Chapter 166 – Black Market Fourteenth Shopping (2) [16-05-2020]
Chapter 166 – Black Market Fourteenth Shopping (2)
”
"นี้ก็คือพิซซ่าหน้าชิคาโก้ที่ท่านสั่งใว้ จะให้ผมวางมันไว้ที่ไหน"
เบลเทรนได้ยกมือขึ้นเพื่อตอบถามของดารูปิน
"ที่นี่"
พิซซ่าหน้าชิคาโก้ได้ถูกราดด้วยเนยแข็งสีเหลืองและชิ้นพริกป่นที่อบู่บนนั้น ฟรานซ์ได้กลืนน้ำลายลงไปเมื่อเห็นมันและพูดออกมา
"โอ้นั่นมันดูน่าอร่อยมากเลยนะ ฉันขอมันสักชิ้นได้ไหม?"
"แน่นอน เอ้านี่"
เบลเทรนได้หยิบเอาพิซซ่าขึ้นมา ชีสมันได้ยืดออกมาอย่างมากจนฟรานซ์ได้พูดออกมาเมื่อเห็นเช่นนี้
"ว๊าว....นี้มันดูยอดมาก!"
ในขณะที่เขาทำแบบนั้น เขาก็ได้มองไปรอบๆโรงแรม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาอาหารเย็นสำหรับสุดยอดนักล่าเคและผู้ถูกเลือก เหมือนเช่นเคยมันเป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ถูกวางไว้บนโต๊ะ แต่ว่าบรรยากาศนั้นแตกต่างไปจากปกติ
สภาพดูเหมือนจะเคร่งขรึมมากกว่าแต่ก่อน แม้กระทั่งในขณะที่พวกเขากินกันคนอื่นก็ไม่ได้พูดมากนัก คนเดียวที่พูดอย่างตื่นเต้นคือฟรานซ์ สาเหตุของบรรยากาศนี้เกิดขึ้นจากเซรินและเค
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในระหว่างการจู่โจมทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว นอกจากนี้แม้ว่าฟรานซ์จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับบรรยากาศที่หนาวเย็นที่ล้อมรอบทั้งคู่ ดังนั้นฟรานซ์จึงเป็นเพียงคนเดียวที่พูดอยู่บนโต๊ะ เบลเทรน และนาดาไม่ได้พูดขึ้นเลยในขณะที่ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของเซรินและเค สว่วนมาฮาเดสตระหนักได้ตั้งแต่แรก
'มีบางอย่างเกิดขึ้นหรอ?'
ฟรานซ์ได้มองไปที่ทั้งคู่ แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถหาคำใบ้ได้ซักนิดเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา อย่างไรก็ตามเขาได้พยายามจะสร้างหัวข้อที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น
"แม้ว่าการจู่โจมนี้จะเป็นไปได้ด้วยความยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ว่าทุกๆคนก็ได้กลับมากันอย่างปลอดภัย เนื่องจากมันดูเหมือนว่าจะเหลืออีกไม่มากแล้วก่อนที่จะจบลง ทุกๆคนต้องรอดให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะกลายเป็นวีรบุรุษของโลก"
เบลเทรนได้มีปฏิกิริยากับคำพูดนี้
"วีรบุรุษ?"
"แน่นอน โอเปอเรเตอร์ได้พูดออกมาเมื่อการจู่โจมจบลงแล้วว่า....มีหกพันคนที่เหลืออยู่? นั่นมันหมายความว่าถ้าหากพวกเราสามารถปลดปล่อยคนที่ถูกขังอยู่ในนรกได้ก็หมายความว่าเราได้กลายเป็นวีรบุรุษหรอกหรือ?"
"หืม...."
เบลเทรนได้หยักหน้าขณะที่เคี้ยวพิซซ่า
"ไม่ใช่แค่เป็นวีรบุรุษธรรมดา พวกเราจะกลายเป็นวีรบุรุษระดับโลกอย่างแน่นอน มันเป็นธรรมดาที่จะได้รับความนิยมทั่วโลก...และเราก็อาจจะได้รับเงินจำนวนมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ"
"เงิน?"
คราวนี้นาดาได้แสดงความสนใจ
"แน่นอน บริษัทต่างๆทั่วโลกจะต้องสนใจเราให้ไปในโฆษณาของพวกเขา เธอไม่คิดแบบนั้นหรอ? ตัวอย่างเช่นบริษัทเกี่ยวกับกีฬา Dike หรือ Idaas ...ไม่แน่เราอาจจะกลายเป็นคนระดับ VVVIP สำหรับธุรกิจทั้งหมด"
นาดาได้วางศอกของเธอลงบนโต๊ะและจับปากของเธอไว้ในขณะที่พูดออกมา
"หืม...นั่นมันฟังดูดีนี่"
"เมื่อการจู่โจมจบลงไปแล้วทุกคนก็อาจจะยุ่งกันมากๆเพราะพวกเราจะต้องถูกเชิญไปทั่วทุกที่บนโลกและอาจจะต้องเตรียมบันทึกชีวประวัติลงไปในหนังสือและขายออกไปเป็นตำนานต่อ"
แม้กระทั่งกับมาฮาเดสที่ฟังอยู่เงียบๆจนถึงตอนนี้ก็ได้พูดอะไรออกมาบ้าง
"ถ้ามันเป็นการเขียนหนังสือฉันก็สนใจ เนื่องจากว่าในทางพุทธศาสนามีการกล่าวกันว่าการเผยแผร่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นหนึ่ในการที่ก่อให้เกิดคุณธรรมมากที่สุด ฉันเชื่อว่าหนังสือที่ดีควรจะถูกเขียนขึ้นได้ถ้าฉันรวมประสบการณ์ที่เขียนจากคำสอนของพระพุทธศาสนา"
ในขณะที่การสนทนาดำเนิกานต่อไป สถานการณ์ก็ได้ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย ความมั่งคั่งและชื่อเสียงสองสิ่งนี้เป็นหัวข้อที่ทุกคนชื่นชอบ
"ถ้าหากมันเกิดขึ้นพวกนายจะทำอะไรกัน? ฉันต้องการที่จะเดินทางไปทั่วโลก ฉันอยากเห็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดในขณะที่กินอาหารที่ยอดเยี่ยม ดูสถานที่ๆยอดเยี่ยมและอยู่ในที่ๆยอดเยี่ยมเหล่านั้น เพราะว่าเราจะได้รับการต้อนรับในทุกๆที่ๆไป...เราอาจจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหาร...พวกเขาจะต้องการให้เราไป"
เบลเทรนนั่นได้มีความฝันที่ต่างออกไป
"เที่ยวหรอ? ฉันไม่ยอมแบบนั้น ถ้าฉันรวยฉันอยากจะซื้อตึกแมนฮัตตันที่ๆสามารถจะมองเห็นเซ็นทรัล ปาร์คได้อย่างชัดเจน ที่นั่นฉันจะดื่มวิสกี้ในขณะที่มองลงมาจากชั้นสูงที่สุด แม้ว่าในอดีตฉันจะสามารถมองเห็นได้จากรถตำรวจก็ตาม"
เบลเทรนได้ยิ้มกว้างออกมาราวกับว่ากำลังมีความสุขไปกับจินตนาการของเขา นาดาก็ดูเหมือนว่าจะมีความสนใจในธุรกิจอสังหริมทรัพย์
"ฉันต้องการที่จะซื้อปราสาทเก่าในฝรั่งเศส หลังจากซื้อมันฉันก็สามารถจะผักผ่อนอย่างราชินีได้ในทุกๆวันหยุด... ไม่สิถ้ามันเปลื่ยนไปแบบนั้นก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานใช่ไหม? อา ใช่แล้ว เมื่อฉันออกจากงาน ฉันอยากจะตบหัวของหัวหน้าของฉันก่อนออกไป จากนั้นก็ปาเช็คใส่หน้าของเขาก่อนจะออกมา ฉันต้องการจะทำแบบนี้มานานแล้ว"
เธอได้ตบไปกลางอากาศที่ว่างเปล่าหลายครั้งในขณะที่พูดออกมา มาฮาเดสก็เช่นกันแม้ว่าเขาจะไม่มีความต้องการเกี่ยวกับสมบัติที่จับต้องได้ใดๆ แต่เขาก็มีบางอย่างที่อยากจะทำ
"ฉันมีแผนสำหรับคนที่นับถือศาสนาพุทธในแคนนาดาเพื่อที่จะสร้างวิหารในโตรอนโต้ แต่ว่ามันได้ล่าช้าไปหลายปีเนื่องจากการขาดเงินทุน ถ้าฉันได้รับเงิน ฉันก็ต้องการที่จะบริจาคให้มัน"
"ประเทศแคนนาดาอาจจะทำให้นายเลยแม้ว่านายจะไม่จ่ายเงินให้เขาแม้แต้บาทเดียว ถ้านายต้องการมัน"
"พวกเขาอาจจะทำให้หรอ?"
"แน่นอน นายเป็นวีรบุรุษที่ช่วยโลกเอาไว้นะ นายคิดว่าพวกเขาจะไม่ตอบแทนอะไรเลยหรอ?"
"หืม...."
ในขณะที่พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆบรรยากาศบนโต๊ะก็ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเซรินและก็เคยังคงเงียบกันอยู่ แม้กระทั่งหลังจากกินอาหารเสร็จแล้วก็ถึงเวลาอาหารว่างพวกเขาก็ยังเงียบต่อไป เห็นได้ชัดเลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งสองคนหรืออาจจะเป็นระหว่างทั้งสองฝ่าย
"ถ้างั้นฉันจะสั่งของหวานละนะ"
เมื่อดารูปินนำปากกาและกระดาษมา เซรินก็ได้ลุกขึ้น
"ฉันขอโทษนะแต่ว่า...การบรรยายสรุปจะเป็นวันพรุ่งนี้ใช่ไหม? ฉันขอกลับก่อนนะ เพราะว่าวันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย...."
ในตอนนี้เมื่อพวกเขามองไปเธอกินอาหารที่สั่งไว้เพียงแค่ครึ่งเด่ียว นักล่าได้ถอยเล็กน้อย แต่ว่าไม่มีใครหยุดเซรินที่บอกว่าเหนื่อยเอาไว้ ตามที่เธอบอกการจู่โจมจะเริ่มขึ้นอีกสองวันต่อจากนี้และวันนี้เป็นวันที่ว่าง
"ถ้างั้นก็ไปล่ะนะ ราตรีสวัสดิ์"
หลังจากลาแล้ว เซรินก็หันหัวของเธอไปทางลูกบาศก์และพูดขึ้น
"โอเปอเรเตอร์ ส่งฉันกลับไปที่มิติของฉัน"
ด้วยคำพูดนี้เธอได้หายตัวไปจากโต๊ะ ในเวลาเดียวกันฟรานซ์ก็เหลือบไปมองเคที่จ้องมองไปที่โต๊ะที่เธอหายไป ฟรานซ์ได้คิดขึ้นมาว่า
'มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่'
*****
"ทุกคนทำได้ดีมาก ตั้งแต่นี้จะเป็นช่วงพักผ่อนจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้พักผ่อนให้สบายนะ"
ซังจินได้กล่าวขึ้นในขณะที่ลุกจากที่นั่ง นักล่าแต่ละคนได้กลับไปที่มิติของตนตามลำดับ
ซังจินได้กลับไปที่ห้องของเขาและปิดประตูลงไป ร่างของเซรินที่ไม่พูดอะไรตลอดทั้งมื้อค่ำได้ติดอยู่ในใจของเขา
'เธอช่วยอยู่ที่นี่สักเดี๋ยวได้มั๊ย?'
เขาต้องการที่จะให้เธออยู่ที่นี่และพูดคุยกับเธอ แต่ว่าเธอบอกว่าเธอเหนื่อยและจากไป ความรู้สึกของซังจินที่มีอยู่ซับซ้อนไป แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ
นี่เป็นเพราะว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ดีเยี่ยมจริงๆ อย่างไรก็ตามกลับกันเขาจะเป็นอันตรายที่มากขึ้นเพราะเหตุนี้ ครั้งนั้นที่นักล่าสิบคนสุดท้ายเข้ากันได้ไม่ดี แต่ทุกคนก็ชอบและไว้ใจเอ็ดเวิร์ด อย่างไรก็ตามในตอนท้ายพวกเขาถูกแทงข้างหลัง การทรยศของเขามีผลกระทบที่มหาศาล
'ฉันจะต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว...'
แม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกรจะบอกแต่ว่ามันก็ไม่มีทางเลือก นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะโน้มน้าวเธอได้ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างมันทำให้เขารู้สึกเศร้า
แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจในทันที แต่เขาก็หวังว่าเธอจะช่วยเขา ซังจินได้นั่งอยู่บนเตียงภายในห้องของเขา หลังจากกินข้าวเย็นแล้วเขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องทำโดยเฉพาะ เขาไม่ได้ไปซื้อของที่ตลาดมืดและไม่มีการจู่โจมในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามซังจินได้นึกถึงคำพูดของมังกรอาเซอร์อาซ
'อ่า ก่อนหน้านี้ในตอนที่ฉันอ่านความทรงจำของนายมีบางสิ่งที่ฉันอยากรู้'
เมื่อนึกไปถึงตอนนั้นซังจินได้เรียกโอเปอเรเตอร์
"โอเปอเรเตอร์"
[กรุณาพูด]
"นั่น....ผ้าปิดตาที่ฉันได้รับในการจู่โจมนี้ มันเป็นแม้ฝันใช่มั๊ย? เอามันออกมาให้ฉันที"
ตามคำขอของซังจินผ้าปิดตาได้ปรากฏขึ้นมาจากลูกบาศก์ ซังจินได้ถือมันขึ้นและตรวจสอบมัน มังกรที่ได้แอบมองอดีตของเขาได้พูดอะไรแปลกๆในขณะที่มอบผ้าปิดตานี่มาให้เขา
'ทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงยิงเวทย์ใส่พวกของเขา?'
มังกรได้พูดต่ออีกว่า
'มีหัวข้อที่แนกำลังคิดถึงเมื่อเร็วๆนี้...ถ้านายสามารถจะรู้อดีตได้แล้วนายจะไม่สามารถทำนายอนาคตได้เลยหรอ? อะไรแบบนั้นนะ ด้วยแบบนี้...ฉันจะให้สิ่งนี้กับนาย'
ซังจินได้ถือไอเทมไว้เหนือหัวในขณะที่เขาดึงหน้าต่างคำอธิบายของโอเปอเรเตอร์ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ่านความสามารถของทักษะใช้งานอีกครั้ง
'แสดงสิ่งที่คุณต้องการเห็นจากภายในช่องว่างระหว่างเวลาที่ลอยผ่าน เปิดใช้งานเฉพาะเมื่อนอนหลับนานเกิน 7 ชั่วโมง'
ซังจินได้ถามกับโอเปอเรเตอร์
"โอเปอเรเตอร์ตอนนี้เป็นเวลากี่โมง?"
[เวลา 19:45:33 น.]
นอกจากนี้เขาจะต้องไปที่ร้านค้าลับในตอนตี 4
'เพราะว่าฉันจะต้องตื่นตอนตี 4 ในกรณีนี้...'
เพื่อที่จะนอนหลับได้นานกว่า 7 ชั่วโมง เขาก็จะต้องนอนตอน 3 ทุ่มเป็นอย่างน้อย เพราะว่าเขาไม่สามารถจะหลับได้ในทันทีที่นอนลงไป เขาได้หลับไปในตอน 20.30 น. ซังจินได้บอกกับโอเปอเรเตอร์
"โอเปอเรเตอร์ตั้งเวลาปลุม 20....20.20 น."
[เข้าใจแล้ว]
*****
[มันเป็นเวลา 20.20 แล้วท่านนักล่า]
ซังจินได้เหลือบมองไปที่ลูกบาศก์ที่เขาได้ตั้งให้ปลุกในกรณีที่เขาลืมเวลา แต่กลับกันเขาได้คิดเกี่ยวกับมันอย่างต่อเนื่องและได้กลายเป็นเต็มไปด้วยความตึงเครียด ซังจินได้จับผ้าปิดตาและนอนมันลงบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ปิดใจที่ถัดไปจากหัวนอน
'ถึงแม้ว่ามันจะมืดเมื่อสวมใส่ผ้าปิดตา...'
หลังจากนั้นเขาก็นอนนิ่งไป แม้ว่ามันจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่มันก็มีน้ำหนักที่เกือบจะทำให้ไม่รู้สึกไม่สบายเมื่อนอนในขณะที่ใส่มันไว้
'หืม....ถ้าฉันหลับลงไปทั้งแบบนี้...มันจะเป็นยังไงฦ'
เขาไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะใช้งานมันยังไง อย่างไรก็ตามมันถูกระบุว่าเป็นทักษะติดตัวดังนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องทำมัน นอกจากนี้เพราะว่ามันได้บอกว่าจะแสดงสิ่งที่ต้องการเห็นจากภายในช่องว่างของเวลาที่ลอยผ่าน อย่างน้อยเขาก็จะต้องคิดในสิ่งที่ต้องการจะเห็น
ซังจินได้คิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเวลาที่เอ็ดเวิร์ดได้ยิงเวทย์ใส่เพื่อนของเขา
'ยังไงก็ตามถึงแม้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้...เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยิงเวทย์ใส่พวกเรา....มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางั้นหรอ?'
ซังจินนั้นมีข้อสงสัย แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะฟังคำพูดของมังกร เขาได้พยายามที่จะหลับไปในขณะที่คิดถึงช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามการที่เขาจะพยายามหลับมันก็ไม่ได้ง่ายเลย
การกินและนอนหลับมันอยู่บนพื้นฐานของวงจรร่างกาย เขาได้ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการใช้ชีวิตเข้านอนตอน 4 ทุ่มและตื่นขึ้นมาตอนตี4 ทันใดนั้นเขาก็เริ่มกังวลขึ้น
'ฉันจะทำยังไงดัถ้าฉันไม่สามารถจะหลับได้?'
ความล้มเหลวนี้มันจะทำให้เสียเวลาไปทั้งวัน เนื่องจากว่าเขาจะนอนหลับไม่ได้ครบเจ็ดชั่วโมง ซังจินได้ถามโอเปอเรเตอร์ในขณะที่หลับตานอน
"โอเปอเรเตอร์มันเป็นเวลากี่โมงแล้ว?"
[เป็นเวลา 20.31.21 น.]
ยังคงมีเวลาเหลืออยู่อีกจำนวนรมาก ซังจินได้พยายามที่จะหลับลงไปอีก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่หลับ
"โอเปอเรเตอร์มันเป็นเวลากี่โมงแล้ว?"
[เป็นเวลา 20.45.02 น.]
เหลืออีก 15 นาที
'ถ้ามันเป็นแบบนี้...'
มันเป็นไอเทมที่เขาได้รับมาหลังจากที่ได้รับความยากลำบากมามากมาย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องดีถ้าเขาไม่พยายามที่จะลองใช้มัน ซังจินได้ตัดสินใจที่จะปิดการปลุกในตอนตี 4 เพื่อที่จะให้เขาหลับได้ในอีก 5 นาที
เขาได้พยายามที่จะนอนหลับอีกครั้งหนึ่งในขณะที่คิดถึงเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็หลับไม่ได้เลย ซังจินได้รู้สึกเหนื่อยและกำลังจะลุกขึ้นพร้อมกับเรียกโอเปอเรเตอร์ เมื่อตอนนั้นเองทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคน
"เฮ้ซังจินมานี่หน่อยสิ"
เมื่อซังจินเงยหน้าขึ้นและมองออกไป อิลลิชก็ได้ทำท่าเรียกเขา อิลลิชผู้ที่ถูกเขาฆ่าไปเมื่อไม่นานมานี้
'เกิดอะไรขึ้น?'
แม้ว่าซังจินจะกำลังคิดแบบนั้น แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มเดินไปหาอิลลิช ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้เข้ามาในความฝันแล้ว