MPE บทที่ 29 มะเดื่อสายฟ้า
เมื่อเกาเผิงกลับถึงห้อง เขาพบว่าเปลวไฟในดวงตาของดัมมี่สว่างไสวมากขึ้นหลังจากให้มันกินลูกสนเข็มตลอดหลายวันที่
ผ่านมา
เขาเปิดตู้เย็น
“เอ๋…ลูกสนเข็มอยู่ไหน?”
ช่องที่เก็บลูกสนเข็มในตู้เย็นตอนนี้มันว่างเปล่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
เกาเผิงขมวดคิ้ว มีโจรขึ้นบ้านงั้นหรือ? นี่เป็นความคิดแรกของเขา
เขามองไปที่วานรโครงกระดูกที่นิ่งๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเจ้าตะขาบสายฟ้าหลังม่วงก็นอนอยู่ใต้โซฟาอย่างเงียบๆ เขาคงจะคิดมากไปเอง
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นฝีมือของคนใน
“ดัมมี่มานี่สิ”
ดัมมี่หันหน้าและเดินไปหาเกาเผิงด้วยท่าทีที่แข็งทื่อ
“นายกินพวกมันงั้นหรือ?” เกาเผิงชี้นิ้วไปที่ตู้เย็น
ดัมมี่มองที่ช่องในตู้เย็นก่อนจะหยิบลูกสนเข็มที่เหลืออยู่ครึ่งท่อนขึ้นมาโยนเข้าไปในปาก
ขณะที่มันเคี้ยวลูกสนเข็ม มันเดินไปที่ถังขยะและคายกากลูกสนเข็มลงไปด้านล่าง กากร่วงลงไปในถังขยะอย่างแม่นยํา หลังจากนั้นมันจึงเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเกาเผิงอีกครั้งราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา
เกาเผิงมองถังขยะที่เต็มไปด้วยกากลูกสนเข็ม
ทันใดนั้น ดัมมี่รู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นสายตาของเกาเผิง มันค่อยๆก้าวถอยหลังกลับไปจนชิดผนังห้องราวกับผู้ร้ายถูกจับผิด
ต้าซื่อสบโอกาสและเร่งคลานออกมาจากใต้โซฟา
“เขากินมัน! เขากินมัน!” เสียงของต้าซื่อดังขึ้นในหัวของเกาเผิง
“ฉันรู้แล้ว” เกาเผิงตบหัวต้าซือเบาๆ
“เขาขี้งกมาก ไม่แบ่งให้เค้าเลย” ต้าซือฟ้องต่อ
“…..” เกาเผิงถึงกับไม่ออก
‘แกไม่พอใจเพราะไม่ได้กินด้วยใช่มั้ย?’ เกาเผิงคิด
เกาเผิงนั้นไม่ได้โกรธจริงจังในเรื่องนี้ จริงๆเขาตั้งใจจะซื้อลูกสนเข็มมาเพิ่มอีก แต่หากปล่อยให้มันกินโดยไม่ได้รับอนุญาต จะทำให้มันเสียนิสัย ดังนั้นเขาจึงต้องอบรมมันสักหน่อย
“คราวหน้า แกต้องขออนุญาตฉันก่อนเข้าใจไหม?” เกาเผิงกล่าวเสียงเข้ม
ไม่มีสิ่งใดบอกว่าวานรโครงกระดูกตัวนี้เข้าใจที่เขาสั่งหรือไม่ มันเพียงมองตรงไปทีกําแพงเท่านั้น
ตอนนี้ยังไม่มืดมาก ร้านค้าอาจยังไม่ปิด ดังนั้นเกาเผิงจึงตัดสินใจโทรไปสั่งซื้อสิ่งของที่เขาต้องการกับร้านค้า
เพียงไม่นานลูกสนเข็ม 30ชิ้นกับมะเดื่อสายฟ้าอีก 10 ผล ถูกส่งมาถึงหน้าประตูบ้านของเขา
หลังจากรับของและชำระเงิน เกาเผิงตบไหล่ของดัมมี่และกล่าว
“เอาล่ะ นี่คืออาหารของนายสําหรับ 2วันนี้” เกาเผิงชูสองนิ้ว “2วัน กินวันละครึ่ง เข้าใจไหม?”
ดัมมี่พยักหน้าพร้อมกับเปลวไฟในรูเบ้าตาที่ส่องสว่าง เพราะมันไม่ได้ทำพันธะสัญญาเลือดกับเกาเผิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถสื่อสารทางจิตได้
จากข้อมูลที่เกาเผิงเห็น มันต้องกินลูกสนเข็มอีก 600ลูก เพื่อเติมเต็มเงื่อนไขแรกในการวิวัฒนาการ
การยกระดับขั้นต่อไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งระดับสูงขึ้น ความต้องการของมันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นและยังต้องใช้เงินอย่างน้อย 2
หรือ3ร้อยล้านดอลล่าร์พันธมิตร
เกาเผิงต้องการให้ยกระดับให้สูงก่อนที่จะวิวัฒนาการ
หากสัตว์อสูรเลื่อนชนชนชั้น ระดับที่มีอยู่จะลดลงขั้นหนึ่ง อย่างเช่น สัตว์อสูรชนชั้นขุนนาง ระดับสมบูรณ์ หากวิวัฒนาการไป จะเป็น ชนชั้นนักรบ ระดับสูงเป็นต้น
หลังจากพูดคุยกับดัมมี่เสร็จ เกาเผิงก็เปิดถุงอีกใบที่บรรจุมะเดื่อสายฟ้าสีม่วงเอาไว้ เพียงต้าซือได้กลิ่นมะเดื่อสายฟ้า มันก็ส่งเสียงดังขึ้นในหัวของเกาเผิงทันที “เค้าจะกิน เค้าจะกิน ขอกินหน่อย”
เพื่อทําให้ระดับของต้าซื่อกลายเป็นสมบูรณ์ เกาเผิงต้องให้มันกินมะเดื่อสายฟ้าถึง 200ลูก
เกาเผิงโยนมะเดื่อสายฟ้าลงไปในชามสเตนแลส ทำให้ดวงตาของ
ต้าซื่อส่องประกายขึ้น แต่มันยังไม่กินในทันที มันจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้านาย มันได้แต่มองเกาเผิงด้วยน้ำลายที่ไหลยืดเท่านั้น
เมื่อได้รับอนุญาต มันจึงพุ่งตัวลงไปในชามสเตนแลสและเริ่มกัดมะเดื่อสายฟ้าทันที
แต่หลังจากกินไปได้เพียงหนึ่งในสาม มันก็หยุดกินและขดตัวนอนอยู่บนพื้นอย่างเกียจคร้าน
แม้จะวางไว้ข้างนอก ก็ไม่ได้ทำให้มะเดื่อสายฟ้าเสียรสชาติไปแต่อย่างใด ดังนั้นเกาเผิงจึงเทใส่ชามสเตนแลสวางทิ้งไว้ข้างโซฟา
…..
ในวันรุ่งขึ้น ตามแถลงการณ์ของอาจารย์ใหญ่ ทำให้นักเรียนที่ทำพันธะสัญญาเลือดกับสัตว์อสูรสามารถนำพวกมันมาที่โรงเรียนได้
เมื่อพวกเขาเข้าสู่โรงเรียน สัตว์อสูรทั้งหมดจะต้องเข้าไปอยู่ในสวนที่จัดไว้สำหรับสัตว์อสูรโดยเฉพาะ
ดังนั้นจึงได้ยินเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องของสัตว์อสูรนานาชนิดทั้งเล็กและใหญ่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ขึ้นชื่อว่าสัตว์อสูรก็อาจสร้างปัญหาให้กับเจ้าของให้ต้องปวดหัวบ้าง อย่างเช่นหมูสีขาวที่มีความสูง 3เมตรยาว 5เมตร แต่ละย่างก้าวของมันทำให้ไขมันบนร่างของมันกระเพื่อมราวกับคลื่นสมุทร
ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เป็นเด็กหญิงที่ดูน่ารักและบอบบาง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย
ตอนที่เธอซื้อมาครั้งแรก ตอนนั้นมันเป็นเพียงลูกหมูสีขาวตัวเล็กๆที่ดูน่ารักโดยเฉพาะริบบิ้นสีแดงที่ผูกไว้บนศีรษะของมัน ทำให้เธอตกหลุมรักมันทันทีตั้งแต่แรกเห็น แต่ผ่านไป 1ปี มันกลับโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน มันก็ทิ้งตัวลงนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านราวกับว่ากำลังพักผ่อนอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง