ตอนที่แล้วChapter 164 – Great Plains of Barrastan (15) [12-05-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 166 – Black Market Fourteenth Shopping (2) [16-05-2020]

Chapter 165 – Black Market Fourteenth Shopping [14-05-2020]


Chapter 165 – Black Market Fourteenth Shopping

ซังจินได้ตรวจสอบไอเท็มที่้เขาได้รับมาจากการจู่โจมที่ร้าน เฟิสดรอป ตามที่เขาเคยทำเสมอ ไอเทมที่เขาตัดสินใจจะเก็บไว้มีทั้งหมด 4 ชิ้น อัญมณีสีฟ้าที่ได้รับจากชิ้นสวนลับ ผ้าปิดตาที่ได้รับจากอาเซอร์อาซ คทา และลูกบาศก์

ซังจินเต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่ออัศมณีสีน้ำเงินถูกระบุว่าเป็นวัสดุ เขาได้วางแผนที่จะนำมันไปให้กับคาร์กอส ถ้าช่างตีเหล็กคนนี้สามารถจะทำให้มันเป็นไอเทมในระดับเดียวกับ 'แหวนจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่' ได้ ถ้านั้นพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก

จากนั้นเขาก็หยิบเอาผ้าผิดตาที่เขาเข้าใจผิดในตอนแรกว่ามันเป็นแว่นกันแดดและแว่น VR มันมีลักษณะที่แปลกประหลาดมาก

'ฉันจะทดสอบมันในคืนนี้'

เขาได้วางผ้าปิดตาเอาไว้ในลูกบาศก์หลังจากที่ตัดสินใจเช่นนี้ ชิ้นต่อไปคือคทา ความจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการใช้คทานัก แม้ว่าเขาจะมีการใช้เวทย์ แต่ว่ามันก็ไม่สามารถจะเทียบได้กับดาบทั้งสี่เล่ม มูนสเปค บลัดเวเจน อาเทอร์มิโอ และอาเรี่ยน

แต่ถึงแบบนั้นซังจินก็ตัดสินใจที่จะเก็บคทาเอาไว้เพราะว่าอาเซอร์อาซยังได้พูดเอาไว้อย่างมั่นใจ

'และ... บางที... นายอาจจะต้องการมัน'

ไอเทมชิ้นสุดท้ายก็คือลูกบาศก์ที่ดูเหมือนกับลูกบาศก์โอเปอเรเตอร์ มันมีขนาดที่เล็กมากและดูเหมือนว่าจะมีขนาดไม่มีดีเอามากๆกับไอเทมหลายๆอย่าง แต่ว่ามังกรก็ได้บอกเกี่ยวกับสิ่งแปลกๆ-

'มันคือการรักษาธรรมเนียม'

'มนุษย์เพราะว่าฉันแพ้นาย ฉันจะให้รางวัลกับนาย'

'ลูกบาศก์นี้คืออะไรสักอย่างที่นายใช้อยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่ของนาย ใช่มั๊ย? ยังไงก็ตามลูกบาศกฺที่นายถือมันเป็นของนาย'

ในขณะที่ถือมันเอาไว้ ซังจินก็จิบชาในขณะที่สังเกตุลูกบาศก์ แก้วชานี้มันได้ทำให้น้ำกลายเป็นน้ำเย็นขึ้น แต่ว่าซังจินก็ไม่ได้ใส่ใจ

ลูกบาศก์มันดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใส่ดาบหรือโล่ลงไปบนนั้น มันสามารถจะใส่ได้แค่สร้อยคอหรือแหวนเท่านั้น ซังจินได้ถือมันไว้และพูดอย่าไม่ใส่ใจ

"เฮ้ โอเปอเรเตอร์..."

ลูกบาศก์ของโอเปอเรเตอร์ได้ลอยเข้ามาหาฉันเมื่อฉันเรียกขึ้น

"โอ้..ใช่แล้ว"

ในตอนนี้ที่ฉันคิดเกี่ยวกับมัน ลูกบาศก์นี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของโอเปอเรเตอร์ จากนั้นโอเปอเรเตอร์ก็ถามฉันขึ้นมา

[โปรดบอกสิ่งที่ต้องการ]

"ไม่...ไม่มีอะไร"

จากนั้นลูกบาศก์โอเปอเรเตอร์ก็ได้กลับไปที่ตำแหน่งเดิม ซังจินได้มองไปที่ลูกบาศก์ก้อนจิ๋ว

'มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้เลยว่าฉันจะต้องจัดการด้วยตัวเอง....'

มันเป็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมขนาน ด้วยความคิดที่ว่ามีเพียงด้านเดียวที่ถูกตกแต่งด้วยภาพวาดสีน้ำเงินของมังกรที่น่าสงสัย ซังจินได้มองเข้าไปใกล้ๆและจากนั้น

'คลิก'

ด้วยเสียงนี้ด้านข้างของลูกบาศก์ได้ถูกยกขึ้นและเปิดออกมา ซังจินได้สะดุ้งอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ได้ตรวจสอบภายในด้วยความสงบ ด้านในของลูกบาศก์มันมืดมากเหมือนกับลูกบาศก์โอเปอเรเตอร์

'โอ้...ข้างในนี้มันก็ยังไม่มีที่สิ้นสุดใช่มั๊ย?'

ซังจินได้มองไปที่มือของเขา บนนิ้วของเขาได้ถูกตกแต่งไปด้วยแหวนหลายวงและในหมู่นั่นเขาก็ได้เลือกแหวนที่เก่าแก่ที่สุดของเขา

'ยกเลิกการสวมใส่'

ครู่หนึ่งแหวนที่นิ้วของเขาก็ได้หลุดออกมาแล้วมาอยู่บนโต๊ะ ซังจินได้หยิบแหวนขึ้นมาและใส่มันเข้าไปด้านใน

'เคร๊ง'

แต่เขาก็ได้ยินเสียงที่ด้านล่าง

"อะไร?"

ซังจินได้ตรวจสอบด้านใน แหวนลิชถูกวางอยู่ข้างในนั้น

'...เดี๋ยวนะ....'

ซังจินได้ใส่นิ้วลงไปในลูกบาศก์อย่างระมัดระวัง เขาได้หยิบแหวนกลับมาอีกครั้งและวางมันไว้บนโต๊ะและจากนั้นเขาก็พยายามจะจับผนังของลูกบาศก์ด้วยมือของเขา ตามที่คาดไว้นิ้วของเขาสามารถจะสัมผัสด้านล่างของลูกบาศก์ได้

'นี้มันอะไรกัน? มันมีที่สิ้นสุด!'

แม้ว่าซังจินจะคิดว่ามันเหมือนกับลูกบาศก์โอเปอเรเตอร์ แต่จริงๆแล้วมันไม่คล้ายกันเลย ตอนนี้มันไม่ได้ดีไปกว่าตู้ขนาดเล็กเลย ซังจินได้แต่สาปแช่งมังกรในใจ

"ว้าว...เขาใช้เวลาช่วงนั้นทำเหมือนว่ามันน่าทึ่ง...แล้วนี่คือสิ่งที่เขาให้เป็นรางวัล?"

ซังจินได้จ้องไปที่ลูกบาศก์อีกพักหนึ่งก่อนจะโยนมันลงไปในลูกบาศก์โอเปอเรเตอร์

เขากำลังบอกกับตัวเองว่า 'มันจะต้องมีเวลาที่มันจะเป็นประโยชน์' แต่ว่าเขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะใช้ทำอะไรได้บ้าง

'เอาล่ะ อย่างน้อยมันจะไม่เป็นไรถ้าฉันเก็บมันไว้'

ซังจินได้สรุปครับคิดของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้และเริ่มที่จะตรวจสอบไอเทมที่เหลือ ของที่เหลือเป็นไอเทมที่เขาได้มาจากการล่าฆาตกร ทั้งหมดมันได้ถูกนำไปประมูล ซังจินได้เริ่มจดราคาของสิ่งของพวกนี้

การประเมินไอเทมมันเสร็จเร็วยิ่งกว่าปกติ มีเพียงการล่าฆาตกรรอบเดียวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงจบการตั้งราคาไอเทมเร็วกว่าปกติมาก และความจริงนี้ก็ยังบอกว่าฆาตกรได้มีจำนวนที่ลดลงไปเรื่อยๆตามบทการจู่โจมที่ก้าวหน้าไป

ตามที่โอเปอเรเตอร์ได้บอกมา มีจำนวนนักล่าที่เหลืออยู่เป็น 6710 ถ้าถูกแบ่งออกเป็นทีมละ 5 คน นั่นก็หมายความว่าจะมีปาตี้เหลือในตอนนี้แค่ 1342 ทีมเท่านั้น ตอนนี้จำนวนของฆาตกรเหลือไม่มากแล้ว ซังจินยังเหลือหินแสวงหาฆาตกรที่ยังไม่ได้ใช้อยู่

'ฉันคิดว่า..ส่วนนี้มันเริ่มใกล้จะจบลงแล้ว'

ครู่หนึ่งเขาก็คิดได้ว่าไม่จำเป็นจะต้องไปเติมชาตของหินทั้งห้าก่อนที่ร้านค้าลับ ซังจินได้หมุนปากกาไปในขณะที่คิดเรื่องทั้งหมดนี้

'นักล่า 67100 คน ... ปาตี้ 1342 ทีม...'

ในความจริงแล้วการจู่โจมบทในก่อนหน้านี้มันเป็นความยากลำบากที่หากมีการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ถึงตายได้ โดยเฉพาะเมื่อถึงการต่อสู้ครั้งสุดกับกองทัพหลัก มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับปาตี้ที่จะผ่านมันไปได้

ก่อนหน้าที่จะย้อนกลับมาเขาก็เอาตัวรอดมาได้จากการเสียสละของทุกคนในปาตี้และในตอนนี้แม้แต่ผู้ถูกเลือกก็ยังได้สูญเสียพรรคพวกไปในระหว่างการจู่โจม แต่เมื่อพิจารณาจากความยากลำบากแล้ว ผู้รอดชีวิตจากการโจมตีนี้มีค่อนข้างมาก

'ฉันแน่ใจว่าในตอนนี้...จำนวนนักล่าที่รอดชีวิตสูงกว่าเมื่อก่อน...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะ?'

ซังจินได้คิดอย่างรอบคอบ เขาไม่สามารถจะหาสิ่งที่แตกต่างออกไปจากครั้งก่อนได้เลน

'ถ้าหากมีอะไรที่ต่างออกไปก็คือตัวฉัน...'

ในตอนนี้เขาได้คิดว่าเขามีส่วนช่วยในการเปลื่ยนแปลงนี้ อย่างแรกเลยก็คือเขาได้ช่วยนักล่าหลายๆคนโดยตรง เซรินก็เป็นตัวอย่างสำคัญ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะต้องตายไปในตอนนั้น

ไม่ใช่แค่เธอ แต่ซังจินก็ยังพยายามจะช่วยทำให้ทุกคนที่พบรอดชีวิตให้มากที่สุด เขาทำให้ปัญหาในตอนต้นคือผูกขาดแต้มผลงาน แต่ว่าเขาก็แก้มันในภายหลังอยู่ดี

อย่างที่สองก็คือเขาได้ฆ่าฆาตกรอย่างขยันขันแข็ง มันจึงนำไปสู่การลดลงของคนที่ถูกฆ่าโดยคนพวกนี้

และอย่างสุดท้ายคือเขาได้เลือกผู้ถูกเลือกและสร้างรูปแบบที่พวกเขาจะปกป้องนักล่าในทีมและพากันจบการจู่โจม คนจำนวนมากได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา

'แต่ว่า...มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด'

ซังจินไม่สามารถหาสาเหตุจริงๆ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อยู่กับมันนานนัก มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถคำนวนตัวเลขที่แน่นอนจากชีวิตก่อน ซังจินได้ยืนขึ้นและมุ่งหน้าไปที่ร้านประมูล

"ยินดีต้อนรับท่านนักล่า"

ซังจินได้วางไอเทมที่เขาได้รับมาในรอบนี้และส่งมันไปประมูลและถามไอเทมที่ยังขายไม่ออกจากวันก่อน

"ไอเทมพวกนี้ไม่ถูกเสนอราคาเลยหรอ?"

"ไม่มีเลยท่านนักล่า"

"ไม่มีใครสักคน?"

"ไม่มีสักคนครับ"

จำนวนไอเทมที่ไม่ได้ถูกซื้อไปได้เพิ่มขึ้น นี่ก็เป็นผลมาจากการลดลงของจำนวนคนทั้งหมด ในขณะนี้ผู้ซื้อเหลือน้อยมาก

"ถ้างั้นเอานี่ไป นี้ และก็นี้ออกจากการประมูล"

"ฉันจะส่งในท่านลงลูกบาศก์โดยตรง"

ซังจินได้เก็บไอเทมที่ประมูลไม่ออกกลับมาและใส่พวกมันลงไปในลูกบาศก์ จากนั้นเขาก็ไปร้านจำนำ

"ยินดีต้อนรับท่านนักล่า"

ซังจินได้ขายไอเทมที่ประมูลไปออกไป มันเป็นราคาที่ต่ำกว่าที่ประมูลมาก แต่มันก็ดีกว่าที่จะปล่อยทิ้งเอาไว้ จากนั้นซังจินก็มุ่งหน้าไปต่อที่ร้านตีเหล็กของคาร์กอส เมื่อเขาเข้าไปเขาก็เห็นคาร์กอานั่งอยู่ที่ด้านบนของทั่งและเมื่อเขาสังเหตุเห็นซังจินเข้ามาเขาก็โบกมือให้

"โย่ ว่ายังไงเจ้าของดาบทั้งสี่เล่ม มีอะไรหรอ?"

ซังจินได้หยักหน้ารับไป คาร์กอสก็ลุกขึ้นและถามออกมา

"แล้วนายมีอะไรถึงมาหาฉันในเวลานี้?"

ซังจินได้หยิบเอาชิ้นส่วนลับที่เป็นอัญมณีสีน้ำเงินออกมา

"นายรู้เกี่ยวกับมันไหม?"

แต่แล้วขากรรไกรของคาร์กอสก็ตกลงมา และบุหรี่ก็ได้ตกลงไปบนพื้น เขาได้จ้องมองไปที่อัญมณี

"ห๊ะ...นายไปหามันมาจากไหน?"

ซังจินได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้เห็นปฏิกิริยาที่คล้ายคลึงกันเมื่อตอนที่สร้างไอเทมจากหัวใจมังกร แต่คำตอบของซังจินก็ยังเหมือนเดิม

"แน่นอนจากการจู่โจม"

คาร์กอสได้รับอัญมณีไปด้วยมือที่สั่น ซังจินได้พูดกับเขา

"ฉันคิดว่าชื่อของอัญมณีนี้คือ...อะไรนะ การเตรียมการสุดท้ายของอเลนดิล?"

"มันมีอยู่หลายชื่อ ท้องฟ้าน้ำเงิน การเตรียมการสุดท้าย จุดเริ่มต้นของจุดจบ มูลค่าแห่งจักรวาล..." คาร์กอสได้พูดออกมาในขณะที่ถืออัญมณีอยู่ในมือ จากนั้นซังจินก็ตอบกลับไป

"ยังไงก็ตาม...นายสามารถจะใช้มันสร้างอะไรได้ไหม? สิ่งที่ฉันสามารถจะใช้ได้"

ซังจินได้คาดหวังคำว่า 'แน่นอน' ซึ่งเป็นคำตอบของคาร์กอสที่ให้เขาเสมอมา แต่ว่าในครั้งนี้การตอบสนองของคาร์กอสเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด

"...อาจจะ..."

และเขาก็มีเสียงที่ไม่มั่นใจเหมือนกับสิ่งที่พูด จากนั้นซังจินก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ผิดหวัง

"บางที?"

คาร์กอสก็ตอบมาราวกับเขากำลังสร้างข้ออ้าง

"เพราะว่าธรรมชาติของสิ่งนี้ ไม่ว่านายจะเผามันหรือแช่แข็ง นายก็ไม่สามารถจะคาดเดาอะไรกับมันได้"

ในตอนนี้ซังจินแน่ใจแล้วว่าคาร์กอสไม่เคยจับไอเทมชิ้นนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงถามกลับไป

"งั้น...มันหมายความว่านายไม่สามารถใช้มันได้หรอ?"

คาร์กอสได้หันหน้าไปทางอัญมณีครั้งหนึ่งและหันมามองทางซังจิน

"ไม่ฉันหมายถึง...ฉันไม่ต้องการให้มันไปอย่างน้อย..."

สายตาของเขามันดูเหมือนจะบ่งบอกว่า 'ฉันอาจจะล้มเหลว แต่โปรดให้ฉันทำมัน' ซังจินได้มองมาที่เขาอยู่ครู่งหนึ่ง ความจริงแล้วคำตอบมันถูกกำหนดตั้งแต่เริ่มแล้ว

ไม่มีใครอีกในตลาดมืดแห่งนี้ที่จะสามารถช่วยเขาจัดการกับมันได้อีก แม้ว่าเขาจะขายมันได้แต่ว่ามันก็ไม่คุ้มเลย

"ถ้างั้น...โชคดีนะ"

คำพูดนี้มันทำให้คาร์กอสตกตะลึง

"จริง?"

"ใช่ นายทำได้ดีจนถึงตอนนี้มาเสมอ ฉันจะเชื่อในความสามารถของนาย"

"โอเค ถ้างั้นฉันจะใส่หัวใจและจิตวิญญาณของฉันลงไปในนี้...ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด ในทางกลับกันฉันจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากนาย"

"โอเค...เอาล่ะ เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหา..."

คาร์กอสได้พึมพัมกับตัวเองในขณะที่ถืออัญมณีราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกอีกต่อไป

"ฉันจะต้องเรียกญาติของฉัน"

"ญาติหรอ?"

"ใช่ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ช่างตีเหล็กที่เหมือนกับฉัน ฉันรู้สึกว่า...ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาเพื่อทำมัน"

"แล้วนายคิดว่ามันจะใช้เวลาเท่าไหร่"

"อาจจะ 3 วัน"

"สามวัน!?"

"สามวันนั่นมันเป็นขั้นต่ำ"

เขาใช้เวลาแค่วันเดียวในการจัดการกับหัวใจมังกร แต่นี้มันใช้เวลามากกว่านั้นมาก

'เพราะว่ามันเป็นการจู่โจมแบบ 10 คน...วันหนึ่งสำหรับพักผ่อน...ฉันอาจจะสามารถเห็นผลลัพธ์มันได้หลังจากการจู่โจมถัดไป'

ฉันไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก

"ถ้างั้นฉันจะปล่อยมันไว้กับนาย"

"เข้าใจแล้ว"

ซังจินได้กลับออกมา และระหว่างทางเขาก็หันกลับไปและเห็นคาร์กอสยังคงจ้องไปที่อัญมณีในขณะที่ถือมันราวกับสิ่งประดิษฐ์จากพระเจ้า

'เอาล่ะ...เขาเป็นช่างฝีมือและเขาก็จะต้องทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้'

ซังจินได้กลับไปนอนที่โรงแรมและล้มลงไปบนเตียง การจู่โจมนี้มันเป็นการจู่โจมที่ยาวนานและเขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า ซังจินต้องการที่จะนอนหลับก่อนเวลาอาหารค่ำ แต่เมื่อเขาหลับตาลงไปเขาก็นึกถึงใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดที่เขาไม่สามารถจะฆ่าได้ในวันนี้ แม้แต่เสียงของเขาจากในอดีตอีกด้วย

'ซังจิน'

ในตอนนี้เขาหลับไม่ลงเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดังนั้นซังจินได้นอนเล่นอยู่บนเตียงจนถึงเวลาอาหารค่ำโดยที่ไม่ได้หลับลงไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด