บทที่ 204 ตระกูลหยาง
บทที่ 204 ตระกูลหยาง
ในกลุ่มหมอกและเมฆจำนวนมาก มีเกาะใหญ่ๆลอยอยู่กลางทะเลสีฟ้าบริสุทธิ์
บนเกาะมีภูเขาตั้งตะหงานทะลุผ่านก้อนเมฆ
มองลงมาจากด้านบน จะเห็นว่ามีเขตพื้นที่สวนจิตวิญญานอยู่ทุกที่บนเกาะซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่านับไม่ถ้วนเพาะปลุกอยู่ สัตว์อสูรทีหายากและแปลกตามีอยู่มากมายแม้กระทั่งสัตว์อสูรวิญญานก็มีเช่นกัน พวกมันต่างก็กระจายอยู่ทั่วเกาะ
มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งโคจรอยู่ทั่วเกาะเหมือนกับน้ำที่ไหลในลำธาร ที่นี่เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติจำนวนมาก ; ก่อนที่จะขึ้นไปบนเกาะ แม้เพียงแค่ได้สูดอากาศก็ทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายไปทั่วร่างแล้ว
เกาะนี้มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก มันอาจจะใหญ่กว่าสมาคมการค้าอยู่หลายเท่า มันเหมือนกับไม่ใช่เกาะ แต่เป็นทวีปใหญ่ทวีปหนึ่ง
นั่งอยู่บนหลังของมังกรสองหัว ฉื่อหยาน มองไกลออกไป และมันกว้างจนสุดลูกหูลูกตา ในมุมมองของเขา เขาเขาเห็นภูเขามากมายไม่มีสิ้นสุด ด้านบนของยอดเขาแต่ละลูก มันเหมือนกับว่ามีเงาของคนอยู่
" ที่นี่คือเกาะอมตะ " หยางมู่ยิ้มแล้วชี้ที่ไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายที่อยู่ด้านหลังและอธิบาย : " ตรงนั้นมีประตูสวรรค์ที่นำไปสู่ดินแดนสี่อสูรอยู่่ พวกเราต่อสู้อยู่กับพวกอสูรอยู่ที่นั่น แม้ในบริเวณรอบๆเกาะอมตะ ก็ยังมีอสูรผ่านไปมา เมื่อเร็ว ๆนี้พวกอสูรนั้นสูญเสียค่อนข้างมาก พวกมันจึงหยุดบุกรุกมาชั่วคร่าว ดังนั้นพวกมันจึงยังไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ . "
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ เขามองไปยังทิศทางที่หยางมู่ชี้ไป
เขามองไปที่พื้นที่ตรงนั้น มันเต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายทะลักออกมา พลังชั่วร้ายที่แข็งแกร่งครอบคลุมพื้นที่แถวนั้นทั้งหมด ฉื่อหยานเพ่งมองเข้าไปใกล้ๆ แต่เขาก็มองอะไรไม่เห็นเลย
" พื้นที่ตรงนั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยพลังชั่วร้ายชั่วคราว อืม ไม่ต้องไปเสียเวลาสังเกตุมันหลอก เพราะยังไงเจ้าก็ไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว " หยางมู่ ยิ้ม
" อืมม . . . . . . . . . . . . แน่นอน ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย " ขณะที่ พยักหน้า ฉื่อหยานก็ขมวดคิ้ว " ในพื้นที่ตรงนั้น ยังมีคนอยู่อีกหรือไม่ ? "
แม้ว่าเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรตรงนั้นได้เลย แต่ฉื่อหยานก็ยังคงรู้สึกได้ถึงพลังที่กระเพื่อมอย่างรุนแรง ตามความรู้สึกของเขา เขาคิดว่าที่แห่งนั้นต้องมีนักรบที่แข็งแกร่งจำนวนมากแน่นอน และแน่นอนว่าที่นั่นต้องมียอดฝีมือตระกูลหยางอยู่
" มีสิ ลุงโม่ และคนอื่นๆต่างก็เฝ่าอยู่ที่นั่น " สีหน้าของหยางมู่จริงจังขึ้นเล็กน้อย " ข้าได้รับข่าวมาว่า ท่านปู่ใหญ่นั้นได้เข้าไปยังดินแดนอสูรอีกครั้ง มีรายงานมาว่า ปู่ใหญ่ได้เข้าไปยังดินแดนสี่อสูรเพื่อเจรจากับราชาอสูร โปวชุน "
" เจรจากับพวกอสูรรึ ? " ฉื่อหยาน ก็ตกใจ
ในตำนานกล้าว่าราชาอสูรโปวชันนั้นอยู่ในนภาที่สามของระดับวิญญาน เพียงอีกครึ่งก้าวก็เข้าสู่ระดับพระเจ้าแท้จริง
จากความเข้าใจเกี่ยวกับอสูรของฉื่อหยาน เขารู้ว่าอสูรที่อยู่ในระดับเดียวกันนั้นแข็งแกร่งมนุษย์ แม้ว่าชื่อเสียงของหยางชิงตี้ จะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในทะเลไม่มีสิ้นสุด เขานั้นยังคงอยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้า ถ้าเขาต้องไปเผชิญหน้ากับราชาอสูรโปวชุน นั่นนับได้ว่าเป็นอันตรายอย่างมาก และนั่นจะไม่เสี่ยงเกินไปรึ ?
" ท่านปู่ใหญ่อยู่เพียงนภาแรกของระดับพระเจ้า แต่ท่านนั้นมีพลังอำนาจลึกลับบางอย่างในร่างของท่าน ถ้าท่านกล้าที่จะเผชิญหน้ากับราชาอสูรโปวชุน ท่านย่อมต้องมั่นใจว่าจะรอดแน่นอน " หยางมู่ ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ " เมื่อห้าสิบปีก่อน เมื่อท่านปู่ใหญ่เป็นเพียงนักรบนภาที่สามระดับนภา ท่านยังสามารถไปยังดินแดนอสูรและฆ่าปรมจารย์อสูรที่อยู่ใต้อาจของราชาอสูรได้เลย ตอนนั้นราชาอสูรก็อยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้า แต่ตอนนี้ท่านปู่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับวิญญแล้ว พลังลึกลับของท่านเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก . อีกทั้ง ราชาอสูรโปวชุนเองยังอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าท่านปู่ใหญ่เจอกับมันตอนนี้หละก็ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ท่านปู่ใหญ่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”
" ราชาอสูรโปวชุน อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์รึ ? " ฉื่อหยาน งุนงงไปชั่วขณะ เขาถึงกับพูดไม่ออก
" มีข่าวมาว่า เมื่อร้อยปีก่อน ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกวิชาอสูรบางอย่าง มันกำลังพักฟื้นอยู่ในถ้ำหมื่นอสูร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันได้ใช้ร่างจำแรงของมันเพื่อออกไปด้านนอกเท่านั้น ร่างจริงของมันนั้นไม่เคยออกจากถ้ำหมื่นอสูรเลย ตอนนี้ เหตุผลที่ท่านปู่ใหญ่ไปในดินแดนอสูรก็เพื่อช่วยลุงเสี่ยว ข้าหละอดคิดไม่ได้จริงๆว่าลุงเสี่ยวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
เมื่อเขาได้ยินหยางมู่พูดถึงเสี่ยวฮานยี่ ใบหน้าของฉื่อหยานก็กลายเป็นบึ้งตึง . เขาถอนหายใจอออกมาด้วยความโกรธ
" อย่าเศร้าไปเลยเรื่องลุงเสี่ยว ถึงเจ้าจะไม่อยู่ที่นั่น โปวชุนก็ไปจับตัวลุงเสี่ยวอยู่ดีไม่ช้าก็เร็ว ล่าสุดที่เข้าไปในดินแดนสี่อสูร ลุงเสี่ยวได้ทำร้ายบุตรชายของโปรชุนจนบาดเจ็บสาหัส ตอนนั้นโปวชุนได้พูดออกมาว่าจะสอนบทเรียนให้กับลุงเซี่ยว ถ้าลุงเสี่ยวไม่มากับเจ้าตอนนั้น ยังไงเสียโปวชุนก็จับเขาไปอยู่ดี " หยางมู่พูดปลอบเขา
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ มังกรสองหัวไม่ได้ผ่อนคลายแต่อย่างใด มันยังคงบินอยู่เหนือเกาะอมตะ
ด้านล่างภูเขาที่สูงขึ้นมาเหนือเมฆ มีพลังวิญญานปริมาณมากอยู่และเต็มไปด้วยพื้นที่เพราะปลูกวิญญานนับหมื่น ข้างๆมีสัตว์อสูรกำลังบ่มเพาะอยู่เป็นจำนวนมาก มีนักรบระดับก่อตั้งและระดับมนุษย์กำลังขี่สัตว์อสูรพาหนะมากมายที่แตกต่างกันไปมา พวกเขาทั้งหมดดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก และเต็มไปด้วยพลัง
" บนเกาะ อมตะ ตอนนี้มีนักรบอยู่ประมาณสิบล้านคน อย่างไรก็ตาม นักรบหลายคนที่แห่งนี้ก็มีพลังเพียง ระดับก่อตั้ง ระดับมนุษย์ และระดับหายนะ มีนักรบจำนวนไม่มากนักที่อยู่ในระดับปฐพี โดยน่าจะมีประมาณหนึ่งพันคน นักรบที่นี่ ยังไม่ใช่กองกำลังทั้งหมดของตระกู,หยาง ; ตระกูลหยางของเราควบคุมหลายร้อยเกาะ บนเกาะเหล่านั้น ต่างก็มีนักรบที่แข็งแกร่งจากตระกูลของเราอยู่ . . . . . . . "
เมื่อมาถึงเกาะอมตะ หยางมู่ก็เริ่มอธิบายให้ฉื่อหยานฟัง เกี่ยวกับสถานการณ์บนเกาะ เขาอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันบนเกาะอมตะอย่างระเอียด
เกาะอมตะนั้นนับว่าเป็นดินแดนศักสิทธิ์ของทะเลเคียร่า ,และเป็นที่ตั้งหลักของตระกูลหยาง
ในทะเลไม่มีสิ้นสุดทั้งเกาะอมตะถือได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบ่มเพาะ พลังวิญญานบนเกาะหนาแน่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรอะไรหากเพาะปลูกในพื้นที่วิญญานบ่มเพาะ พวกมันก็จะเติบโตอย่างง่ายดาย เพราะพลังวิญญานในพื้นที่แห่งนี้หนาแน่นเป็นอย่างมาก นักรบที่อยู่ทีนี่ใช้เวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะพัฒนา ที่นี่สามารถรวบรวมพลังปราณได้อย่างรวดเร็วมากกว่าที่อื่นๆ
มังกรสองหัวบินเข้าไปในเกาะอมตะ โดยบินต่อไปอีกครึ่งวัน แล้วในที่สุดก็ถึงพื้นที่ ที่มีพลังวิญญานเข้มข้นมากที่สุด
" มองลงไปที่นั่น นั่นเป็นหุบเขาบรรพบุรุาของตระกูลหยางเรา " หยางมู่ก็ตะโกนเบาๆ
สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป เขาก้มหัวลงมองดูอย่างใกล้ชิด
มีภูเขาที่ใหญ่โตอย่างมากอยู่เก้าลูก มีทุ่งราบเปิด บนทุ่งราบมีพระราชวังที่ใหญ่โตหลายแห่งตั้งอยู่ พระราชวังเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินเหล็กเขียวและหินมากมายที่แตกต่างกันเช่น หินหยกขาวหินและหิน ทองไฟ
ภายใต้ดวงอาทิตย์ หินหายากเหล่านั้นสะท้อนแสงสดใสออกมา
มองไปที่พวกมัน ที่พระราชวังด้านล่างพวกมันดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีรุ้ง ทำให้พวกมันมีลักษณะเหมืนดินแดนของพระเจ้าอมตะ
" มองภูเขาพวกนั้นให้ดี " หยางมู่แนะนำ
ฉื่อหยานก็สับสน . จากนั้นเขาก็มองไปยังภูเขาสูงนับพันจ้าง [1 จ้าง เท่ากับ 10ฟุต] ดวงตาของเขาจ้องไปที่ภูเขาใ
ภูเขาเหล่านี้ใหญ่โตและงดงามเป็นอย่างมาก บนภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยสมันไพรแปลกประหลาดมากมาย ภายใต้การจ้องมองของฉื่อหยานเขสามารถมองเห็นคลื่นพลังวิญญานได้อย่างชัดเจน พวกมันดูเหมือนกับว่าถูกดึงดูดเข้ามาโดยภูเขาใหญ่โตนี่ พวกมันลอยมารวมตัวกันที่นี่มาจากทุกทิศบนเกาะอมตะ พวกมันไหลเข้าไปในภูเขานี้อย่างเงียบๆเหมือนกับว่าพวกมันเป็นอาหารของภูเขาลูกนี้
แววตาของเขาเปลี่ยนไปและเขาก็พบว่าภูเขาลูกอื่นอีกแปดลูกก็เป็นเหมือนกัน
พลังงานวิญญาณหลั่งไหลมาจากทั่วทิศบนเกาะอมตะ พวกมันถูกดึงดูดเข้ามาโดยภูเขาทั้งเก้าลูก พวกมันไหลมารวมกันเป็นเส้นสายไม่รู้จบ มันไหลมารวมกันเพื่อหล่อเลี้ยงภูเขาเหล่านี้
มีถ้ำมากมายปรากฏบนด้านข้างของภูเขาทั้งเก่าลูก ภายในถ้ำนั้น มีบุคคลปรากฏตัวอยู่ไม่กี่คน ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังฝึกบ่มเพาะภายในถ้ำ หลังจากที่พวกเขาออกมา , พวกเขาดูเหมือนกับว่าพวกเขาทั้งหมดไม่ได้เจอแสงสว่างมานาน ดวงตาของพวกเขาหลี่ลง และค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากัน .
" ภูเขาทั้งเก่าเหล่านี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญที่ของตระกูลเรา ที่แกนกลางของภูเขา มีสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากอยู่ เหตุผลที่ตระกูลหยางของเรายิ่งใหญ่มานานก็เพราะเราอยู่ใกล้กับภูเขาทั้งเก่านี้ " หยางมู่ ชี้ออกไป
" เพราะสมุนไพรวิญญานที่อยู่บนเขางั้นรึ ? " ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ
" ไม่เพียง แต่สมุนไพรวิญญานเท่านั้น " หยางมู่ยิ้ม " อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง ข้าคิดว่าหลังจากนี้ เจ้าต้องได้เข้าไปในหนึ่งในภูเขาพวกนี้แน่นอน แต่เจ้าต้องรักษาเซี่ยซินหยานเสียก่อน และโดยธรรมชาติเจ้าเองก็ต้องการสถานที่ฝึกฝนบ้มเพาะที่เงียบสงบ ข้าบอกได้เลยว่าในทะเลไม่มีสิ้นสุด ไม่มีสถานที่ไหนเหมาะแก่การฝึกบ่มเพาะเท่าที่นี้อีกแล้ว "
ฉื่อหยาน ก็สับสน แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร
" ไปพบท่านปู่สองของเรากันเถอะ ข้าคิดว่าช่วงเวลานี้ ท่านปู่สองคงรู้สึกรำคาญอยู่มาก เพราะ เซี่ยเสินชวน จากตระกูลเซี่ยไม่นานมานี้พึ่งหมดความอดทน " หยางมู่หัวเราะในขณะที่เขาขี่มังกรสองหัวบินตรงลงไปยังพระราชวังด้านล่าง
ระหว่างทาง ฉื่อหยาน รู้อยู่แล้วว่าหยางชิงตี้ นั้นได้ไปยิงดินแดนอสูร ; ลูกชายคนโตหยางเฟิงเองก็ไปเฝ้าทางเข้าประตูแห่งสวรรค์ ไม่ได้อยู่บนเกาะอมตะ ปัจจุบันในฐานะที่เป็นลูกชายคนรอง หยางหลาว จึงคอยดูแลอยู่บนเกาะ นอกจากนี้เขายังนับว่าเป็นท่านปู่ลองของฉื่อหยานอีกด้วย
แม้ว่าเซี่ยเสินชวน จากตระกูลเซี่ย จะเป็นหัวหน้าตระกูลเซี่ย แต่เขาไม่ได้อยู่ในรุ่นเดียวกับหยางชิงตี้ . เขานั้นอยู่รุ่นเดียวกับ หยางเฟิงและหยางหลาว และเป็นเพียงนักรบในนภาที่สองของระดับนภา
หัวหน้าตระกูลก่อนหน้านี้เขานั้นอยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้า แต่เขามีปัญหากับจิตวิญญานจุติและมักจะตกอยู่ในสภาพที่สับสนวุ่นวายและเพ้อฝัน .
ด้วยเหตุนี้ อดีตหัวหน้าตระกูลจึงได้ส่งตำแหน่งหัวหน้่าตระกูลต่อให้ เซี่ยเสินชวน เขามุ่งความพยายามทั้งหมดไปกับการฝึกบ่มเพาะและพยายามแก้ไขสภาพวิกลจริตจองเขาที่มักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
เซี่ยเสินชวน เป็นปู่ของเซี่ยซินหยาน เขานั้นคิดเสมอว่า เซี่ยซินหยาน เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขา เมื่อเขาไปรับเซี่ยซินหยานมาจากเกราะเพลิงเมฆา และมั่นใจว่าวิญญานของเซี่ยซินหยานได้รับบาดเจ็บ และมีอาการเดียวกับบุคลลเมื่อนานมาแล้ว เขาจึงโกรธเป็นอย่างมาก จึงพาเซี่ยซินหยาน มายังเกาะอมตะโดยตรง โดยเรียกร้องให้ตระกูลหยางอธิบายเรื่องนี้
ในตอนนั้น หยางชิงตี้ได้ถามรายละเอียดจากโม่ต้วนหุน เขารู้มาจากโม่ต้วนหุนว่าที่เซี่ยซินหยานบาดเจ็บนั้นเป็นเพราะช่วยฉื่อหยาน ดังนั้นเขาจึงให้เซี่ยเสินชวน อยู่บนเกาะ อมตะ และ รอ ฉื่อหยานกลับมา และแก้ไขปัญหานี้
แม้ว่าเซี่ยเสินชวน จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สามารถต่อรองกับหยางชิงตี้ได้ ดังนั้นเขาจึงอดทนรออยู่บนเกาะตามที่หยางชิงตี้บอก
ดูเหมือนว่าเขานั้นได้รอมาแล้วเป็นเวลาสี่เดือน
" คารวะ คุณชายมู่ "
" คารวะ คุณชายมู่ "
ตลอดทางที่หยางมู่เดิน นักรบหลายคนต่างก็กล่าวทักทายด้วยความนอบน้อมอย่างแข็งขัน นักรบเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำๆเลย ส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ในระดับหายนะ หรือ ระดับปฐพี พวกเขาดูแข็งแกร่งมาก และดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่านักรบที่อยู่ในระดับเดียวกันทั่วไปอีกด้วย
ฉื่อหยานเดินตามหลังหยางมู่ และอยู่เงียบๆ เขาส่งพลังวิญญานของเขาออกไปรอบๆ และกำลังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ
นักรบที่ปรากฏที่นี่ ต่างก็อยู่ในระดับเดียวกับเขา และพวกเขายังแข็งแกร่งกว่านักรบที่อยู่ภายนอกอีกด้วย
พลังวิญญาณในร่างของเขาโดดเด่นเป็นอย่างมาก และวิญญานของพวกเขาก็ดูทรวพลัง . แม้แต่เส้นชีพจรและกล้ามเนื้อในร่างกายของพวกเขาก็แข็งแกร่งเป็นพิเศษ พลังปราณลึกลับของพวกเขาหนาแน่นและแข็งแกร่ง
ฉื่อหยาน เชื่อว่า นักรบในนภาแรกของระดับหายนะทุกคนที่อยู่ที่นี้ ล้วนแข็งแกร่งกว่านักรบในระดับเดียวกันที่อยู่ในสมาคมการค้า ในการต่อสู้ระหว่างคนที่มีระดับเดียวกัน คนที่นี่สามารถรับมือกับคนที่อยู่ภายนอกพร้อมกันได้ถึงสองคน
ยิ่งเขาสังเกต , ฉื่อหยานก็ยิ่งตะลึง เขาได้กลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้นและคาดหวังที่จะเห็นพลังอำนาจของตระกูลหยาง
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1322 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ