Chapter 168 – Black Market Fourteenth Shopping (3) [20-05-2020]
Chapter 168 – Black Market Fourteenth Shopping (3)
”
"อุฮ่าห์"
บลัดเวเจนได้ถูกร่ายรำในทุกๆครั้งที่อแขนและข้อมือของซังจินเคลื่อนไหว
"เคี๊ยกกกก!"
ศัตรูที่ถูกบลัดเวเจนตัดได้กลายเป็นชิ้นๆในขณะที่กรัดร้องออกมา ซังจินที่ฝันอยู่ได้กอดอกและมองดูตัวของเขาเอง อย่างไรก็ตามการต่อสู้ไม่ได้ดำเนินไปนานนัก
ซังจินผ้ที่กวัดแกว่งดาบก็อาจจะรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ซังจินที่เฝ้าดูอยู่ก็รู้สึกว่ามันชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่เป็นเพราะว่าความเร็วของบลัดเวนเจนตัดศัตรูและการเคลื่อนไหวหลบของซังจินได้ค่อยๆเริ่มช้าลงไปเรื่อยๆ
'เขาเหนื่อยแล้ว...'
ในทางกลับกันมอนสเตอร์ก็ยังคงหลั่งไหลออกมาจากประตูวาปที่ถูกสร้างขึ้นโดยราชาปีศาจ ซังจินได้มองไปทางกองกำลังหลักที่กำลังต่อสู้กับราชาปีศาจ ตามที่อิลลิชได้บอกเพื่อที่จะหยุดประตูวาปจำเป็นจะต้องสร้างบาดแผลขึ้นกับร่างกายของราชาปีศาจ ยังไงก็ตามกองกำลังหลักที่ต่อสู้อยู่ไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้เนื่องจากว่าการโจมตีของราชาปีศาจ
'ดังนั้นนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่สามารถจบมันได้...'
ศัตรูยังคงหลั่งไหลออกมาจากประตูวาปอยู่ ซังจินได้แต่มองย้อนกลับไปโดยที่ไม่สามารถหยุดเอาไว้ได้ในขณะที่ตะโกนออกมา
"เอ็ดเวิร์ค สนับสนุนทางนี้ที!"
เมื่อเขาได้ยินของตัวเอง ซังจินก็ได้คิดขึ้น
'ตอนนี้มันถึงตอนท้ายแล้วสินะ'
ซังจินได้มองไปที่เอ็ดเวิร์ด ยังไงก็ตามร่างกายของเอ็ดเวิร์ดไม่ได้หันไปทางประตูวาป แต่หันไปในทางตรงกันข้าม ทางที่กองกำลังหลักกำลังหลักกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจ
'...เจ้านี่....'
ครู่หนึ่งเอ็ดเวิร์ดก็ได้สูดหายใจลึกในขณะที่เขาเริ่มร่ายเวทย์
"หอกศักดิ์สิทธิ์..."
ในอดีตซังจินเคยคิดว่านั่นเอ็ดเวิร์ดกำลังจะใช้เวทย์เพื่อช่วยเขา ยังไงก็ตามในเวลาเดียวกันนี้เอ็ดเวิร์ดได้ตัดสินใจที่จะเป็นฆาตกรแล้ว
"หอกแห่งการทำลายล้าง หอกของพระเจ้า!"
หอกที่มีพลังงานอย่างไม่น่าเชื่อได้ปรากฏขึ้นมาในมือของเอ็ดเวิร์ดเมื่อร่ายเวทย์เสร็จ เมื่อซังจินเห็นสิ่งนี้เขาก็คิดขึ้น
'เมื่อฉันลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่มาถึงจุดนี้แล้วนี้มันคือจุดเริ่มต้นที่น่าประหลาดใจ เวทย์...ที่เรียกว่าหอกของพระเจ้า'
หอกของพระเจ้าเป็นเวทย์โจมตีระดับสูงที่สุดของเวทย์สีขาว มันไม่ได้ถูกเตรียมเอาไว้จัดการกับพวกตัวลูกน้อง แต่เป็นเวทย์ที่เตรียมเอาไว้สำหรับราชาปีศาจ การใช้สิ่งเหล่านี้กับพวกลูกน้องมันไม่ต่างไปกับการเอามีดฆ่าวัวไปฆ่าไก่ แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ใช้มันแบบนั้น
เอ็ดเวิร์ดไม่ได้มองไปที่ซังจินและโยนหอกไปทางด้านหน้าที่ๆราชาปีศาจกำลังต่อสู้กับอิลลิช อิลลิชได้รับการซุ่มโจมตีจากด้านหลังทำให้เขาต้องร้องออกมาอย่างทรมานในขณะที่ล้มลงไป
"อั๊ก"
ราชาปีศาจที่กำลังปะทะอยู่กับเขาไม่ยอมพลาดโอกาสนี้และตัดคอของอิลลิชในทันที อิลเดอแบรนที่ได้รับการโจมตีของราชาปีศาจพร้อมอิลลิชได้มองไปที่ร่างไร้หัวของอิลลิชด้วยท่าทางตื่นตระหนก
ตั้งแต่เริ่มตนมันเป็นการยากอยู่แล้วที่จะต่อสู้กับราชาปีศาจด้วยพวกเขาสองคน ในตอนนี้อิลลิชได้ตายไปแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกๆความกดดันจะมาอยู่ที่เขา ฮิลเดอแบรนซ์ได้เปิดใช้งานทักษะอย่างเร่งด้วยในทันที
"กำแพงปราสาททั้งสี่"
ยังไงก็ตามในช่วงเวลาหนึ่งเวทย์ของเอ็ดเวิร์ก็ได้ลอยมาและแทงเขา
"หิ่งห้อย"
ไฟสีน้ำเงินได้ลอยมาและเผาเข้าที่ด้านหลังของฮิวเดอแบรทน์
"อั๊ก"
ฮิลเดอแบรนท์ได้ลดการ์ดลงเล็กน้อยจากความเจ็บปวดนี้ เป็นอีกครั้งที่ราชาปีศาจไม่พลาดโอกาสนี้ เขาได้ใช้สารสีดำที่ปกคลุมร่างกายเขาอยู่ให้กลายเป็นดาบและแทงเข้าไปในร่างของฮิวเดอแบรนท์
หลังจากนั้นสสารสีดำก็ได้เปลื่ยนเป็นใบมีดหลายใบและพุ่งออกมาจากร่างฮิวเดอแบรนท์เหมือนกับระเบิด ด้วยแบบนี้ฮิวเดอแบรนท์จึงกลายเป็นรูพรุ่นทั่วร่างและล้มลงไป
"ลบล้าง...."
มุสตาฟาผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังฮิวเดอแบรนท์ได้กำลังจะร่ายเวทย์ระษาแต่แล้วก็ได้ปิดปากลงไปเพราะว่าเขาได้ตระหนักได้ในรวดเร็วว่าฮิวเดอแบรนท์ได้ตายไปแล้ว เขาได้พยายามจะร่ายเวทย์อื่นต่อ แต่ว่าราชาปีศาจไม่ยอมให้เขาทำเช่นกัน
ในตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีแท้งคอยป้องกันเขาแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่ร่างของมุสตาฟาจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นๆในทันที ในระหว่างทั้งหมดนั้นซันซุเกะก็ได้ดึงสายธนูและพูดขึ้น
"สามศรมังกร"
ครู่หนึ่งมังกรสามตัวก็ได้ปรากฏออกมาจากธนูและบินตรงไปหาราชาปีศาจ ยังไงก็ตามราชาปีศาจก็ได้ขยับสสารสีดำและใช้มันสะท้อนกลับไปก่อน ศรทั้งสามได้ถูกส่งกลับมาหาซันซุเกะโดยที่ได้แทงเข้าไปที่ไหล่ซ้าย ต้นขาขวา และหัวใจ
ซันซุเกะได้ล้มลงไปในขณะที่ไอเลือกออกมา ตอนนี้ผู้ที่กำลังป้องกันประตูวาปอยู่ได้มองกลับไป นาดาและอรูวโจ อัมคูบ้าและริวชิน รวมไปถึงซังจิน นักล่าทั้งหมดที่โจมตีประตูวาปในสามจุดที่แตกต่างกัน ได้รู้สึกตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว นักล่าที่อยู่ใกล้กับราชาปีศาจและเอ็ดเวิร์ดได้ตายก่อน ซังจินในความฝันได้แสดงท่าทางที่โง่เขลาในขณะที่เฝ้ามองดูเอ็ดเวิร์ด ในเวลาเดียวกันซังจินก็พึมพัมเงียบๆ
'ทำไม?'
ครู่หนึ่งตัวเขาในอดีตก็ยังถามเอ็ดเวิร์ด
"ทำไมล่ะ?"
ยังไงก็ตามเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้พูดอะไร ซังจินได้เมินตัวเขาในอดีตและจดจ่ออยู่กับการแสดงออกของเอ็ดเวิร์ด มุมปากของเขาได้ยกขึ้นเล็กน้อย ครู่หนึ่งสสารสีดำของราชาปีศาจก็ได้คลุมเอ็ดเวิร์ดและเปลื่ยนเขาให้การเป็นผง ศัตรูที่ออกมาจากประตูวาปก็ได้ลุมแทงซังจินที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว
"ฉึก!"
มันไม่ชัดเจนในสิ่งที่เขาทำหรือไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่น เมื่อได้รู้สึกถึงสถานการณ์ที่สำคัญของผู้เป็นเจ้าของ บลัดเวเจนก็ได้เริ่มร้องออกมาเพียงลำพัง
'ครี๊ดดดดดดดดดด'
******
"อ้าาาา!"
ซังจินได้ลุกขึ้นจากเตียมพร้อมเสียงตะโกน แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์และความฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ซังจินก็อดที่จะตะโกนออกมาไม่ได้ในฉากการตายของตัวเอง
"ฮ่าห์....ฮ่าห์...."
หลังจากสูดหายใจ ซังจินก็ได้ถอดผ้าปิดตาออกและวางมันลงข้างๆ ครู่หนึ่งเหงื่อก็ได้ไหลลงมาจากหน้าผากของซังจิน เขาได้เช็ดมันออกและเปิดโคมไฟขึ้นมา
"คลิ๊ก"
ห้องได้สว่างขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงสวิทไฟ จากนั้นซังจินก็ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง ด้านนอกยังคงมืดอยู่ซังจินจึงได้ถามกับโอเปอเรเตอร์เกี่ยวกับเวลา แต่ก่อนที่จะได้ถามเสียงของโอเปอเรเตอร์ก็ได้ดังขึ้น
[กริ้งงงงงงง ตอนนี้เป็นเวลา 4 นาฬิกา กริ้งงงงงงง]
มันเป็นสัญญาณเตือนที่เขาได้ตั้งเอาไว้เพื่อที่จะไปที่ร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ ซังจินได้มองไปที่ลูกบาศก์อยู่ครึ่งหนึ่ง
'ฉันพึ่งจะนึกขึ้นได้...มันบอกว่าฉันจะต้องนอนเป็นเวลา 7 ชม...สำหรับฉันที่ได้มีความฝันแบบนั้น....มันน่าจะหมายความว่าระยะเวลานั้นถูกต้อง'
"โอเปอเรเตอร์พอได้แล้ว ฉันตื่นแล้ว"
เมื่อปิดเสียงปลุกแล้วซังจินก็ได้ลุกขึ้นจากเตียง หลังจากได้อาบน้ำแบบง่ายๆซังจินก็ออกไปจากโรงแรมและเหมือนอย่างเคยเขาได้สูดอากาศยามเช้าในขณะที่เดินไปร้านมืดยิ่งกว่าสีดำ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าการเดินนั้นค่อนข้างจะแปลก มันอาจจะเป็นเพราะในช่วงสั้นๆก่อนหน้านี้เขาได้แต่ลอยไปมาในอากาศ
'มันดูชัดเจนมาก...แทนที่จะเรียกมันว่าความฝัน....มันควรจะเป็นแบบ...ทบทวนอดีตซะมากกว่า....'
แม้ว่าเขาจะได้รับประสบการณ์ทั้งหมดมาก่อนแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนกับเขาได้เห็นในทุกๆอย่างอีกครั้งในเวลาอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาสามารถไปดูในสิ่งที่เขาไม่เห็นได้อย่างอิสระ
มีอยู่สามสิ่งที่ขาได้เห็นในความฝัยนแล้วทำให้เขารู้สึกประทับใจ อย่างแรกความจริงที่ว่าเอ็ดเวิร์ดได้ครอบครอง 'แหวนของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่' สอง เอ็ดเวิร์ดได้มีอุปกรณ์เสริมรูปดาวซึ่งทำมาจากอัญมณีหายากที่เป็นที่ต้องการของมังกร อย่างที่สามก็คือเขาต้องการที่จะเป็นฆาตกรด้วยความตั้งใจ
ยังไงก็ตามด้วยเหตุนี้เองมันก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะตอบคำถามของซังจินที่ว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงเป็นฆาตกร
'ฉันยังไม่สามารถจะคิดออกได้เพียงแค่ดูมันในวันเดียว....สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เช่นกัน... ฉันจะต้องนอนหลับแบบนี้อีกคืน...'
ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องเหล่านี้ตัวซังจินก็ได้มายืนอยู่ที่ร้านมืดยิ่งกว่าสีดำแล้ว
'อืมม...เพราะว่ามันยังมีพรุ่งนี้อยู่....มาลองดูพรุ่งนี้ดีกว่า'
เมื่อเขาได้เพิ่งจะเข้ามาในร้าน เบสโกโร่ก็พูดขึ้นอย่างฉับพลับ
'หืม?'
ซังจินได้หยุดเดินและถามสั้นๆ
"อะไรเบสโกโร่?"
'แปลก'
มันจะต้องมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นตามที่เบสโกโร่พูดขึ้น มันเป็นเพราะว่าเบสโกโร่ตามปกติจะหวาดระแวงร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำและความลึกลับของเจ้าของร้าน นี้จึงเป็นเหตุให้ทำไมเบสโกโร่ถึงไม่เคยพูดอะไรขึ้นเลยเมื่อมาอยู่ใกล้กับที่นี่ อย่างไรก็ตามในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดปากพูด
"มีอะไรแปลกๆหรอ?"
เบสโกโร่ได้ตอบกลับมา
'ความมืด...มันบางลง'
"คืออะไร? ร้านนี้นะหรอ?"
'ใช่แล้ว'
ตามปกติภายในร้านจะมืดไปจนถึงจุดที่มองไม่เห็นจมูกของตัวเอง นี้เป็นเหตุผลให้ซังจินใส่เบสโกโร่ผู้ที่เกลียดการมาที่นี่เพื่อใช้ทักษะของหมวกวิสัยทัศของวิญญาณ ซังจินได้ถอดเบสโกโร่ออกและมองไปที่ร้านนี้ด้วยตาของตัวเอง
สิ่งที่เบสโกโร่พูดเป็นความจริง ประตูทางเข้ามันยังคงมืดอยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นความมืดแบบในอดีตที่ไม่มีแสงเลยแม้แต่นิด แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงความมืดที่ดูคล้ายกับความมืดที่ปกคลุมร้านอื่นๆ ในขณะที่เข้าเดินเข้าไปภายในร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำซังจินก็พึมพำ
"นี่ล่ะ..."
'เอี๊ยดดดดด'
เหมือนเช่นเคยบันไดไม้เก่าๆได้ส่งเสียงออกมา ในที่สุดเมื่อเข้าไปในร้านนค้าแล้ว ซังจินก็ได้พบกับอีกสิ่งหนึ่งที่เปลื่ยนไป เจ้าของร้านในตอนนี้ได้ยืนอยู่ข้างๆเก้าอี้
ในความจริงถ้าเป็นร้านค้าตามปกติมันจะไม่ได้น่าแปลกเลย แต่ว่าเจ้าของร้านที่นี่ที่มักจะนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับกุมมือตัวเองในขณะรอเขาอยู่เสมอได้ยืนอยู่ซึ่งมันทำให้ซังจินรู้สึกแปลกๆ
เมื่อเขาได้มองเข้าไปใกล้ๆแล้วมันก็ยิ่งแปลกขึ้นไปอีก เจ้าของร้านกำลังยืนนิ่งในขณะที่มองไปในพื้นที่ๆว่างเปล่า ซังจินได้พูดออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
"อะไรนะ... ทำไมนาย...."
เจ้าของร้านได้หันมาตามคำพูดของซังจินและพูดออกมา
"อ่าาา....ว่าแล้วนายต้องมา"
มันราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เจ้าของร้านได้ทำท่าทางเชื้อเชิญไปที่เก้าอี้ในขณะพูดออกมา
"เชิญนั่ง ถึงเวลาทำธุรกิจแล้วใช่ไหม ธุรกิจนะ"
เมื่อซังจินได้นั่งลงเจ้าของร้านก็ได้นั่งในเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา ซังจินได้ส่งหินแสวงหาฆาตกรไปทางเจ้าของร้อนเพียงก้อนเดียวและพูดออกมา
"เติมมัน"
เจ้าของงานได้เก็บเงินและส่งหินกลับคืนไปให้ซังจินเหมือนปกติ
"ใช่สิ นายได้พบกับมังกรตัวอื่นสินะ"
ได้มีอีกคนหนึ่งที่ได้อ่านความทรงจำเขาที่น่ ซังจินได้ส่งลูกบาศก์ออกไปโดยไม่พูดอะไร
"ส่งอิลิกเซอร์มา ฉันต้องการมัน"
"หืม...แน่นอนสิ"
เจ้าของร้านได้หยิบเอาอิลิกเซอร์ออกมาจากเสื้อและส่งมันให้กับซังจินซึ่งได้เริ่มดื่่มมันในทันที ยังไงก็ตามเจ้าของร้านก็ได้พูดต่อไป
"นายได้ทำงานหนักมาจนถึงบัดนี้ ธุรกิจของฉันจะสิ้นสุดลงที่นี่"
"แค่กๆ"
ซังจินที่อยู่ระหว่างดื่มอิลิกเซอร์อยู่ได้ไอออกมาอย่างแปลกใจ
"อะ...อะไรนะ?"
"ฉันเป็นแค่คนที่ถูกฝากฝังมา เมื่อฉันทำหน้าที่สำเร็จแล้วตั้งแต่วันนี้ ฉันก็เลยไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว"
เมื่อซังจินได้เอียงหัวเจ้าของร้านก็ได้พูดต่อออกมา
"อิลิกเซอร์ที่นายพุ่งจะดื่มไปมันเป็นอันสุดท้ายแล้ว ด้วยแบบนี้นายจึงได้ทุกสิ่งที่นายต้องการแล้ว นายมีความมุ่งมั่นอยู่แล้วและตอนนี้นายก็ได้รับพลัง มันถึงเวลาที่เรื่องนี้จะจบลง"
"นายหมายถึงอะไร...."
ในขณะที่ซังจินจ้องมองไปที่เจ้าของร้าน เจ้าของร้านก็คงยังพูดต่อไป
"ฉันบอกได้เพียงแค่ว่าข้อกำหนดทั้งหมดได้รับการตอบสนองแล้ว"
"ข้อกำหนด?"
ขณะที่ซังจินได้ยกคิ้วขึ้นเจ้าของร้านก็พูดต่อไปอย่าวรวดเร็ว
"มีหลายสิ่งที่ฉันอยากจะพูด แต่ฉันไม่สามารถจะพูดได้ทุกอย่าง ถึงแม้ว่าฉันจะดูเป็นแบบนี้ แต่ฉันก็ยังคงมีงานที่ยุ่งอยู่ งานนี้นะ...มันก็เป็นเหมือนกับงานพาทไทน์ของฉัน"
มันดูเหมือนว่าเจ้าของร้านไม่ได้ตั้งใจจะให้ซังจินได้ตอบกลับมา
"ในตอนนี้มันถึงเวลาลากันแล้ว มันสนุกมากที่ได้รู้จักนายในระยะเวลาสั้นๆ วังจิน"
ในตอนท้ายของคำเหล่านี้ร่างกายของเจ้าของร้านก็ได้เริ่มถูกปกคลุมไปด้วยความมืดบางอย่าง ซังจินได้จ้องมองไปที่เจ้าของร้านด้วยความประหลาดใจ แต่ในขณะนั้นเจ้าของร้านก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง
"ในตอนนี้ฉันพึ่งจะคิดเกี่ยวกับมันได้...มันได้มีบางอย่างที่ฉันได้รับมาโดยที่ไม่ต้องจ่ายอะไร ฉันจะต้องให้อะไรแลกเปลื่ยนถ้าฉันได้รับบางอย่างมา..."
ทันใดนั้นเจ้าของร้านก็ยื่นมือออกมาและชี้ไปที่ต่างหูของซังจินที่กำลังสวมใส่อยู่ ในขณะนั้นเขาก็พูดต่อไป
"เมื่อนายจะต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความจริงคือสิ่งที่มีค่าเสมอไป"
ด้วยคำพูดสุดท้านนี้ เจ้าของร้านก็ได้ถูกดูดเข้าไปในความมืดและหายตัวไปจากจุดนั้นราวกับว่าเขาได้สลายหายไปในความมืดโดยรอบ