MPE บทที่ 49 แมวมิ้นท์
“คุณเกาวันนี้คุณว่างไหมครับ?” เกาเผิงได้รับโทรศัพท์จากหลิวเฉินหลินหลังออกจากโรงเรียน
“มีอะไรงั้นหรือครับ?” เกาเผิงถาม
“ผมอยากเชิญคุณมาร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนอีกสองสามคนน่ะครับ ผมหวังว่าคุณเกาจะให้ความกรุณามาร่วมรับประทานอาหาร ผมจะได้แนะนำเขาให้กับคุณเกาได้รู้จัก” เกาเผิงรู้สึกได้ถึงคำเยินยอจากน้ำเสียงของหลิวเฉินหลิน
แต่ก็ว่าเขาไม่ได้เพราะจากเหตุการณ์แมงมุมปีศาจสีเทานั่น ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทบลูชิลด์ดังขจรไปไกลมากขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะฝีมือของเกาเผิง
เกาเผิงหยุดคิดชั่วขณะ เขามีอาหารอยู่ในตู้เย็นดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าดัมมี่จะหิวโหยอยู่ที่บ้าน
“เอาล่ะ ผมจะไปที่นั่นครับ…” อย่างไรก็ตามก่อนที่เกาเผิงจะกล่าวจนจบประโยค รถยนต์สีดานสีดำก็วิ่งเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าเขาทันที
หน้าต่างรถเลื่อนลงและเผยให้เห็นหลิวเฉินหลินที่ส่งยิ้มให้เขา
“ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณด้วยนะครับ” เกาเผิงวางต้าซื่อไว้ที่ท้ายรถ เขามองไปในรถ เห็นเด็กหญิงอายุประมาณ 17หรือ 18ปี นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
“ไม่มีปัญหา” หลิวเฉินหลินหัวเราะ “ในความเป็นจริงลูกสาวของผมบังเอิญเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับคุณผมมาที่นี่เพื่อรับเธอน่ะครับ”
“นี่เป็นครั้งที่ 2ที่พ่อมาที่โรงเรียน ครั้งแรกเป็นวันเปิดภาคเรียน” หลิวจ้าวหยูพึมพำเบาอยู่ที่เบาะหลัง
หลิวเฉินหลินกลายถึงกับพูดไม่ออก
ทันใดนั้นเสียงแมวพลันดังขึ้นมา
หลิวจ้าวหยูค่อยๆลูบคางของแมวสีขาวที่นั่งอย่างเกียจคร้านอยู่บนตักของเธอ ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางเกาเผิงและรู้สึกงุนงง
เด็กผู้ชายคนนี้อายุพอๆกับเธอแต่กลับสามารถทำให้พ่อของเธอต้องขับรถมารับที่โรงเรียน
เขาเป็นใครกันแน่?
เกาเผิงนั่งลงที่เบาะหน้า ขณะที่หลิวเฉินหลินเปิดปากอีกครั้ง
“คุณเกา หากคุณพอมีเวลา คุณสามารถแนะนำจ้าวหยูเกี่ยวกับสัตว์อสูรของเธอสักเล็กน้อยได้มั้ยครับ?”
หลิวจ้าวหยูประหลาดใจ เธอเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
“ผมอยู่ที่สำนักงานวันเสาร์และวันอาทิตย์ เธอสามารถไปหาผมที่นั่นได้ครับ” เกาเผิงตอบ
“ตกลง” หลิวเฉินหลินพยักหน้าก่อนจะจดจ่ออยู่กับการขับรถและทำให้บรรยากาศภายในรถกลายเป็นเงียบงัน
หลังจากชั่วครู่ รถของพวกเขาจึงมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หลิวเฉินหลินหันหลังกลับไปทางเด็กหญิง
“กลับบ้านไปก่อน พ่อมีเรื่องต้องพูดคุยกับคุณเกา”
เกาเผิงมองไปยังสัตว์อสูรที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิวจ้าวหยู
[ชื่อสัตว์อสูร] แมวมิ้นท์
[เลเวล] 12 (ชนชั้นสามัญ)
[ระดับ] ปกติ
[คุณสมบัติ] ธาตุไม้
[จุดอ่อน] ธาตุน้ำ
สัตว์อสูรจำพวกแมวเป็นสัตว์อสูรที่หายาก
แมวส่วนใหญ่ที่กลายพันธุ์ ส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้เพราะพวกมันทั้งบ้าคลั่งและเอาแต่ใจ
รถยนต์วิ่งต่อไปยังชานเมือง
“เพื่อนของคุณคือใคร?” เกาเผิงถาม
“เมื่อไปถึงคุณก็รู้เองล่ะครับ” หลิวเฉินหลินตอบ
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์บนภูเขาแห่งหนึ่งที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารของคนชั้นสูง
พวกเขาเดินเข้าไปภายในและพบผู้คนประมาณ 10คน ทั้งชายและหญิงนั่งอยู่
เมื่อเห็นเกาเผิง พวกเขากวาดตามองเด็กหนุ่มอย่างพิจารณา
เกาเผิงขมวดคิ้วและรู้สึกไม่สบายใจ หากคนเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อนของหลิวเฉินหลิน เขาจะหันหลังกลับทันที
หลิวเฉินหลินเริ่มแนะนำทุกคนอย่างกระตือรือร้น “นี่คือกัปตันซ่งจื่อจากทีมนักล่าเพลิงบิน และนี่คือกัปตันเจียงกู่จากทีมนักล่าดาราสวรรค์…”
์
ภายในหนึ่งลมหายใจ หลิวเฉินหลินแนะนำทุกคนกับเกาเผิง
เกาเผิงหรี่ตามองคนเหล่านี้ ทุกคนล้วนเป็นตัวแทนจากทีมนักล่าที่มีชื่อเสียง การรวมตัวของพวกเขาย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
หากคนเหล่านี้ต้องการให้เกาเผิงดูแลสัตว์อสูรของพวกเขา แน่นอนว่าเขาจะยอมรับงานนี้ทั้งหมด หากมันเป็นเรื่องของธุรกิจแต่หากพวกเขาต้องการคำแนะนาจากเกาเผิงผ่านสายสัมพันธ์ของหลิวเฉินหลินนั้น ถือเป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณและจะทำให้เกาเผิงรู้สึกไม่มีความสุข
และอีกอย่างเขากับหลิวเฉินหลินก็เป็นเพียงแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจเท่านั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่านั้น เขาเป็นเพียงแค่ลูกค้าที่จ่ายเงินมาและเกาเผิงก็ให้สินค้าไปแค่นั้น
เกาเผิงพยักหน้าตอบและนั่งลงด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง
ขณะที่กำลังทานอาหาร คนเหล่านี้พยายามทดสอบเกาเผิงด้วยคำถามต่างๆ
กัปตันคนหนึ่งกล่าวเสียงเข้ม “คุณแน่ใจได้อย่างไรว่า นี่เป็นวิธีการที่ถูกต้อง ผมเคยปรึกษาคุณจางมาก่อน คุณจางเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางที่มีประสบการณ์ เขากล่าวว่าสัตว์อสูรของผมไม่สามารถกินฟักทองและทุเรียนได้”
นี่เป็นตัวอย่างคาถามที่เกาเผิงต้องเผชิญหน้า
เกาเผิงตอบกลับอย่างสุภาพและพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แม้เขาอยากจะล้มโต๊ะและจากไปแต่ความจริงก็คือเขายังต้องรักษามารยาททางสังคมและเล่นตามกฎกติกา
หลังจากผ่านไปสักพักเกาเผิงหมดความอดทน เขาถอนหายใจและกล่าว “ขอโทษด้วยครับ ผมยังใหม่กับงานนี้และทักษะของผมอยู่ในขั้นกลางเท่านั้น นอกจากนี้ทุกท่านที่นี่เป็นบุคคลระดับสูงของแต่ละองค์กร ผมไม่สามารถแบกรับความเสียหายหากเกิดข้อผิดพลาดได้”
เกาเผิงขอตัวกลับก่อน เขายังปฏิเสธที่จะให้หลิวเฉินหลินไปส่งที่บ้านและเรียกรถแท็กซี่กลับด้วยตัวเอง
“เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่าอะไรดีต่อตัวเอง” กัปตันเจียงกู่กล่าวเสียงเย็น ในสายตาเขา เกาเผิงได้รับเกียรติมากแล้วที่ได้รับอนุญาตให้ดูแลสัตว์อสูรของพวกเขาทั้งหมด
ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองฉางอาน ไม่ต้องสงสัย เลยว่าเกาเผิงจะไดรับประโยชน์มากมายจากพวกเขา
กัปตันทุกคนล้วนมีประสบการณ์ แน่นอนว่าพวกเขาตระหนักว่า เกาเผิงไม่มีความสุขและรู้สึกไม่พอใจแต่สำหรับพวกเขา เกาเผิงก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
“ลืมมันไปเถอะ เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยกัปตันเจียงกู่ คงไม่ถือสาเด็กน้อยใช่ไหม?” กัปตันซ่งจื่อเผยรอยยิ้มบาง
“่ผมไม่ถือสาเด็กน้อยหรอก” กัปตันเจียงกู่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อเข้าปากอย่างไม่แยแส
“เอาล่ะ ผู้จัดการหลิวเชิญพวกเรามาด้วยเจตนาที่ดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ กินกันต่อเถอะ” นายทหารผู้หนึ่งกล่าว
ความขัดแย้งบนโต๊ะอาหารสิ้นสุดลงในที่สุด
หลิวเฉินหลินถอนหายใจ ครั้งนี้เขาล้มเหลวที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกประทับใจ ตรงข้ามเขากลับทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกขุ่นเคืองกันแทน