MPE บทที่ 42 ตะขาบสายฟ้าหลังม่วงชนชั้นขุนนาง
การอยู่เพื่อช่วยชีวิตสหายถือเป็นเรื่องงี่เง่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของตนเอง ดังนั้นการวิ่งให้เร็วกว่าผู้อื่นจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำถ้าหากคุณอยากมีชีวิตรอด
นางพญาแมงมุมเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แม้ขนาดใหญ่จะทำให้ดูเหมือนเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงมันค่อนข้างเร็ว
ทุกครั้งที่มันฟาดขาออกมา ทุกสิ่งรอบตัวของมันจะถูกทำลายล้าง ผู้คนหรือสัตว์อสูรที่โชคร้าย ร่างจะกระจัดกระจายหรือติดอยู่ที่กรงเล็บของมัน
….
ด้านนอกป่าหินดํา เงาสีเขียวบินมาจากระยะไกล
“ภารกิจเสร็จสิ้นเร็วกว่าที่ฉันคิด” เจ้าหน้าที่รัฐบาลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แต่นายทหารกลับแสดงออกด้วยท่าทีที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เขาขมวดคิ้วและมองตั๊กแตนตำข้าวหยกสี่ปีกที่กําลังบินตรงเข้ามา ทันใดนั้นเขาพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
เขาโบกมือและตะโกน “ทุกคนประจำตำแหน่ง เตรียมตัวต่อสู้!”
ปืนใหญ่ที่เล็งมาที่เขา หัวใจของหลิวเฉินหลินแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก “อย่าพึ่งยิง เราอยู่ข้างเดียวกัน!”
ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าต้องหวาดกลัวปืนใหญ่หรือแมงมุมปีศาจสีเทามากกว่ากัน
หลิวเฉินหลินลงมาจากตั๊กแตนตำข้าวหยกสี่ปีก เมื่อลงถึงพื้นเขาแจ้งนายทหารทันที
“สิ่งที่อยู่ในถ้ำไม่ใช่นางพญาแมงมุมธรรมดา มันกำลังวิวัฒนาการไปเป็นชนชั้นนักรบ!” หลิวเฉินหลินตะโกนอย่างต่อเนื่อง
“ใจเย็น ดื่มน้ำนี่าก่อน” นายทหารส่งน้ำให้เขา
หลังจากใจเย็นแล้ว หลิวเฉินหลิงจึงเริ่มอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังการแสดงออกของผู้คนแตกต่างกันไปเมื่อได้ยินเรื่องราวจากหลิวเฉินหลิง
นายทหารหันหน้าไปทางเจ้าหน้าที่รัฐบาลและกล่าวอย่างใจเย็น “ข้อมูลผิดทั้งหมด นี่เป็นการสูญเสียครั้ยิ่งงใหญ่ นางพญาแมงมุมเก็บซ่อนความแข็งแกร่งของมันเอาไว้”
มีเพียงหลิวเฉินหลิงและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับออกมาจากถ้ำได้
“มีบางคนกำลังออกมา” บางคนชี้นิ้วไปข้างหน้า
“นางพญาแมงมุมตามมารึเปล่า?” นายทหารไม่เห็นแมงมุมไล่ล่าเขามาแม้แต่ตัวเดียว
“ไม่รู้ ดูเหมือนมันจะไล่ล่าคนอื่น พวกเราแยกกันหนี!” คนที่พึ่งกลับออกมากล่าวด้วยความตื่นตระหนก
“พวกมันมุ่งหน้ามาทางนี้รึงเปล่า?”
“ไม่”
พวกเขาทำตัวไม่ถูก พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้อย่างดุเดือดแต่นางพญาแมงมุมแต่มันกลับไม่ได้มุ่งหน้ามาหาพวกเขา
‘หากฉันรู้ว่านางพญาแมงมุมกำลังอยู่ระหว่างวิวัฒนาการ…’
นายทหารก้มหน้าลงด้วยความเสียใจ หากเขารู้ล่วงหน้า เขาจะไม่นำผู้คนมาที่นี ผู้คนเหล่านี้ถือเป็นกำลังเสริมที่สำคัญของเมืองฉางอาน
“ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เจ้าป่าแห่งป่าหินดำจะไม่ปล่อยมันหรอก เสือสองตัวไม่สามารถอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ เว้นเสียแต่พวกมันจะเป็นเพศที่แตกต่างในสายพันธุ์เดียวกัน นางพญาแมงมุมก็เป็นกึ่งชนชั้นนักรบเท่านั้น บางทีมันอาจถูกกินโดยคิงคองทมิฬก็ได้”
นายทหารกล่าวปลอบใจทุกคน
หากสามารถนำนางพญาแมงมุมมาเป็นเลี้ยงได้ มันจะเป็นกองกำลังชั้นยอด แต่น่าเสียดายที่มันกำลังวิวัฒนาการนี่ทำให้แผนการของพวกเขาจบลงอย่างน่าเศร้า
…..
“ชน!” กองไม้ด้านหน้าระเบิดขึ้นสู่อากาศขณะที่ต้าซื่อวิ่งผ่าน เกาเผิงกล่าวชมเชยมัน “ทำได้ดีมาก นี่คือรางวัลของนาย” เขาโยนขนมปังให้กับต้าซื่อ
เขาลูบศีรษะของมันและคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะยกระดับจากชนชั้นสามัญเป็นชนชั้นขุนนาง
เลเวล 1 ถึง 10 คือสามัญ
เลเวล 11 ถึง 20 คือขุนนาง
อาจารย์ทหารเฉินเดินไปรอบๆและตรวจสอบแบบสุ่ม เมื่อเขาเดินมาใกล้ๆ เด็กที่กำลังเกียจคร้านจึงรีบแสร้งทำเป็นตั้งใจฝึกซ้อม
ในความเป็นจริงผู้ฝึกสอนเหล่านี้ ตระหนักดีว่านักเรียนคนไหนตั้งใจและคนไหนไม่ตั้งใจ บางคนไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียว แต่ทำท่าเหมือนฝึกหนักมาก
เมื่อสัตว์อสูรของพวกเขาถูกกระตุ้นอย่างกะทันหัน พวกมันจึงไม่สามารถตอบสนองและรู้สึกสับสนกับการแสดงออกของเจ้านาย
‘เกิดอะไรขึ้น?’
‘เจ้านายของฉันกำลังทำอะไร?’
‘ไม่ใช่ว่าเขาอนุญาตให้ฉันเล่นงั้นหรือ?’
“แฮ่…” ฮักกี้สีทองคำรามใส่เจ้านายของมันด้วยความโกรธ ‘นายกล้าแกล้งฉันงั้นหรือ?’
ทุกครั้งที่ฮักกี้สีทองไม่ฟังคำสั่งของเขา เขาจะปล่อยให้หมาป่าจันทราสีเงินของนายทหารข่มขู่มัน แต่ตอนนี้ฮักกี้สีทองไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
“เจ้าหมาบ้า อย่ากัดฉัน!”
ผู้ฝึกสอนเฉินเลิกสนใจเด็กหนุ่มกับอัสกี้ที่อยู่ตรง เขาเดินตรวจต่อไปก็พบกับเกาเผิง
ดวงตาของผู้ฝึกสอนเฉินส่องประกายขึ้นเมื่อมองเกาเผิง มีนักเรียนไม่กี่คนที่ตั้งใจฝึกสอนสัตว์อสูรแบบเช่นเด็กผู้นี้
“ปัง”
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ลังไม้ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับเท้าอันแหลมคมของต้าซื่อที่หมุนวนราวกับเลื่อยไฟฟ้าถูกต้อง นี่คือท่าไม้ตายที่เกาเผิงพึ่งคิดค้นขึ้น โดยการให้ต้าซื่อพันรอบๆลังไม้ จากนั้นให้ต้าซื่อเคลื่อนที่เร็วแค่ขาอันแหลมคมของต้าซื่อก็ไม่ต่างจากกรงจักรดีๆนี่เอง
“ต่อไป”
ภายใต้คำสั่งของเกาเผิง ต้าซื่อกลับไปฝึกฝนอย่างหนักพร้อมกับเจ้านายของมัน เมื่อต้าซื่อออกวิ่ง เกาเผิงจะวิ่งไปพร้อมกันและให้คำแนะนํากับมันเสมอ
หลังจากผ่านไป 3ชั่วโมง แม้รูปร่างของต้าซื่อจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เกาเผิงยังตระหนักได้ว่ามันได้ก้าวเข้าสู่เลเวล 11 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว