ตอนที่แล้วChapter 165 – Black Market Fourteenth Shopping [14-05-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 167 – Sungjin’s Dream [18-05-2020]

Chapter 166 – Black Market Fourteenth Shopping (2) [16-05-2020]


Chapter 166 – Black Market Fourteenth Shopping (2)

"นี้ก็คือพิซซ่าหน้าชิคาโก้ที่ท่านสั่งใว้ จะให้ผมวางมันไว้ที่ไหน"

เบลเทรนได้ยกมือขึ้นเพื่อตอบถามของดารูปิน

"ที่นี่"

พิซซ่าหน้าชิคาโก้ได้ถูกราดด้วยเนยแข็งสีเหลืองและชิ้นพริกป่นที่อบู่บนนั้น ฟรานซ์ได้กลืนน้ำลายลงไปเมื่อเห็นมันและพูดออกมา

"โอ้นั่นมันดูน่าอร่อยมากเลยนะ ฉันขอมันสักชิ้นได้ไหม?"

"แน่นอน เอ้านี่"

เบลเทรนได้หยิบเอาพิซซ่าขึ้นมา ชีสมันได้ยืดออกมาอย่างมากจนฟรานซ์ได้พูดออกมาเมื่อเห็นเช่นนี้

"ว๊าว....นี้มันดูยอดมาก!"

ในขณะที่เขาทำแบบนั้น เขาก็ได้มองไปรอบๆโรงแรม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาอาหารเย็นสำหรับสุดยอดนักล่าเคและผู้ถูกเลือก เหมือนเช่นเคยมันเป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ถูกวางไว้บนโต๊ะ แต่ว่าบรรยากาศนั้นแตกต่างไปจากปกติ

สภาพดูเหมือนจะเคร่งขรึมมากกว่าแต่ก่อน แม้กระทั่งในขณะที่พวกเขากินกันคนอื่นก็ไม่ได้พูดมากนัก คนเดียวที่พูดอย่างตื่นเต้นคือฟรานซ์ สาเหตุของบรรยากาศนี้เกิดขึ้นจากเซรินและเค

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในระหว่างการจู่โจมทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว นอกจากนี้แม้ว่าฟรานซ์จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับบรรยากาศที่หนาวเย็นที่ล้อมรอบทั้งคู่ ดังนั้นฟรานซ์จึงเป็นเพียงคนเดียวที่พูดอยู่บนโต๊ะ เบลเทรน และนาดาไม่ได้พูดขึ้นเลยในขณะที่ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของเซรินและเค สว่วนมาฮาเดสตระหนักได้ตั้งแต่แรก

'มีบางอย่างเกิดขึ้นหรอ?'

ฟรานซ์ได้มองไปที่ทั้งคู่ แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถหาคำใบ้ได้ซักนิดเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา อย่างไรก็ตามเขาได้พยายามจะสร้างหัวข้อที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น

"แม้ว่าการจู่โจมนี้จะเป็นไปได้ด้วยความยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ว่าทุกๆคนก็ได้กลับมากันอย่างปลอดภัย เนื่องจากมันดูเหมือนว่าจะเหลืออีกไม่มากแล้วก่อนที่จะจบลง ทุกๆคนต้องรอดให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะกลายเป็นวีรบุรุษของโลก"

เบลเทรนได้มีปฏิกิริยากับคำพูดนี้

"วีรบุรุษ?"

"แน่นอน โอเปอเรเตอร์ได้พูดออกมาเมื่อการจู่โจมจบลงแล้วว่า....มีหกพันคนที่เหลืออยู่? นั่นมันหมายความว่าถ้าหากพวกเราสามารถปลดปล่อยคนที่ถูกขังอยู่ในนรกได้ก็หมายความว่าเราได้กลายเป็นวีรบุรุษหรอกหรือ?"

"หืม...."

เบลเทรนได้หยักหน้าขณะที่เคี้ยวพิซซ่า

"ไม่ใช่แค่เป็นวีรบุรุษธรรมดา พวกเราจะกลายเป็นวีรบุรุษระดับโลกอย่างแน่นอน มันเป็นธรรมดาที่จะได้รับความนิยมทั่วโลก...และเราก็อาจจะได้รับเงินจำนวนมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ"

"เงิน?"

คราวนี้นาดาได้แสดงความสนใจ

"แน่นอน บริษัทต่างๆทั่วโลกจะต้องสนใจเราให้ไปในโฆษณาของพวกเขา เธอไม่คิดแบบนั้นหรอ? ตัวอย่างเช่นบริษัทเกี่ยวกับกีฬา Dike หรือ Idaas ...ไม่แน่เราอาจจะกลายเป็นคนระดับ VVVIP สำหรับธุรกิจทั้งหมด"

นาดาได้วางศอกของเธอลงบนโต๊ะและจับปากของเธอไว้ในขณะที่พูดออกมา

"หืม...นั่นมันฟังดูดีนี่"

"เมื่อการจู่โจมจบลงไปแล้วทุกคนก็อาจจะยุ่งกันมากๆเพราะพวกเราจะต้องถูกเชิญไปทั่วทุกที่บนโลกและอาจจะต้องเตรียมบันทึกชีวประวัติลงไปในหนังสือและขายออกไปเป็นตำนานต่อ"

แม้กระทั่งกับมาฮาเดสที่ฟังอยู่เงียบๆจนถึงตอนนี้ก็ได้พูดอะไรออกมาบ้าง

"ถ้ามันเป็นการเขียนหนังสือฉันก็สนใจ เนื่องจากว่าในทางพุทธศาสนามีการกล่าวกันว่าการเผยแผร่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นหนึ่ในการที่ก่อให้เกิดคุณธรรมมากที่สุด ฉันเชื่อว่าหนังสือที่ดีควรจะถูกเขียนขึ้นได้ถ้าฉันรวมประสบการณ์ที่เขียนจากคำสอนของพระพุทธศาสนา"

ในขณะที่การสนทนาดำเนิกานต่อไป สถานการณ์ก็ได้ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย ความมั่งคั่งและชื่อเสียงสองสิ่งนี้เป็นหัวข้อที่ทุกคนชื่นชอบ

"ถ้าหากมันเกิดขึ้นพวกนายจะทำอะไรกัน? ฉันต้องการที่จะเดินทางไปทั่วโลก ฉันอยากเห็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดในขณะที่กินอาหารที่ยอดเยี่ยม ดูสถานที่ๆยอดเยี่ยมและอยู่ในที่ๆยอดเยี่ยมเหล่านั้น เพราะว่าเราจะได้รับการต้อนรับในทุกๆที่ๆไป...เราอาจจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหาร...พวกเขาจะต้องการให้เราไป"

เบลเทรนนั่นได้มีความฝันที่ต่างออกไป

"เที่ยวหรอ? ฉันไม่ยอมแบบนั้น ถ้าฉันรวยฉันอยากจะซื้อตึกแมนฮัตตันที่ๆสามารถจะมองเห็นเซ็นทรัล ปาร์คได้อย่างชัดเจน ที่นั่นฉันจะดื่มวิสกี้ในขณะที่มองลงมาจากชั้นสูงที่สุด แม้ว่าในอดีตฉันจะสามารถมองเห็นได้จากรถตำรวจก็ตาม"

เบลเทรนได้ยิ้มกว้างออกมาราวกับว่ากำลังมีความสุขไปกับจินตนาการของเขา นาดาก็ดูเหมือนว่าจะมีความสนใจในธุรกิจอสังหริมทรัพย์

"ฉันต้องการที่จะซื้อปราสาทเก่าในฝรั่งเศส หลังจากซื้อมันฉันก็สามารถจะผักผ่อนอย่างราชินีได้ในทุกๆวันหยุด... ไม่สิถ้ามันเปลื่ยนไปแบบนั้นก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานใช่ไหม? อา ใช่แล้ว เมื่อฉันออกจากงาน ฉันอยากจะตบหัวของหัวหน้าของฉันก่อนออกไป จากนั้นก็ปาเช็คใส่หน้าของเขาก่อนจะออกมา ฉันต้องการจะทำแบบนี้มานานแล้ว"

เธอได้ตบไปกลางอากาศที่ว่างเปล่าหลายครั้งในขณะที่พูดออกมา มาฮาเดสก็เช่นกันแม้ว่าเขาจะไม่มีความต้องการเกี่ยวกับสมบัติที่จับต้องได้ใดๆ แต่เขาก็มีบางอย่างที่อยากจะทำ

"ฉันมีแผนสำหรับคนที่นับถือศาสนาพุทธในแคนนาดาเพื่อที่จะสร้างวิหารในโตรอนโต้ แต่ว่ามันได้ล่าช้าไปหลายปีเนื่องจากการขาดเงินทุน ถ้าฉันได้รับเงิน ฉันก็ต้องการที่จะบริจาคให้มัน"

"ประเทศแคนนาดาอาจจะทำให้นายเลยแม้ว่านายจะไม่จ่ายเงินให้เขาแม้แต้บาทเดียว ถ้านายต้องการมัน"

"พวกเขาอาจจะทำให้หรอ?"

"แน่นอน นายเป็นวีรบุรุษที่ช่วยโลกเอาไว้นะ นายคิดว่าพวกเขาจะไม่ตอบแทนอะไรเลยหรอ?"

"หืม...."

ในขณะที่พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆบรรยากาศบนโต๊ะก็ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเซรินและก็เคยังคงเงียบกันอยู่ แม้กระทั่งหลังจากกินอาหารเสร็จแล้วก็ถึงเวลาอาหารว่างพวกเขาก็ยังเงียบต่อไป เห็นได้ชัดเลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งสองคนหรืออาจจะเป็นระหว่างทั้งสองฝ่าย

"ถ้างั้นฉันจะสั่งของหวานละนะ"

เมื่อดารูปินนำปากกาและกระดาษมา เซรินก็ได้ลุกขึ้น

"ฉันขอโทษนะแต่ว่า...การบรรยายสรุปจะเป็นวันพรุ่งนี้ใช่ไหม? ฉันขอกลับก่อนนะ เพราะว่าวันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย...."

ในตอนนี้เมื่อพวกเขามองไปเธอกินอาหารที่สั่งไว้เพียงแค่ครึ่งเด่ียว นักล่าได้ถอยเล็กน้อย แต่ว่าไม่มีใครหยุดเซรินที่บอกว่าเหนื่อยเอาไว้ ตามที่เธอบอกการจู่โจมจะเริ่มขึ้นอีกสองวันต่อจากนี้และวันนี้เป็นวันที่ว่าง

"ถ้างั้นก็ไปล่ะนะ ราตรีสวัสดิ์"

หลังจากลาแล้ว เซรินก็หันหัวของเธอไปทางลูกบาศก์และพูดขึ้น

"โอเปอเรเตอร์ ส่งฉันกลับไปที่มิติของฉัน"

ด้วยคำพูดนี้เธอได้หายตัวไปจากโต๊ะ ในเวลาเดียวกันฟรานซ์ก็เหลือบไปมองเคที่จ้องมองไปที่โต๊ะที่เธอหายไป ฟรานซ์ได้คิดขึ้นมาว่า

'มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่'

*****

"ทุกคนทำได้ดีมาก ตั้งแต่นี้จะเป็นช่วงพักผ่อนจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้พักผ่อนให้สบายนะ"

ซังจินได้กล่าวขึ้นในขณะที่ลุกจากที่นั่ง นักล่าแต่ละคนได้กลับไปที่มิติของตนตามลำดับ

ซังจินได้กลับไปที่ห้องของเขาและปิดประตูลงไป ร่างของเซรินที่ไม่พูดอะไรตลอดทั้งมื้อค่ำได้ติดอยู่ในใจของเขา

'เธอช่วยอยู่ที่นี่สักเดี๋ยวได้มั๊ย?'

เขาต้องการที่จะให้เธออยู่ที่นี่และพูดคุยกับเธอ แต่ว่าเธอบอกว่าเธอเหนื่อยและจากไป ความรู้สึกของซังจินที่มีอยู่ซับซ้อนไป แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ

นี่เป็นเพราะว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ดีเยี่ยมจริงๆ อย่างไรก็ตามกลับกันเขาจะเป็นอันตรายที่มากขึ้นเพราะเหตุนี้ ครั้งนั้นที่นักล่าสิบคนสุดท้ายเข้ากันได้ไม่ดี แต่ทุกคนก็ชอบและไว้ใจเอ็ดเวิร์ด อย่างไรก็ตามในตอนท้ายพวกเขาถูกแทงข้างหลัง การทรยศของเขามีผลกระทบที่มหาศาล

'ฉันจะต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว...'

แม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกรจะบอกแต่ว่ามันก็ไม่มีทางเลือก นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะโน้มน้าวเธอได้ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างมันทำให้เขารู้สึกเศร้า

แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจในทันที แต่เขาก็หวังว่าเธอจะช่วยเขา ซังจินได้นั่งอยู่บนเตียงภายในห้องของเขา หลังจากกินข้าวเย็นแล้วเขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องทำโดยเฉพาะ เขาไม่ได้ไปซื้อของที่ตลาดมืดและไม่มีการจู่โจมในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามซังจินได้นึกถึงคำพูดของมังกรอาเซอร์อาซ

'อ่า ก่อนหน้านี้ในตอนที่ฉันอ่านความทรงจำของนายมีบางสิ่งที่ฉันอยากรู้'

เมื่อนึกไปถึงตอนนั้นซังจินได้เรียกโอเปอเรเตอร์

"โอเปอเรเตอร์"

[กรุณาพูด]

"นั่น....ผ้าปิดตาที่ฉันได้รับในการจู่โจมนี้ มันเป็นแม้ฝันใช่มั๊ย? เอามันออกมาให้ฉันที"

ตามคำขอของซังจินผ้าปิดตาได้ปรากฏขึ้นมาจากลูกบาศก์ ซังจินได้ถือมันขึ้นและตรวจสอบมัน มังกรที่ได้แอบมองอดีตของเขาได้พูดอะไรแปลกๆในขณะที่มอบผ้าปิดตานี่มาให้เขา

'ทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงยิงเวทย์ใส่พวกของเขา?'

มังกรได้พูดต่ออีกว่า

'มีหัวข้อที่แนกำลังคิดถึงเมื่อเร็วๆนี้...ถ้านายสามารถจะรู้อดีตได้แล้วนายจะไม่สามารถทำนายอนาคตได้เลยหรอ? อะไรแบบนั้นนะ ด้วยแบบนี้...ฉันจะให้สิ่งนี้กับนาย'

ซังจินได้ถือไอเทมไว้เหนือหัวในขณะที่เขาดึงหน้าต่างคำอธิบายของโอเปอเรเตอร์ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ่านความสามารถของทักษะใช้งานอีกครั้ง

'แสดงสิ่งที่คุณต้องการเห็นจากภายในช่องว่างระหว่างเวลาที่ลอยผ่าน เปิดใช้งานเฉพาะเมื่อนอนหลับนานเกิน 7 ชั่วโมง'

ซังจินได้ถามกับโอเปอเรเตอร์

"โอเปอเรเตอร์ตอนนี้เป็นเวลากี่โมง?"

[เวลา 19:45:33 น.]

นอกจากนี้เขาจะต้องไปที่ร้านค้าลับในตอนตี 4

'เพราะว่าฉันจะต้องตื่นตอนตี 4 ในกรณีนี้...'

เพื่อที่จะนอนหลับได้นานกว่า 7 ชั่วโมง เขาก็จะต้องนอนตอน 3 ทุ่มเป็นอย่างน้อย เพราะว่าเขาไม่สามารถจะหลับได้ในทันทีที่นอนลงไป เขาได้หลับไปในตอน 20.30 น. ซังจินได้บอกกับโอเปอเรเตอร์

"โอเปอเรเตอร์ตั้งเวลาปลุม 20....20.20 น."

[เข้าใจแล้ว]

*****

[มันเป็นเวลา 20.20 แล้วท่านนักล่า]

ซังจินได้เหลือบมองไปที่ลูกบาศก์ที่เขาได้ตั้งให้ปลุกในกรณีที่เขาลืมเวลา แต่กลับกันเขาได้คิดเกี่ยวกับมันอย่างต่อเนื่องและได้กลายเป็นเต็มไปด้วยความตึงเครียด ซังจินได้จับผ้าปิดตาและนอนมันลงบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ปิดใจที่ถัดไปจากหัวนอน

'ถึงแม้ว่ามันจะมืดเมื่อสวมใส่ผ้าปิดตา...'

หลังจากนั้นเขาก็นอนนิ่งไป แม้ว่ามันจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่มันก็มีน้ำหนักที่เกือบจะทำให้ไม่รู้สึกไม่สบายเมื่อนอนในขณะที่ใส่มันไว้

'หืม....ถ้าฉันหลับลงไปทั้งแบบนี้...มันจะเป็นยังไงฦ'

เขาไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะใช้งานมันยังไง อย่างไรก็ตามมันถูกระบุว่าเป็นทักษะติดตัวดังนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องทำมัน นอกจากนี้เพราะว่ามันได้บอกว่าจะแสดงสิ่งที่ต้องการเห็นจากภายในช่องว่างของเวลาที่ลอยผ่าน อย่างน้อยเขาก็จะต้องคิดในสิ่งที่ต้องการจะเห็น

ซังจินได้คิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเวลาที่เอ็ดเวิร์ดได้ยิงเวทย์ใส่เพื่อนของเขา

'ยังไงก็ตามถึงแม้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้...เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยิงเวทย์ใส่พวกเรา....มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางั้นหรอ?'

ซังจินนั้นมีข้อสงสัย แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะฟังคำพูดของมังกร เขาได้พยายามที่จะหลับไปในขณะที่คิดถึงช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามการที่เขาจะพยายามหลับมันก็ไม่ได้ง่ายเลย

การกินและนอนหลับมันอยู่บนพื้นฐานของวงจรร่างกาย เขาได้ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการใช้ชีวิตเข้านอนตอน 4 ทุ่มและตื่นขึ้นมาตอนตี4 ทันใดนั้นเขาก็เริ่มกังวลขึ้น

'ฉันจะทำยังไงดัถ้าฉันไม่สามารถจะหลับได้?'

ความล้มเหลวนี้มันจะทำให้เสียเวลาไปทั้งวัน เนื่องจากว่าเขาจะนอนหลับไม่ได้ครบเจ็ดชั่วโมง ซังจินได้ถามโอเปอเรเตอร์ในขณะที่หลับตานอน

"โอเปอเรเตอร์มันเป็นเวลากี่โมงแล้ว?"

[เป็นเวลา 20.31.21 น.]

ยังคงมีเวลาเหลืออยู่อีกจำนวนรมาก ซังจินได้พยายามที่จะหลับลงไปอีก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่หลับ

"โอเปอเรเตอร์มันเป็นเวลากี่โมงแล้ว?"

[เป็นเวลา 20.45.02 น.]

เหลืออีก 15 นาที

'ถ้ามันเป็นแบบนี้...'

มันเป็นไอเทมที่เขาได้รับมาหลังจากที่ได้รับความยากลำบากมามากมาย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องดีถ้าเขาไม่พยายามที่จะลองใช้มัน ซังจินได้ตัดสินใจที่จะปิดการปลุกในตอนตี 4 เพื่อที่จะให้เขาหลับได้ในอีก 5 นาที

เขาได้พยายามที่จะนอนหลับอีกครั้งหนึ่งในขณะที่คิดถึงเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็หลับไม่ได้เลย ซังจินได้รู้สึกเหนื่อยและกำลังจะลุกขึ้นพร้อมกับเรียกโอเปอเรเตอร์ เมื่อตอนนั้นเองทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคน

"เฮ้ซังจินมานี่หน่อยสิ"

เมื่อซังจินเงยหน้าขึ้นและมองออกไป อิลลิชก็ได้ทำท่าเรียกเขา อิลลิชผู้ที่ถูกเขาฆ่าไปเมื่อไม่นานมานี้

'เกิดอะไรขึ้น?'

แม้ว่าซังจินจะกำลังคิดแบบนั้น แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มเดินไปหาอิลลิช ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้เข้ามาในความฝันแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด