บทที่ 68 พวกกเฬวราก
ได้รับป้ายสัญลักษณ์มาแล้วสี่ชิ้น โจรปล้นทรัพย์ช่างเป็นอาชีพที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง!
ภายในผาหิน เจียงอี้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงหลังจากที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์สามชิ้นจากชายหนุ่มทั้งสองรวมกับป้ายสีดำที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ ในเวลาสั้นๆเขาได้รับป้ายสัญลักษณ์มาแล้วถึงสี่ชิ้น
เจียงอี้ยังได้รับยาระดับพิภพมาอีกสองขวดและตำลึงทองอีกจำนวนหนึ่ง
“เห้ออ…”
ในขณะที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า เจียงอี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขานึกไปถึงตอนที่จีทิงยวี่ได้เคยเตือนว่าระหว่างเทศกาลชำระโลหิต ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความบาดหมางให้มากที่สุด แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่มาถึงก็เกิดการปะทะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความจริงแล้วหากเป็นเจียงอี้ในยามปกติ เจ้าคนชั่วสองคนนั้นจะต้องคลานลงจากภูเขาไปแล้ว
เมื่อวิ่งไปตามทางไม่นานนัก เจียงอี้ก็ได้พบกับสัตว์อสูรอีกตัว มันยังคงเป็นปีศาจงู แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ร้ายกาจเหมือนกับเจ้าตัวก่อนหน้านี้ เพียงแค่สิบห้านาที เขาก็กำจัดมันและได้รับป้ายสัญลักษณ์อีกชิ้นมาครอง
คู่ต่อมา เจียงอี้ก็โผล่ออกมาจากผาหิน ตอนนี้ภูมิประเทศโดยรอบเปลี่ยนเป็นป่า แต่เมื่อก้าวไปไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว
สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าข้างในป่านั้นมีกลุ่มสัตว์อสูรที่แสนน่ากลัวอยู่ พวกมันเป็นสัตว์อสูรประเภทหมูป่าและยังมีไม่ต่ำกว่าเจ็ดถึงแปดตัว!
แม้ว่าปีศาจหมูป่าเหล่านี้จะไม่ได้ทรงพลังที่สุด แต่เจียงอี้ก็ไม่อาจที่จะประมาทกับจำนวนของพวกมันได้ หนามแหลมบนหลังของพวกมันมีความสามารถทะลุทะลวงอันน่ากลัวซึ่งยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเจียงอี้เป็นอย่างดี
จะทำยังไงดี? ยอมแพ้หรือ? แต่มีป้ายสัญลักษณ์อยู่ตั้งแปดชิ้นเชียวน้า!
เจียงอี้ยังคงนั่งหลบอยู่ข้างผาหินและเริ่มวางแผน หากเขาคิดจะปะทะกับพวกมันก็มีความเป็นได้ว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถ้าหากไม่ทำอะไรเลย มันก็น่าเสียดายเกินไปที่อุตส่าห์ได้พบกับสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่
“เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน!”
เจียงอี้กัดฟันแน่นและเดินไปรอบๆผาหินก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในป่า
ปัง!
เขาร่อนลงบนต้นไม้ที่ดูเก่าแก่และเขวี้ยงหินในปีศาจหมูป่าที่กำลังหลับสนิทอยู่บนพื้น ปีศาจหมูป่าตัวนั้นลืมตาขึ้นมาและหันไปมองรอบๆพร้อมกับส่งเสียงที่แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดออกมา
ปีศาจหมูป่าตัวที่เหลือก็ถูกปลุกให้ตื่นและเริ่มมองหาศัตรู
เจียงอี้ไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียวและกลั้นหายใจ เขารู้ดีว่าหากเขาเผยตัวออกไป ต้นไม้โบราณที่เขาใช้ซ่อนตัวอยู่จะถูกต้องพวกมันทำลายอย่างแน่นอน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เจียงอี้ก็ชะโงกหน้าออกมา เขาเห็นว่ามีปีศาจหมูป่าสามตัวกลับไปนอนที่เดิมในขณะที่อีกห้าตัวที่เหลือยังคงเดินสำรวจไปทั่ว เมื่อเห็นดังนั้นเจียงอี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นก็หยิบก้อนหินขึ้นมาอีกก้อนและเขวี้ยงไปทางทิศตะวันตก
ตึก!
เมื่อเกิดเสียงขึ้น หมูป่าทั้งห้าตัวก็รีบวิ่งไปทางต้นเสียงในทันที
แผนล่อลวงสำเร็จแล้ว!
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกาย เมื่อสังเกตจนแน่ใจแล้วว่าหมูป่าทั้งห้าตัวได้หายลับไปแล้ว เขาก็หยิบก้อนหินอีกก้อนและปาไปยังกลุ่มของปีศาจหมูป่าที่เหลืออีกสามตัว จากนั้นก็รีบกระโดดลงจากต้นไม้พร้อมกับวิ่งเข้าไปที่ในแนวผาหิน
“อู๊ด!อู๊ด!”
เป็นไปตามคาด หมูป่าทั้งสามตัวรีบวิ่งตามเจียงอี้มาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเข้าสู่เขตผาหิน พวกมันก็ตามมาทันแล้ว
ตู้มม!
ปีศาจหมูป่าทั้งสามเริ่มทำลายชั้นหินรอบๆ ในเวลานั้นสองในสามของพวกมันมีความเร็วที่ยอดเยี่ยม พวกมันพุ่งชนชั้นหินโดยตรงและทำให้มันระเบิดเป็นชิ้นๆ เมื่อหมูป่าทั้งสองโผล่ออกมา มันก็รีบวิ่งเข้าหาเจียงอี้ในทันที
ใช่แล้วหมูน้อย เข้ามาเลย.. เข้ามา.. ข้าอยู่นี่แล้วไง!
เจียงอี้จ้องมองปีศาจหมูที่อยู่ในอาการหงุดหงิด เขายังคงยั่วยุพวกมันเพื่อให้พวกมันพุ่งเข้ามาก่อนที่จะหลบไปด้านหลังก้อนหิน
“อู๊ดอู๊ด!!”
ปีศาจหมูทั้งสามตัวตกอยู่ในความโกรธแค้น เขี้ยวที่ดูคล้ายกับงาช้างของพวกมันพุ่งเข้าใส่ก้อนหินยักษ์ที่เจียงอี้ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ผลก็คือก้อนหินยักษ์ก้อนนั้นแตกกระจายและทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวล
ร่างของเจียงอี้เผยออกมา แต่เขาก็รีบวิ่งไปหลบหลังก้อนหินยักษ์ก้อนอื่นในทันที
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เจียงอี้ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งและไม่คิดที่จะเข้าปะทะกับปีศาจหมูที่กำลังอยู่ในอาการโกรธเกรี้ยวโดยตรง เขาใช้กองหินเหล่านี้เป็นที่กำบังและยังใช้หลอกล่อพวกมัน
สามสิบนาทีผ่านไป บริเวณผาหินตกอยู่ในสภาพเละเทะวุ่นวาย ปีศาจหมูป่าที่น่าสงสารทั้งสามตัวกำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่าพวกมันใช้พลังไปจนเกือบหมดแล้ว
เจียงอี้อาศัยการหลอกล่อปีศาจหมูป่าไปรอบๆเพื่อทำลายก้อนหินยักษ์เหล่านั้นและเศษหินจำนวนมากที่ตกลงมาจะทำหน้าที่ปิดกั้นเส้นทางของพวกมัน นอกจากนี้เขายังใช้ดาบสั้นสีนวลเพื่อทิ้งรอยแผลไว้บนตัวพวกมันอีกหลายรอย
“อู๊ด! อู๊ดดดด!”
ไม่นานนัก ปีศาจหมูป่าทั้งสามก็ระเบิดความโกรธแค้นออกมาขณะที่ปลดปล่อยวิชาอสูรของพวกมัน หนามแหลมที่ด้านหลังถูกยิงออกมาทุกทิศทางราวกับลูกศรนับหมื่น!
ป้ายทั้งสามเป็นของข้าแล้ว!
ร่างของเจียงอี้ม้วนตีลังกาไปด้านหลังและเข้าไปหลบอยู่หลังหินยักษ์ หลังจากที่เหล่าสัตว์อสูรปลดปล่อยวิชาอสูรออกมา พวกมันก็จะตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ เมื่อเห็นเช่นนั้นเจียงอี้ก็แสยะยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความเบิกบานใจ
ตอนนี้เขาได้รับประสบการณ์ในการต่อสู้กับเหล่าสัตว์อสูรมาในระดับหนึ่งแล้ว วิชาอสูรเหล่านี้มีพลังเพียงพอที่จะสังหารจอมยุทธขอบเขตฉูติ่งขั้นที่แปดได้เลยทีเดียว แต่ยังไงสัตว์อสูรก็ยังคงเป็นสัตว์อสูรอยู่วันยังค่ำ
เนื่องจากพวกมันมีความฉลาดเพียงน้อยนิด เพียงแค่ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม การที่จะสังหารพวกมันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก
แต่ไม่ว่ายังไงพลังทำลายของวิชาอสูรก็ยังคงสร้างความตื่นตระหนกให้กับเจียงอี้อยู่ดี เพราะอย่าลืมว่าพวกมันเป็นเพียงแค่สัตว์อสูรระดับหนึ่งเท่านั้น! แล้วถ้าหากเป็นสัตว์อสูรขั้นที่สอง, สาม, สี่ หรือแม้แต่พวกที่กลายเป็นสัตว์อสูรระดับราชันหรือจักรพรรดิเล่า? พลังของพวกมันจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน?!
หลังจากที่จัดการสังหารปีศาจหมูทั้งสามตัวและได้รับป้ายสัญลักษณ์มาแล้ว เจียงอี้ก็ไม่คิดที่จะหยุดพักและเริ่มมุ่งหน้าสู่ป่าอีกครั้ง เขาเตรียมที่จะล่าหมูป่าอีกห้าตัวที่เหลือให้เข้ามาในบริเวณผาหินเพื่อที่จะสังหารพวกมัน หากทำสำเร็จก็เท่ากับว่าเขาจะได้ครอบครองป้ายสัญลักษณ์ถึงสิบสองชิ้น!
“เอ๊ะ?”
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเมื่อเจียงอี้เข้าไปยังบริเวณรังของปีศาจหมูป่าก่อนหน้านี้ เขากลับไม่เจอพวกมันแม้แต่ตัวเดียว ดังนั้นเขาจึงเดินลึกเข้าไปและในที่สุดก็พบกับพวกมันทั้งห้าตัว
แต่… ภาพที่เห็นก็คือ สามในห้าของพวกมันนอนกองอยู่กับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกสองตัวก็บาดเจ็บหนักขณะที่กำลังพัวพันอยู่กับการต่อสู้กับหญิงสาวที่ใบหน้าถูกปกปิดด้วยผ้าสีดำและยังใช้สุดสีดำอีกต่างหาก
เจียงอี้หลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้และสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ เขามองเห็นดาบยาวสีดำของหญิงสาวจากนั้นก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นนางที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด น่าเสียดายที่ใบหน้าถูกปกปิดเอาไว้จนทำให้มองเห็นเพียงแค่ดวงตาอันงดงามของนางเท่านั้น
เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อจากนั้น ปีศาจหมูป่าที่เหลืออีกสองตัวก็ถูกสังหารก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสได้ปลดปล่อยวิชาอสูรออกมา
โชคร้ายจริงๆ!
เจียงอี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเข้าไปแย่งป้ายสัญลักษณ์เหล่านั้น ไม่ใช่เพราะว่าเขาเกรงกลัวหญิงสาวผู้นี้ แต่มันเป็นเพราะว่าไม่เขาไม่ต้องการที่จะสร้างความขุ่นเคืองโดยไม่จำเป็น
อีกอย่างอีกฝ่ายยังเป็นเพียงแค่หญิงสาวเท่านั้น เขาจะลงมือได้อย่างไร?
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
แต่ในขณะที่เจียงอี้กำลังจะจากไป จู่ๆเงาร่างทั้งห้าสายก็พุ่งออกมาจากอีกด้าน พวกมันทั้งหมดถือหน้าไม้สีแดงที่ดูเหมือนกันและจ้องมองไปยังหญิงสาว จากนั้นหนึ่งในพวกมันก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“สาวน้อยส่งป้ายทั้งห้าชิ้นนั่นมาซะ อย่าได้ขัดขืนจะดีกว่า ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าหน้าไม้ของพวกเราไม่มีตา มิฉะนั้นเจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บได้!”
ไอ้พวกลูกหมา!
เจียงอี้ก่นด่าอยู่ในใจขณะที่คิดว่าทำไมโลกถึงได้เต็มไปด้วยพวกกเฬวรากที่มีแต่ความโลภ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่คนดีมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยหญิงสาว เจียงอี้เพียงแค่ส่ายหัวและเดินจากไป ในบรรดาทั้งห้าคน มีสองคนที่บรรลุขอบเขตฉูติ่งขั้นที่เก้า ยิ่งไปกว่านั้นหน้าไม้สีแดงที่อยู่ในมือของพวกมันยังเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างเห็นได้ชัด
“นายน้อย ทำไมพวกเราถึงต้องเอ่ยให้มากความด้วย? หญิงสาวผู้นี้ดูไปแล้วก็มีรูปร่างที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทำไมถึงไม่ให้พวกเราได้ร่วมสนุกกับนางก่อนล่ะขอรับ?”
เจียงอี้ผู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรได้หยุดชะงัก ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีการฉกชิงป้ายสัญลักษณ์ในระหว่างการชำระโลหิต แต่มันคงจะเป็นการข้ามเส้นมากเกินไป หากชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนปล้นป้ายสัญลักษณ์จากหญิงสาวและยังพยายามที่จะทำมิดีมิร้ายนาง!