SM:บทที่ 9 แพ้และชนะในคราเดียว
SM:บทที่ 9 แพ้และชนะในคราเดียว
“นายท่าน ตอนนี้ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส เราขอเสนอให้ท่านเริ่มฟื้นฟูกระบวนการรักษาในทันที” เสียงของจินตั๋วดังขึ้น จากนั้นก็เมินสิ่งที่เซี่ยเย่ตอบ หักเงินออกจากบัตรของเซี่ยเย่ในทันที
เมื่อเซี่ยเย่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่ามันเป็นเช้าวันต่อมา เมื่อวานเขายังบาดเจ็บจนต้องกุมอกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว
“ตั่วตั๋ว เธอฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของฉันเหรอ?” เซี่ยเย่ถามจินตั๋วในใจ
“เจ้าค่ะนายท่าน อาการบาดเจ็บของท่านในครั้งนี้สาหัสนัก มันจึงใช้เงินห้าแสนหยวนในการฟื้นฟูสภาพร่างกายเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ? มากขนาดนั้น?” เซี่ยเย่ไม่อาจยอมรับได้ เขามีเงินทั้งหมดเพียงหนึ่งล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นหยวน ค่ารักษาตัวของเขาก็ปาไปเกือบหนึ่งในสามแล้ว มันมากเกินไป ตอนนี้ในร่างของเขาเหลือเงินเพียงหนึ่งล้านสองแสนเก้าหมื่นหยวน และมีอีกหลายที่ที่เขาจะต้องใช้จ่าย
“ท่านไม่อาจโทษใครเกี่ยวกับเรื่องนั้นเจ้าค่ะ เจ้านายได้รับบาดเจ็บหนักมากในครั้งนี้ ถ้าท่านต้องการฟื้นฟูสภาพให้กลับมาดีดังเดิมท่านก็ต้องจ่าย ไม่อย่างนั้นเจ้านายจะไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ในวันนี้ได้” จินตั๋วอธิบายอย่างมีเหตุผล ทำให้เซี่ยเย่รู้สึกดีขึ้น
“อืม เงินทองหาเมื่อไหร่ก็หาได้ สุขภาพสิสำคัญ” คิดดังนี้แล้ว เซี่ยเย่ก็ลุกขึ้นและเดินออกจากเตียง
ขณะเดียวกันประตูก็ถูกผลักออกพร้อมกับร่างระหงอวบอัดของหญิงสาวก้าวเข้ามา เธอก็คืออู๋เสีย
“น้องชาย ทำไมนายตื่นขึ้นมาหลังได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้นล่ะ? นอนลงเดี๋ยวนี้” เซี่ยอู๋เสียวางถ้วยยาต้มในมือไว้บนโต๊ะและดันร่างของเซี่ยเย่ลงกับเตียง
มองสีหน้ากังวลของเซี่ยอู๋เสีย เซี่ยเย่ก็รู้สึกถึงควาบอบอุ่นขึ้นในใจ เขายิ้มและเอ่ยขึ้น “พี่สาว อาการบาดเจ็บของฉันหายดีแล้ว เธอก็เห็น”
กล่าวเช่นนี้แล้วเซี่ยเย่ก็ดึงสาบเสื้อลง เผยให้เห็นแผ่นอกแก่สายตาของเซี่ยอู๋เสีย มองแผ่นอกของเซี่ยเย่ที่ไร้รอยแผลเป็นแล้ว ใบหน้าของเซียอู๋เสียก็ฉายแววประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ เธอเอื้อมมือมาแตะด้วยความสงสัย “น้องชาย นายได้รับบาดเจ็บหนักมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันหายเร็วขนาดนี้ล่ะ? น่าประหลาดใจมากเลย”
เซี่ยเย่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เขาไม่อยากให้ใครรู้เกี่ยวกับระบบเงินตรา เนื่องเพราะมันเป็นไพ่ตายสุดท้ายของเขา เขาจึงพูดเฉไฉไปว่า “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ บางทีพลังของหมิงไห่อาจไม่ได้ดีมากหรอกมั้งเลยไม่เจ็บมากนัก”
เธอไม่เชื่อในคำอธิบายของเซี่ยเย่ แต่เธอก็ไม่ถามต่อ เธอพยักหน้า “งั้นก็ดีแล้ว ครั้งนี้นายประมาทเลินเล่อนัก นายน่าจะทำสิ่งที่นายพอทำได้ในภายภาคหน้ารู้ไหม?”
“อืม ฉันรู้แล้วล่ะ แต่พี่สาว ฉันไม่คิดว่าครั้งนี้มันจะเป็นเรื่องง่าย การปรากฏตัวของหมิงไห่นั้นพุ่งเป้าไปที่เธออย่างชัดเจน ฉันเชื่อว่ามันเป็นสมุนของเซี่ยลิ่วจื่อแน่”
“หึ! แน่ล่ะ ฉันรู้ว่าแม้จะไม่มีสิทธิ์ในมรดกของตระกูล แต่ฐานะของฉันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดระแวงอยู่ หลายปีมานี้ตระกูลต่างแบ่งออกเป็นพรรคเป็นพวก ไม่ช้าก็เร็วฉันจะกวาดล้างพวกหนอนบ่อนไส้นี่ทีละตัว” เซี่ยอู๋เสียเอ่ยเสียงเย็นชา
มองเซี่ยอู๋เสียเเล้วเซี่ยเย่ก็รู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับมันนัก เธอมีประสบการณ์วรยุทธ์สองปี เธอไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา เธอต้องมีวิธีการของเธอในการจัดการมัน
แต่ตอนนี้เขาขอพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาพลังยุทธ์ก่อน เมื่อพลังยุทธ์ของเขาแก่กล้าขึ้นเขาก็จะให้ความช่วยเหลือบางอย่างได้
“เอาล่ะ เห็นนายสบายดีฉันก็วางใจ น้องชาย ฉันมีบางอย่างต้องทำในวันนี้ งั้นไปล่ะ” เซี่ยอู๋เสียตบบ่าเซี่ยเย่และเอ่ยขึ้น
“ไปแถอะ” เซี่ยเย่เอ่ยลาเขาเช่นกัน
แต่เมื่อเซี่ยอู๋เสียกำลังจะผลักประตูเดินจากไป เธอพลันหันกลับมาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ฉันพบว่านายเองก็มีรูปร่างดีไม่น้อย”
เอ่ยจบแล้ว เซี่ยอู๋เสียก็เมินเซี่ยเย่อย่างเอียงอาย และเดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะ
สีหน้าจนใจฉายบนใบหน้าของเซี่ยเย่ที่ไร้คำพูดไปกับลูกพี่ลูกน้องที่บางครั้งเป็นห่วงกับบางครั้งไม่ระวังตัวคนนี้
สิ่งที่เซี่ยเย่ไม่รู้ก็คือหลังจากที่เธอออกไปแล้ว ใบหน้าของเซี่ยอู๋เสียก็ปรากฏริ้วแดงซ่าน เป็นครั้งแรกของหญิงสาวที่มีสีหน้าเขินอายเช่นนี้
“คุณเงา การแข่งขันของคุณจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมง พักผ่อนที่นี่ก่อนเถอะ ฉันจะบอกให้รู้เมื่อถึงเวลาแล้วค่ะ” ตี้หยุนเอ่ยกับเซี่ยเย่ที่เพิ่งมาถึง
เซี่ยเย่ยิ้มและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณคุณตี้หยุน”
“ด้วยความยินดีค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว”
ตี้หยุนบิดเอวบางเดินจากไป เซี่ยเย่มองแผ่นหลังสง่างามของเธอแล้วก็เริ่มหลับตาลง
ในใจของเซี่ยเย่กำลังครุ่นคิด “ตอนนี้ฉันมีเงินหนึ่งล้านสองแสนเก้าหมื่นหยวนในมือ บนสังเวียนคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่าพลังระดับหนึ่งไม่เพียงพอแน่ ฉันจะต้องเพิ่มค่าพลังก่อน แต่ฉันก็ต้องกันเงินไว้บางส่วนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นมันจะสายเกินไป”
“ตั่วตั๋ว เพิ่มค่าพลังให้ฉันเป็นศูนย์จุดห้าแล้วหยุดอยู่แค่นั้น”
เมื่อเห็นว่าได้เงินแล้ว เธอก็มีความสุขยิ่งในทันที “เมื่อมีเงิน ฉันก็จะเริ่มเพิ่มค่าพลังของนายท่านเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงของจินตั๋ว เซี่ยเย่ก็รู้สึกได้ถึงพลังใหม่ที่พวยพุ่งไปทั่วร่าง แม้มันจะไม่ได้รับการทดสอบ แต่มันก็มากกว่าแต่ก่อนมาก
“นี่หรือค่าพลังหนึ่งจุดห้า?”
เซี่ยเย่กำหมัด อากาศตรงหน้าเขาส่งเสียงระเบิดเบา ๆ ค่าพลังเป็นการประเมินทั่วไปของนักรบ รวมถึงพลัง ความเร็ว การตอบสนอง ความว่องไวในการต่อสู้ และอื่นๆ แต่สิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือพลังของคน ๆ นั้น ค่าพลังโดยเฉลี่ยของคนทั่วไปอยู่ที่หนึ่งร้อยจิน ซึ่งนับเป็นค่าพลังศูนย์จุดหนึ่ง ปริมาณน้อยที่สุดที่สามารถเป็นนักรบได้คือพลังที่อยู่ในระดับถึงหนึ่งพันจิน ซึ่งก็คือค่าพลังหนึ่ง ตอนนี้ค่าพลังของเซี่ยเย่อยู่ในระดับหนึ่งจุดห้า และมีพลังราวหนึ่งพันห้าร้อยจิน ด้วยพลังหนึ่งพันห้าร้อยจินนี้ แม้แต่ช้างจากยุคดึกดำบรรพ์ก็ถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย แน่นอนว่าในยุคใหม่มีอสูรนับไม่ถ้วนวิวัฒนาการมาและมนุษย์จำนวนมากก็กลายเป็นผีดิบ ค่าพลังนี้จึงไม่มีผลใด ๆ เลย
“คุณเงา ถึงเวลาต่อสู้แล้วค่ะ โปรดเข้ามาด้วย”
ในตอนนี้ ตี้หยุนก็ได้ปรากฏตัวในห้องรับรองของเซี่ยเย่และเตือนเขาว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มแล้ว
เฮฮฮ….เสียงตะโกนดังสนั่นพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดในอากาศ เซี่ยเย่ย่างกรายไปบนดินแดนชั่วร้ายนี่อีกครั้ง
“นี่คือคนหน้าใหม่ของสังเวียนเรา เงา แม้เขาจะเพิ่งมาใหม่ แต่เขาก็ฆ่าหมาป่าเลือดที่ชนะกันเก้าครั้งติดในการต่อสู้ครั้งแรกได้ด้วยพลังอันน่าทึ่ง” เสียงของโฆษกดังไปทั่วทั้งสังเวียนต่อสู้ เหล่าเจ้ามือที่ได้รับชัยชนะจากเซี่ยเย่ก็ตะโกนก้องอย่างตื่นเต้น
“คู่ต่อสู้ของเงาในวันนี้ก็คือผู้ที่ชื่อว่าขวานจอมชำแหละ”
ตู้มมม..สิ้นเสียงของเขา มีบางอย่างสีดำร่วงลงจากฟ้า พื้นดินสั่นสะเทือนจนฝุ่นผงสีเหลืองฟุ้งกระจาย ชายร่างใหญ่ผมสีแดงแบกขวานขนาดใหญ่ไว้บนบ่ากำลังมองเซี่ยเย่อยู่ทางทิศตรงข้ามด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
“ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ในวันนี้จะใช้พลังกายเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ดีแล้วล่ะฉันจะได้กำจัดพวกมันได้” เซี่ยเย่มองคู่ต่อสู้ของเขาและวางกลยุทธ์อยู่ในใจ
วู้ววว...ขวานต่อสู้ในมือของยักษ์ใหญ่เหวี่ยงลงมา ลมกรรโชกแรงกวาดตัวออกพร้อมกับที่เขามองศัตรูร่างเล็กผอมตรงหน้าด้วยแววตาดูถูก “ไอ้หนุ่ม วันนี้ฉันอารมณ์ดี แล้วจะให้แกมีช่วงเวลาดี ๆ ด้วย”
เผชิญหน้ากับการท้าทายของขวานจอมชำแหละ เซี่ยเย่ก็เมินเสีย สำหรับคนตายแล้วไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากหรอก
“ดวลได้ บัดเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียงประกาศ ขวานยักษ์ก็พุ่งไปหาเซี่ยเย่พร้อมกับขวานในมือ แม้มันจะใหญ่โต แต่ความเร็วของมันก็ไม่ได้ช้า เพียงก้าวเดียวก็กินระยะไปหลายหลา ราวกับภูเขาไท่ซานยักษ์
“ตึ้งงง”
ขวานฟาดลงมาพร้อมกับพื้นดินเคลื่อนตัว จากนั้นแรงสับทรงพลังก็ทิ้งรอยแตกลึกไว้บนพื้น แต่โชคร้ายที่มันไม่ถูกตัวเป้าหมายเลย
ขวานยักษ์รู้สึกเพียงร่างของคน ๆ หนึ่งวูบไหวตรงหน้า ขวานของเขาผ่านร่างของเซี่ยเย่ไปอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เซี่ยเย่ก็ปรากฏตัวเหนือขวานของเขาอีกครั้ง
“ตายซะ!”
ขวานหินไม่ได้ตอบสนองช้าเลย หมัดซ้ายของเขาซัดไปที่ศีรษะของเซี่ยเย่ แต่เซี่ยเย่กลับก้าวเท้าและใช้เพียงฝีเท้าของเขา ขวานหินเพียงรู้สึกว่าขวานในมือข้างขวาของเขามีพลังมหาศาล ทำให้ร่างของเขาโน้มไปข้างหน้า หมัดของเขาน่าจะดึงพลังไปมากที่สุด
ไม่รอให้ขวานเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง ร่างของเซี่ยเย่ก็ปรากฏตัวอีกครั้ง และเร้าวิชาเก้าดาราจนถึงขีดสุดพร้อมกับร่างคนที่อยู่เบื้องบนขวาน
ปั้งง… ตวัดขาครั้งหนึ่ง มันก็ฟาดลงบนก้านคอของขวานยักษ์ที่นับว่าเป็นส่วนบอบบางที่สุดในร่างกายมนุษย์
กร๊อบบบ...เสียงหักลั่นดังขึ้น ลำคอของขวานบิดเบี้ยวผิดรูปไปด้านหนึ่ง ดวงตาไร้แวว และร่างใหญ่โตก็ร่วงหล่นบนพื้น
“โอ้...จัดการในท่าเดียว ขวานยักษ์ทรงพลังไม่อาจต้านทานกระบวนยุทธ์ต่อไปของเงาได้ ผู้ชนะคือเงา เฮ…”
“บ้าเอ้ย สวะไร้ประโยชน์ตายในรอบเดียว ฉันเสียไปสิบล้านหยวนเลย”
“บ้าเอ้ย โกงกันนี่หว่า!”
“รวยแล้วเรา จ่ายมาสามส่วนในครั้งเดียวเลย ฮ่า ๆ…”
บางคนชนะในคราาวเดียว บางคนเสียจนหมดตูด แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเซี่ยเย่ ตัวเขาเองกลับไปยังห้องพักรับรองและรับเงินโบนัสจากตี้หยุน
ในวันต่อมา เซี่ยเย่ต่อสู้ในสังเวียนอย่างน้อยหนึ่งนัดในทุกวัน และคู่ต่อสู้ก็มีทั้งแข็งแกร่งกับอ่อนแอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เซี่ยเย่ก็พัฒนาฝีมือขึ้นทั้งด้านการต่อสู้และการใช้วิชาเก้าดารา สถิติที่ไม่อาจโค่นลงได้ของเขาก็มาถึงระดับชนะติดกันเก้าครั้ง
ชัยชนะที่ออกมาทำให้ได้โบนัสมหาศาล ขณะเดียวกันการถลุงพลังชีพจากเหล่านักรบพวกนี้ก็ทำให้ค่าพลังชีพของเซี่ยเย่อยู่ในระดับสี่จุดสอง และค่าพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงสาม ซึ่งแข็งแกร่งเกือบจะสามเท่าของตอนที่เข้าสนามประลองครั้งแรก