ตอนที่แล้วGE379 เจ้าเล่นกับเพลิง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE381 เจตจำนงค์ที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น [ฟรี]

GE380 ทดสอบเพื่อเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ [ฟรี]


หลังจากนางพักเหนื่อยในรอบแรก นางขบฟันไม่ยอม ควบหนิงฝานราวกับขี่ม้าอย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อนางนำพาตนเองไปถึงจุดสูงสุดได้ไม่กี่ครั้ง นางกลับเริ่มไม่ไหว

“เจ้าไปกินโอสถราคะมาหรือไงถึงได้อึดขนาดนี้! ข้า...ไม่ไหวแล้ว ข้าจะไม่ยั่วยุเจ้าอีกแล้ว!” นางที่ด่าทอและกล่าววาจาเย่อหยิ่งกับหนิงฝานมาตลอด ยามนี้กลับขอความเมตตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ร่วมรักกับบุรุษ นางจึงทนไม่ไหว

“ข้าไม่ต้องกินโอสถราคะหรอก...แค่วิชาแปลงหยินหยางของข้าก็เหลือเฟือแล้ว!” หนิงฝานหยอกล้อนางชั่วครู่ก่อนจะหยุดและปล่อยนางไป หลังจากนี้นางคงไม่กล้ายั่วยุเขาอีก

บ่าวรับใช้หลายคนเข้ามาดูแลเซี่ยวเหมิน พวกนางต่างอมยิ้มกับสภาพที่เซี่ยวเหมินประสบ

หนิงฝานพักต่ออีกคืนจึงเดินออกมาจากห้อง ทหารศิลาและลู่ชิงที่เห็นต่างคาดไม่ถึง

ทั่วร่างหนิงฝานมีกลิ่นของเซี่ยวเหมินติดอยู่ ทั้งยังมีกลิ่นของการร่วมรักหลงเหลือ แม้ไม่ถามย่อมรู้ว่าเขาไปทำอะไรมา

“สหายเต๋าซัว… ท่านกับคุณหนูสี่...” ลู่ชิงอ้าปากค้าง

“ถ้าบอกว่าข้ากับนางไม่ได้ทำอะไรกัน...เจ้าจะเชื่อหรือเปล่า?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

“ไม่เชื่อ!”

“อืม...”

หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ปฏิเสธและยอมรับตรงๆ เพราะหลักฐานก็สื่อให้เห็นอย่างชัดเจน

เขาพักมามากพอแล้ว ยามนี่สมควรต้องจัดการสิ่งต่างๆ

ลู่ชิงมอบแผ่นหยกบางอย่างให้หนิงฝาน ภายในนั้นมีข้อความสลักไว้

“หากผ่านการทดสอบของข้า… เจ้าจะได้เป็นผู้อาวโส… หยุน”

ลายมือของผู้ที่สลักนั้นมีนิสัยเย่อหยิ่ง ทั้งยังแฝงด้วยกลิ่นอายว่าตนยังไม่ยอมรับ

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสของวิหารพิรุณ แต่คนผู้นั้นต้องมีเหรียญตราครอบครองด้วย โดยการที่จะได้รับเหรียญตรา ต้องผ่านการทดสอบของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกอย่างน้อย 1 คน

ลั่วจวินเคยกล่าวว่าจะให้เขาเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ แต่ก่อนจะได้เป็นผู้อาวุโสจริงๆนั้น ต้องเดินทางไปเข้ารับการทดสอบที่แคว้นกลางเสียก่อน

หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าตนเองจะได้มีโอกาสเป็นผู้อาวุโสของวิหารพิรุณจริงๆ อีกอย่าง ไม่รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกคนไหนจะเป็นผู้ทดสอบเขา

หนิงฝานยืนอาบแสงตะวัน ผ่อนคลายความคิด ทำให้จิตใจสงบ การร่วมรักกับเซี่ยวนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี แม้นางจะเป็นศัตรู แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูที่จะเข่นฆ่าสังหาร นางเป็นเหมือนเพื่อนเล่นคนหนึ่ง

เขาชอบที่นางเป็นคนไร้เหตุผล มุทะลุ เพราะนิสัยส่วนนั้นของนางน่าขัน

หนิงฝานสอบถามบ่าวรับใช้ของเซี่ยวเหมิน ว่าเหตุใดอาการป่วยของนางถึงหาย บ่าวของนางบอกว่านางได้รับผลึกสีดำก้อนหนึ่ง และใช้มันรักษาจนหาย

ดูเหมือนเป่ยเหยาผู้ที่กล่าวว่าเซี่ยวเหมินเป็นน้อง จะมอบผลึกที่เกิดจากวิชาดาราทมิฬของเขาให้นาง และสุดท้าย มันก็กลับมารักษาตัวเขาเอง

หนิงฝานมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเป่ยเหยา และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเป่ยเซี่ยวเหมิน แม้จะดูไม่เหมาะสม แต่หนิงฝานไม่คิดเช่นนั้น เขาไม่สนใจวิธีการหรือวิถีปฏิบัติ เขาสนใจเพียงความรู้สึก

สตรีของเขาทุกคน ล้วนชอบพอในตัวเขา และเขาก็ชอบพอในตัวพวกนางจากความรู้สึกจริงๆ… โลกของผู้ฝึกตนก็เป็นเช่นนี้

ชีวิตหนิงฝานแขวนอยู่บนความเสี่ยง ทุกย่างก้าวล้วนอันตราย การที่พวกนางยอมมอบกายและใจให้ก็นับเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว

“ผู้ฝึกตนดิ้นรนมีชีวิตรอดกันอย่างยากลำบาก การได้มีชีวิตอยู่นับเป็นโชคอย่างหนึ่ง แต่หากได้รักและใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน แม้จะตายก็ไม่เสียดายชีวิต...”

“การต่อสู้เป็นเรื่องที่น่ากลัว จะอยู่หรือตายนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา สุราและนารีจึงถือเป็นเครื่องผ่อนคลาย”

“ข้าจำได้ว่า บนเกาะเผิงไหลมีขุมกำลังใหญ่ 3 แห่ง… วิหารพิรุณ นิกายกระถางขัดเกลา และวังไผ่ฟ้า… นิกายกระถางขัดเกลาอยู่ใต้อาณัติข้า คนรู้จักของข้าก็อยู่ที่นั่น แต่ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่ที่มาเกาะเผิงไหล ยังไม่เคยไปชมวังไผ่ฟ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องสุราเลยสักครั้ง...ช่างน่าเสียดาย ข้าสมควรไปหาสุราดีๆดื่มสักหน่อย”

หนิงฝานาเดินเท้าออกจากวิหารสาบสูญตรงไปยังวังไผ่ฟ้า ไม่ได้เหยียบย่างนภาเหมือนก่อน แต่เขายังรวดเร็วจนผู้คนมองไม่ทัน

ผู้ที่ผ่านเส้นทางเห็นเพียงเงาวาบผ่าน แม้จะขยี้ตามองดีๆ กลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย ราวกับสิ่งที่คนเหล่านั้นเห็นคือภูติผี

แม้จะก้าวเดินอย่างเชื่องช้า แต่ข้ามผ่านเส้นทางอย่างรวดเร็ว เมืองเต่าทมิฬและวังไผ่ฟ้าอยู่ห่างกันหลายหมื่นลี้ หนิงฝานใช้เวลาราวร้อยลมหายใจเพื่อไปที่นั่น

เมื่อมาถึงรอบนอกของวังไผ่ฟ้า หนิงฝานเห็นผู้คนจัดงานเลี้ยง มีการร่ำสุราภายใน หากมีหยกสวรรค์มากพอก็เข้าร่วมงานได้

หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ ใช้วิชาลับสัมผัสลวงเพื่อจำแลงใบหน้า เขาไม่อยากให้คนที่นี่แตกตื่น เพราะในทะเลส่วนนอกนี้ คนส่วนใหญ่รู้จักหนิงฝาน เขาเปลี่ยนอาภรณ์เป็นอาภรณ์ขาวกระจ่างราวกับบัณฑิต เดินมุ่งไปยังประตูหน้าของวัง แต่กลับมีบุรุษหน้าตาน่ากลัวผู้หนึ่งยื่นแขนขวางไว้

“ช้าก่อน! หากจะเข้าร่วมงานต้องจ่ายหยกสวรรค์ จึงจะได้ป้ายสัญลักษณ์ของวังไผ่ฟ้า… ยิ่งป้ายมีระดับสูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดื่มสุราชั้นยอดได้มากเท่านั้น เพียงแต่เจ้าจะดื่มสุราแต่ละชนิดได้เพียง 1 ครั้ง หากเจ้าอยากดื่มอีก เจ้าก็ต้องจ่ายเพิ่ม”

บุรุษผู้นี้จ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาเหยียดหยาม มันเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น นาม ‘เช่าคัง’ ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอย่างมันแล้ว มันคิดว่าหนิงฝานเป็นเพียงมดปลวก เพราะมันสัมผัสปราณในร่างหนิงฝานไม่ได้ อย่างมากจึงเป็นได้เพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจร

แม้ในแคว้นระดับล่าง ผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรยังไม่ควรค่าให้กล่าวถึง ยิ่งในทะเลไร้สิ้นสุดแห่งนี้ยิ่งมีสถานะที่ต่ำต้อยยิ่งกว่า

“ป้าย? จากที่สหายเต๋ากล่าว ดูเหมือยป้ายวังไผ่ฟ้าจะมีหลายระดับ ไม่ทราบว่ามีระดับไหนราคาเท่าไหร่บ้าง?” หนิงฝานไม่สนใจสายตาของอีกฝ่าย เขาเพียงยิ้มพลางกล่าว

“สหายเต๋า? เจ้าเรียกข้าว่าสหายเต๋าเหรอ?” เช่าคังกล่าวด้วยความไม่พอใจ เหตุใดผู้เยาว์เบื้องหน้าถึงได้ตีตนเสมอมัน มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่ยิ่งใหญ่

แต่โมโหไปก็ไร้ประโยชน์ มันจึงกล่าวตอบหนิงฝาน

“ป้ายเหลือง 1000 หยกสวรรค์ ดื่มสุราระดับ 2 ได้… ป้ายดำ 10,000 หยกสวรรค์ ดื่มสุราระดับ 3 ได้… ป้ายพิภพ 100,000 หยกสวรรค์ ดื่มสุราระดับ 4 ได้… ส่วนป้ายสวรรค์ 1,000,000 หยกสวรรค์ ดื่มสุราระดับ 5 ได้!”

หลังจากบอกกล่าว เช่าคังกลับประหลาดใจในสีหน้าของหนิงฝาน

หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไป เมื่อได้ยินราคาที่สูงลิ่ว พวกมันย่อมแตกตื่น

พันหยกสวรรค์แพงมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ หมื่นหยกสวรรค์แพงมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แสนหยกสวรรค์แพงมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม และล้านหยกสวรรค์แพงมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ

ถึงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำหรือดวงจิตแรกเริ่ม ย่อมตกใจกับราคาที่มันบอก

แต่ผู้เยาว์เบื้องหน้ากลับนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกใดๆ หรือผู้เยาว์ที่ดูบอบบางผู้นี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง

เป็นไปไม่ได้… ผู้เยาว์เบื้องหน้าสมควรเป็นเพียงคนทั่วไปเท่านั้น

ผิวพรรณบอบบางกระจ่างใส ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สมควรเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจร กล้ามาเดินเล่นที่เกาะเผิงไหล่เช่นนี้ ไม่กลัวจะถูกสังหารบ้างหรือ?

หนิงฝานไม่สนใจที่อีกฝ่ายกล่าว เขาหลับตา แผ่สัมผัสเทพปกคลุมรัศมีแสนลี้

สัมผัสเทพของหนิงฝานยกระดับไปตามระดับพลัง ทำให้เขาสัมผัสถึงทุกสิ่งในวังไผ่ฟ้าได้ทั้งหมด

ไม่นานเขาพบกับสิ่งที่เรียกว่าสุราระดับ 5 เป็นสิ่งที่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่ได้ลิ้มรส สุราชนิดนี้ทำมาจากสมุนไพรชั้นเลิศ เป็นสุราที่เลิศรสและโอสถชั้นดี

สุราระดับ 3 และ 4 เป็นสุราสำหรับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำและดวงจิตแรกเริ่ม ช่วยในเรื่องการยกระดับพลัง

ส่วนสุราระดับ 2 เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณและเปิดเส้นชีพจร ช่วยในการยกระดับพลังเช่นกัน

ส่วนสุราระดับ 1 ที่เช่าคงไม่ได้กล่าวถึงนั้น เป็นสุราทั่วไป ไม่ได้หมักขึ้นจากสมุนไพร

หนิงฝานสนใจในสุราระดับ 1 เป็นสุราที่ไม่ได้มีสมุนไพรผสม เพราะเขาแค่อยากดื่ม ไม่ได้อยากยกระดับพลัง

“ข้าขอป้ายเหลือง… นี่หยกสวรรค์ 1,000” หนิงฝานตัดสินใจเลือกป้ายเหลือง หากจะเอาป้ายสวรรค์ก็ดูจะเด่นเกินไป เพราะป้ายระดับนั้นมีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่จ่ายได้

“ย่อมได้” สีหน้าเช่าคงแปรเปลี่ยน มันมองหนิงฝานด้วยสายตาที่ดีขึ้น เพราะอย่างน้อย หยกสวรรค์ระดับนี้ก็ถือว่าแพงสำหรับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมาก

หากไม่มีหยกสวรรค์ก็ไม่ได้ดื่ม แต่การที่ผู้เยาว์จ่ายหยกสวรรค์นับพันเพื่อสุรา ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสในตระกูลสั่งสอนมายังไง ถึงได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้

แต่เมื่อขบคิด มันก็คิดว่าหนิงฝานคงเป็นผู้ที่ง่ายหากจะหลอกเอาหยกสวรรค์

มันชี้ไปยังป้ายเหลืองพลางกล่าว “สหายน้อย… นี่คือป้ายเหลือง ว่าแต่ เจ้าอยากได้คนนำทางไปหาสุราชั้นเลิศหรือเปล่า? ข้าพาเจ้าไปได้นะ!”

“โอ้! สหายเต๋าจะพาขาเที่ยวชมวังไผ่ฟ้างั้นเหรอ? นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้คนนำทางอย่างท่าน!” หนิงฝานรู้ทันความคิดอีกฝ่าย

“ฮ่าฮ่า ไม่ขนาดนั้นหรอก! ข้าแค่รู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าอย่างบอกไม่ถูก ราวกับพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน… แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีหยกสวรรค์มากพอที่จะซื้อป้ายนำเจ้าเที่ยวชม หากเจ้าซื้อป้ายเหลืองให้ข้าสักแผ่น ข้าย่อมพาเจ้าเที่ยวชมได้แน่นอน” เช่าคงกล่าว

“ที่แท้เป็นเช่นนั้น! ย่อมได้! ดื่มคนเดียวไม่เห็นสนุก หากท่านยอมไปร่ำสุราเป็นเพื่อนข้า ข้าจะซื้อป้ายเหลือให้!” หนิงฝานรู้ทันแต่ไม่ได้ใส่ใจกับหยกสวรรค์แค่ 1,000

ในสายตาของเช่าคง มันคิดว่าหนิงฝานหลอกง่าย แต่ในสายตาของหนิงฝาน เช่าคงมีค่าแค่พันหยกสวรรค์

เขามีหยกสวรรค์มากมายจากศัตรูที่สังหารมา หยกสวรรค์แค่นี้ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง

“สหายน้อยจะซื้อให้ข้าจริงๆเหรอ!” แม้มันจะยินดี แต่การที่มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ กลับหลอกผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก

สิ่งที่มันคิดคือ หากพาหนิงฝานไปร่ำสุราชนิดต่างๆจนได้ที่ มันคงหลอกเอาหยกสวรรค์ได้มากกว่านี้

เช่าคงเป็นคนโลภ ต้องการหยกสวรรค์ แต่สิ่งที่ไม่เป็นก็ไม่นับว่าแปลกหรือชั่วร้ายประการใด

“ข้าถามได้หรือเปล่าว่าสหายน้อยชื่ออะไร?” เช่าคงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“หยุนฝาน” หนิงฝานนึกแซ่หยุนขึ้นมาได้ เลยกล่าวตอบไปแบบนั้น

เช่าคงพาหนิงฝานเข้าสู่งาน เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่เห็น ล้วนจ้องมองเช่าคงด้วยสายตาอิจฉา เพราะยังมีคนในลักษณะเดียวกับมันอีกหลายคนที่เฝ้ารอคนที่ง่ายต่อการหลอกลวง

เมื่อหนิงฝานและเช่าคงกำลังจะเข้าไปในงาน สตรีเยาว์วัยในอาภรณ์ฟ้าเดินมาพร้อมกับสตรีที่เป็นผู้ติดตามอีก 12 คน

ผู้ติดตามของพวกนางอยู่ขอบเขตปิดเส้นชีพจร ส่วนพวกนางอยู่ขอบเขตประสานวิญญาณ

เพียงแต่พวกนางไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจริงๆ พวกนางคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่ปกปิดตัวตนมา

หนึ่งในพวกนางถือร่มกระดาษบดบัง เงียบขรึมไม่กล่าวราวกับกำลังกังวลกับบางสิ่ง แต่เมื่อหนิงฝานเดินผ่านพวกนางไป สตรีอีกคนกล่าวกับสตรีที่ถือร่ม

“พี่ ‘ถานไท่’ ดูนั่นสิ ผู้เยาว์เปิดเส้นชีพจรคนนั้นหล่อเหลามาก!”

“ข้าว่านายน้อยคนนั้นไม่ธรรมดา” สตรีที่ถือร่มหุบร่มแล้วยิ้มพลางกล่าว

“ข้าว่าท่านคิดมากไป คนผู้นั้นเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจร… แต่จะว่าไปทำไมเราต้องมาที่นี่… หรือว่าท่านพี่อยากจะร่ำสุรา?”

“เจ้านี่รู้ดีจริงๆ… ใช่ข้าอยากร่ำสุรา ‘ลี่ชู’... หรือเจ้าจะตำหนิข้าเหมือนอาจารย์?”

“ข้าไม่กล้าหรอก...”

สตรีที่ชื่อลี่ชูซื้อป้ายสวรรค์ ส่วนสตรีที่ชื่อถานไท่ซื้อป้ายเหลืองเหมือนกับหนิงฝาน

เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญเห็นลี่ชูซื้อป้ายสวรรค์ ทุกคนต่างไม่กล้าเข้าใกล้พวกนาง เพราะคิดว่าลี่ชูเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ส่วนถานไท่ที่ซื้อป้ายเหลือง ตกเป็นเป้าพูดคุยและหมายตาของผู้เชี่ยวชาญมากมาย

ได้รับเทียบเชิญจากผู้นำวังไผ่ฟ้า เหตุใดต้องอำพรางตัวตน?

เมื่อพวกนางเข้าสู่งาน ชายวัยกลางคนสะพายกระบี่ที่แผ่นหลัง มีแขนข้างเดียว ได้ปรากฏตัวยังนอกวังไผ่สวรรค์ สายตาจับจ้องพวกนางไม่วางตา

“คนของตำหนักม่วงแห่งแดนสวรรค์ใต้มาทำอะไรที่นี่...”

ชายวัยกลางคนไม่ได้สนใจพวกนางมากนัก มันเบนสายตาไปยังอีกคน

ที่มันมาที่นี่ไม่ใช่เพราะสตรีเหล่านั้น แต่มาทดสอบคนผู้หนึ่ง เพื่อยืนยันว่าเหมาะจะเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณหรือไม่

ดาราเทพบนหน้าผากชายผู้นั้นเปล่งประกาย กระบี่ที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังหายไป

มันจำแผ่นหลังของหนิงฝานได้ แม้ไม่เคยพบกันตรงๆ

ข่าวลือว่าหนิงฝานเป็นผู้มีนิสัยโหดเหี้ยม ทำลายขุมกำลังไปหลายแห่ง ร่วมรักกับสตรีนับพัน

ชายวัยกลางคนคิดว่าคนอย่างหนิงฝานไม่เหมาะให้เป็นผู้อาวุโสของวิหารพิรุณ

แต่เมื่อมันได้เห็นหนิงฝานกับตา ข่าวลือทั้งหมดเหล่านั้นเป็นได้เพียงข่าวลวง

ชายวัยกลางคนเคยพบเจอผู้คนมากมาย แค่มองแผ่นหลังก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีนิสัยยังไง

แม้ผู้คนจะปลอมใบหน้าได้ แต่ไม่อาจปลอมแผ่นหลังได้

ชายชราสัมผัสได้ว่าหนิงฝานก็เหมือนกับตน โดดเดี่ยวและเดียวดาย

“ซัวหมิงปลอมตัวเป็นหยุนฝาน เข้าร่วมงานของวังไผ่ฟ้าเพื่อร่ำสุรา… เด็กนี่ช่างน่าสนใจ… แต่ทำไมข้าถึงคุ้นชื่อนี้นัก...”

ชายวัยกลางคนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ มันกำลังนึกถึงบางเรื่องที่สำคัญและมันก็ลืมไป

มันลืมเหตุผลที่มันลงกระบี่สังหารคุณชายสี่แห่งวิหารพิรุณ

นี่คือเหตุผลที่มันตามหามาตลอด… ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหยุนเทียนเฉว!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด