GE372 ข้าจ่ายให้ [ฟรี]
เซี่ยวเหมินไม่รู้จะตอบหนิงฝานยังไง นางอยากจะหาเหตุผลมาข่มขู่หนิงฝาน อยากได้ท่านปู่ทหารศิลาคืน อยากได้แหวนเย่าหยวน และอยากจะเอาชนะ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา นางจึงไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
นางคิดว่าจะเอาชนะหนิงฝานได้หากนางบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ แต่สุดท้าย... ช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านไป หนิงฝานทรงพลังกว่านางมากจนเทียบไม่ติด
เมื่อยามที่พบกันครั้งแรก เซี่ยวอยู่ขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ เมื่อคราวนั้นนางไม่เห็นหนิงฝานอยู่ในสายตา
แต่เมื่อหนิงฝานบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม และอาศัยอำนาจของวิชาแปลงหยินหยางจนทำให้นางพ่ายแพ้
นางถูกทั้งหนิงฝานข่มเหง ช่วงชิงทหารศิลา และช่วงชิงสิ่งที่สำคัญอย่างแหวนเย่าหยาน ยามนั้นนางจึงเกลียดหนิงฝานมาก
แต่เมื่อนางบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ได้เห็นและได้เข้าใจสิ่งต่างๆมากมาย ยิ่งนางได้เห็นพี่สาวและมารดากล่าวถึงบุรุษที่ตนเองชื่นชม นางเองจึงอวดถึงหนิงฝานบ้าง
แม้ปากจะบอกว่าเกลียด แต่เมื่อเห็นหนิงฝานกำลังตกอยู่ในอันตราย นางกลับไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วย
เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น? นางไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของหนิงฝานเมื่อครู่ สมองของนางกลับโล่ง หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงาม… เหตุใดเจ้าของรอยยิ้มถึงได้ชอบข่มเหงข้านัก...
สีหน้าเซี่ยวเหมินหม่นหมอง นางก้มหน้าพลางกล่าว “คืนท่านปู่ทหารศิลามา ไม่งั้น… ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า!”
นางประหลาดใจในสิ่งที่ตนเองกล่าว นางเป็นผู้ใดถึงจะมียกโทษให้หนิงฝาน นางสำคัญกับหนิงฝานเช่นนั้นหรือ?
หนิงฝานเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เดิมทีเขาคิดว่านางจะกล่าวว่า ‘ฆ่า’ เพื่อข่มขู่เขา แต่นางกลับบอกว่าจะไม่ยกโทษให้แทน
หนิงฝานถอนหายใจ ตัวนางในยามนี้ทำให้เขาทำใจกลั่นแกล้งนางไม่ได้อีก
เขานำศิลาก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า โยนไปเบื้องหน้า ก่อนที่ทหารศิลาจะคืนร่างกลับมาเช่นเดิม
“ข้ารับปากกับทหารศิลาเอาไว้แล้วว่าหากกลับมาทะเลส่วนนอก ข้าจะคืนเขาให้เจ้า… ตอนนี้ข้าทำตามสัญญาแล้ว”
ความรู้สึกมากมายทะลักราวกับเขื่อนพัง จนทำให้เซี่ยวเหมินสั่นสะท้าน
แม้นางจะกล่าวว่าจะไม่ยกโทษให้ แต่มันก็เพียงวาจาที่ไร้ความหมาย คาดไม่ถึงว่าหนิงจะยอมคืนทหารศิลาให้จริงๆ
นางไม่อยากเชื่อว่าหนิงฝานที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญคนที่ 8 ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนใน ซ้ำยังเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ จนสนใจคำว่าไม่ให้อภัยของนาง
เพียงวาจาไร้ค่าก็ได้ทหารศิลาคืนมา… มันไร้เหตุผลสิ้นดี
“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?” สีหน้านางเริ่มดีขึ้น ใบหน้าแดงระเรื่อ
“หยิกดูเดี๋ยวก็รู้...” หนิงฝานกล่าวพลางหยิกแก้มนาง “เจ็บหรือเปล่า? ถ้าเจ็บแสดงว่าเจ้าไม่ได้ฝันไป”
“ข้าเจ็บ! นี่เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ! เจ้านี่มัน!”
นางโวยวายด้วยโทสะ กระทืบเท้าด้วยความขุ่นเคือง บริเวณที่หนิงฝานหยิกแดงก่ำ และเร่งวิ่งหนีไปจากหอคอยใต้
ยามนี้ในหอคอยเหลือเพียงผู้คุ้มกันของเซี่ยวเหมิน หนิงฝาน ทหารศิลา และย่าหลาน
หนิงฝานหันมองเซี่ยวเหมินที่กำลังวิ่งออกไปด้วยความขบขัน
“พี่ซัว ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่าน ข้าก็คงจะ...” คำกล่าวของย่าหลานทำลายความเงียบสงัด
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก… จะว่าไปแล้ว เวลาล่วงเลยถึง 20 ปี เจ้าเองก็บรรลุขอบเขตแก่นทองคำแล้ว นับว่าเจ้ามีพรสวรรค์ไม่น้อย”
ย่าหลานหน้าแดงก่ำ การที่นางบรรลุขอบเขตแก่นทองคำได้ในช่วงเวลาเพียง 20 ปี นับว่านางมีพรสวรรค์ สมควรแก่การได้เป็นของวิหารสาบสูญ
แม้คำกล่าวชื่นชมของหนิงฝานไม่ได้มากมายนัก แต่นางกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“แม่นางย่าหยาน ใบหน้าเจ้า...”
หนิงฝานสัมผัสแก้มของนางเบาๆ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากกู่เสินที่ขว้างถ้วยชาใส่นาง หนิงฝานโคจรวิชาดาราทมิฬถ่ายพลังดาราเข้าไปบริเวณที่เป็นแผล ก่อนที่บาดแผลของนางจะหายไปในพริบตาราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดมาก่อน
“นี่คือโอสถและสมุนไพรที่จะช่วยให้ระดับพลังของเจ้าเสถียร และยกระดับพลังไปยังขั้นกลางและขั้นสูงได้… อีกอย่าง ด้วยพรสวรรค์อย่างเจ้า หากจะทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มหรือตัดวิญญาณคงไม่ใช่เรื่องยากนัก หากเจ้าตั้งใจฝึกฝน อีกพันปีข้างหน้าเมื่อยามที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ผู้อาวุโสในตระกูลเจ้าคงจะเสียใจที่เลือกยกเจ้าให้กู่เสิน” หนิงฝานยื่นกระเป๋าใบหนึ่งให้นาง
นางมีความสุขที่หนิงฝานกล่าวชม แต่เมื่อนางแผ่สัมผัสเทพสำรวจสิ่งที่อยู่ภายในกระเป๋า นางกลับต้องตกตะลึง
“โอสถ… ผลไม้แห่งเต๋าแก่นทองคำ! ทั้งหมดนี้ล้ำค่าเกินไป ย่าหลานรับไว้ไม่ได้!”
“เจ้ารับไว้เถอะ” ในนั้นหนิงฝานใส่ผลไม้แห่งเต๋าและโอสถผันแปรที่ 3 ไว้มากมาย ตัวเขามีผลไม้แห่งเต๋านับแสนผล จำนวนที่เขาให้นางไม่นับเป็นอันใด
“พี่ซัว ท่านใจดีกับข้าขนาดนี้ ข้าจะตอบแทนท่านยังไง...”
“ไม่ต้องหรอก เจ้ากินโอสถแล้วไปพักรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้หายก่อนเถอะ ข้า ท่านลู่ชิง และทหารศิลามีเรื่องต้องคุยกัน”
“อืม” นางพยักหน้าอย่างว่าง่าย นางรู้จักลู่ชิงเพราะเป็นผู้คุ้มกันวิหารสาบสูญแห่งนี้ แต่นางไม่รู้จักทหารศิลา
สำหรับนางแล้ว ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคือตัวตนที่นางไม่อาจล่วงเกิน แต่การที่นางยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ก็เพราะมีหนิงฝานอยู่ด้วยเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ราวกับเป็นความฝัน
ย่าหลานกลับไปพัก ในใจยังคงหวนยินดีกับคำกล่าวของหนิงฝาน นางไม่เคยว่าตนเองจะมีโอกาสบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มและตัดวิญญาณ แต่หนิงฝานบอกว่านางเป็นคนมีพรสวรรค์ นางจึงมั่นใจขึ้นมาในทันที
นางต้องพยายามให้หนัก หากวันหนึ่งนางทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณได้ หากนางจะขออยู่ข้างกาย ไม่รู้ว่าหนิงฝานจะปฏิเสธนางหรือเปล่า...
“ทำไมข้าเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน!” ย่าหลานส่ายหน้าพลางกล่าว
เมื่อไม่มีย่าหลานและเซี่ยวเหมินอยู่ในหอคอยใต้ บรรยากาศก็กลับมาสงบอีกครั้ง
หนิงฝานหันมองลู่ชิงและทหารศิลา ยามนี้ทั้งสองเองก็ประหลาดใจในตัวหนิงฝาน
ลู่ชิงประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้มันคิดอยู่เสมอว่าทหารศิลาคอยคุ้มกันเซี่ยวเหมิน แต่กลายเป็นว่าทหารศิลาอยู่ข้างกายหนิงฝานตลอด
ทหารศิลาเองก็ประหลาดใจ หนิงฝานสังหารท่านหยานทำให้ได้รับสถานะผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ แต่ที่น่าตกตะลึงกว่านั้น คือทหารศิลาหวาดกลัวหนิงฝาน มันรู้สึกราวกับว่าหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีผู้ใดในทะเลไร้สิ้นสุดเทียบเคียง
“ทหารศิลา ข้าพาท่านกลับมายังวิหารสาบสูญตามที่รับปากแล้ว เจ้ามีอะไรอยากจะกล่าวหรือเปล่า?” หนิงฝานกล่าวถาม
“เช่นนั้นข้าจะกล่าว...” ทหารศิลาที่อยู่ข้างกายเซี่ยวเหมินอย่างสงบ วันหนึ่งกลับต้องมากลายเป็นผู้ติดตามหนิงฝาน แต่สุดท้าย เขาก็ปล่อยทหารศิลาให้เป็นอิสระ
มันรู้ว่าหนิงฝานไม่รับคำขอบคุณของมัน เขาต้องการเพียงคำสัญญา มันติดตามอยู่ข้างกายหนิงฝานมานาน รู้ความลับของหนิงฝานก็มาก หากความลับต่างๆของหนิงฝานล่วงรู้ไปถึงแดนสวรรค์ เซียนจำนวนมากคงเคลื่อนไหว ออกไล่ล่าหนิงฝาน
“ข้าสาบานว่าจะไม่บอกกล่าวเรื่องราวตลอด 20 ปีที่ผ่านมาให้กับผู้ใด หากข้ากลับคำ...” หนิงฝานกล่าวขัดทหารศิลา
“แค่นั้นก็พอแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องสาบานให้ตัวเองตาย... ข้าเชื่อเจ้า!”
ตลอด 20 ปีที่ผ่านที่เคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ ทำให้หนิงฝานรู้จักนิสัยทหารศิลาเป็นอย่างดี มันเป็นผู้ไม่กลัวตาย ยึดมั่นกับคำสัญญาเป็นสำคัญ ยอมตายมากกว่ายอมผิดคำสัญญา
“เจ้าต้องดูแลเซี่ยวเหมินให้ดี อย่าให้เซี่ยวเหมินได้รับอันตราย… เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ข้ามีต่อจ้าววิหารสาบสูญ ข้าจึงรับปาก ‘นาง’ ว่าข้าจะปกป้องเซี่ยวเหมิน” หนิงฝานหวนถึงสตรีนางนั้น
“นาง?” ทหารศิลาไม่รู้ว่าสตรีที่หนิงฝานกล่าวถึงคือใคร
หนิงฝานหันกล่าวกับลู่ชิง ผู้คุ้มกันของเซี่ยวเหมิน
“สหายเต๋าลู่ ที่ข้ามาเยือนวิหารสาบสูญยามนี้ ก็เพราะข้าต้องการสมุนไพรที่ใช่เสริมดวงจิต ท่านพอจะช่วยข้าได้หรือเปล่า?”
“ดวงจิตของสหายเต๋าบาดเจ็บงั้นเหรอ?” ลู่ชิงตงตะลึง มันคิดว่าดวงจิตของหนิงฝานบาดเจ็บจากการต่อสู้กับท่านหยาน
“อืม… ดวงจิตข้าบาดเจ็บ ท่านพอจะช่วยข้าได้หรือเปล่า?” หนิงฝานไม่ได้กล่าวความจริง
“ย่อมได้! สหายเต๋าเป็นถึงจ้าวหอคอยทั้งสาม สมุนไพรที่สหายเต๋าต้องการก็พอมีอยู่ในหอคอย สหายเต๋าเอาไปได้เลย” ลู่ชิงกล่าว เพื่อสานสัมพันธ์ของหนิงฝานและวิหารสาบสูญ สมุนไพรแค่นี้ไม่นับเป็นอันใด
“ขอบคุณสหายเต๋า… นอกจากข้าต้องการสมุนไพรแล้ว ยังต้องการเข้าใช้หอคอย… หากข้าต้องการเข้าใช้ชั้น 7 สหายเต๋าจะอนุญาติหรือไม่?”
“ชั้น 7?” ลู่ชิงตกตะลึง “ด้วยขอบเขตตัดวิญญาณ อย่างมากก็เข้าใช้ได้เพียงชั้น 5 แม้จะเป็นนักปรุงโอสถระดับสูง หากยังไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ก็เข้าใช้ได้เพียงชั้น 5 เช่นกัน เพราะแต่ละชั้นมีการจำกัด...”
“ข้ารู้” หนิงฝานกล่าวตัดบท การจะทำให้ปราณดั้งเดิมของเขาบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณนั้น สมควรใช้เวลาไม่นาน ภายในชั้น 5 จะมีเวลาที่เร็วกว่าภายนอก 32 เท่า ส่วนชั้น 7 จะเร็วกว่าภายนอก 128 เท่า หากใช้ชั้น 5 ก็สมควรเพียงพอแล้ว
“จริงสิ… ก่อนไปคุณหนูบอกไว้ว่า หากสหายเต๋าต้องการใช้หอคอย ให้ไปคิดค่าใช้จ่ายกับนางแทน”
“โอ้! เซี่ยวเหมินใจดีกับข้านั้นเชียวเหรอ?” หนิงฝานประหลาดใจ
“เอ่อ… คุณหนูฝากบอกสหายเต๋าแบบนี้… *กระแอม* ข้าไม่ได้กุเรื่องนะ”
ลู่ชิงยิ้มเจื่อนก่อนเลียนแบบท่าทางของเซี่ยวเหมินพลางกล่าวด้วยน้ำน้ำเสียงขุ่นเคือง “เจ้าซัวหมิง! หากเจ้าต้องการใช้หอคอย เจ้าไม่ต้องจ่าย เดี๋ยวข้าจ่ายเอง!”
“ฮ่าฮ่า!” หนิงฝานหัวเราะลั่น นี่นางใจป้ำอย่างคาดไม่ถึง
“หวังว่าสหายเต๋าคงไม่โกรธเคือง คุณหนูก็เป็นแบบนี้แหละ...” ลู่ชิงกลัวว่าหนิงฝานจะขุ่นเคือง
“โกรธ? ทำไมข้าต้องโกรธ? ที่นางยอมจ่ายให้ข้าก็นับเป็นเรื่องดี แต่นั่นหมายความว่า ข้าจะใช้หรือเอาอะไรไปจากที่นี่ก็ได้สินะ?”
หนิงฝานยิ้มอย่างชั่วร้าย การที่นางยอมจ่ายแทนให้นับเป็นเรื่องดี เพราะที่นี่เปรียบเสมือนขุมสมบัติดีๆนี่เอง
การจะยกระดับวิชาปรุงโอสถนั้นต้องใช้สมุนไพรมหาศาล ต้องสูญหยกสวรรค์มหาศาล เพียงแต่… เซี่ยวเหมินจ่ายให้!
หนึ่งวันผ่านไป หนิงฝานรวบรวมสมุนไพรแทบจะทั้งหมดที่วิหารสาบสูญจะมี จากนั้นก็เข้าใช้หอคอยเพื่อเก็บตัวฝึกฝน
ชั้นบนสุดของหอคอยใต้… บ่าวรับใช้มาเคาะประตูห้องของเซี่ยวเหมินพลางกล่าวรายงานในสิ่งที่เกิดขึ้น และเท่าที่บ่าวของนางรายงาน หนิงฝานในยามนี้เก็บตัวฝึกฝนแล้ว
“หนอยเจ้าปีศาจซัว เจ้านี่มันเหลือเชื่อจริงๆ” นางแค่นเสียง แต่แววตาของนางกลับแฝงไปด้วยความสุข เพราะยามนี้ นางคิดว่าหนิงฝานกลายมาเป็นคนของนางแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน
“รายงานคุณหนู… ท่านซัวเขา… เอาสมุนไพรพันปีของหอคอยโอสถไปแทบจะทั้งหมด จนทำให้นักปรุงโอสถของเราไม่มีสมุนไพรเหลือให้ปรุงโอสถแล้ว”
“ว่าไงนะ! เจ้าพูดจริงเหรอ?” เซี่ยวเหมินตกตะลึง นางเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองพลาดท่าแล้ว
สมุนไพรที่อยู่ในหอคอยโอสถนั้น ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรล้ำค่า ราคาสูงเสียดฟ้า มูลค่าอย่างต่ำก็ร่วมพันล้านหยกสวรรค์ ซึ่งสมุนไพรจำนวนนั้นต้องมอบให้เหล่านักปรุงโอสถเพื่อยกระดับความสามารถ
“ซัวหมิง! เจ้าคนบ้า! เจ้าไม่เห็นใจข้าบ้างเลย!”
นางเร่งออกจากหอคอยใต้ มุ่งไปยังหอคอยโอสถ
หากรู้ว่าหนิงฝานจะเอาสมุนไพรไปหมดแบบนี้ นางคงไม่กล่าวไปว่าให้มาเก็บค่าใช้จ่ายกับนาง
แค้นนี้ต้องชำระ!
หากหนิงฝานกลับออกจากหอคอยมา นางจะสั่งสอนให้เขารู้ว่าใครเป็นนายใครเป็นบ่าว
“ในเมื่อบอกว่าจะจ่ายให้แล้วจะทำไงได้? หรือจะให้เขามานวดขาให้ข้า?”
ภายในหอคอยชั้น 5 หนิงฝานยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน เขายืนนิ่งอยู่นานโดยที่ยังไม่ได้เริ่มสร้างถ้ำ เขาแหงนมองฟ้า ขบคิดถึงหอคอยชั้น 6 และ 7
การจะเข้าไปที่นั่นต้องมีระดับถึงก่อน ใต้พื้นด้านล่างมีม่านพลังที่แบ่งแยกชั้น 4 และ 5… เหนือศีรษะมีม่านพลังแบ่งแยกชั้น 5 และ 6
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไป หากระดับพลังยังไม่บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงจะไม่สามารถเข้าหอคอยชั้น 6 ได้… เพียงแต่หนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญธรรมดา
หนิงฝานปรากฏกายบนท้องนภา ในตำแหน่งที่ใกล้ม่านพลัง
หมอกสีม่วงห้อมล้อมกาย พัดเข้าปะทะกับม่านพลัง เสียงกร็อบแกร็บราวกับแมลงกัดแทะปรากฏ
ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก ม่านพลังเกิดรอยรั่ว หนิงฝานแทรกกายเข้าไปภายใน และเข้าสู่ชั้นที่ 6 ได้สำเร็จ!
ชั้นที่ 6 นี้แตกต่างจากชั้นที่ 5 ราวสวรรค์และโลกมนุษย์ เป็นสถานที่งดงาม เต็มไปด้วยดวงดารารายล้อมกาย
เพียงแต่ในชั้น 6 นี้มีพลังมิติที่รุนแรงจนราวกับฉีกร่างของเขาเป็นชิ้นๆ แต่ด้วยหนิงฝานสามารถควบคุมพลังมิติได้เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลาง เขาย่อมไม่กลัวพลังมิติในชั้นนี้
หนิงฝานสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างชั้น 5 และ 6 อย่างชัดเจน
“มิน่าลู่ชิงถึงบอกว่าต้องมีระดับพลังที่เหมาะสมจึงจะเข้ามาที่นี่ได้ ที่นี่แตกต่างจากชั้น 5 อย่างสิ้นเชิง… ไม่รู้ว่าปราณไร้ลักษณ์ของข้าจะต้านทานชั้น 7 ได้หรือเปล่า”
หนิงฝานท่องทะยานผ่านหมู่ดารา มุ่งตรงขึ้นไปยังจุดสูงสุดของชั้น 6 ใช้ดรรชนีหมอกเมฆาม่วงสร้างรอยรั่วของม่านพลัง และเข้าสู่ชั้น 7
ในชั้น 7 นี้เวลาจะเดิมเร็วกว่าภายนอก 128 เท่า พลังมิติในชั้นนี้ให้ความรู้สึกที่อันตรายต่อหนิงฝานมาก ด้วยพลังมิติระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงจะทนทานได้
ที่สำคัญ ยังใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาในระยะที่ไกลมากไม่ได้ด้วย
หนิงฝานเร่งนำสมบัติในกระเป๋าออกมา 2 สิ่ง หนึ่งคือระฆังทะเลตะวันออก นำมาวางไว้เหนือศีรษะเพื่อป้องกันพลังมิติ
ของอีกสิ่งสมบัติที่ทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวในพลังมิติได้รวดเร็ว
ชั้น 7 นี้มีพลังมิติที่รุนแรง ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงไม่อาจต้านทานได้ ผู้ที่จะเข้ามาได้นั้น อย่างน้อยสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก
หนิงฝานนำเข็มทิศดาราออกมา กระตุ้นสร้างม่านพลังที่ไม่ใหญ่นัก เปลี่ยนให้มันกลายเป็นที่ที่ป้องกันพลังมิติได้
หนิงฝานท่องไปทั่วชั้น 7 ด้วยความเร็วที่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นทำไม่ได้ เมื่อถึงสถานที่แห่งหนึ่ง หนิงฝานใช้ปราณกระบี่ขุดถ้ำอยู่นั้น หนิงฝานกลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง จึงเร่งเงยหน้ามอง
“รู้สึกเหมือนที่นี่จะมีชั้น 8 อยู่ด้วย! บางทีข้าอาจจะคิดไปเอง...”...