ่งทั้งหมดต้องส่งทีมแต่ละทีมมาแข่งขัน โดยงานวันแรกมันเริ่มตอนวันชาติที่ผ่านมา เมื่อวานนี้สาขาของมีการแข่งขันกับสาขามิยูนและเราแพ้ 5-0 นะ”

ดงซูบินพยักหน้า “ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนดูเหนื่อยมาก”

ต้าหลินเหม่ยเป็นพวกขี้เม้าเธอจึงพูดเสริมเข้ามา:“โชคดีที่นายไม่ได้มาทำงานช่วงนั้นนะ ฉันบอกนายแล้วการแข่งกีฬาเป็นทีมของสาขาเรามันสกปรก และ ห่วยมาก…….” เธอมองไปที่ เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้ แล้วเธอก็ลดเสียงของเธอลง:“สกปรกกว่าห้องน้ำ หาไม่มีจ้วงจื่อการแข่งขันเมื่อวานนี้คงจะโดนยิงไป 6-0 เลยล่ะ”

ดงซูบินหัวเราะ “ทุกคนที่นี่เป็นก็ยังเป็นมือสมัครเล่นแหละ การชนะหรือแพ้ยังก็ขึ้นอยู่กับโชค”

“แย่ชิบเป้ง!!” ต้าหลินเหม่ยทำหน้ามุ่ย “ทีมอื่นๆเขาเล่นได้ดีมาก การส่งบอลก็ดีเยี่ยมรวมถึงผู้รักษาประตูก็เยี่ยมยอด ดูทีมของเราสิ ตอนเริ่มเกมที่เราก็ยังดีๆกันอยู่นะ แต่เมื่อการแข่งขันดำเนินต่อไปกองหน้าของเราทุกคนก็กลายเป็นกองหลังส่ะงั้น แต่ยังไงฉันก็ยังเชียร์กับเพื่อน ๆ จากแผนกการเงิน พวกเขาเล่นได้น่าประทับใจมากจริงๆ”

จ้วงจือคิดว่าตาลเหม่ยโกรธเขามากและพูดอย่างรวดเร็วว่า“ฉันจะทำงานได้ดีขึ้นในนัดถัดไป”

ต้าหลินเหม่ยกลอกตาไปมาพร้อมพูดออกมาว่า “นอกจากการเล่นสกปรกโดยการสไลด์ขาของทีมตรงข้ามพวกนายสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกไหม? ขนาดวิ่งยังวิ่งกันไม่ไหวเลย”

จ้วงจื่อตอบรับท่าทีของเธอด้วยน้ำเสียงที่ละอายใจ:“ฉัน……ฉันพยายามจะลดน้ำหนักอยู่”

“ไอ……เอ่อร์…… ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือเธอและนายทั้งคู่ไปเดทกันหรือยัง?” ดงซูบินถามทั้งคู่อย่างจริงจัง

จ้วงจื่อตกใจ:“ฉัน……เรา……”

ต้าหลินเหม่ยเขินและจ้องไปที่ดงซูบิน:“อย่าบอกใครนะ”

‘เรื่องจริงๆใช่ไหมเนี่ย?’ ดงซูบินพูดต่อไปว่า:“ถ้าฉันไม่ถามทั้งคู่ทั้งสองคนจะบอกฉันไมเนี่ย? ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ปากสว่างอยู่แล้ว ทั้งคู่เริ่มไปเดทกันเมื่อไหร่ แล้วทางครอบครัวรู้เรื่องนี้รึยัง? แล้วความสัมพันธ์ไปไกลถึงไหนแล้ว?”ดงซูบินนั้นมีความสุขกับพวกเขาด้วยในฐานะเพื่อน ในเวลาเดียวกันเขาก็อิจฉาพวกเขาทั้งคู่เช่นกัน ‘เฮ้อ……ฉันต้องรออีกนานเท่าไหร่กันเนี่ย?’

“ห๊ะ?” จ้วงจือไม่รู้จะพูดยังไงดีและรีบกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับเอกสารกองใหญ่อย่างเขินอาย

ต้าหลินเหม่ยเองก็ยังนำเอกสารออกมาจากเครื่องถ่ายเอกสารและตบไปที่แขนของดงซูบิน“นายอยากตายใช่ไหมเนี่ย ทำไมนายถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮึ่ม! ถ้านายอยากรู้เรื่องซุบซิบฉันสามารถบอกนายได้เกี่ยวเรื่องประเด็นร้อนที่กำลังมาแรงในสำนักงานของเราได้” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย “นายรู้หรือป่าว ตอนนายอยู่ในโรงพยาบาลมีข่าวลือเกี่ยวกับนายถูกแพร่ออกไปเยอะแยะเลย เพราะความกล้าของนาย จนพวกเขาตั้งฉายาให้นายหมดแล้วว่า นักผจญเพลิง.”

ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจ "ฮะ? นักผจญเพลิงอย่างงั้นหรอ?”

"ฮิฮิ. ฟังดูดีใช่มะ?“ต้าหลินเหม่ยหัวเราะ” ตอนที่ผู้อำนวยการหลี่และหัวโจวได้ยินชื่อเล่นของนายพวกเขายังบอกด้วยว่ามันเหมาะกับนายมากเลยนะ ไม่เพียงแต่นายจะมุทะลุเข้าไปเอาเอกสารในกองเพลิงเท่านั้นแต่นายยังช่วยทุกคนด้วยการเขียนคำกล่าวปราศัยให้รองหัวหน้าสำนักหยาง นายไม่คิดหรอว่านี่เป็นฉายาที่ดีสำหรับนายหรอ นายสามารถจัดการกับปัญหาที่พวกเราเจอได้ทั้งหมด ฉันคิดว่ารองหัวหน้าส่วนใหญ่ของฝ่ายกิจการทั่วไปก็รู้เกี่ยวกับฉายาของนาย บางทีแม้แต่รองหัวหน้าสำนักก็ยังรู้เกี่ยวกับฉายา นักผจญเพลิงจากสำนักงานกิจการทั่วไปแน่ๆ”

‘ที่จริงนักผจญเพลิงนั้นก็มีความหมายได้หลายอย่าง’

ดงซูบินยิ้ม:“ใครคือคนที่คิดฉายานี้ขึ้นมา? มันฟังดูไม่ค่อยดีเลย”

ต้าหลินเหม่ายตอบผ่านๆไปว่า:“อย่าโกหกตัวเองเลย ตอนนี้นายรู้สึกดีใช่ไหมล่ะกับฉายาใหม่?”

ต้าหลินเหม่ยเองเธอพูดถูกดงซูบินนั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากสำหรับฉายานี้ นี่เหมือนเป็นการยอมรับจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของเขาในเวลาเดียวกัน

‘ฮะ! ถ้าฉันทำยังงี้ต่อไปฉันต้องได้เลื่อนตำแหน่งแน่!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด