MPE บทที่ 60 ฮัสกี้ขนมอสตัวผู้
เมื่อเหล่านักเรียนเดินทางมาถึงที่หมาย หัวหน้าผู้ฝึกสอนเฉินออกมาต้อนรับด้วยส่งที่ดัง
“ตั้งแต่ที่พวกคุณก้าวขามายังที่นี่ นั่นหลายความว่าพวกคุณได้เซ็นเอกสารยินยอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะไม่มีทางกลับหลังหัน เมื่อการฝึกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หากใครคิดจะกลับบ้านในระหว่างนี้ การฝึกทุกอย่างจะถือว่าสิ้นสุดในทันที”
“พวกเราไม่ต้องการพวกขี้ขลาด!!!”
หัวหน้าเฉินจ้องมองไปที่ทุกคน จากนั้นกล่าวต่อด้วยเสียงเย็น
“ดีมาก!! เอาล่ะต่อไปพวกเราจะแจกนาฬิกาข้อมือให้ทุกคน ข้างในมีระบบ GPS เข็มทิศ และปุ่มขอความช่วยเหลือ แน่นอนยังมีฟังก์ชั่นพื้นฐานตามแบบนาฬิกาทั่วไป ยังไงพวกคุณทั้งหมดก็เป็นเด็กมัธยม คงไม่จำเป็นต้องสอนถึงวิธีการใช้งานของมันสินะ ใครมีข้อสงสัยอะไรอีกมั้ย?”
ทุกคนนิ่งเงียบ
หัวหน้าผู้ฝึกสอนฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ “หุบเขาแห่งนี้ เป็นฐานฝึกภาคสนามที่ได้รับการดูแลจากกองทัพมีไว้ใช้เพื่อฝึกซ้อมรบเสมือนจริง แต่ไม่ต้องกังวลว่าพวกเราจะกวาดล้างพวกสัตว์อสูรทั้งหมดไป พวกมันยังมีอยู่ตามธรรมชาติและที่นี่ไม่มีร่องรอยของสัตว์อสูรชนชั้นนักรบ”
"95%ของสัตว์อสูรที่นี่เป็นสัตว์อสูรชนชั้นสามัญ ส่วนอีก 5% เป็นชนชั้นขุนนาง ภารกิจของพวกคุณคือ เอาชีวิตรอดให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์”
นักเรียนทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาไม่มีทักษะเอาตัวรอดในป่าเลย นี่มันไม่ยากไปหน่อยเหรอ
“มีเซฟเฮ้าส์ตั้งอยู่ในหุบเขาทำด้วยโลหะชนิดพิเศษ มีเพียงแค่สัตว์อสูรสายพันธุ์นักรบขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถทำลายเซฟเฮ้าส์เหล่านี้ได้ สามารถไปหลบซ่อนที่เซฟเฮ้าส์ได้ พวกเราได้เตรียมเสบียงจำนวนหนึ่งเอาไว้ในบ้านพัก พวกมันเพียงพอสำหรับมนุษย์เท่านั้น แต่มันไม่เพียงพอให้เหล่าสัตว์อสูร แน่นอนว่าเสบียงมีจำกัด ดังนั้นพวกคุณสามารถพักผ่อนอย่างสบายใจในตอนกลางคืน หรือคุณจะนอนตอนกลางวันออกล่าตอนกลางคืนได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น พวกคุณต้องเอาชีวิตในรอดจากหุบเขานี้ให้ได้ภายใน7วัน”
หัวหน้าเฉินหยุดพักหนึ่ง ก่อนที่จะบอกใบ้อะไรบางอย่าง “มีหลากหลายวิธีที่จะเอาตัวรอดตลอด7วันนี้ได้ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณแล้วว่าจะเลือกอย่างไร”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่ออย่างขบขัน “ไม่ต้องกังวลไปนะ ทุกคนมีนาฬิกาบอกตำแหน่ง ถ้าหากโชคร้ายถูกสัตว์อสูรจับกิน พวกเราจะหามันให้เจอแล้วแก้แค้นให้พวกคุณเอง ฉะนั้นพวกคุณสามารถไปโลกหน้าอย่างหมดห่วง”
จากนั้นเหล่านักเรียนกับสัตว์อสูร ถูกนำเข้าไปยังหุบเขา เหมือนต้อนลูกเจี๊ยบเข้าไปในเล้าไก่
หลังจากทุกคนเขาไปในหุบเขา ประตูทางเข้าก็ปิดไล่หลังทันที ส่งเสียงดังสนั่นไปทั่ว
นักเรียนหลายคนเริ่มจับกลุ่ม และหารือกันด้วยเสียงเบาๆ พวกเขาต้องการตั้งทีม การอยู่กันหลายๆคนทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น มีหลายคนชักชวนเกาเผิงเขาร่วมทีม แต่เกาเผิงปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด
เกาเผิงตั้งใจจะฝึกทักษะการเอาตัวรอดจากหนังสือที่เขาอ่าน และฝึกการต่อสู้ไปในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจะไม่ตั้งกลุ่มใหญ่เกินไป ยิ่งกลุ่มใหญ่ก็กลายเป็นที่แพ่งเล็งได้ง่าย แล้วยังขัดขวางการฝึกของเขาอีกด้วย
เกาเผิงตั้งใจจะลุยเดี่ยวหรือตั้งกลุ่มสักสอง สามคน ยิ่งมีสมาชิกน้อยก็ยิ่งเคลื่อนไหวได้ไวมากขึ้น
“จอมทำลายล้างเกา ต้องการเพื่องร่วมทีมมั้ย” มู่ไท่ยิง เดินเข้ามา
‘นั่นไงเพื่อนร่วมทีมมาแล้ว’
เกาเผิงตอบรับ
ทั้งสองคนจับคู่กันเดินทางเข้าไปในป่าลึกพร้อมๆกับสัตว์อสูรของพวกเขา
บรรยากาศรอบตัวช่างแตกต่างจากอยู่ในเมืองมาก ในพงไพรนั้นอุดมไปด้วยสัตว์อสูรนานชนิดและของล้ำค่ามากมายอีกด้วย
เกาเผิงหงายหน้าขึ้น เขาสังเกตเห็นบางอย่าง บนกิ่งไม้มีนกกระจอกสีขามอมเทาขนาด 30เซนติเมตรเกาะอยู่ แต่หลังจากที่ถูกเกาเผิงพบตัว มันจึงบินหนีไปด้วยความตกใจ
“นั่นนกกระจอกพิรุณ นกชนิดนี้ชอบอยู่ในพื้นที่ชุ่มชื้น แสดงว่าในละแวกนี้ต้องมีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ๆแน่ๆ นอกจากนี้มันยังไวต่อสายฝน มันจะบินไปยังพื้นที่ที่ฝนตกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเรียกว่านกกระจอกพิรุณไงล่ะ” เกาเผิงเล่าให้มู่ไท่ยิงฟัง
“ใช่แล้ว ฉันจำได้ว่าที่หอพยากรณ์อากาศในเมืองส่วนใหญ่ พวกเขาเลี้ยงเจ้านกกระจอกพิรุณด้วยนะ พวกมันอ่อนแอมากๆแต่มันก็ได้การเคลื่อนที่รวดเร็วมาทดแทน” มู่ไท่ยิงกล่าวเสริม
ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระอย่างเป็นกันเอง โดยเป็นหัวข้อทั่วไปที่เกี่ยวกับพวกทั้งสองคน
วู้ววววว~ ~ ~ ~ ตรงหน้าพวกเขา มีต้นไม้ที่สั่นไหวอยู่ข้างหน้า ฟังจากเสียงเดินแล้ว ขนาดต้องไม่เล็กแน่ๆ
ทันทีที่ได้ยินเสียง ทั้งสองพุ่งเข้าไปหลบที่ข้างล่างของเม็ดบัวทันที ส่วนต้าซื่อตื่นตัวเต็มที่พร้อมโจมตี
สิ่งมีชีวิตสีเขียวพุ่งออกมาจากต้นไม้ ท่ามกลางใบไม้ที่ร่วงโรย มันหยุดตรงข้างหน้ากลุ่มของเขา พวกเขาได้กลิ่นหญ้าแรงๆ เหมือนกับเศษใบไม้ที่ร่วงเต็มพื้นดิน
มันเป็นหมาป่าขนาดใหญ่ ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยแผลเป็นน้อยใหญ่เต็มร่างกาย ดูเหมือนมันจะเชี่ยวชาญในการต่อสู้อีกด้วย
มันสูงถึง 1.8เมตร ขนาดลำตัวยาว 5.5เมตร แค่ขนาดตัวของมันก็เอาชนะพวกเขาได้สบายๆแล้ว
ขนสีเขียวปกคลุมทั่วทั้งตัวซึ่งค่อยๆร่วงไปตามพื้น ขนของมันช่างเหมือนกับมอสหรือตะไคร่น้ำเลย ร่างกายที่ใหญ่โตกำยำให้ความรู้สึกถึงอำนาจส่งมาถึงพวกเขา
“มันเป็นหมาป่าสายพันธุ์ไหนเนี่ย” มู่ไท่ยิงตกใจ เธอไม่เคยอ่านเจอสัตว์อสูรประเภทนี้มาก่อน อาจจะเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์ใหม่ก็ได้
“มันไม่ใช่หมาป่า” เกาเผิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
หน้าต่างปรากฏขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงข้อมูลของสัตว์อสูร
[ชื่อสัตว์อสูร] ฮัสกี้ขนมอสตัวผู้
[เลเวล] 11 (ชนชั้นขุนนาง)
[ระดับ] ปกติ
[คุณสมบัติ] ธาตุไม้
มันเป็นแค่ฮัสกี้ แต่เกาเผิงก็ไม่เข้าใจว่าทำไมข้อมูลที่ออกมาถึงบอกว่ามันเป็นฮัสกี้ตัวผู้ แทนที่จะเป็นฮัสกี้เฉยๆ
แน่นอนว่าความสามารถของเขาไม่เคยโกหก
วู้ววว~ ~ เจ้าฮัสกี้ยังคงเห่าข่มขู่พวกเขา
ฮัสกี้ยังคงเห่าต่อ “วู้วว” เกาเผิงจึงเห่าตอบด้วย “โฮ่งๆ”
เจ้าฮัสกี้จู่ๆก็ชะงักกับการเห่า
วู้วว...โฮ่งๆ มันทำให้ฮัสกี้ขนมอสตัวผู้เกิดความสับสน ‘ทำไมเจ้านี่ถึงส่งเสียงที่แปลกประหลาด’
“แค่ส่งเสียง ‘โฮ่ง’ แค่นี้ก็เบนความสนใจได้ง่ายๆแล้ว” เกาเผิงลอบถอนหายใจ
อาวู้ว โฮ่ง อาวู้วว.. โฮ่ง โฮ่ง โว้วโว้วโว้ว ฮัสกี้ขนมอสตัวผู้ยิ่งได้เห่ามันก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น จากนั้นมันก็เริ่มเห่าต้นไม้ จนลืมจุดประสงค์แรกที่มาจนหมดสิ้น เพราะว่ามันค้นพบเรื่องสนุกแล้ว
เกาเผิงและมู่ไท่ยิงค่อยๆย่องหนีไป
ยังไงมันก็ยังเป็นฮัสกี้ ถึงแม้จะเกิดการกลายพันธุ์แล้วก็เถอะ
มู่ไท่ยิงยังคงงงๆกับสถานการณ์เมื่อกี้ “เจ้าหมาป่านั่น ทำไมมันเห่าเห่าอย่างนั้นล่ะ”
“นั่นไม่ใช่หมาป่า มันคือฮัสกี้ ที่เหมือนหมาป่ามันคงอาศัยอยู่ป่ามาเป็นเวลานานแล้ว”
เกาเผิงรู้สึกแปลกๆ ถ้าไม่มีข้อมูลที่แสดงออกมาให้เขาเห็น เขาคงไม่มีทางรู้เรื่องนี้แน่ๆ สัตว์อสูรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับจริงๆ
ในหุบเขามีขนาดกว้างมาก ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าลึกเป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่เห็นปลายทางเลย
ไม่ใกล้ไม่ไกล พวกเขาเห็นกระท่อมเหล็กพลางด้วยสีเขียว นั่นต้องเป็นเซฟเฮ้าส์แน่ๆ
“ไปดูที่นั่นกันเถอะ พักผ่อนที่เซฟเฮ้าส์สักหน่อยก็คงจะดีนะ” เกาเผิงเดินตรงเข้าไป