MPE บทที่ 45 นายทำไม่ได้หรอก อย่ามาโกหกหน่อยเลย!
หมาในโลหิตนอนอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ แม้มันจะได้รับบาดปานกลางที่ขาแต่มันกลับไปไม่ส่งเสียงใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย ถ้าให้เลือกระหว่างหมีขนเหล็กกับหมาในโลหิตมาต่อสู้ หลายคนคงเลือกหมาในโลหิต
แต่อย่างไรก็ตามเกาเผิงรู้ดีว่ามันกำลังหงุดหงิดและสามารถอาละวาดได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์อสูรระดับสูง พลังการต่อสู้ของมันย่อมไม่อ่อนด้อยกว่าหมีขนเหล็ก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือสุนัขโลหิตสามารถต่อต้านพิษได้ในระดับหนึ่ง
“ผมจะไปเป็นคนแรก” เกาเผิงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าเพราะเกรงว่าผูฝึกสอนจะให้พวกเขาต่อสู้กับหมาในโลหิตจริงๆ
กรงเหล็กเปิดออก ขณะที่เกาเผิงส่งต้าซื่อเดินเข้าไปข้างใน
“โฮก…” หมีขนเหล็กคำรามด้วยความโกรธเมื่อเห็นตะขาบสายฟ้าหลังม่วง
แขนทั้งสีข้างของมันทุบลงบนพื้นก่อนจะพุ่งเข้ามาหาต้าซื่ออย่างบ้าคลั่ง
แม้มันจะมีร่างกายใหญ่โตแต่ความเร็วของมันกลับไม่ด้อยเลย
ต้าซื่อโก่งตัวเป็นคันธนูก่อนจะส่งตัวเองพุ่งออกไปราวกับศรสายฟ้า
มันร่อนลงบนร่างของหมีขนเหล็กและใช้เท้าจิกลงไปทีชั้นไขมันของฝ่ายตรงข้าม
หมีขนเหล็กพยายามดิ้นรนแต่ก็ยังไม่สามารถสะบัดต้าซื่อออกไปได้
ประกายสายฟ้าแปลบๆอยู่ระหว่างหนวดบนศีรษะของต้าซื่อ มันเคลื่อนตัวไปยังกะโหลกศีรษะของหมีขนเหล็กก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงศัตรูอย่างแม่นยำ
หมีขนเหล็กรู้ถึงภัยคุกคาม มันกระแทกแผ่นหลังของมันเข้ากับกรงเหล็กอย่างรุนแรง
หลังจากโดนกระแทกสองสามครั้ง ต้าซื่อได้มึนงงและต้องปล่อยขากรรไกรและปืนขึ้นไปบนกรงเหล็กเพื่อหลบเจ้าหมีขนเหล็กแต่หมีกลับไปไล่ตามมัน
เกาเผิงได้มองเห็น [สถานะ] ของหมีขนเหล็ก จากได้รับบาดเจ็บ เป็น บาดเจ็บเล็กน้อย เป็น บาดเจ็บปานกลาง และสุดท้ายเป็น บาดเจ็บสาหัส
มันหยุดที่บาดเจ็บสาหัสแถมพ่วงคำว่าติดพิษมาด้วย
หมีขนเหล็กอ่อนแรงล้มไปบนพื้น มันได้ยอมแพ้การต่อสู้
เมื่อต้าซื่อเห็นว่าเหยื่อสู้ต่อไม่ได้ มันค่อยๆคลานลงมาไปหาหมีขนเหล็กอย่างช้าๆ
ในสายตาของหมีขนเหล็ก ต้าซื่อในตอนนี้เหมือนกับยมทูตที่จะมาเอาดวงวิญญาณของมัน
“เอาล่ะ นายผ่านการทดสอบของวันนี้แล้ว” ผู้ฝึกสอนจางกล่าว ในความเป็นจริงเขารู้สึกพูดไม่ออก หมีขนเหล็กควรจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับนักเรียนได้ถึง 4หรือ5คน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันกำลังจะตายในการต่อสู้ครั้งแรก
อย่างไรก็ตามเขาก็อดชื่นชมไม่ได้ “ตะขาบของนายมีพิษร้ายแรงมาก ไหวพริบในการต่อสู้ของมันก็ไม่เลว”
“แต่นายไม่ควรให้มันใช้พิษระหว่างการฝึกฝน มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นเรืองยากที่นายจะยกระดับความสามารถในด้านอื่นของมัน” อาจารย์ทหารจางกล่าว
เกาเผิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
เมื่อเห็นหมีขนเหล็กนอนอยู่บนพื้น กลุ่มเด็กนักเรียนเริ่มแสดงออกด้วยความตื่นเต้น
“ฉันจะเป็นคนต่อไปเอง สัตว์อสูรของฉันจะรับมือมันในรอบสอง” เจ้าของแมงป่องหางเหลืองกล่าว
“ฮึ นายทำได้เพียงกลั่นแกล้งสัตว์อสูรที่อ่อนแองั้นหรือ?”
“ถูกต้อง แต่ยังไงแมงป่องหางเหลืองของฉันก็ยังดีกว่าพุดเดิ้ลของนาย”
ทั้งสองทะเลาะกันอีกครั้ง
กรงเหล็กถูกเปิดออกขณะที่แมงป่องหางเหลืองถูกส่งเข้าไป
แมงป่องหางเหลืองทดลองใช้หางแทงหมีขนเหล็กแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เห็นดังนั้นมันจึงพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือดและฉีกกระชากร่างกายของหมีขนเหล็กออกเป็นชิ้นๆสุดท้ายยังเริ่มกัดกินชิ้นส่วนร่างกายของคู่ต่อสู้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเนื้อของหมีขนเหล็กมีพิษของต้าซือเจือปนอยู่ หลังจากชัวครู่แมงป่องหางเหลืองจึงเริ่มมึนงงและเดินไปรอบๆไร้ทิศทางราวกับกำลังรำไทเก็ก
มันทำให้เจ้านายของมันจะรู้สึกอับอาย หางของแมงป่องหางเหลืองติดอยู่กับกรงเหล็ก ขณะที่ก้ามปูของมันตกลงมาทับศีรษะของตัวเองและส่งเสียงกรีดร้องราวกับเด็กน้อยต้องการของเล่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันกำลังจะทำให้ฉันหัวเราะจนตาย” เจ้าของพุดเดิ้ลสามหางหัวเราะอย่างบ้าคลัง “ดูเหมือนว่าแมงป่องหางเหลืองของนายจะไม่ค่อยทรงพลังเท่าไหร่นะ ดูสิมันติดพิษเพราะกินเนื้อคู่ต่อสู้เพียงคำเดียว”
เมื่อเห็นเจ้านายหัวเราะ พุดเดิ้ลสามหางมองเจ้านายของมันสลับกับซากหมีขนเหล็ก จากนั้นดวงตาของมันจึงส่องประกายขึ้น
“เฮ้ เดี๋ยว! นั่นแกจะทําอะไร?” เจ้าของพุดเดิ้ลตะโกนด้วยความตกใจ
“อย่านะ! อย่ากินมัน! แกกินมันไม่ได้!”
หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ฝึกสอนจางได้แต่ถอนหายใจ
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ผู้ฝึกสอนจางต้องเค้นสมองคิดอย่างหนักหน่วง