ตอนที่แล้วGE377 หากทำร้ายข้าได้ เจ้าชนะ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE379 เจ้าเล่นกับเพลิง [ฟรี]

GE378 ซัว...หมิง [ฟรี]


ซีเหมินเย่สัมผัสรอยแผลที่ลำคอ แววตาเผยเจตนาสังหาร

เจตนาสังหารของมันพุ่งทะยาน แววตาแปรเปลี่ยนบ้าคลั่ง มันทะนงตนว่าตัวมันคือผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังไร้ผู้ต้าน แต่เมื่อถูกหนิงฝานทำร้าย มันจึงคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

ซีเหมินเย่เริ่มสงบใจ ชุดคลุมดำพลิ้วไหว แววตาสงบนิ่งมั่นคงไม่หวั่นไหว

หนิงฝานรู้ว่าซีเหมินเย่จะไม่ยอมปล่อยเขาไป มันจะสังหารเขาให้ได้

“เจ้าแข็งแกร่งมาก หากเจ้าเกิดเร็วกว่านี้สักพันปี ป่านนี้เจ้าคงบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก… แต่ตอนนี้ ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า อาการบาดเจ็บขนาดนั้น เจ้าไม่มีทาง...”

“ข้าไม่คิดแบบนั้น” หนิงฝานโคจรวิชาดาราทมิฬอย่างลับๆ แสงดาราทมิฬหมุนวนรอบกาย

หากดวงดาราไม่ปรากฏ ซีเหมินก็คงไม่รู้ว่าเขาใช้วิชาดาราทมิฬรักษาตัว

แต่ถึงอย่างนั้น มันยังสัมผัสได้ถึงพลังดาราที่หมุนวนรอบกายหนิงฝาน โดยที่อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญยังคล้ายกับวิชาดารารักษามาก

“เจ้าเก่งกาจ มีวิชาที่ทรงพลัง ดังนั้นข้าจะสู้กับเจ้าเต็มกำลัง หากเจ้ารอดไปจากที่นี่ได้ ข้ารับปากว่าเซียวเหมินจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าแพ้...เจ้าตาย!”

ซีเหมินเย่ไม่กล่าวให้มากความ ดวงตาของมันเปล่งประกาย ยามกลางวันในมิติแห่งนี้กลายเป็นยามราตรี

แสงตะวันลับขอบฟ้า รอบข้างมือสนิท เงาร่างของซีเหมินเย่ค่อยๆเลือนหายไป

มันครอบครองดารา นามว่า ‘ดารารัตติกาล’ ทำให้สามารถควบคุมรัตติกาลได้

ดังนั้นหากมันได้อยู่ในรัตติกาล มันจะสามารถกลบเกลื่อนกลิ่นอายของตนได้ เป็นความสามารถที่เหมาะกับการลอบสังหาร

ปราณกระบี่สีดำทมิฬกรีดเฉือนผ่านท้องนภา ตรงเข้าหาหนิงฝานอย่างเงียบงัน

หนิงฝานใช้กระบี่ในมือปัดป้อง ดวงตาซ้ายเปล่งแสงสีม่วงราวกับมองเห็นทุกสิ่งรอบกาย และมองเห็นตำแหน่งของซีเหมินเย่

ปราณปีศาจปะทุ ถ่ายเข้าสู่กระบี่มังกรโลหิต ทำให้มันเปล่งแสงสีแดงโลหิตที่น่าสะพรึงกลัว ส่องประกายในยามราตรี

ปลายกระบี่จ่อชี้ไปยังซีเหมินเย่ ตวัดกระบี่ฟาดฟัน ปราณกระบี่ที่ทรงพลังมุ่งตรงเข้าหา เสียงมังกรคำรามสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งมิติ

ปรารกระบี่ที่ตรงเข้าหาซีเหมินเย่เพิ่มจำนวนจากหนึ่งไปสิบ จากสิบเป็นร้อย เพิ่มพูนเป็นเท่าทวีกระทั่งถึงล้าน มิติสั่นสะเทือน ถูกปราณกระบี่กรีดเฉือนจนเป็นรอย ความมืดถูกอาบย้อมด้วยแสงสว่าง ซีเหมินเย่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดปรากฏกาย

*อั๊ค!*

ซีเหมินเย่กระอักโลหิต ร่างถูกกระแทกถอยไปนับร้อยก้าว ผมเผ้ายุ่งเหยิง มันต้านรับกระบี่หนิงฝานไม่ได้!

เมื่อครู่ในขณะที่มันซ่อนตัวอยู่ภายในความมืด มันกระตุ้นดาราเทพอีกดวง มีนามว่า ‘ดาราเจ็ดเสียง’ เพียงแต่การเตรียมการต้องใช้เวลา

และยามนี้ เริ่มมีแสงประหลาดราวกับเสียงดนตรีโบราณดังออกมาจากตัวมัน และเสียงนั้นทำให้ปราณกระบี่ของหนิงฝานแตกสลาย

หนิงฝานตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เร่งถอยห่างซีเหมินเย่อย่างรวดเร็ว

แต่ในขณะที่เขาถอยนั้น มันกลับกล่าวขึ้น “เสียงที่ 1 แห่งเสียงทั้ง 7… เสียงแห่งธาตุทั้ง 5!”

ทันทีที่สิ้นคำกล่าว เสียงของมันสะท้อนก้อง เปลวเพลิงทมิฬลุกโหม หิมะร่วงโรย อัสนีฟาดผ่า พายุหมุนทรงพลัง ฝุ่นทรายกัดกระหน่ำ

“วิชาระดับไร้แบ่งแยก!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา วิชาเสียงของอีกฝ่ายคือการควบคุมธาตุทั้ง 5 เป็นวิชาที่ทรงพลังยากจะหาใครต้านรับ

เสียงที่ดังสะท้อนของซีเหมินเย่ทรงพลังและมองไม่เห็น ยากจะหาทางต้านรับ

มันเงยหน้าเปล่งเสียงอย่างต่อเนื่อง แม้หนิงฝานจะพยายามหยิบยืมพลังจากพิภพเพื่อทำลายวิชาอีกฝ่าย แต่คลื่นเสียงกลับหักล้างและทำลายพลังก่อนที่จะผสานเข้ากับร่างหนิงฝาน

หากจะต้านรับวิชาของมัน ต้องใช้สิ่งที่เหนือกว่าธาตุทั้ง 5

หนิงฝานสงบใจ แววตาสงบนิ่งและลุ่มลึกราวกับดาราจักร

เขามีวิชาที่ทรงพลังพอจะสยบธาตุทั้ง 5 ได้ไม่มาก

“มังกรไม้คือวายุ มังกรพิภพคือพิภพ มังกรอัสนีคือโลหะ  มังกรเพลิงคือเพลิง มังกรวารีคือวารี”

“ห้ามังกรตาย... มังกรทมิฬอยู่… ธาตุทั้ง 5 ตาย... คงอยู่ในสุสาน...”

หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง ใช้วิชาลับกระตุ้นปีกฟู่ลี่

เมื่อร่ายเคล็ดความเสร็จ เหนือศีรษะหนิงฝานปรากฏศิลา 5 ก้อนสูงใหญ่พันจ้าง  ศิลาแต่ละก้อนแฝงไปด้วยพลังแห่งธาตุ

ซีเหมินเย่ตกตะลึง การปรากฏขึ้นของศิลา 5 ธาตุ หักล้างวิชาเสียงของมัน

“วิชาป้ายหลุมศพมังกรสมุทร! วิชาของตระกูลมังกรทมิฬที่หายสาบสูญ! ทำไมเจ้าถึงได้ครอบครองมัน!”

ซีเหมินเย่เร่งร่ายเคล็ดความ ใช้วิชาเสียงที่ 2 ทันที

“เสียงที่ 2 แห่งเสียงทั้ง 7… เสียงแห่งสี่อสูร”

เสียงแห่งสี่อสูร เสียงแห่งมังกรคราม พยัคฆ์ขาว หงส์เพลิง และเต่าทมิฬ

คลื่นเสียงก่อตัวเป็นรูปร่างมังกร ทะยานตรงเข้าหาศิลาทั้ง 5 ของหนิงฝาน

หนิงฝานควบคุมให้ศิลาทั้ง 5 ทุ่มใส่ แต่ไม่ว่าศิลาจะทรงพลังขนาดไหน แต่ยังต้องถูกเคลื่อนเสียงทำลาย เสียงระเบิดดังสนั่น

“เสียงที่ 3 แห่งเสียงทั้ง 7… เสียงเพรียกแห่งขุนเขา”

เสียงสะท้อนก้อง แรงกดดันขอซีเหมินเย่เพิ่มพูนราวกับคลื่นสมุทรที่จมเกาะทั้งเกาะได้

“เสียงที่ 4 แห่งเสียงทั้ง 7… เสียงหมื่นกระบี่!”

เสียงสะท้อนแปรเปลี่ยนเส้นแสงกระบี่นับหมื่น ตรงเข้าหาหนิงฝาน

วิชาเสียงของซีเหมินเย่นั้นลึกล้ำยากจะต้านทาน ยิ่งเมื่อมันเห็นหนิงฝานอาการไม่ค่อยดี จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ดูท่าเจ้าคงรับวิชาคลื่นเสียงที่ 4 ไม่ได้ เจ้าไม่รอดแน่!”

“หนวกหู!” หนิงฝานจับจ้องซีเหมินเย่ ขยับมือเป็นท่าทาง

เขารู้ว่าวิชาคลื่นเสียงของอีกฝ่ายลึกล้ำ แต่หากจะใช้วิชานั้นเพื่อหวังสังหารเขา ยังเร็วเกินไป หากเข้าใจในปราณกระบี่เหล่านั้น ย่อมเลี่ยงพวกมันได้

หนิงฝานยืนนิ่ง เจตจำนงค์กระบี่แผ่ห้อมล้อมกาย ปราณกระบี่นับหมื่นที่ตรงเข้าหากลับเคลื่อนผ่านเขาไปโดยไม่สัมผัสกายของเขาแม้แต่น้อย

แม้วิชาเสียงของซีเหมินเย่จะทรงพลัง แต่ก็เป็นเพียงปราณกระบี่ทั่วไป ผิดกับหนิงฝานที่บรรลุเจตจำนงค์กระบี่ขั้นสูง ปราณกระบี่ทั่วไปย่อมหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้

หนิงฝานชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องนภา พลังที่รุนแรงราวกับกวาดล้างได้ทุกสิ่งปรากฏ มิติที่ซีเหมินเย่สร้างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พื้นดินแตกระแหง

“ดรรชนีกระบี่ทำลายสวรรค์… ทะลายที่ 2!”

ปลายนิ้วหนิงฝานเปล่งแสงเจิดจ้า ปราณกระบี่เบาบางนับล้านสายปรากฏ ปราณกระบี่แต่ละเล่มกรีดเฉือนแหวกนภา เข้าทำลายวิชาเสียง

ปราณกระบี่นับล้านยังไม่ลดทอนอานุภาพ พุ่งตรงเข้าทะลวงร่างซีเหมินเย่โดยที่มันไม่อาจหลบหนีได้ทัน

พลังมิติรอบกายซีเหมินเย่ปั่นป่วนอย่างรุนแรง ก่อนที่ร่างของมันจะระเบิดเป็นหมอกโลหิต

ผ่านไป 10 ลมหายใจ เส้นแสงสีดำจำนวนมากก่อนตัวเป็นร่างของซีเหมินเย่!

แม้ว่ามันจะรอดจากวิชาดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานโดยกายแปรสภาพร่างเป็นพลังมิติ แต่อานุภาพของดรรชนีกระบี่ยังสร้างความเสียหายให้มันไม่น้อย

“ดรรชนีกระบี่! เจ้าเป็นผู้สืบทอดของบรรพบุรุษกระบี่โบราณ!”

มันคาดไม่ถึงว่าวิชาเสียงที่ทรงพลังของมันจะไม่อาจทำอันตรายหนิงฝานได้

นอกจากนี้ มันยังคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะมีวิชาลับที่ทรงพลังไม่ด้อยไปกว่ามัน

“ซีเหมินเย่… เข้ามา!” หนิงฝานเก็บกระบี่ทั้งสองเล่มในมือ ยามนี้ทั่วร่างของเขาอาบโชกไปด้วยโลหิต อาภรณ์ขาดวิ่น

แต่ซีเหมินเย่ก็มีสภาพย่ำแย่ไม่แพ้กัน แม้มันจะรอดชีวิตจากดรรชนีกระบี่ได้ แต่สภาพของมันก็ยับเยินไม่แพ้กัน

ร่างกายของหนิงฝานสลายเป็นเส้นสายสีดำจำนวนมาก แล้วก่อตัวขึ้นใหม่พร้อมกับอาการบาดเจ็บที่ลดน้อยลง

ซีเหมินเย่ที่เห็นถึงกับสั่นสะท้าน มันสามารถจำแลงร่างเป็นสิ่งอื่นได้เมื่อยามที่อยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลง นั่นคือเรื่องที่ทำให้มันภาคภูมิมาก

แต่หนิงฝานที่อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ แต่กลับทำเช่นนั้นได้ ทั้งยังเหนือชั้นกว่ามัน

“ซีเหมินเย่… รับมือ!”

หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ร่างสลายเป็นควันก่อนปรากฏกายเบื้องหน้าซีเหมินเยว่พร้อมกับชกหมัดใส่เต็มกำลัง

ซีเหมินเยว่มีระดับพลังสูงกว่าหนิงฝาน การที่มันถูกหนิงฝานสะกดข่มเช่นนี้ ทำให้มันไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ซัวหมิง! เจ้าไม่มีเอาชนะข้าได้”

*ตูม ตูม ตูม...*

ละทิ้งซึ่งความลังเล ระดมหมัดเท้าเข้าใส่กันอย่างเต็มที่

ในระหว่างที่ระดมหมัดใส่กันนั้น ซีเหมินเย่โคจรพลังมิติ สร้างกระบี่สีดำขนาดใหญ่ฟาดฟันใส่หนิงฝาน

ในชั่วพริบตานั้น ฝุ่นทรายสีม่วงโคจรรอบกายหนิงฝาน ดรรชนีชี้ไปยังกระบี่ขนาดใหญ่ ทะลวงผ่านทำลายกระบี่ เข้าจู่โจมร่างซีเหมินเย่!

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระดมหมัดสับเปลี่ยนกับร่างวิญญาณเพื่อเลี่ยงอาการบาดเจ็บ แต่ไม่อาจเลี่ยงได้ทั้งหมด

การต่อสู้ดำเนินไปถึง 1 วันเต็ม ในช่วงชั่วยามแรก หนิงฝานเสียเปรียบ แต่หลังจากนั้น ซีเหมินเย่เริ่มได้รับบาดเจ็บ ร่างกายจึงอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง ผิดกับหนิงฝานที่ยังไม่อ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย

เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึง 1 วันเต็ม ซีเหมินเย่แทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่หนิงฝานยังเปี่ยมไปด้วยพลัง ทุกหมัดยังระดมใส่มันอย่างหนักหน่วง

มันเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหนิงฝานถึงยังทรงพลัง นั่นเพราะร่างวิญญาณของหนิงฝานบรรลุในระดับที่สามารถรักษาตัวเองได้

ทั่วร่างหนิงฝานอาบโชกไปด้วยโลหิต แต่ร่างกายยังขยับต่อสู้อย่างไม่ลดละ ราวกับเป็นเครื่องจักรสังหาร

ได้รับบาดเจ็บ รักษา… เป็นไปเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร่างกายของหนิงฝานยกระดับขึ้นอย่างช้าๆ กระทั่งทะลวงขอบเขตกระดูกหยกที่ 4!

ยิ่งสู้หมัดของหนิงฝานก็ยิ่งทรงพลัง ผิดกับซีเหมินเย่ที่อ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะระดับร่างกายของมันลดลง แต่เป็นเพราะมันอ่อนกำลัง ส่วนหนิงฝานก็แข็งแกร่งขึ้นย่างต่อเนื่อง

มันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหมัดของหนิงฝานทรงพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนร่างวิญญาณของมันเริ่มจะต้านรับไม่ไหว มันเคยต่อสู้เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกว่าตนพ่ายแพ้

มันเริ่มขบคิดว่าหากหนิงฝานบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน

หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก มันจะยังสู้หนิงฝานได้หรือเปล่า!

เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะหนิงฝานได้

*ตูม!*

หนิงฝานเข้าประชิดและชกหมัดใส่หน้าอกซีเหมินเย่อย่างรุนแรง

หมัดหนักหน่วงจนทำให้ซีเหมินเย่รู้สึกราวกับภูเขาขนาดใหญ่หมื่นจ้างกระแทกเข้ากลางหน้าอกอย่างจัง

กระดูกแทบทั่วร่างแตกหัก ร่างสลายเป็นเส้นแสงสีแล้วก่อตัวขึ้นมาใหม่

“บ้าเอ้ย!” มันกระอักโลหิตอย่างรุนแรง วิชาร่างวิญญาณของมันเริ่มไม่เป็นผล มันเสียเปรียบอย่างที่สุด แต่หากจะตำหนิก็เพียงเพราะมันไม่แข็งแกร่งพอ จนยามนี้จิตใจของมันเริ่มปั่นป่วน

*ตูม ตูม ตูม...*

หมัดที่หนักหน่วงระดมใส่หน้าอกซีเหมินเย่อย่างต่อเนื่อง แม้ร่างกายจะทรงพลัง แต่ยามนี้กลับเริ่มต้านทานไม่ไหว กระดูกทั่วร่างแตกหัก อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บร้ายแรง กล้ามเนื้อปริแตก โลหิตสาดกระจาย ร่างกายเริ่มไร้เรี่ยวแรงลงทุกขณะ กระทั่งยากจะขยับตัว

หนิงฝานชิงความได้เปรียบ ใช้เท้าเหยียบเข้ากลางหน้าอกซีเหมินเย่ ส่งร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง

หนิงฝานดิ่งลงจากนภาราวกับอัสนี เท้าเหยียบกลางหน้าอกและหน้าท้องซีเหมินเย่เต็มกำลัง!

ตูม!

มิติที่ซีเหมินเย่สร้างพังทลายเสียงดังสนั่น ร่างสองผู้เชี่ยวชาญที่อาบโชกไปด้วยโลหิตปรากฏ

ซีเหมินเย่อาบโชกไปด้วยโลหิตนอนหมดสภาพ แผลปริแตกทั่วร่างน่าหวาดกลัว แววตาเคืองแค้นไม่ยินยอม

หนิงฝานเหยียบบริเวณตันเถียนของมันไว้ หากออกแรงแม้เพียงนิด ตันเถียนและดวงจิตของมันจะถูกทำลายและตกตายในที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญที่เห็น ดวงตาเบื้องกว้างด้วยความตกตะลึง

คนส่วนใหญ่คิดว่าซีเหมินเย่จะสังหารหนิงฝานได้ในพริบตา แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองต่อสู้กันร่วม 1 วันเต็ม ก่อนจะจบด้วยผลที่ซีเหมินถูกหนิงฝานเหยียบแทบเท้า

ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลซีเหมินเองก็ไม่อยากเชื่อ ซีเหมินเย่...ราชาแห่งแดนตะวันตก พ่ายแพ้ให้หนิงฝานอย่างน่าอนาจ เพราะถูกอีกฝ่ายเหยียบแทบเท้า

ความน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกจากร่างหนิงฝาน ดวงตาแดงฉานราวกับสัตว์ร้าย กลิ่นอายชั่วร้ายไม่อาจปกปิด จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญตระกูลซีเหมินกลัวจนตัวสั่น

นี่มันพลังอะไรกัน พลังที่แข็งแกร่งจนซีเหมินเย่ต้องสยบแทบเท้า

“ถอยห่างจากนายท่านของข้าเดี๋ยวนี้!”

“สารเลว กล้าทำร้ายนายท่านข้า หากเจ้าขึ้นไปแดนสวรรค์เหนือเมื่อไหร่ ตระกูลซีเหมินไม่เอาเจ้าไว้แน่!”

คนของตระกูลซีเหมินเร่งถอยห่าง แระกล่าววาจาข่มขู่เพราะหวังว่าจะช่วยซีเหมินเย่ได้ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้หนิงฝานที่ทั่วร่างอาบไปด้วยโลหิต เพราะเขาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

“หุบปาก! ไสหัวไป!”

ซีเหมินเย่ตะเบงเสียงพลางกระอักโลหิต มันไม่ยอมรับว่ามันจะพ่ายแพ้จนน่าอนาจเช่นนี้ เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้มันไม่พอใจอย่างที่สุดคือการที่ผู้ติดตามของมันข่มขู่อีกฝ่ายเพื่อช่วยชีวิตมัน

มันไม่ยอม! ตระกูลซีเหมินต้องแข็งแกร่ง ไม่อาจยอมให้ถูกหนิงฝานสยบเช่นนี้

“ซีเหมินเย่… เจ้าแพ้แล้ว” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

ซีเหมินเย่ไม่ได้ใช้วิชาของขอบเขตไร้แบ่งแยกมากนัก เพราะมันไม่อยากเอาเปรียบหนิงฝาน เป็นเหตุผลที่หนิงฝานยังไม่สังหารซีเหมินเย่

“ทำไมถึงไม่ฆ่าข้าซะหล่ะ!” ซีเหมินเย่จ้องมองแววตาที่ไม่ปรากฏเจตนาสังหารของหนิงฝาน มันจึงรู้สึกอับอายและเสียหน้าเป็นอย่างมาก

มันเค้นพลังเฮือกสุดท้าย ซัดฝ่ามือขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่ร่างของมันจะแหลกสลายไป

“ซัวหมิง! วันนี้ข้าพ่ายแพ้ต่อเจ้า ข้าและเจ้าคือศัตรู...คนอื่นๆไม่เกี่ยว ข้ากล่าวแล้วว่าหากเจ้าชนะจะยกซีเหมินให้ ตอนนี้นางเป็นของเจ้า! แต่หากเจ้ากล้าทำร้ายคนของข้า เจ้าจะต้องเสียใจ!”

“ฮึ่ม!” หนิงฝานแค่นเสียง แม้มันเลือกที่จะตายเพื่อเลี่ยงความอับอาย แต่มันยังทิ้งถ้อยคำข่มขู่เอาไว้

หากหนิงฝานสังหารพวกมันจนหมด จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ อีกอย่าง เรื่องที่เขาต่อสู้กับซีเหมินเยว่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนของมัน

“ไสหัวไป!” หนิงฝานกล่าวอย่างเย็นชา ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้งหมดของตระกูลซีเหมินเร่งกลับแดนสวรรค์เหนืออย่างรวดเร็ว

ไม่นาน… ภายในหอคอยใต้ก็เหลือเพียงหนิงฝาน เซี่ยวเหมิน ลู่ชิง ทหารศิลา และคนที่อยู่ในหอคอย

“นี่ไม่ใช่ความฝัน… สหายเต๋าซัวหมิงเอาชนะร่างจำแลงของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้ หากเรื่องการต่อสู้ในครั้งนี้แพร่ออกไป ทะเลไร้สิ้นสุดต้องสั่นสะเทือนแน่!” ลู่ชิงกล่าว

“เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเถอะ...” หนิงฝานส่ายหน้า หากเรื่องที่เขาและซีเหมินเย่ต่อสู้กันเพราะเซี่ยวเหมินแพร่ออกไป จะทำให้ตระกูลซีเหมินเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับซีเหมินเย่ แต่ตระกูลของมันคงไม่ยอม

ถึงมันจะพ่ายแพ้ ก็แพ้เฉพาะร่างจำแลง หากร่างจริงของมันมา หนิงฝานย่อมไม่มีทางสู้ได้

“ข้ายังห่างชั้นกับคนของแดนสวรรค์มากเกินไป… แต่หากข้าบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกแล้วหล่ะก็...”

หนิงฝานส่ายหน้า นับจากวันนี้ไปเขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนของแดนสวรรค์อีก เพราะผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งซีเหมินเย่ย่อมมีมาก

“ซัวหมิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? ทำไมเลือดเจ้าออกมากขนาดนั้น”

“ข้าแค่มึนหัวนิดหน่อย ดูเหมือนจะเสียโลหิตมากเกินไป...”

หนิงฝานจ้องมองใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของนางพลางยิ้มให้

ช่างน่าเหลือเชื่อ...ที่นางร้องไห้เพราะเขา

ทันใดนั้น หนิงฝานไม่อาจยัดยืนได้อีก ร่างกายทรุดลงเบื้องหน้า ตรงเข้าหาเซี่ยวเหมิน

ก่อนที่จะหมดสติ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่นุ่มละมุน...แต่ไม่ได้เยอะมากนัก

เมื่อเห็นหนิงฝานหมดสติ เซี่ยวเหมินหน้าซีดจนทำอะไรไม่ถูก

แต่เมื่อแอบโอบประครองหนิงฝานไว้แนบอก สัมผัสได้ถึงลมหายใจ นางก็ผ่อนคลาย… เขาแค่เลือดออกมากเกินไป เหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไปจนหมดสติ

“เจ้าบ้า! อย่าตายนะ อย่าทำให้ข้ากลัว!”

“เจ้าบ้า! เอาหน้าเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ตรงนี้มัน...”

ใบหน้านางแดงก่ำ หนิงฝานช่างเลือกที่หมดสติได้เหมาะราวกับจงใจ

แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของหนิงฝานรุนแรง นางจึงไม่กล้าปล่อยหนิงฝาน ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะแนบหน้าอกนาง

“คุณหนู ท่านหมิงบาดเจ็บหนักมาก ข้าว่าเราต้องรักษาเขาทันที...” ทหารศิลากล่าว ทหารศิลาค่อนข้างสนิทกับหนิงฝาน อีกอย่างหากไม่ได้หนิงฝาน เซี่ยวเหมินคงถูกจับกลับแดนสวรรค์

ดังนั้นมันจึงไม่อยากให้หนิงฝานเป็นอะไรไป

“อืมข้ารู้… ข้าจะช่วยเขาเอง...”

นางขบฟัน ใบหน้าแดงก่ำ แต่นางเป็นห่วงหนิงฝานมากกว่าอับอาย นางยังเหลือสิ่งที่มารดามอบให้อยู่ครึ่งหนึ่ง แม้มันจะล้ำค่า แต่สมควรที่จะนำมาใช้รักษาหนิงฝาน

“ข้าจะรักษาเจ้า ถึงของสิ่งนี้จะล้ำค่า แต่ข้าจะหาโอกาสหาใหม่! เจ้าเป็นคนของข้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าตายไม่ได้”

นางอุ้มร่างหนิงฝานมุ่งไปยังชั้นบนสุดของหอคอย ที่นั่นคือที่พักของนาง

แดนสวรรค์เหนือ… ตระกูลซีเหมิน… ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง ซีเหมินเย่กำลังเก็บตัวเพื่อทะลวงระดับ ด้านนอกมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากรออยู่

หนึ่งในจำนวนผู้ที่รอคือผู้นำตระกูลซีเหมิน...ซีเหมินฟง!

เซียนแห่งแดนสวรรค์ บิดาของซีเหมินเย่

มันจ้องมองถ้ำอย่างภาคภูมิ มันมีบุตร 9 คน แต่ซีเหมินเย่คือผู้ที่โดดเด่นที่สุด ทั้งยังเป็นหนึ่งใน 4 ผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์เหนือ จนได้ฉายาได้ ราชาแห่งแดนตะวันตก

อีกหมื่นปีหลังจากนี้ ซีเหมินเย่จะกลายเป็นผู้นำตระกูลซีเหมินคนใหม่

“ฮ่าฮ่า บิดาแข็งแกร่งเช่นใดบุตรชายย่อมแข็งแกร่งเช่นนั้น… คุณชายเก้าอายุเพียง 2 พันปีแต่กลับบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกได้ ในแดนสวรรค์เหนือแห่งนี้ หาผู้ที่เทียบเคียงคุณชายได้ยาก”

“นั่นสิ” ซีเหมินฟงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“ได้ยินว่าร่างจำแลงของนายน้อยลงไปยังโลกเบื้องล่างเพื่อนำคุณหนูสี่แห่งวิหารสาบสูญกลับมา หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“เย่เอ๋อร์ไปแค่โลกพิรุณ จะไปเกิดอะไรได้?” ซีเหมินฟงกล่าวด้วยความไม่พอใจ

“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าแค่กลัวว่าคุณชายจะทรงพลังจนสังหารผู้คนมากมายเกินไปเท่านั้น”

“ฮ่าฮ่า! พูดได้ดี ไม่มีทางที่เย่เอ๋อร์จะเป็นอะไรไป… ต่อให้เย่เอ๋อร์สังหารคนในโลกพิรุณไปมากขนาดไหนก็ไม่สำคัญ เพราะพวกมันก็เป็นได้แค่มดปลวก หากเย่เอ๋อร์อยากสังหารพวกมันก็ย่อมได้” ซีเหมินฟงกล่าว

*ตูม!*

ในขณะที่คนภายนอกกำลังพูดคุย ประตูถ้ำกลับระเบิดเสียงดังสนั่น

ซีเหมินเย่เดินออกมาจากถ้ำ มุมปากปรากฏครบโลหิต แววตาเย็นชา แต่เมื่อมันออกจากถ้ำได้เพียง 3 ก้าว มันกลับกระอักโลหิตอย่างรุนแรง ทรุดกายเข่ากระแทกพื้น

สิ่งที่เกิดขึ้นกับซีเหมินเย่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลซีเหมินตกใจเป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้น คุณชายเก้าทะลวงจุดตีบตันล้มเหลวงั้นเหรอ! แต่ก็ไม่น่าจะบาดเจ็บได้ขนาดนี้ เหตใดนายน้อยถึงบาดเจ็บสาหัส!”

“หุบปาก! ไม่มีใครทำให้ร้ายเย่เอ๋อรทั้งนั้น เขาบาดเจ็บเอง!”

แววตาซีเหมินฟงแปรเปลี่ยนเย็นชา มันสังเกตุเห็นว่าบนหน้าผากของซีเหมินเย่มีรอยสัญลักษณ์ของตระกูลซีเหมิน เป็นสัญลักษณ์สำหรับผู้ที่ฝึกฝนวิชาฝ่ามือมิติ

รอยสัญลักษณ์นั่นบอกว่า เกิดบางอย่างขึ้นกับร่างจำแลงของซีเหมินเย่ จนมันต้องใช้ฝ่ามือมิติในการทำลายตนเอง

ซีเหมินฟงแผ่สัมผัสเทพไปยังโถงหลักของตระกูล เพ่งพิศไปยังแผ่นป้ายแห่งชีวิตของร่างจำแลงซีเหมินเย่ที่หักด้วยความสงสัย

หรือซีเหมินเย่จะสู้กับบางคนแล้วแพ้? จึงได้ทำลายร่างจำแลงของตนไป

แต่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้ง 48 คนที่มันส่งไปพร้อมกับซีเหมินเย่ ไม่มีทางปล่อยให้ซีเหมินเยว่ถูกทำร้าย หากซีเหมินเย่ถูกทำร้าย คนเหล่านั้นย่อมเข้าช่วยอย่างไม่คิดชีวิต

มันคิดว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างที่โลกพิรุณอย่างแน่นอน

“ร่างจำแลงของเจ้าถูกผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงสังหารใช่มั้ย?” ซีเหมินฟงกล่าวถาม หากซีเหมินเย่พ่ายให้กับผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง อย่างน้อยมันก็สบายใจ

“ไม่ใช่… ตัดวิญญาณขั้นสูงสุด...” ซีเหมินเย่กล่าว เมื่อร่างจำแลงของมันตาย ความทรงจำของร่างจำแลงจึงย้อนกลับคืนร่างจริง

“อะไรนะ! เจ้าอยู่ขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่พ่ายให้กับขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด เป็นไปได้ยังไง!” ซีเหมินฟงประหลาดใจ มันยอมรับว่าบุตรชายของมันเก่งกาจกว่าคนทั่วไปมาก และร่างจำแลงของบุตรชาย ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะเอาชนะได้

แต่เมื่อเห็นแววตาของบุตรชาย มันรู้ว่าบุตรชายของมันไม่ได้โกหก หากคนผู้นั้นไม่เก่งจริง แววตาของบุตรชายคงไม่เป็นแบบนร้ี้

“มันเป็นใคร ข้าจะส่งคนไปจัดการมัน...”

“ไม่จำเป็น… ข้าจะรอให้มันบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกก่อน ค่อยตัดสินกับมันอีกครั้ง! มันชื่อ ซัว...หมิง...”

ซีเหมินเย่ขบฟันกล่าวก่อนจะหมดสติไป

ไม่นานชื่อของซัวหมิงก็เลื่องลือไปทั่วทั้งตระกูลซีเหมิน

และซีเหมินฟงก็ไม่ได้ส่งผู้ใดไปตามล่าหนิงฝานตามที่บุตรชายได้ขอไว้

มันรู้จักนิสัยบุตรชายของตนดี ซีเหมินเย่เป็นคนทนงตน หากไม่ได้สังหารหนิงฝานด้วยตัวเอง มันย่อมไม่อาจปล่อยวางความแค้น

ผู้เชี่ยวชาญในตระกูลซีเหมินพูดคุยถึงความพ่ายแพ้ของซีเหมินเย่อย่างออกรส

“นอกจากลู่เป่ยแล้ว...ยังมีซัวหมิงอีกคน… ดูเหมือนว่าผู้เยาว์ในโลกมนุษย์เบื้องล่างก็โด่ดเด่นไม่แพ้กัน”

“เอาชนะแม้กระทั่งราชาแห่งแดนตะวันตกได้… ซัวหมิงผู้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ หากให้เวลามันอีกสักพันปี คงแข็งแกร่งน่าดูชม...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด