GE376 ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด [ฟรี]
เมื่อแก่นโลหิตฟื้นฟู ผมขาวกลับคืนดำ ใบหน้าอ่อนเยาว์... การรักษาผ่านไปหลายเดือน อาการบาดเจ็บของหนิงฝานฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
“วิชาดาราทมิฬช่างลึกล้ำ หากไม่ได้วิชานี้ ข้าที่ทั้งบาดเจ็บและเสียแก่นโลหิตไปคงฟื้นฟูได้ยากมาก”
หนิงฝานผ่อนลมหายใจ พ่นเอาปราณที่ไม่บริสุทธิ์ออกมา ใบหน้ายิ้มด้วยความพึงพอใจ
เมื่อร่างกายพร้อม จึงนำผลึกน้ำแข็งออกมา... ผลึกน้ำแข็งแฝงไปด้วยพลังแห่งกาลเวลาที่สามารถเร่งเวลาให้เร็วกว่าทั่วไปได้ถึง 128 เท่า แต่ด้วยพลังงานที่อัดแน่นมหาศาลอยู่ในผลึกน้ำแข็ง ไม่อาจดูดซับได้ตรงๆ ต้องใช้สมุนไพรหลายชนิดช่วย
วิธีในการดูดซับสิ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล ตามความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์นั้นมีไม่กี่วิธี แต่วิชาปรุงโอสถที่ซีหลานให้มามีวิธีการมากมาย
หนิงฝานนำชามสมุนไพรขนาดใหญ่ออกมา และเตรียมสมุนไพรอีกหลายชนิดที่ช่วยในการดูดซับพลัง
นำผลึกน้ำแข็งใส่ชาม ผสมกับสมุนไพรที่ถูกบด ผลึกน้ำแข็งค่อยๆละลาย จากสีครามกลายเป็นสีทองบริสุทธิ์
เขายกชามหยกขึ้น จิบน้ำแข็งที่ละลายเล็กน้อย วางชามลงแล้วเริ่มดูดซับมัน
ทันทีที่น้ำแข็งลงไปถึงท้อง รู้สึกราวกับโลหิตเดือดพร่าน ความร้อนในร่างเพิ่มพูนขึ้นฉับพลันจนผิวหนังกลายเป็นสีแดง
ความรู้สึกในยามนี้ราวกับมีพลังมหาศาลปะทุอยู่ภายในร่าง แม้จะจิบเพียงเล็กน้อยแต่รู้สึกราวกับว่าได้ปราณจากมันนับหมื่นเกราะ!
แม้หนิงฝานจะครอบครองเส้นลมปราณหยินหยาง ครอบครองปราณถึง 3 ชนิดในร่าง แต่ปราณที่ได้จากน้ำแข็งยามนี้กลับทำให้รู้ราวกับเส้นลมปราณแทบไม่อาจรับได้
“ดูดซับ!” หนิงฝานหลับตา ดูดซับพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในร่าง
เมื่อดูดซับเสร็จกลับกลายเป็นว่าตนเองดูแคลนน้ำแข็งเกินไป เพราะหลังจากดูดซับแล้ว ได้ปราณมากถึง 11400 เกราะ!
เมื่อดื่มน้ำแข็งคำต่อไป ปราณที่ได้มากถึง 12200 เกราะ… เวลาล่วงเลยจนผ่านไปถึง 2 เดือน หนิงฝานได้ปราณทั้งหมดจากน้ำแข็งถึง 109400 เกราะ ภายในชามยังเหลือน้ำแข็งอยู่เล็กน้อย เขาเลียมันจนหมดและได้ปราณเพิ่มมาอีก 500 เกราะ
การดูดซับผลึกน้ำแข็งในครั้งนี้ ทำให้ปราณดั้งเดิมยกระดับถึง 138200 เกราะ
ผลึกน้ำแข็งเพียงชิ้นเดียวแต่กลับให้ปราณถึงแสนเกราะ นับเป็นเรื่องที่ท้าทายสวรรค์มาก
เมฆสีเงินก่อตัว เพลิงทัณฑ์สวรรค์หมุนวน เพลิงชนิดนี้ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณหวาดกลัว แต่หนิงฝานกลับดูดกลืนมันเข้าไปทั้งหมดในคราวเดียว
ยามนี้ หนิงฝานสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในเส้นลมปราณ มันคือเส้นสีทองเบาบาง หากไม่สังเกตุดีๆจะไม่อาจสัมผัสได้
เพ่งสมาธิตรวจสอบเส้นสีทอง แต่เมื่อแผ่สัมผัสเทพ เส้นสีทองนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“มันคืออะไร!” หนิงฝานขมวดคิ้ว แม้จะเพ่งสมาธิแต่ไม่อาจสัมผัสถึงมันได้อีก
ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลก เส้นสีทองนั่นปรากฏขึ้นหลังจากดูดซับผลึกน้ำแข็ง แต่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร พิเศษยังไง...
“หรือเส้นสีทองนั่นจะเป็นสัญลักษณ์ของวิหารสาบสูญ”
ยิ่งขบคิดยิ่งตระหนก เพราะไม่รู้ว่าเซียนจากแดนสวรรค์จะไล่ล่าเขาหรือเปล่า
การที่ปราณยกระดับจำนวนมหาศาลในเวลาอันสั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องเส้นสีทองที่ปรากฏก็ยังค้างคาใจ
10 วันที่ใช้ไปกับการขบคิด เส้นสีทองก็ยิ่งปรากฏเด่นชัด หนิงฝานโคจรพวกมันไปไว้ที่ปลายนิ้ว ป้องกันไม่ให้พวกมันหายไป แผ่สัมผัสเทพสำรวจอย่างละเอียด สีหน้าแปรเปลี่ยนตกตะลึง
“คาดไม่ถึงว่าเส้นสีทองเหล่านั้นจะเป็นพลังแห่งกาลเวลาที่ผสานเข้ากับโลหิต หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘โลหิตกาลเวลา’ ไม่เป็นอันตรายกับข้า และอาจช่วยให้ข้าใช้พลังกาลเวลาได้”
หนิงฝานบิดยืดกาย โคจรวิชาหมอกเมฆาม่วง แต่หมอกเมฆายามนี้มีสีทองที่เข้มขึ้น
สีม่วงแสดงถึงพลังแห่งชีวิต สีทองแสดงถึงพลังกาลเวลา
พลังแห่งชีวิตและพลังแห่งเวลานั้นสอดคล้อง การเกิด การตาย ล้วนมีเวลากำหนด ดังนั้นการที่ได้พลังกาลเวลาผสานกับพลังแห่งชีวิต จึงทำให้หมอกเมฆาม่วงของเขาทรงพลังขึ้น
ผลึกน้ำแข็งมอบปราณดั้งเดิมแสนเกราะ ทั้งยังมอบโลหิตที่แฝงด้วยพลังแห่งกาลเวลา ทำให้หนิงฝานเริ่มมีแรงกระตุ้นที่อยากจะชิงผลึกน้ำแข็งอีก 6 ชิ้นที่เหลือ
ยามนี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดกษัตริย์พิรุณเมฆาแดงถึงได้คิดช่วงชิงผลึกน้ำแข็ง นั่นเพราะในนั้นมีพลังแห่งกาลเวลาอยู่
หากชิงผลึกน้ำแข็งมาได้ทั้งหมดย่อมถือเป็นเรื่องน่ายินดี แต่หนิงฝานไม่อาจทำได้ ต่อให้ทำได้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะบาดเจ็บขนาดไหน
การที่ผลึกน้ำแข็งของชั้น 7 ถูกช่วงชิง หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเข้ามาเก็บตัวฝึกฝน ย่อมไม่มีใครรู้ว่าผลึกน้ำแข็งถูกช่วงชิงไป
แต่หากผลึกน้ำแข็งของชั้น 1 ถึง 6 ถูกช่วงชิง เรื่องที่หนิงฝานเป็นผู้ชิงไปคงถูกเปิดเผย
ความคิดช่วงชิงผลึกน้ำแข็งล้มเลิก ตั้งสมาธิควบคุมลมหายใจเพื่อฟื้นฟูตนเองให้สมบูรณ์พร้อม
ยามนี้ปราณทั้ง 3 ชนิดบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางทั้งหมด
หนิงฝานลองผสานปราณทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ทั้งยังลองผสานเจตจำนงค์พิรุณ เจตจำนงค์อสูร และเจตจำนงค์ปีศาจ
การผสานพลังและเจตจำนงค์ที่แตกต่างทั้ง 3 ชนิดไม่ได้ยากมากนัก เหตุที่ต้องการทำเช่นนี้เพราะต้องการทะลวงข้อจำกัดของพลังทั้งสาม จึงกล่าวได้ว่า ยามนี้เขาไม่ใช่ทั้งมนุษย์ อสูร และปีศาจ แต่เขาคือ...หนิงฝาน!
ผ่านไป 3 วัน การผสานพลังทั้ง 3 ชนิดเริ่มเป็นผล แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย
“ผสาน!”
พื้นที่รอบข้างหมื่นลี้ปรากฏหิมะทมิฬร่วงโรย ร่างกายเปล่งแสงสีม่วงจนอาภรณ์ขาวดูคล้ายอาภรณ์ม่วง ภาพต้นท้อปรากฏขึ้นด้านหลัง ดอกท้อสีแดงงดงามเบ่งบาน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการผสานของเจตจำนงค์ทั้ง 3 ชนิด ทั้งหมดผสานรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นเหมือนปรากฏการณ์ธรรมชาติเกื้อหนุน
หนิงฝานไม่เคยคิดว่าตนเองคือเผ่าพันธุ์ไหน เขาคิดแต่เพียงว่าตนเองจะต้องแข็งแกร่ง เพื่อที่จะกลายเป็นที่พึ่งให้กับครอบครัวของตนได้ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด สุดท้ายหนิงฝานก็คือหนิงฝาน
ตั้งแต่สมัยโบราณกาล หนึ่งในจักรพรรดิสวรรค์ผู้ทรงพลังสามารถผสานรวมพลังทั้ง 3 เผ่าพันธุ์ให้เป็นหนึ่ง เพียงแต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ยังไม่มีผู้ใดทำเช่นนั้นได้อีก กระทั่งถึงคนรุ่นปัจจุบัน...หนิงฝานคือผู้ที่ทำได้สำเร็จ
เจตจำนงค์ 3 เผ่าพันธุ์ผสานลงตัวอย่างสมบูรณ์ ยามนี้จึงสมควรที่จะผสานปราณทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน
ปราณปีศาจที่น่าสะพรึงปะทุ ปราณดั้งเดิมแผ่แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว ปราณอสูรกระหายและเลือกเย็น ทั้งหมดนี้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เวลาเลยผ่าน 1 เดือนเต็ม หนิงฝานที่จดจ่ออยู่กับการผสานปราณลืมตา แววตายามนี้ไร้ซึ่งความเมตตา ไร้ซึ่งความกระหายเลือด และไร้ซึ่งความน่าสะพรึงกลัว
แววตาหนิงฝานกลับกลายเป็นเหมือนแววตาเมื่อครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน แววตาที่เป็นมิตรและน่าคบหา
ผลจากการผสานปราณทั้ง 3 นั้น ทำให้ปราณที่แตกต่างรวมเป็นหนึ่ง จำนวนปราณก็ผสานรวมเป็นหนึ่ง จนยามนี้ เขามีปราณในร่างเพียงชนิดเดียว และมากถึง 293,130 เกราะ เหลือเพียงนิดเดียวก็จะบรรลุตัดวิญญาณขั้นสูงสุด!
เส้นทางที่หนิงฝานเดินนั้นแตกต่างจากผู้คนทั่วไป ตั้งแต่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่เคยได้ก้าวเดินเส้นทางนี้มาก่อนตายไป ก็ไม่มีผู้ใดก้าวเดินในเส้นทางนี้ได้อีก
เมฆสีเงินก่อตัวอีกครั้ง แต่ก่อนที่มันจะกลายเป็นเพลิงสีเงิน หนิงฝานซัดฝ่ามือใส่และดูดกลืนมันเข้ามา
เพลิงทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงบาดเจ็บสาหัส แต่มันกลับทำอะไรหนิงฝานไม่ได้แม้แต่น้อย
“อีกเพียงนิดเดียวข้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด… ข้าต้องทะลวงระดับให้ได้!”
หนิงฝานนำผลไม้แห่งเต๋าไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดออกมา เขาได้มันมาจากเว่ยฉวน ยามนั้นชายชรามอบให้ 5 ผล เป็นระดับขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุด 5 ผล และไร้แบ่งแยกอีก 1 ผล
หากหนิงฝานกินมันตั้งแต่คราวยังอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง ร่างกายอาจระเบิดเพราะทนรับพลังมหาศาลไม่ไหว แต่ยามนี้เขาดูดซับมันได้ แม้จะดูดซับปราณได้เพียง 3 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
อย่างน้อยผลไม้แห่งเต๋าไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดจะมีปราณราว 5 หมื่นเกราะอัดแน่นอยู่ภายใน ถึงการที่หนิงฝานกินมันยามนี้จะทำให้เสียของไปมาก แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เขาทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดได้
ที่ต้องทำในยามนี้เพราะมีเหตุจำเป็น แต่หากทะลวงระดับได้แล้ว หนิงฝานจะไม่ทำให้มันเสียของอีก
หนิงฝานนำสมุนไพรหลายชนิดออกมา กินมันเข้าไปพร้อมกับผลไม้แห่งเต๋า ทำให้เขาได้ปราณมาเกือบ 2 หมื่นเกราะ
ปราณของหนิงฝานเพิ่มพูนถึง 312500 เกราะ แรงกดดันในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดปรากฏ พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หนิงฝานทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดสำเร็จ
เมฆาสีเงินก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เพลิงทัณฑ์สวรรค์ที่ปรากฏ ทรงพลังมากพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงได้
หนิงฝานในยามนี้จะไม่พึ่งพาจารึกตะวันจันทราอีก เขาจะทำลายมันด้วยตนเอง
เปลวเพลิงสีดำลุกโหมทั่วร่าง มือทั้ง 5 ยื่นไปเบื้องหน้า คว้าจับอากาศที่ว่างเปล่า ดึงเอาพลังจากพื้นดินเข้าสู่ร่าง
พลังที่ผสานเข้ามานั้น ทำให้แรงกดดันของหนิงฝานเพิ่มพูนเทียบเท่าขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง
ยามนี้นับว่าหนิงฝานมีระดับพลังทัดเทียมกับ 7 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลส่วนใน
“ฝ่ามือเพลิงไร้ลักษณ์!”
เปลวเพลิงก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดพันจ้าง พุ่งเข้าปะทะกลุ่มก้อนเปลวเพลิงสีเงิน
อานุภาพของเปลวเพลิงลดลง 1 ใน 10 ส่วน แววตาหนิงฝานหนักแน่นไร้ความกลัว โคจรปราณภายในร่างรวบรวมไว้ที่ฝ่ามือ
หนิงฝานหวนนึกถึงฝ่ามือของท่านหยาน ฝ่ามือที่ทำลายเมืองขนาดใหญ่ได้ในคราวเดียว ยิ่งหวนนึก เขาก็ยิ่งเข้าใจในฝ่ามือมากขึ้น
เขาซัดฝ่ามือไปเบื้องหน้า เปลวเพลิงก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ แต่ในชั่วพริบตานั้น หนิงฝานซัดฝ่ามืออีกครั้ง เปลวเพลิงก่อตัวเป็นรูปฝ่ามือ ผสานเข้ากับฝ่ามือเพลิงก่อนหน้า
“ทำลาย!” เปลวเพลิงขนาด 2 พันจ้างประทับเข้าเพลิงทัณฑ์สวรรค์ การปะทะส่งผลให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ฝ่ามือเมื่อครู่ผลาญพลังกายของหนิงฝานไปแทบทั้งหมด อานุภาพของฝ่ามือทรงพลังกระทั่งหากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ไม่มีผู้ใดต้านรับได้
ความเข้าใจในฝ่ามือเพลิงไร้ลักษณ์ของท่านหยานเพิ่มพูน กระทั่งก้าวล้ำท่านหยานไป เพราะด้วยพรสวรรค์ของมันแล้ว ไม่อาจผสานอำนาจของสองฝ่ามือได้เหมือนหนิงฝาน
“สมแล้วที่เป็นวิชาในระดับไร้ดัดแปลง”
เปลวเพลิงทัณฑ์สวรรค์แตกกระจาย หนิงฝานอ้าปากดูดกลืนเอาเพลิงทัณฑ์สวรรค์เข้าร่าง นั่งขัดสมาธิเร่งฟื้นฟูปราณที่เสียไป
เหลือเวลาอีกไม่มากก็จะถึงยามที่หนิงฝานต้องกลับออกไป หากจะให้เขาปรับสมดุลพลัง เวลาย่อมไม่พอ
เวลาในวิหารสาบสูญผันผ่านไปร่วม 126 ปี ยามนี้ อายุกระดูกของเขาบรรลุถึง 500 ปีแล้ว
อายุ 500 ปีบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าพรสวรรค์ของตนไร้เทียมทาน แต่ก็กล่าวว่าได้น่าภาคภูมิใจ
การที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ทำให้หนิงฝานรู้ว่าตนเองจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงได้ไม่ยาก...
ยามนี้ที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด หากเขากินผลไม้แห่งเต๋าไร้ดัดแปลงขั้นต้น ผลที่ได้จะลดลงเหลือเพียงครึ่ง
การจะทะลวงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ต้องยกระดับปราณอีก 2 แสนเกราะ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
เวลาที่เหลือเพียง 1 ปี สำหรับผู้เชี่ยวชาญนับว่าน้อยเป็นอย่างมาก...
สิ่งที่เกิดขึ้นภายใน 1 ปีของโลกภายนอกทำให้ลู่ชิงเสียใจ
มันไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหนิงฝานและเซี่ยวเหมิน จึงได้ตัดสินใจบางสิ่งที่ผิดพลาดไป และสิ่งที่ผิดพลาดนั้นได้ก่อเรื่องให้กับเซี่ยวเหมิน!
ภายในโถกหลังของหอคอยใต้… ลู่ชิงยืนก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดพลางตำหนิตนเองในใจ
“ลู่ชิง! เจ้าเป็นคนเชิญพวกมันมาเหรอ?” เซี่ยวเหมินขมวดคิ้วแน่น จับจ้องลู่ชิงแววตาเย็นชา นางไม่ชอบคนก่อปัญหาและทรยศ
“คุณหนูสี่ หากไม่เพราะปู้ซัว ข้าคงไม่แจ้งข่าวออกไป ข้าเสียใจจริงๆ!” ลู่ชิงก้มหน้า มันคาดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนิงฝานและเซี่ยวเหมินจะลึกซึ้งกว่าที่คิด
“เสียใจแล้วได้ประโยชน์อะไร! ไล่พวกมันไปให้หมด!” เซี่ยวเหมินกำหมัดแน่น หากไม่เพราะนางรู้ว่าลู่ชิงหวังดี นางคงไม่ให้อภัยลู่ชิงเด็ดขาด
นางกวาดตามองผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้ง 49 คนที่อยู่ในโถง
ผู้นำกลุ่มที่มาคือผู้เยาว์ในอาภรณ์ดำ นาม ‘ซีเหมินเย่’!
มันผู้นี้เป็นคู่หมั้นของเซี่ยวเหมิน เป็นผู้ที่เกลียดชังนางและหนิงฝานเป็นอย่างมาก
“ซีเหมินเย่ ข้าจะไม่ไปไหนกับเจ้าทั้งนั้น!” เซี่ยวเหมินกล่าวอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า เจ้าคือคู่หมั้นของข้า ยังไงเจ้าก็ต้องไปกับข้า! เซี่ยวเหมิน ข้าขอบอกเจ้าตรงๆนะ… ตัวเจ้ามันหุนหันพลันแล่น ไม่มีความเป็นสตรี พรสวรรค์อ่อนด้อย ข้าซีเหมินเย่ไม่มีทางสนใจคนอย่างเจ้าหรอก… ตัวเจ้ามันก็แค่คนที่สานสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซีเหมินและวิหารสาบสูญเท่านั้น… ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่กล่าวแล้ว ต่อให้เป็นมารดาก็ปกป้องเจ้าไม่ได้!”
แววตาซีเหมินเย่แปรเปลี่ยนเย็นชา มันไม่ได้สนใจเซี่ยวเหมินแม้แต่น้อย เพราะเมื่อมันได้ยินว่าคู่หมั้นของมันเกี่ยวพันกับคนชั้นต่ำในโลกมนุษย์ มันแทบอยากจะสังหารนางเสียเดี๋ยวนี้
“ถ้าเจ้ายอมตามข้ามาดีๆข้าจะไม่ลงโทษเจ้า… แต่หากไม่ยอมกลับ ข้าจะตัดแขนตัดขาแล้วพาเจ้ากลับแดนสวรรค์เหนือ… เจ้าเลือกเอาเองแล้วกัน!”
“บังอาจ!”
ลู่ชิงและทหารศิลากล่าวขึ้นด้วยความโกรธ แม้ผู้อาวุโสใหญ่จะจัดวางชีวิตของเซี่ยวเหมินเอาไว้ จัดการเรื่องสำคัญในวิหารสาบสูญ หรือกระทั่งต่อให้ตระกูลซีเหมินทรงพลัง พวกมันก็ไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายคุณหนูของพวกมัน
พวกมันก้าวเท้าไปเบื้องหน้า แรงกดดันขอบเขตตัดวิญญาณปะทุ
ทหารศิลาเปล่งแรงกดดันที่ทรงพลังยิ่งกว่าลู่ชิง หนิงฝานเป็นผู้ยกระดับพลังให้กับทหารศิลา
ผู้ที่ซีเหมินเย่นำมาเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น 30 คน ซึ่งพวกมันได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของทหารศิลาและไม่อาจต่อต้านได้
ลู่ชิงตกตะลึง เดิมทีมันรู้ว่าทหารศิลาอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แต่เหตุใดยามนี้ถึงบรรลุตัดวิญญาณขั้นกลาง
ผู้ที่ได้ผลกระทบมีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น 30 คน ที่เหลืออีก 19 คน มี 9 คนอยู่ขั้นกลาง 5 คนขั้นสูง 3 คนขั้นสูงสุด และ 2 คนกึ่งไร้ดัดแปลง ผู้ที่มาล้วนมากพรสวรรค์และแกร่ง พวกมันห่างชั้นกับผู้เชี่ยวชาญบนโลกพิรุณมาก
ซีเหมินเย่คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง เพียงแต่ร่างที่เห็นอยู่นี้คือดวงจิตเทพของมันเท่านั้น!
มันไม่เห็นทหารศิลาอยู่ในสายตา
“เซี่ยวเหมิน… อย่าให้ข้าต้องหมดความอดทนกับเจ้า… จะว่าไป ข้าได้ยินข่าวว่าในหอคอยใต้ของเจ้ามีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง ที่แข็งแกร่งทัดเทียมกึ่งไร้ดัดแปลงอยู่ นามซัวหมิง.... หากเจ้าไม่ยอมตามข้ามา ข้าจะฆ่ามัน!”
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับซัวหมิง! เจ้าจะฆ่าเค้าไม่ได้!”
เซี่ยวเหมินตกตะลึง นางรู้ว่าซีเหมินเย่โหดเหี้ยมและไร้จิตใจ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นห่วงมันมาก...”
แววตาซีเหมินเย่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง
มันหันมองลู่ชิงและทหารศิลาราวกับสังหารทั้งสองในทันที
แม้จะเพียงจ้องมอง แต่พลังงานบางอย่างกลับทะลวงมิติ กระแทกใส่ทหารศิลาและลู่ชิงจนปลิว กระอักโลหิตอย่างรุนแรง และบาดเจ็บสาหัส
แค่จ้องมองก็ทำให้ลู่ชิงและทหารศิลาบาดเจ็บได้… เซี่ยวเหมินดวงตาเบิกกว้าง
“เจ้า… ขอบเขตไร้แบ่งแยก!”
ร่างจริงของซีเหมินเย่แท้จริงกลับเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก
แม้ดวงจิตเทพของมันจะอยู่เพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงได้
“ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร? คิดว่าข้าจะเป็นเหมือนเจ้างั้นเหรอ? อยู่แค่ขอบเขตตัดวิญญาณ! เจ้ามันไม่คู่ควร นอกจากพี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าแล้ว คนอื่นๆไม่คู่ควร!” ซีเหมินเย่กล่าวอย่างเย็นชาก่อนจะเอื้อมมือหมายคว้าร่างของเซี่ยวเหมิน
เซี่ยวเหมินพยายามหลบ แต่กลับถูกแววตาของซีเหมินเย่จ้องมอง จนทำให้นางเกือบจะกระอักโลหิต
แววตานางแปรเปลี่ยนเย็นชา นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดข่มเหง
“คุณหนู!”
ทหารศิลาและลู่ชิงตกตะลึง หากลู่ชิงรู้ว่าการรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกลับไปยังแดนสวรรค์เหนือจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ มันคงไม่รายงานไป
เหตุใดถึงปล่อยให้คุณหนูสี่ถูกตระกูลซีเหมินข่มเหง… ผู้อาวุโสใหญ่คิดอะไรอยู่!
หากซีเหมินเย่จับนางไป นางคงกลายเป็นกระถางขัดเกลา
แต่ก่อนที่จะคว้าร่างของนางได้ทัน เงาร่างสายหนึ่งกลับมาคว้าตัวนางเอาไว้ได้ก่อน!
“เจ้าเป็นใคร!” ซีเหมินเย่จ้องมองผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวที่ปรากฏตัว จากที่มันเห็น ความเร็วของผู้เยาว์คนนี้เทียบผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น
“ข้าคือซัวหมิง”
หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย ใบหน้าปรากฏรอยขีดข่วน แม้ว่าเขาจะรวดเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น แต่ยังไม่หลบพ้นมือของซีเหมินเย่
มันทรงมาก ทรงพลังยิ่งกว่าผู้ถูกเลือกของแดนสวรรค์ทุกคนที่เคยพบ...