MPE บทที่ 39 ตั๊กแตนตำข้าวหยกสี่ปีก
หากหม่าเจียงอยู่ที่นี่ เขาจะต้องพบกับฉากที่คุ้นเคยมากๆ มีน้ำเดือดปุดๆที่อยู่ในหม้อใบใหญ่
ส่วนผสมต่างๆถูกโยนลงไปราวกับการทำอาหาร
วัตถุดิบบางส่วนมีคุณสมบัติธาตุน้ำ เมื่อนำมาผสมกับวัตถุดิบธาตุไม้จะทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น สิ่งนี้จะทำให้ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจที่เป็นธาตุไม้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เขาหยิบสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนฟองอากาศขึ้นมาและใช้เข็มเล็กๆเจาะรูก่อนจะใส่ลงไปในหม้อ
ผ่านไปสักพัก ส่วนผสมทั้งหมดจึงค่อยๆซึมเข้าไปในฟองอากาศเขาทำซ้ำๆและได้รับฟองอากาศที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบจำนวน 10ฟอง
10นาทีต่อมาเขานำฟองอากาศดังกล่าวออกมาวางไว้บนถาดไม้
หลังจากตั๊กแตนตำข้าวปีศาจทั้งสิบตัว กินฟองอากาศเหล่านี้เข้าไป ร่างกายของพวกมันพลันเกิดการสั่นสะท้านขึ้นก่อนที่พวกมันจะเริ่ม
ปิดเปลือกตาและนอนลงบนพื้น
ขั้นตอนแรกเสร็จสิ้น แต่เกาเผิงยังเตรียมวัตถุดิบในขั้นตอนต่อไป
ยามดึกที่เงียบสงัดในห้องปฏิบัติการ เกาเผิงทำงานอยู่เพียงลำพัง เขาทำงานตลอดทั้งคืน กระทั่งถึงรุ่งเช้ามาถึง เขาจึงเปิดประตูออก
จากห้องและปลุกหลิวเฉินหลินที่นอนอยู่ด้านนอกให้ตื่นขึ้น
“คุณเกา ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ผมคิดว่าการยกระดับจะประสบความสำเร็จ พวกมันจะตื่นขึ้นในช่วงบ่าย” เกาเผิงรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยหลังจากทำงานหนักมาตลอดคืน
“นั่นเยี่ยมมาก! ขอบคุณครับคุณเกา” หลิวเฉินหลินพยักหน้าซ้ำๆ “บริษัทของเราจัดห้องพักไว้สำหรับคุณแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการกลับบ้าน เราได้เตรียมรถส่วนตัวไว้บริการคุณเช่นกัน”
เกาเผิงคิดอยู่ชั่วครู่ “งั้นไปส่งผมไปที่สำนักงานของผมด้วยนะครับ”
เมื่อกลับไปถึงสำนักงาน เกาเผิงปรับเกาอี้เอนกายนอนในท่าที่สบายทันที ที่นี่ค่อนข้างเงียบ มีลูกค้าไม่กี่คนที่เข้ามาใช้บริการสำนักงานของเขา
เกาเผิงตื่นขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่าย เป็นไปตามคาด ไม่มีลูกค้ามาพบเขาในช่วงเช้า
เขาได้รับข้อความจากหลิวเฉินหลินว่าตั๊กแตนตำข้าวปีศาจเริ่มเกิดการวิวัฒนาการแล้ว เกาเผิงไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจทั้งสิบที่เขาเลือก มันมีความพร้อมที่จะวิวัฒนาการอยู่แล้ว โดยแต่ละตัวมีเลเวลอยู่ที่ 20 เขาเพียงแค่ยกระดับเลเวลของพวกมันขึ้นอีกหนึ่งเลเวลเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง หัวใจของหลิวเฉินหลินกำลังเต้นอย่างรุนแรง ขณะเฝ้ามองตักแตนปีศาจที่กำลังวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง บนแผ่นหลังของพวกมันมีปีกคู่ใหม่งอกออกมา ด้วยการสะบัดปีกเบาๆ ของเหลวที่ติดอยู่บนปีกกระจายออกไป แรงลมจากการสะบัดปีกยังทำให้เส้นผมบนศีรษะของหลิวเฉินหลินปลิวอีกด้วย
แสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นบนร่างกายของพวกมันเป็นเวลา 15นาทีก่อนจะสิ้นสุดลง
ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจทั้งสิบมีร่างกายสูงขึ้นประมาณ 3เท่าจากก่อนหน้านี้ ปีกของพวกมันเพิ่มขึ้นอีกคู่หนึ่ง แขนขาของพวกมันส่องประกายราวกับหยกเขียว
ตั๊กแตกปีศาจที่ยืนอยู่รอบๆต้องถอยห่างกัน เพราะพวกมันไม่ใช่สัตว์สังคม เมื่อพบกับสัตว์ชนิดเดียวกันพวกมันจะไม่วิ่งเข้ารวมกลุ่ม แต่จะล่าถอยหรือซ่อนตัวแทน
“ชนชั้นนักรบ ตั๊กแตนตำข้าวหยกสี่ปีก…” หลิวเฉินหลินพึมพำ เขาขยับกรอบแว่นตาของตนราวกับกำลังมองงานศิลปะที่สวยงาม
ก่อนหน้านี้บริษัทของเขาเคยมีตั๊กแตนตำข้าวปีศาจที่สามารถวิวัฒนาการได้ในระดับนี้มาก่อนแต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จ แม้กระทั่งบริษัทสกายเซาเทิร์น ผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรชนิดนี้ก็ยังพบกับความยากลำบากเช่นเดียวกัน นั่นทําให้บริษัทบลูชิลด์ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายจํานวนมหาศาลในการยกระดับตั๊กแตนตำข้าวปีศาจแต่ละตัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นโชคลาภของพวกเขา
หลิวเฉินหลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก การว่าจ้างเกาเผิงถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดจริงๆ
ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่ทำตามคำสั่งของคนๆหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มผู้นี้จนหมดหัวใจ
ลุงของหลิวเฉินหลินกล่าวว่าอย่าทำให้เกาเผิงขุ่นเคืองใจ เขาไมรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเกาเผิงนั้นเป็นอย่างไร แต่เพียงแค่ความสามารถของเด็กหนุ่มผู้นี้ ก็ทำให้หลิวเฉินหลินก็รู้สึกยกย่องเขาเป็นอย่างมาก
…..
3วันต่อมา ณ ชายป่าหินดำ มีทหารจำนวนมากเฝ้าระวังพื้นที่บริเวณดังกล่าวเอาไว้ ด้านหลังยังมีรถถังติดปืนใหญ่หลายคันจอดอยู่
“เราดีใจที่พวกคุณมาที่นี่” ตัวแทนกลุ่มทหารกล่าว
มีกลุ่มคนยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา ผู้คนเหล่านี้ยืนแยกกลุ่มกัน ชัดเจนว่าพวกเขามาจากต่างองค์กร
อย่างไรก็ตามกลุ่มที่สะดุดตาที่สุดคือกลุ่มบริษัทบลูชิลด์ เพราะว่าตั๊กแตนตำข้าวหยกสี่ปีกได้รับความสนใจจากทุกคนและสร้างกดดันให้กับพวกเขา
สัตว์อสูรชนชั้นนักรบ 8ตัว!
ในแต่ละองค์กรจะมีสัตว์อสูรสายพันธุ์นักรบมาเพียง 3หรือ4ตัวเท่านั้น และไม่มีทางที่พวกเขาจะส่งกำลังรบทั้งหมดมาในภารกิจเดียว ฉะนั้นบริษัทนี้จึงเป็นที่สนใจแก่กลุ่มอื่นมาก
“จากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ เราพบว่าจุดอ่อนของแมงมุมปีศาจสีเทาคือไฟ พวกมันตอบสนองด้วยความหวาดกลัวต่อไฟอย่างชัดเจน!”