Chapter 169 – Black Market Fourteenth Shopping (4) [22-05-2020]
Chapter 169 – Black Market Fourteenth Shopping (4)
”
ซังจินได้มองไปรอบๆในบริเวณที่เจ้าของร้านได้หายตัวไป
"อะไรนะ...เกิดอะไรขึ้น?"
เบสโกโร่ได้พึมพัมขึ้นมา
'เขา...หายไป?'
ซังจินได้ลุกขึ้นและเริ่มที่จะตรวจสอบบริเวณที่เจ้าของร้านนได้นั่งอยู่ มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยการมีอยู่ของเขาเลย เจ้าของร้านได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซังจินได้กอดอกเอาไว้ในขณะที่จ้องไปในพื้นที่ๆว่างเปล่าที่เจ้าของร้านได้หายไป
"...."
ยังไงก็ตามในขณะที่เขากำลังกอดแขนอยู่ได้มีอะไรบางอย่างมาแตะข้อศอกของเขา มันเป็นขวดยาอิลิกเซอร์ที่ว่างเปล่าซึ่งเขาเพิ่งจะดื่มมันไป ซังจินได้หยิบมันขึ้นมาและตรวจสอบขวดที่ว่างเปล่า เจ้าของร้านได้อำลาเขาราวกับว่าจะไม่เจอกันอย่างถาวรแทนที่จะเป็นแบบชั่วคราว
เมื่อได้พิจารณาถึงลักษณะของเขาที่จะไม่บอกในทุกอย่าง แต่ทุกๆอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ชายคนนี้ก็จะหายตัวไปตลอดการ ฉันได้พูดออกมาราวกับว่าจะโทษเจ้าของร้านค้าลับที่หายตัวไปแล้ว
"แต่แล้วถ้างั้น...ตอนนี้ฉันควรจะไปใช้เหรียญดำของฉันที่ไหน..."
สำหรับในช่วงหลายๆบทที่ผ่านมาเขาได้ใช้เหรียญดำทั้งหมดไปกับการซื้ออิลิเซอร์ แต่ว่าตอนนี้เจ้าของร้านได้หายตัวไปแล้วทำให้เขาไม่สามารถที่จะซื้ออิลิกเซอร์ได้อีก ตอนนี้เขาไม่มีสถานที่ๆจะใช้เหรียญดำอีกแล้ว
"เวร....เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการจนกระทั่งตอนจบเลยสินะ"
ซังจินได้เตะเก้าอี้ที่เจ้าของร้านได้นั่งมาตลอด เบสโกโร่ก็ได้กระซิบหูของเขาหลังจากนั้น
'อย่างน้อยก็ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว'
"คืออะไรล่ะ?"
'นายได้เปลื่ยนเหรียญขาวทั้งหมดของนายไปเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งการล้างบาปแล้ว'
"หืม..."
'ถ้านายไม่ได้ทำอย่างนั้น นายจะไม่สามารถเพิ่มจำนวนพรรคพวกของนายได้'
ซังจินได้มองไปที่เก้าอี้ที่ว่างเปล่าสั้นๆก่อนที่จะพูดออกมา
"...นั่นมันก็จริง"
หลังจากนั้นเขาออกได้ออกไปจากที่นี่ ระหว่างทางกลับไปโรงแรมซังจินก็ได้นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เจ้าของร้านได้บอก
"ฉันได้รับการฝากฝังมา ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันให้สำเร็จแล้วในวันนี้ ดังนั้นฉันก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว"
"นายมีความมุ่งมั่นและตอนนี้นายก็ได้รับพลังแล้ว มันถึงเวลาแล้วสำหรับเรื่องนี้ที่จะจบลง"
"ฉันบอกได้เพียงแค่ว่าข้อกำหนดทั้งหมดได้ถูกพบแล้ว"
สิ่งที่เจ้าของร้านพูดมาทั้งหมดมันเปนเรื่องยากที่จะเข้าใจ แต่ว่าสิ่งที่เขาได้กล่าวออกมา ซังจินได้เข้าใจในเรื่องหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เจ้าของร้นบอกในขณะที่ชี้ไปที่ต่างหูของซังจิน
'เมื่อนายจะต้องเลือกอย่างใดอยย่างหนึ่ง ความจริงจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเสมอ'
ซังจินได้จับหูของเขาไว้
'แต่...ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?'
เขาได้แตะไปที่ต่างหูและพูดขึ้น
"ยกเลิกการสวมใส่"
ครู่หนึ่งอัญมณีสีม่วงที่ฝังอยู่ในต่างหูก็ส่องแสงออกมา ดวงตาที่หลับอยู่ครึ่งหนึ่งภายในอัญมณีกำลังมองย้อนกลับมาที่เขา ในบางมุมมันดูเหมือนกับว่าง่วงนอนและในทางกลับกันมันก็ดูเหมือนจะจ้องเขม็งมาที่เขา
'นี่...ชื่ออะไร?'
ซังจินได้ยกต่างหูขึ้นมา ในไม่ช้าหน้าต่างข้อมูลของโอเปอเรเตอร์ก็ได้ปรากฏขึ้นและเขาก็ได้อ่านชื่อของมันอีกครั้ง
"ไทต์...ดวงตาแห่งเยเรมีย์..."
จากนั้นซังจินก็สงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่จะของร้านได้บอกอย่างนัยๆว่า 'เมื่อนายจะต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง'
'เมื่อไหร่กันจะถึงเวลานั้น? เขาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรง่ายๆ...'
สำหรับตอนนี้ซังจินได้ใส่ต่างหูกลับเข้าไป
"สวมใส่"
หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินไปตามถนนสู่โรงแรม แต่ว่าในระหว่างทางซังจินก็ได้ปิ้งไอเดียขึ้นและหันหน้ามุ่งไปสู่โรงตีเหล็กของคาร์กอส เขาอยากจะรู้ว่างานจากเมื่อวานนี้เป็นยังไง
โรงตีเหล็กของคาร์กอสยังคงสว่างไสวราวกับอยู่ในช่วงกลางวัน เปลวเพลิงของเหล็กที่ถูกร้อนได้ส่องออกมาและมีสะเก็ตไฟกระเด็นออกมาเรื่อยๆจากทั่งและค้อน สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือมีคนแคระหลากหลายคนที่คล้ายกับคาร์กอสที่มารวมตัวกันที่โรงตีเหล็ก
'อ่าา เขาบอกว่าเขากำลังจะเรียกญาติพี่น้องของเขาสินะ? หนึ่ง สอง สาม สี่ ....'
ซังจินได้เลิกที่จะนับเมื่อนับพวกเขาได้เกินเจ็ดคน นี่มันเป็นเพราะพวกเขาทุกคนดูคล้ายคลึงกันมาก พวกเขายังคงจดจ่ออยู่กับงานของตัวเองแม้ว่าซังจินจะเข้ามาใกล้ๆพวกเขา
มันราวกับว่าซังจินกลายเป็นผีที่ไม่มีใครมองเห็น ซังจินได้กอดอกเฝ้าดูพวกเขาทำงานกัน หลังจากนั้นไม่นานคาร์กอสก็ได้เห็นซังจินและยกมือขึ้น
"ว่าไง!"
ซังจินแทบจะจำเขาไม่ได้ เพราะใบหน้าของคาร์กอสได้เต็มไปด้วยเขม่าสีดำโดยสมบูรณ์และหมวดเคราของเขาหลายแห่งได้ถูกเผาทิ้งไป นอกจากนี้เขาก็ยังอยู่รวมๆกันกับฐาติของเขาจนแยกแทบไม่ออก ซังจินได้เข้าใจผิดไปในตอนแรกว่่าเขาเป็นคนอื่น
"อ่า...สวัสดีคาร์กอส"
ซังจินได้เข้าไปหาเขาและถามออกมา
"เป็นยังไงบ้าน? มันไปได้ดีไหม?"
ดวงตาของคาร์กอสได้จางเหมือนกับคนเมา
"ทุกสิ่งทุกอย่างมันไปได้ดีตั้งแต่ที่ลูกพี่ลูกน้องของฉันและฉันได้ใส่จิตวิญญาณลงไปในการสร้างมัน ในตอนนี้ลองดูสิ"
เขาได้ชี้ให้ซังจินมองเข้าไปในเตาหลอม ซังจินได้ลองมองตรงตามไป แต่ว่าการพยายามมองเข้าไปข้างในทำให้ใบหน้าของซังจินต้องถูกเผาด้วยความร้อน แต่ว่าเขาก็ฝืนมองเข้าไปแม้ว่าจะร้อนก็ตามที
มันมีบางอย่างที่คล้ายกับตัวกรองว่าเขาไว้ข้างล่าง แต่สิ่งที่ว่างอยู่ด้านบนของตัวกรองได้ส่องแสงสีฟ้าสดใสออกมา ซังจินได้ตั้งใจมองมันอยู่ประมาณสองถึงสามวินาที
"...หืมมม?"
เมื่อนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่ามันเหมือนกับแสงสว่างที่มีรูปร่างคล้ายกับดวงดาว เขาได้ทนต้องเพลิงที่จะเผาใบหน้าของเขาและถามคาร์กอส
"คาร์กอสอัญมณีนั่น"
"หืม?"
"นายกำลังจะสร้างมันในรูปร่างของดวงดาว?"
"ไม่ ไม่ อัญมณีนั่น...ฉันไม่สามารถจะอธิบายอะไรได้ แต่ว่าฉันไม่สามารถที่จะเปลื่ยนรูปร่างของมันได้ตามที่ฉันต้องการ"
"ถ้าอย่างนั้น?"
"มันได้เลือกรูปร่างด้วยตัวมันเอง"
ซังจินได้ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
"อะไรนะ?"
"ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันในครั้งแรกที่ฉันได้อ่านบันทึกโบราณที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยชั่งตีเหล็ก แต่ว่าในตอนนี้ฉันได้เห็นแล้วว่าตำนานเป็นความจริง มันราวกับว่าอัญมณีนั้น...มันมีรูปร่างนี้เป็นทรงดั้งเดิม"
มันดูเหมือนว่าอัณมณีนี้จะทำมาจากโลหะที่ผสมเข้ามาด้วยรูปแบบต่างๆ แม้อย่างนั้นมันก็ดูเหมือนคาร์กอสก็จะไม่รู้ถึงความเป็นมาของมัน
"...งั้นหรอ?"
ซังจินได้ตอบออกมาก่อนจะพูดต่อไป
"ถ้างั้นฉันขอฝากมันไว้กับนายนะ"
"โอเค เพิ่งแค่เชื่อในตัวฉันก็พอ"
ซังจินได้ลาคาร์กอสจากนั้นก็หันไปและมุ่งหน้ากลับสู่โรงแรม เบสโกโร่ก็ได้พูดขึ้น
'เป็นวัตถุที่น่าสนใจอะไรแบบนี้ อัญมณีที่กลับไปเป็นรูปร่างดวงดาวด้วยตัวของมันเอง ตลอดเวลาหลายปีของข้าในสนามรบ ต่อสู้และเอาชนะข้าศึกไร้ที่อยู่นับไม่ถ้วนทั้งเหนือ ใต้ ตะวันตก ข้าได้รับทองจำและอัญมณีมาเป็นจำนวนมากเป็นรางวัล....แต่ว่าข้าไม่เคยจะเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับอัญมณีเหล่านี้มาก่อนเลย'
คำพูดของเบสโกโร่ได้ทำให้ซังจินส่งเสียงออกมาสั้นๆ
"หืม..."
ความสนใจของเขาได้กลับไปสู่ความฝันที่เขาเพิ่งจะผ่านมา
'ไอเทมรูปร่างดาวที่เอ็ดเวิร์ดได้ใช้...ถ้างั้นนั่นมัน...'
อัญมณีนี้เป็นชิ้นส่วนลับจากบทที่แล้วซึ่งอาเซอร์อ๊าซกำลังค้นหามัน ในขณะที่ซังจินได้รับมันมาจากศพอาเซอร์อาซก็จะปรากฏตัวออกมาจากท้องฟ้าและเรียกร้องมัน ถ้าหากเขาปฏิเสธ เขาก็จะต้องต่อสู้
'นั่นมันหมายความว่า....'
มันหมายความว่าเอ็ดเวิร์ดได้ผ่านการทดสอบของอาเซอร์อ๊าซและนำอัญมณีนี้มาให้คาร์กอสสร้างหลังจากได้รับมันมา
'...ในตอนนั้นเอ็ดเวิร์ดได้ทำอะไร อัญมณีนั้น... ถ้างั้น....'
ความสงสัยนี้ได้ทำให้เกิดข้อสงสัยใหม่ แต่ว่าอัญมณีนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซังจินได้หยุดคิดไปก่อนและหันกลับไปมองที่โรงตีเหล็กของคาร์กอส แสงไฟจากการตีเหล็กสามารถจะมองเห็นได้จากระยะไกล เขาได้จ้องไปที่แสงนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับไปที่โรงแรม
****
'โครกกกกก'
เสียงร้องได้ดังออกมาจากท้องของเขาอย่างชัดเจน ในที่สุดซังจินก็ได้เปิดปากขึ้นมา
"โอเปอเรเตอร์ตอนนี้กี่โมง?"
[ตอนนี้เวลา 13.17 นาฬิกา]
'....สายขนาดนี้แล้วหรอ?'
หลังจากที่เขาได้เดินกลับมาจากโรงตีเหล็กซังจินก็ได้ไปนอนหลับ เขายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย กลับกันเขามั่วแต่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่มังกรทั้งสองพูดทั้งอาเรี่ยน อาเซอร์อ๊าซ อะไรที่เจ้าของร้านค้าลับต้องการจะบอก และความลับในอดีตของเอ็ดเวิร์ด
ชิ้นส่วนปริศนาทั้งหมดนั่นมีอยู่ แต่ว่ามันก็ดูเหมือนจะไม่พอมันเหมือนกับว่ามีชิ้นส่วนของปริศนาที่าหยไป
'สำหรับตอนนี้...หลังจากการจู่โจมครั้งต่อไปสิ้นสุดลง... ฉัยก็ควรจะรู้อะไรมากขึ้นหลังจากที่อัญมณีทำเสร็จแล้ว'ฃ
ในขณะที่ซังจินกำลังคิดถึงเรื่องอื่นๆท้องของเขาก็ร้องขึ้นมาอีกครั้ง
'โครกกกกก'
ซังจินได้ลุกขึ้นมาจากเตียงและบิดขี้เกลียด จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของโอเปอเรเตอร์เมื่อเขาได้เปิดประตูและกำลังเริ่มลงไปข้างล่าง
[ผู้ถูกเลือกได้ร้องขอการเทเลพอตของคุณ]
'ตอนนี้...?'
เมื่อซังจินหันไปมองเขาก็เห็นหน้าของเซรินปรากฏบนลูกบาศก์
'อ่า....ยังมีเรื่องของเซรินอีกด้วยสินะ'
ซังจินได้พูดกับลูกบาศก์
"อ่า...ฉันจะไป เทเลพอตฉันเลย"
ซังจินได้ถูกส่งไปที่ร้านอาหารที่อยู่ในตลาดมืด ภูมิทัศน์นี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้รับการออกแบบมาเป็ฯอย่างดีกับดอกไม้และต้นไม้หลากหลายประเภท นี่มันเป็นครั้งแรกที่ซังจินได้ในสถานที่แบบนี้แม้ว่าเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในตลาดมืดก็ตาม
ซังจินได้คิดว่า 'ว้าว มีที่แบบนี้ด้วยงั้นหรอ' มันเป็นที่น่าแปลกใจที่เซรินได้พบสถานที่แบบนี้ เซรินได้นั่งโต๊ะที่อยู่ในจุดที่ดีที่สุดในร้านอาหารนี้ ซังจินก็ได้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
ปัญหาก็คือบรรยากาศของคนทั้งคู่ค่อนข้างจะหนักหน่วงซึ่งตรงกันข้ามกับสภาพแวดล้อมที่สดใจและสวยงาม แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้กันหรือการปะทะคารมณ์แต่ว่าสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะอึดอัดใจ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งมนุษย์กวางที่มีเขาอยู่บนหัวก็เดินเข้ามาและพูดว่า
"ยินดีต้อนรับสู่Five Emotions ท่านพร้อมที่จะสั่งอะไรหรือไม่?"
เซรินได้ยกมือขึ้นให้กับเขา
"พวกเราจะสั่งหลังจากนี้เดี๋ยวนึง"
"ผมเข้าใจแล้ว ถ้างั้นเชิญเรียกผมได้เมื่อใดก็ตามที่ท่านพร้อม"
มนุษยกวางได้ลาอย่างมีมารยาทและจากนั้นก็หายไปหลังร้าน ความอึดอัดใจได้กลับคืนมา ทั้งคู่ได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
"ฉันได้คิดเกี่ยวกับเมื่อวาน แต่..."
"ฉันได้คิดเกี่ยวกับเมื่อวาน ตะ..."
ทั้งสองคนได้พูดออกมาพร้อมๆกัน แต่จากนั้นก็ได้หยุดและมองกันและกัน วังจินได้ใช้โอกาสนี้พูดก่อนและขอโทษออกมา
"เมื่อวานนี้ ฉันได้คิดเกี่ยวกันมันอยู่...เมื่อเธอได้พบกับเอ็ดเวิร์ด....ฉันควรจะใจเย็นลงไป ยังไงก็ตามเขาก็ดูเหมือนคนที่ดี"
เซรินก็ยังได้ตอบกลับในขณะที่ขอโทษออกมา
"ไม่ มันโอเคโอป้า ตั้งแต่ที่โอปป้าได้ย้อนเวลากลับมา มันก็ควรจะมีอะไรบางอย่างที่คุณได้เห็นมาก่อน... ฉันคิดว่าฉันไม่สามารถจะเข้าใจสิ่งนั้นได้ ถ้าโอปป้าต้องการจะทำอะไรแบบนี้...มันก็จะต้องมีเหตุล"
บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจได้หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อการสนทนาได้เริ่มต้นขึ้น นอกจากนั้นในตอนนี้ท้องของซังจินได้ร้องออกมาอีกครั้ง
'โครกกกกก'
บรรกาศได้ผ่อนคลายลงไปในทันที ซังจินได้ลูบท้องตัวเองในขณะที่พูดออกมา
"ก่อนอื่นก็สั่งอาหารกันก่อนแล้วจากนั้นค่อยคุยกันต่อ ฉันยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลยดังนั้นฉันก็เลยหิวมากๆ"
"อ่า แน่นอน พวกเราพร้อมที่จะสั่งอาหารแล้ว"
มนุษย์กวางก็ได้เข้ามาและรับรายการอาหารไป เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ซังจินก็ได้เริ่มพูดถึงสาระสำคัญของเรื่องนี้
"เอาล่ะ...สิ่งที่ฉันเห็นมันแตกต่างจากที่เธอเห็น แต่ว่า...มันก็เพียงพอแล้วถ้าเราเชื่อใจกันและทำแม้ว่าถ้ามันจะมีสิ่งที่เรารู้และไม่รู้ระหว่างพวกเรา มันก็เหมือนกับฉันและมันก็เหมือนกับเธอ"
มันเป็นสิ่งที่เขาได้คิดเมื่อวานนี้ เซรินได้หยักหน้าในขณะที่เธอพูด
"ใช่ โอปป้า"
หลังจากนั้นซังจินก็ได้นึกไปถึงเอ็ดเวิร์ดอีกครั้ง คนๆนี้เป็นคนที่ดูท่าทางดีเสมอ มันก็ไม่เหตุผลอะไรถ้าหากว่าเซรินจะเข้าใจอะไรผิดไป ในเวลานั้นเซรินก็พูดออกมา
"โอปป้า แต่ว่าสิ่งที่คุณพูดคือ...."
ในความลังเลของเธอนั่นมันหมายความว่ามันมีสิ่งหนึ่งที่เธออยากจะพูด
"หืมม อะไรนะ?"
"ไม่...ไม่มีอะไรค่ะ"
ไม่เหมือนกับเธอตามปกติ เธอได้ส่ายหัวอย่างนุ่มนวล ในเวลานี้มนุษย์กวางก็ได้เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟ
"นี่คือสลัดกับหอยนางรมและน้ำสลัด"