บทที่ 72 ปีศาจปลาหมึก
เจียงอี้ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ในถ้ำขนาดเล็กและตื่นขึ้นมาในเช้าของวันถัดไป เขาเดินไปตามทางเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มการค้นหาสัตว์อสูรอีกครั้ง
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่สงบสุข มันสงบเสียจนน่าประหลาดใจ ในระหว่างการไล่ล่าสังหารเหล่าสัตว์อสูร เจียงอี้ก็ได้พบกับผู้เข้าร่วมคนอื่นจำนวนไม่น้อย แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้พยายามที่จะปล้นชิงป้ายสัญลักษณ์จากเขาแต่อย่างใด
เจียงอี้ไม่ได้รับผลตอบแทนมากนักในวันนี้ เขาสังหารสัตว์อสูรไปเพียงสิบสองตัว แต่ในหมู่พวกมัน มีสามตัวที่เขาได้รับป้ายสัญลักษณ์สีดำ ตอนนี้เขามีป้ายสัญลักษณ์รวมทั้งหมดยี่สิบสี่ชิ้นและแปดชิ้นในนั้นเป็นสีดำ
ข้ามีป้ายสัญลักษณ์ที่มีสีเพียงแค่แปดชิ้นเท่านั้นและยังไม่ได้รับป้ายสัญลักษณ์ที่มีสีสุดท้ายแม้แต่ชิ้นเดียว
เจียงอี้กังวลใจ เขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้นก่อนที่เทศกาลชำระโลหิตจะจบลง
ในวันที่สาม เจียงอี้ตื่นขึ้นมาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตระหนักได้ว่ามีหลายคนที่ตื่นในเวลาไล่เลี่ยกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีป้ายสัญลักษณ์ไม่เพียงพอและกำลังเตรียมตัวที่จะออกล่าสัตว์อสูร
“เฮ้ น้องชาย! รอก่อนสิ!”
ณ เส้นทางหนึ่งบนภูเขา เจียงอี้ถูกรั้งตัวไว้โดยผู้เข้าแข่งขันที่เป็นชายอ้วน ในเวลานั้นดวงตาของเจียงอี้ก็เผยความเย็นชาออกมา หากคนผู้นี้เพ่งเล็งป้ายสัญลักษณ์ของเขาอยู่ล่ะก็ เขาก็ไม่เก่งใจที่จะลงมือสั่งสอน
เจ้าอ้วนที่เต็มไปด้วยไขมันคนนี้แต่งตัวค่อนข้างหรูหรา น่าเสียดายที่อ้วนไปหน่อยจึงทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูน่าตลกขบขัน เขาเดินเข้ามาใกล้เจียงอี้จนอยู่ห่างเพียงแค่สิบเมตรและเอ่ยพลางหัวเราะ “น้องชาย เจ้ามีป้ายสัญลักษณ์อยู่เยอะไหม? ข้าจะให้ราคาสูงหากเจ้ายอมขายให้ข้า”
“ขายป้าย?”
เจียงอี้ประหลาดใจ แต่เขาก็คิดได้อย่างรวดเร็ว เหล่าผู้เข้าร่วมเทศกาลชำระโลหิตเป็นผู้ที่ออกล่าสัตว์อสูรเพื่อเก็บรวบรวมป้ายสัญลักษณ์ดังนั้นพวกเขาก็สามารถซื้อขายมันได้เช่นกัน เรื่องนี้ดูเหมือนว่าสำนักจิตอสูรจะทำเป็นไม่สนใจ ตราบใดที่สามารถรวบรวมป้ายได้มากพอ แค่นั้นก็พอแล้ว
“ข้าไม่ได้มีมากพอที่จะขายให้เจ้า มันจะดีกว่าหากเจ้ามองหาคนอื่น”
แก้มของเจ้าอ้วนกระเพื่อมเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาของมันที่ส่องประกายอย่างเจ้าเล่ห์ “น้องชาย... บังเอิญว่าข้ามีป้ายสัญลักษณ์พิเศษอยู่พอดี ให้ข้าขายให้เจ้าดีหรือไม่? เจ้าสามารถเสนอตำลึงทองได้เท่าไหร่ต่อป้ายหนึ่งชิ้น?”
“ห๊ะ?”
เจียงอี้ตกตะลึง จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเสียงเบา “เจ้ามีสีอะไรบ้าง? ราคาต่อชิ้นเท่าไหร่?”
เจ้าอ้วนหัวเราะ “ด้วยความสัตย์จริงนะน้องชาย ข้าซื้อป้ายสัญลักษณ์มามากมายเพื่อที่จะนำมาขายต่อ เจ้าต้องการแบบไหนล่ะ? ยกเว้นเพียงแค่ป้ายสีทอง นอกนั้นข้ามีหมด”
“ราคาก็… ตกชิ้นละหนึ่งร้อยตำลึงทอง! เจ้าว่ายังไงน้องชาย?”
เจ้าอ้วนคนนี้ดูคล้ายกับพ่อค้าที่มีประสบการณ์ มันถึงกับกล้าใช้เทศกาลชำระโลหิตเพื่อหากำไร!
เจียงอี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ความจริงแล้วเขามีตำลึงทองไม่เพียงพอดังนั้นเขาจึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยถาม “ข้าไม่มีตำลึงทองมากนัก ข้าสามารถใช้เม็ดยาระดับพิภพแทนได้หรือไม่?... แล้วทำไมเจ้าถึงไม่มีป้ายสีทองสักชิ้น?”
“เม็ดยาระดับพิภพ? ใช้ได้สิ.. ย่อมใช้ได้อยู่แล้ว!”
ดวงตาของเจ้าอ้วนเป็นประกายขณะที่ผงกศีรษะ “เม็ดยาระดับพิภพหนึ่งเม็ดต่อป้ายสัญลักษณ์หนึ่งชิ้น! น้องชาย เจ้าขาดป้ายสีอะไรหรือ? ส่วนเรื่องป้ายสีทอง เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับมันจริงๆ? พวกมันหายากมากและมีเพียงหนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้น ในการชำระโลหิตมีสัตว์อสูรอยู่นับพันตัว หากดวงของเจ้าไม่ดีจริง ไม่ต้องพูดถึงสามวัน แม้ว่าจะใช้เวลาถึงสิบวันเจ้าก็อาจจะไม่สามารถหามันได้แม้แต่ชิ้นเดียว!”
เป็นอย่างที่คิด!
ในที่สุดเจียงอี้ก็รู้ถึงเหตุผลแล้ว เขานำป้ายสัญลักษณ์ออกมาและดูว่าตัวเองขาดสีอะไร จากนั้นเขาก็นำเม็ดยาระดับพิภพขึ้นมาและทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้าอ้วน
“น้องชาย ไม่สิ… พี่ใหญ่ ท่านช่างเป็นคนที่ตรงไปตรงมายิ่งนัก! ข้าหวังว่าท่านจะสามารถเข้าร่วมกับสำนักจิตอสูรได้อย่างราบรื่น ข้ามีนามว่า เฉียนว่านก้วน หรือจะเรียกข้าว่าเสี่ยวว่านก็ได้ หากว่าท่านได้กลายเป็นศิษย์ของสำนักจิตอสูรแล้วโปรดดูแลข้าด้วยนะ!”
เจียงอี้ค่อนข้างตกตะลึงกับทัศนคติที่เปลี่ยนไปของเจ้าก้อนไขมันตรงหน้า แม้แต่วิธีการเรียกก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในพริบตา ในระหว่างที่พวกเขากำลังสนทนากันอีกเล็กน้อย ก็ได้มีกลุ่มคนที่มาใหม่เดินใกล้เข้ามา จากนั้นเจ้าอ้วนก็รีบเอ่ยขอโทษเจียงอี้และผละตัวออกมาเพื่อไปหากลุ่มเป้าหมายใหม่
“พี่ชาย! ท่านมีป้ายสัญลักษณ์ที่ไม่ใช้อยู่หรือไม่? น้องชายผู้นี้ต้องการที่จะซื้อพวกมันจากท่าน ท่านเรียกราคา….”
เจ้าเฉียนว่านก้วนผู้นี่ช่างเป็นคนที่เกิดมาเพื่อทำกำไรโดยแท้…
เจียงอี้แอบถอนหายใจอยู่เงียบๆแต่เขาก็ค่อนข้างพอใจ ด้วยการแลกเม็ดยาระดับพิภพเพียงเล็กน้อยแต่ก็ได้ป้ายสัญลักษณ์ที่ขาดไป มันก็ถือว่าคุ้มค่า ตอนนี้เขาขาดเพียงแค่ป้ายสีทองเท่านั้น
ป้ายสัญลักษณ์สีทองมีจำนวนแค่หนึ่งร้อยชิ้น? ดูเหมือนว่าสามารถหาพวกมันได้จากเหล่าสัตว์อสูรที่ดุร้ายเท่านั้น
เจียงอี้ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาหยุดอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง หุบเขาแห่งนี้ค่อนข้างลึกและมีเพียงความมืดอยู่เบื้องล่าง แต่ด้วยสัญชาตญาณของเขา เจียงอี้ก็เชื่อว่าจะต้องมีสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัวอยู่ด้านล่างเป็นแน่
การครอบครองสมบัติย่อมตามมาด้วยความเสี่ยง!
หลังจากเดินวนอยู่หนึ่งรอบ เขาก็มองหาทางลงจนเจอ ในขณะที่กำลังลงไปนั้น เจียงอี้ก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าซึ่งกำลังโชยขึ้นมา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่รอบข้างเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยความมืด เขาก็ได้กลิ่นเลือด ทันใดนั้นเจียงอี้ก็รีบโคจรแก่นแท้พลังสีดำไปที่ดวงตาและมองลงไปด้านล่าง ฉากตรงหน้าทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที
“นี่มัน…”
เจียงอี้เกือบจะอาเจียนออกมา เขามองเห็นสัตว์อสูรที่มีรูปร่างเป็นปลาหมึกและศพสี่ศพที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เจ้าปีศาจปลาหมึกตัวนั้นใช้หนวดของมันจับหนึ่งในศพขึ้นมาและโยนใส่ปาก บริเวณโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยชิ้นส่วนของแขนและขารวมไปถึงเครื่องในต่างๆ
คลื้น! คลื้น!
สัตว์อสูรมีสัมผัสที่ไวมาก หนวดจำนวนหนึ่งของมันพุ่งออกมาราวกับเถาวัลย์และเข้าหาร่างของเจียงอี้เพื่อที่จะพันรอบตัวของเขา
แส่หาที่ตาย?!
ดาบสั้นสีนวลปรากฏอยู่บนมือของเจียงอี้ เขาพลิกตัวและตวัดดาบไปยังหนวดที่ตรงเข้ามา
ฟับบ!
แต่เจียงอี้ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าหนวดของมันถูกตัดอย่างง่ายดาย เจ้าปีศาจปลาหมึกที่ดูแข็งแกร่งตัวนี้จะมีการป้องกันที่อ่อนแอจริงๆหรือ?
คลื้น! คลื้น!
หนวดที่เหลือของมันเริ่มพุ่งเข้าหาเจียงอี้อีกครั้ง เขาไม่มีเวลาให้วิเคราะห์สถานการณ์มากนักจึงรีบใช้ดาบในมือตวัดเข้าหาหนวดทั้งสองที่พุ่งเข้ามา แต่ผลลัพธ์ก็คล้ายกับก่อนหน้านี้ ดาบสั้นสีนวลสามารถตัดหนวดสองเส้นของปีศาจหมึกได้อย่างง่ายดาย
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
ทันใดนั้นเองเจียงอี้ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นเยียบที่มาปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเขา ในขณะที่หันกลับมาก็ต้องพบว่ามันสายไปแล้ว ส่วนที่เคยเป็นหนวดของปีศาจปลาหมึกที่ถูกเจียงอี้ฟันขาดไปก่อนหน้านี้กลับงอกขึ้นมาใหม่และเข้ามาพันธนาการร่างของเขาพร้อมกับดึงลงไป
เจ้าสัตว์อสูรที่แสนเจ้าเล่ห์ตัวนี้มีความสามารถในการสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่! เจียงอี้ตระหนักได้ว่าหนวดอีกสองเส้นที่เขาเพิ่มตัดไปก็งอกกลับมาแล้ว!
ในตอนนี้ร่างของเขาถูกหนวดของปีศาจปลาหมึกดึงเข้าไปใกล้กับปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวของมัน หากถูกมันกัดแม้แต่ครั้งเดียว ผลที่ตามมาก็ไม่อาจที่จะจินตนาการได้!
ข้าไม่มีทางเลือกแล้ว!
เจียงอี้ไม่ได้ต่อต้านอีกต่อไป เขาแค่แสร้งทำเป็นดิ้นรนและปล่อยให้ตัวเองเข้าไปใกล้กับปากของมัน
สิบเมตร!
ห้าเมตร!
หนึ่งเมตร!
ตอนนี้แหละ! ตายเสียเถอะเจ้าเดรัจฉาน!
เจียงอี้คำรามขณะที่วาดฝ่ามือไปข้างหน้าพร้อมกับใช้ดาบสั้นสีนวลเลื่อยผ่านหนวดของปีศาจปลาหมึก ทันทีที่หนวดถูกตัดขาด เขาก็โคจรแก่นแท้สีดำและน้ำเงินไว้ที่ฝ่ามือก่อนที่จะกระแทกใส่ปากของปีศาจปลาหมึก
ตู้มมมมม!
ในสถานการณ์คอขาดบาดตายเช่นนี้ เจียงอี้ไม่สามารถที่จะเก็บซ่อนความแข็งแกร่งได้อีกต่อไป เขาใช้ออกด้วยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ด้วยพลังทั้งหมดอย่างไม่เก็บงำ
หุบเขาโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ชั้นหินมากมายพังทลายและร่วงหล่นลงมา เนื่องจากเป็นที่แคบทำให้เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในบริเวณนั้นซึ่งส่งผลให้แก้วหูของเจียงอี้ได้รับบาดเจ็บจนมีเลือดไหลออกมา
ปังง!
เจียงอี้เองก็ถูกผลของแรงระเบิดย้อนกลับมาทำร้ายและทำให้บริเวณหน้าอกของเขาได้รับบาดเจ็บ เมื่อได้สติขึ้นมาเขาก็พ่นเลือดออกมากองหนึ่งและรีบหันไปดูปีศาจปลาหมึก
ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ของเจียงอี้ในตอนนี้มีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีของจอมยุทธในขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่หนึ่งหรือสอง ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถฆ่าปีศาจปลาหมึกตัวนี้ได้? ร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เจียงอี้ก็สามารถสัมผัสได้ว่ามันกำลังฟื้นฟูร่างกายด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
นั่นมัน… ไข่มุกสีเขียว?!
เจียงอี้มองเห็นไข่มุกสีเขียวที่อยู่ในร่างของปีศาจปลาหมึก มันเปล่งแสงสีเขียวซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายออกมา เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่วัตถุทั่วไป!
ความสามารถในการงอกอวัยวะใหม่ของเจ้าสัตว์อสูรตนนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับไข่มุกสีเขียวเม็ดนี้เป็นแน่! มันจะต้องเป็นของวิเศษ!
ดวงตาของเจียงอี้ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น เขาเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดทั้งหมดและคว้าดาบสั้นสีนวลพร้อมกับทะยานเข้าหาปีศาจปลาหมึกอย่างไม่คิดชีวิต!