Chapter 150 – Great Plains of Barrastan [14-04-2020]
Chapter 150 – Great Plains of Barrastan
”
ไกลออกไปที่มุมของฟ้ามีดวงอาทิตย์ที่กำลังลอยอยู่ย้อมให้พื้นที่ด้านเป็นสีแดงจากการตกลงของพระอาทิตย์ อย่างไรก็ตามมันมีควันสีดำลอยอยู่ที่ทั่ว ในเวลาเดียวกันจากที่ไหนสักแห่งก็ได้มีเสียงสั่นสะเทือนเป็นจังหวะ
"ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!"
ซังจินได้ถูกเทเลพอตมาที่สนามรบซึ่งมีควันไฟขึ้นอยู่ทั่วทุกทิศทาง จากนั้นเสียงอธิบายของโอเปอเรเตอร์ก็ดังออกมา
[ยินดีต้อนรับสู่ที่ราบบาราสตัน]
[ครั้งหนึ่งเมื่ออยู่ในความสงบสุขมันเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์]
[สถานที่แห่งนี้มันได้กลายมาเป็นสนามรบเพราะว่าการรุกรานของเผ่าพันธ์ปีศาจ]
[คำเตือน ทหารของเผ่าปีศาจได้มีชัย]
[สามารถจะมองไปรอบๆเพื่อหาเศษชิ้นส่วนของทหารมนุษย์ได้ทั่วทุกที่]
ซังจินได้หันไปที่ที่ราบบาราสตันอันกล้างใหญ่ ซากศพของมนุษย์และปีศาจได้กระจัดกายจายไปทั่วที่ราบแห่งนี้ มันมีค่ายของปีศาจอยู่เบื้องหน้าเขา
ความจริงแล้วบทนี้มันเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลที่คุณจะต้องต่อสู้กับกองทัพทั้งหมดด้วยคนเพียงสิบคน อย่างไรก็ตามซังจินมีเพียงตัวคนเดียวและเขาจะต้องเอาชนะทั้งกองทัพ
ซังจินนั้นมีสเตตัสและไอเทมที่เก็บมากมายจนถึงตอนนี้ แต่ว่ามันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะได้ สายลมได้พัดไปมาอย่างนุ่มนวลพัดเอากลิ่นที่คุ้นเคยเข้ามาหาเขา มันเป็ฯกลิ่นเหม็นไหม้และเนื้อหนัง ซังจินได้ย่นคิ้วลง ในทางกลับกันเบสโกโร่กลับตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น
'อืมมม~ นี่มันกลิ่นของสงคราม'
ซังจินได้พูดกับเขา
"เบสโกโร่จริงจังให้มากขึ้นด้วย ในบทนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่กับฉัน"
'มันจะไม่ง่ายหรอ? ถ้างั้นทำไมเจ้าถึงมาคนเดียว แทนที่จะมากับนักล่าคนอื่นๆ?'
"ถ้าฉันทำแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องน่ากังวลมากขึ้น ฉันต้องการที่จะจัดการมันคนเดียว"
'ที่เจ้าทำแบบนี้เพราะว่ามันเป็นไปได้ใช่มั๊ย?'
"มันเป็นไปได้ แต่ว่า...มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย"
'อ่า ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแค่เชื่อใจข้า ข้าเป็นคนที่แต่งงานมาแล้วและอยู่ในสนามรบมาตลอดอายุถึง 40 ปี'
'แทนที่จะบอกว่าแต่งงานน่ะ ควรจะบอกว่ามันล่มมากกว่านะ...'
ในขณะที่ซังจินคิดแบบนั้นเสียงของมูนสเปคก็ดังขึ้น
'อย่ากังวลเลยนายท่าน ข้าจะช่วยท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้'
ซังจินได้ลูบมูนสเปคเบาๆในขณะตอบกลับไป
"อ่า ใช่แล้ว ฉันจะต้องพึ่งเธอแล้วนะ"
เบสโกโร่ก็ได้ขัดเขาขึ้น
'ใช่ ใช่ ผีสาวที่จิตใจงาม'
ด้วยคำพูดนี้มูนสเปคได้อายไปเล็กน้อยในขณะที่พูดกลับมา
'ไม่...เจ้ากำลังพูดอะไร...'
ซังจินฟังบทสนาของทั้งสองไปเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นตัวของวิญญาณทั้งสอง แต่เบสโกโร่นั่้นเป็นคุณลุงวัย 50 ปลายๆในขณะที่มูนสเปคเป็นเด็กสาวที่อายุเพิ่งจะเข้า 20 เท่านั้น
ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นไปได้ที่จะเรียกว่ามันเป็นการสนทนาที่อบอุ่นระหว่างคุณปู่กับหลานสาว แต่ว่าถ้าคุณคิดไปถึงอดีตของเบสโกโร่ซึ่งเขาได้ชอบลูกสาวของเคาท์เดมิทรี มันก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นภาพที่น่ากลัวหรือ ซังจินได้จบการสนทนาของทั้งคู่และพูดขึ้นมาทันที
"การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นแล้ว ช่วยหยุดคุยกันก่อนนะทั้งคู่เลย"
มูนสเปคได้ตอบกลับมาอย่างซื่อตรง
'ค่ะนายท่าน'
เบสโกโร่ก็ยังคงพูดต่อไป
'เอะ ทำไม ผู้หญิงที่น่ารักดังนั้นฉัน...'
ซังจินได้นึกไปถึงสิ่งข้อเสนอที่ฟรานซ์ได้ให้ไว้เมื่อวาน
'หรือฉันควรจะ...ยอมรับข้อเสนอนั่น...'
ในขณะที่ซังจินคิดเกี่ยวกับมัน ภาพโฮโลแกรมก็ได้ปรากฏขึ้นมาจากลูกบาศก์
-----
ที่ราบบาราสตัน
เป้าหมาย - ฆ่าผู้บัญชาการ 'เซราต้า'
ระยะเวลา: 3 ชั่วโมง 30 นาที
-----
ซังจินได้เหลือบไปมองและยืนยันระยะเวลา สามชั่วโมงครึ่ง คุณอาจจะพูดได้ว่ามันเป็นเวลาที่นาน แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่เลยเพราะว่าแผนที่นี้มันมีขนาดที่ใหญ่และศัตรูจำนวนมาก
ไม่ว่ากรณีใดๆ มันไม่ควรจะนานนักจนกว่าจะถึงการเริ่มต้นการจู่โจม ซังจินได้เตรียมพร้อมจิตใจของตัวเอง จนกระทั่งตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดต่างๆและมีประสบการณ์ที่ไม่ปกติตลอดมาหลากหลายบท แต่เมื่ออยู่ที่นี่ความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของซังจินก็โผล่เข้ามา
'ซังจินช่วยฉันด้วย!'
'อ๊ากกกกก!!!'
ความจริงแล้วมันเป็นปาฏิหารน์ที่เขาสมารถจะเคลียร์มันได้ในตอนท้าย นักล่าคนอื่นๆทั้ง 9 คนได้ตายไป และบทก็ได้จบลงเมื่อเขาได้ฆ่าบอสในขณะที่เลือดท่วม
'มันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ...'
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันก็คือเขาได้ผูกขาดแต้มและไอเทมทั้งหมดของบทด้วยตัวคนเดียว มันเป็นจำนวนของไอเทม เหรียญดำ และสเตตัสที่มากอย่างน่าเหลือเชื่อ
เขาไม่ได้ต้องการมัน แต่ดูเหมือนว่าการผูกขาดนี้มันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาได้เป็น 1 ใน 10 คนสุดท้ายอีกด้วย
'หืม มันคือเหตุผลที่ทุกคน...'
ในตอนนี้เขาก็ได้คิดเกี่ยวกับมัน
'ถ้าฉันได้รับรางวัลของสำหรับคน 10 คน มันจะมากแค่ไหนกันนะ?'
และเขาก็จะต้องล่าฆาตกรให้มากๆอีกด้วย
'ฉันควรจะจบมันอย่างรวดเร็ว และไปล่าฆาตกร ฉันควรที่จะสามารถจับรางวัลใหญ่ได้ในการจู่โจมนี้ และ...ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยนักล่าคนอื่นๆด้วยเช่นกัน'
ซังจินได้คิดในใจขณะที่เหวี่ยงดาบไปในอากาศเล่น ความจริงแล้วแม้ว่าเขาจะบ่นมากมาย แต่ว่าการเคลียร์ยทนี้ก็ไม่ได้ยากมากนัก
มันมีเพียงแค่บอสลับที่ควรจะเป็นปัญหา เพราะว่ามันอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับอาเรี่ยน ถ้าหากมันเป็นในกรณีนั้นและบอสลับมันเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่ดำลงอยู่ในมิติที่แตกต่าง ถ้างั้นเขาจะอาจจะต้องคิดว่าจะพยายามทำยังไง
'อย่างแรงลองค้นหาดูก่อน และค่อยคิดมันหลังจากนั้น'
ซังจินได้เก็บเรื่องนี้เอ้าไว้ และหันไปเตรียมดาบ หลังจากนั้นสั้นๆการนับถอยหลังก็เริ่มขึ้น
[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 10 วินาที]
[10 9 8 ... 3 2 1 0]
[การจู่โจมเริ่มขึ้นแล้ว]
บาเรียที่ไร้รูปร่างที่ปกคลุมอยู่ได้หายไปแล้วพร้อมๆกับเสียงของโอเปอเรเตอร์ ซังจินได้เริ่มเดนไปในขณะที่ถือดาบคู่เอาไว้ เบสโกโร่ก็ได้พูดขึ้นมา
'นายจะไม่ล่อให้พวกมันรวมกลุ่มเหมือนในการจู่โจมก่อนหรอ? แบบเดียวกับที่นายแช่แข็งพวกลิซาร์ดแมนในครั้งเดียวน่ะ'
ซังจินได้พูดออกไปด้วยเสียงนิ่งๆ
"นั่นมันเป็นไปได้เพราะมันเป็นการจู่โจมแบบ 5 คน แต่นี่้มันคือการจู่โจมแบบ 10 คน แม้ว่าพวกมันจะเป็นมอนสเตอร์ปกติ แต่ฉันก็ไม่สามารถจะต่อสู้กับพวกมันแบบนั้นได้"
'อย่างงั้นหรอ? ถ้างั้นฉันเดาว่านายจะต้องสู้กับมันในรูปแบบกองโจรสินะ'
"ถูกแล้ว การรบแบบกองโจร แต่ว่า...นายยังเรียกสิ่งที่คนๆเดียวกำจัดศัตรูทั้งกองทัพว่ามันเป็นการรบแบบกองโจรหรอ?"
'เป็นคำถามที่ดีเลยล่ะ แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน'
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นมูนสเปคก็แทรกขึ้น
'นายท่านนั่นศัตรู'
เมื่อพูดสเปคพูดจบ ทีมของปีศาจก็ได้เดนมาถึงทุ่งข้าวสาลีที่ซังจินอยู่ ซังจินได้ซ่อนตัวและแอบมองไปที่พวกปีศาจ โดยทั่วไปและปีศาจมันจะมีรูปร่างที่ใหญ่โต
สูงประมาณ 2 เมตรด้วยเนื้อที่หนาแน่สีแดงเข้มและดวงตาสีเหลือ นอกจากนี้แค่ละตัวของพวกมันจะมีหนึ่ง สองหรือสามเขาอยู่บนหัว มันเหมือนกับภาพปกติของปีศาจที่มนุษย์ส่วนใหญ่ได้จินตนาการเอาไว้ ถ้ามันจะมีบางอย่างที่แปลกๆก็คือซังจินสามารถจะเข้าใจได้ว่ามันพูดอะไร
"ฟุดฟิดๆ หืม? เฮ้ พวกแกไม่ได้กลิ่นของมนุษย์จากที่นี่งั้นหรอ?"
"ใช่แล้ว แน่นอนเลยว่าเป็นกลิ่นมนุษย์"
มันมีทั้งหมดห้าตัว ซังจินได้ถือดาบเอาไว้ในขณะที่รอคอยให้ปีศาจเข้ามาใกล้
" เฮ้ มันไม่ใช่ว่าเป็นกลิ่นของหนึ่งชีวิตหรอ? มันเป็นไปได้ว่า..."
ตอนที่พวกมันได้เข้ามาใกล้ ซังจินก็ได้วิ่งเข้าไปหาตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและเหวี่ยงมูนสเปค
'ฟึบ'
ปีศาจมันไม่สามารถแม้แต่จะร้องออกมาได้และตายลงในทันที
"มนุษย์!"
ปีศาจตัวที่สองได้เห็นซังจินและตะโกนออกมา แต่ว่าจากนั้นดาบอีกเล่มของซังจิน บลัดเวเจนก็ลอยเข้าไปหามัน
มันได้รีบยกอาวุธของมันขึ้นมาป้องกันดาบของซังจิน แต่ว่าบลัดเวเจนของซังจินนั้นได้ตัดผ่านดาบและตัดคอของมันออกไปอย่างง่ายดาย
"ตึก ตึก ตึก"
จากห้า สองตัวได้ตายไปในทันที มันได้จากไปโดยไม่สามารถจะพูดอะไรได้ อีกสามตัวที่เหลือก็ได้พุ่งเข้ามาหาซังจินในทันที
ดาบตามได้พุ่งเข้ามาจากด้านซ้าย ด้านขวา และด้านหน้า ซังจินได้ป้องกันขวานและหอกที่เข้ามาจากด้านข้างด้วยดาบทั้งสองเล่น ในขณะที่หลบดาบจากด้านหน้าด้วยการถอยไปด้านหลัง
หลังจากนั้นเขาก็ได้สัมผัสพื้นที่ข้างหลังจากง่ายดายและทำลายการล้อมของมันไป บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกมันได้ถูกซุ่มโจมตีทำให้พวกปีศาจไม่สามารถที่จะสงบสติอารมณ์ของมันและโจมตีซังจินอย่างลนลาน พวกมันได้พุ่งเข้าไปหาซังจินเป็นเส้นตรงซึ่งนั่นมันไม่ต่างไปจากการฆ่าตัวตายเลย
'การล้อมก็ไม่ได้ผล แต่พวกแกก็ยังพุ่งตรงเข้ามาหรอ?'
เบสโกโร่ได้ทำเครื่องหมายคำถามขึ้นมา เมื่อซังจินได้ตัดคอและอาวุธของตัวแรกที่เข้ามา เขาก็ได้กลิ้งออกไปและตัดข้อเท้าของปีศาจตัวที่สอง จากนั้นปีศาจตัวที่สามก็ได้ขว้างขวานเข้าใส่ซังจิน แต่ว่าเขาได้หลบมันด้วยการบิดตัว
'ฉึก'
ขวานของปีศาจมันสัมผัสได้เพียงพื้นว่างเปปล่าเท่านั้น ซังจินได้ตัดหัวของมันในทันทีหลังจากนั้น ปีศาจทั้งสามตัวได้กลายเป็นไร้พลังไปในทันที
"ก๊าซซซว!"
ปีศาจตัวที่สองที่ถูกตัดข้อเท้ายังคงร้องออกมาจากเจ็บปวด แต่ว่ามันก็ไม่ได้อยู่ได้นานนัก ซังจินได้แทงทะลุหัวใจของมันด้วยบลัดเวเจน
"ฟู่....."
หลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้ครั้งแรก ซังจินก็สูดหายใจลึกและปล่อยมันออกมา ในชฯะที่ทำแบบนั้นเขาก็มองไปที่ศพของปีศาจที่นอนบนพื้น เดิมทีปีศาจเหล่านี้มันยากที่จะต่อสู้แม้ว่าจะมีนักล่า 10 คน พวกมันทรงพลังอย่างมาก
พวกมันเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่อาจจะทำให้เกิดการสังหารหมู่ได้ถ้าหากคุณมองข้ามพวกมันเพียงเพราะแค่มันเป็นมอนสเตอร์ธรรมดา อย่างไรก็ตามซังจินนั้นอยู่ในระดับที่สามารถจะเอาชนะพวกมันได้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่นิดเดียวแล้ว มูนสเปคที่มักจะอยู่เงียบๆได้เปิดปากออกมาและพูดขึ้น
'นายท่าน ข้ารู้สึกว่าทักษะของท่านเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน'
"จริงหรอ?"
ซังจินได้มองลงมาบนมือของเขาที่ซึ่งถือดาบเอาไว้อยู่ ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงแค่สเตตัสและไอเทมของเขาเท่านั้นที่ดีขึ้น แต่หลังจากที่เขาได้ผ่านประสบการณ์ความเป็นและความตายมาหลายครั้งเทคนิคดาบของเขาก็ได้กลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
'ใช่แล้ว ฉันก็สามารถจะบอกเจ้าได้ เจ้าทำได้ดีเลยทีเดียวเจ้าหนุ่ม'
เมื่อได้ฟังวิญญาณทั้งสองตนพูดแบบนี้ ซังจินก็ได้รับความมั่นใจมากขึ้น มันดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ทีมของเขาได้ถูกทำลายไปในอดีตจนก่อนที่จะถึงตอนนี้ เขารู้สึกว่านอกจากบอสซึ่งเป็นผู้นำของกองทัพและบอสลับผู้ซึ่งไม่มีข้อมูลใดๆเลย มอนสเตอร์ปกติพวกนี้ไม่สามารถจะทำอะไรเข้าได้เลยแม้แต่น้อย
"ดีล่ะ ถ้างั้นเรามารีบเอาชนะกันแล้วจากนั้นก็ไปช่วยนักล่าคนอื่นๆ และก็ไปล่าฆาตกรอีกด้วย"
ซังจินได้เดินไปด้วยฝีเท้าเบาๆไปทางต้นกำเนิดของควันที่พุ่งขึ้น ค่ายของเหล่าปีศาจ
*****
สิบนาทีก่อนที่ซังจินจะเริ่มสงครามกองโจร เซรินผู้ที่ปลอมตัวเป็นมุสตาฟาที่สวมผ้าโผกหัวและเครารุงรังได้ก้มคำนับในขณะที่พูดออกมา
"ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันมุสตาฟา อาวุธหลักที่ฉันใช้ก็คือธนู ฉันยังสามารถจะใช้เวทย์ได้อีกเล็กน้อย"
ในขณะที่เซรินได้กำลังแนะนำตัว ความสนใจของนักล่าทั้งเก้าคนก็ได้อยู่ที่เธอ เธอสามารถจะรู้สึกได้ถึงความสนใจนี้ เธอเลยได้สัมผัสไปที่ต่างหู ครู่หนึ่งความคิดโดยพื้นฐานของพวกเขาก็ได้หลั่งไหลออกมา
'หืม...คุณไม่สามารถจะไว้ใจคนที่มาจากเอเชียกลางได้'
'ผู้ถูกเลือกหรอ? เป็นฉายาที่แปลกๆแหะ'
'ธนูงั้นหรอ? ดูเหมือนมันจะไม่เป็นไรนะ'
'เขาไม่น่าจะเป็นฆาตกรใช่มั๊ย?'
ตอนนี้มันเป็นบทที่ 14 แล้วมีคนส่วนใหญ่ได้ผ่านประสบการณ์มาอย่างมากมาย เมื่อใดก็ตามที่มีคนแนะนำตัวออกมาพวกเขาก็จะมองไปและพิจารณาถึงคนๆนั้นว่าพวกเขาเป็นคนที่จะช่วยปาตี้ หรือว่าเขาจะเป็นคนที่จะมาแทงข้างหลัง แน่นอนว่าเซรินก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
"ฉันเสี่ยงเฮ่ย"
"ยินดีที่ได้พบ ฉันเวดวู๊ด โวลซี"
อย่างไรก็ตามในหมู่พวกเขามีชายคนหนึ่งที่เด่นอยู่
"น่าปิติอะไรแบบนี้ ฉันเอ็ดเวิร์ด"
ผมสีบลอนด์ ผิวสีขาว จมูกคมและดวงตาสีน้ำเงิน ชายหนุ่มรูปงามที่ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก แม้ว่าเซรินจะไม่ใช่ประเภทที่ยึดติดกับรูปลักษณ์การปรากฏตัวของผู้ชาย แต่รูปลักษณ์ที่ดีของเขาก็ทำให้เธอสนใจ เซรินได้มองไปที่ใบหน้าสวยของเขา จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นเพื่ออ่านฉายาของเขา ฉายาของเขาก็คือ 'สุดยอดจอมเวทย์'
'หือ...?'
และในขณะนั้นเองในที่สุดเธอก็นึกขึ้นได้
'ชายคนนี้...ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในลิสต์ของโอปป้าซังจินหรอ?'