Chapter 149 – Black Market Thirteenth Shopping [12-04-2020]
Chapter 149 – Black Market Thirteenth Shopping
”
"วิ้ง"
ซังจินได้ปรากฏตัวขึ้นที่ตลาดมืดพร้อมด้วยเสียง เช่นเคยเขาได้ไปนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟในขณะที่คำนวณราคาของไอเทมแต่ละชิ้น อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังทำแบบนี้อยู่นั้น
[ผู้ถูกเลือกได้ร้องขอการย้ายมิติ]
[คุณจะยอมรับหรือไม่?]
รูปนาดาได้ปรากฏขึ้นเหนือลูกบาศก์ของซังติน สำหรับการที่เธอเรียกเขาหลังจากที่การจู่โจมเสร็จสิ้นนั้นมันหมายความว่ามีอะไรบางอย่างที่เธอต้องการจะถาม
"นาดา? มีอะไรหรอ?"
เธอได้ตรงไปที่ประเด็กของเธอในทันที
"นายได้รับเกราะจากการโจมตีครั้งนี้มามั๊ย? เกราะหนังระดับตำนาน"
"อา...ฉันได้มันมา"
ซังจินได้พบ มาแบ็ท - เกราะแห่งขุนนาง อยู่ท่ามกลางกองไอเทมที่กองอยู่เบื้องหน้าเขา
"เธอกำลังพูดถึงสิ่งนี้ใช่ปะ?"
"ใช่แล้ว นั่นแหละ ฉันต้องการที่จะอัพเกรดมัน อย่าเอามันไปประมูลและขายมันให้ฉัน"
"อา โอเค"
นาดาได้จับไปที่ริมฝีปากและส่งเสียง 'ชู่' ออกมา
"ขอบคุณ ถ้สงั้นไว้เจอกันมื้อเย็น"
ทันใดนั้นเธอก็ส่งจูบมา ซังจินได้ขมวดคิ้วขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบโน๊ตของเขา 'เกราะหนัง - เริ่มประมูล 8000 ขายทันที 10000 เหรียญ' มันถูกเขียนเอาไว้ ซังจินได้ขีดเส้นค่าทิ้งในขณะที่พูดกับตัวเอง"
'ตั้งแต่ที่ฉันได้รับจูบมา ฉันก็ควรที่จะขายมันแบบถูกๆ น่าจะประมาณ 6 ถึง 7 พันเหรียญ...'
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
[ผู้ถูกเลือกได้ร้องขอการย้ายมิติ]
[คุณจะยอมรับหรือไม่?]
ได้มีคนอื่นติดต่อมาหาเขาอีก คราวนี้ก็คือฟรานซ์
"ว่าไง?"
"อา เค มีหมวกที่ฉันได้รับมาในระหว่างการจู่โจม ฉันส่งสัยว่านายต้องการมัน"
"จริงหรอ? อันไหน?"
ฟรานซ์ได้หยิบเอาหมวกสีทองออกมาจากลูกบาศก์ มันเป็นหมวกทองของบอสในบทที่แล้ว คาร็อทได้สวมเอาไว้
"นี่มันคือหมวกระดับตำนานที่ฉันได้รับมาในครั้งนี้ ลองดูสิ"
ฟรานซ์ได้แสดงสถานะของไอเทมให้ซังจินได้ดู
-----
อราคาดอน - หมวกของคาร็อท
หมวกระดับตำนาน - ป้องกัน 44%
ทักษะติดตัว
ป้องกันเวทย์ (III) - ลดความเสียหายจากเวทย์ทั้งหมด 30%
ทักษะใช้งาน
การศึกแห่งกษัตริย์(V) - เรียกลิซาร์ดแมนเกราะหนัก 10 ตัวออกมา พวกเขาจะปกป้องเจ้านายจนตัวตาย
ซ่อนคมเขี้ยวและหางของคุณไว้ใต้น้ำ
-ราชาคาร็อท-
-----
มันมีความสามารถที่ดีพอที่จะสมกับที่เป็นหมวกระดับตำนาน
"โอ้....มันไม่เลวเลยใช่มั๊ย?"
หลังจากคำนั้นที่เขาพูดครู่หนึ่ง เบสโกโร่ก็ได้ตอบกลับมาทันควัน
'ไม่เลว? มันมีอะไรที่ไม่เลว? เคนาย....?'
แต่ว่าฟรานซ์ก็ไม่สามารถจะได้ยินเสียงนี้ได้ เขายังคงพูดต่อไป
"หมวกที่นายสวมอยู่ในตอนนี้...รูปลักษณ์มันไม่ค่อยดีนะ...ดังนั้นนายไม่คิดที่จะใช้อันที่ดีกว่าหรอ?"
'ไอ้เวร...!!!'
เบสโกโร่ได้ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด แต่แน่นอนว่าฟรานซ์ไม่สามารถจะได้ยินมันได้ ซังจินเกือบจะขำออกมาในขณะที่พูดกลับไป
"อา...นั่นมันจริง แต่ว่าฉันคุ้นกับการสวมหมวกนี้ไปแล้ว เพียงแค่ใช้มันเอง...หรือไม่ก็ขายให้คนอื่นเถอะ"
"อา ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นไว้เจอกันนะ"
หลังจากฟรานซ์ได้หายไป ซังจินก็หัวเราะลั่นออกมา
"ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"
บางทีเบสโกโร่อาจจะโกรธอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ซังจินก็เลยปลอบใจเขา
"อย่าโกรธไปเลบเบสโกโร่ บางทีการใส่หัวกระโหลกไปรอบๆมันอาจจะไม่ดีหรืออะไรแบบนั้นก็ได้"
เบสโกโร่ได้ส่งเสียงออกมาสั้นๆ
'ฮึ่ม'
ซังจินได้ลุกขึ้นหลังจากที่จัดการไอเทมเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตามหน้าของเซรินก็ปรากฏขึ้นเหนือลูกบาศก์
"โอ้ โอปป้า"
******
‘Jararan~ Janjan jarararan~’
เสียงดนตรีคลาสสิกที่น่างดงามได้ยินไปทั่วทั้งในอาคารแห่งนี้ ที่นี่คือภัตตราคารชั้นนำ 'เพลิงแห่งบราซิเออร์' ที่ตั้งอยู่ใจกลางของตลาดมืด มันมีโต๊ะกลมและเก้าอีหกตัวอยู่ตีงกลางร้าน ครู่หนึ่ง สองผู้ถูกเลือกก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆซังจินด้วยเสียงระเบิด
"ปุ้ง"
"ปุ้ง"
คนแรกที่ปรากฏก็คือฟรานซ์ เขาได้มองไปรอบๆบริเวณอยู่ครั้งหนึ่ง
"โว้ว...มีสถานที่แบบนี้ด้วย?"
เขาได้รู้ว่าเขายังอยู่ในตลาดมืดเมื่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง
"อา ที่นี่ ฉันแค่มองเห็นมันจากระยะไกล แต่ฉันไม่เคยเห็นด้านในของมันเลย"
นาดาเป็นคนถัดมาที่ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะเคยเห็นที่นี่มาก่อน
"โอ้ นายเลือกที่นี่หรอ? นายเป็นคนที่มีรสนิยมที่ดีเลยนะเค"
หลังจากนั้นมาฮาเดสและเบลเทรนชายทั้งสองคนก็ได้มาถึง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจอะไรมากนักกับอาหารที่นี่ เบลเทรนได้นั่งลงไปในที่ของเขาหลังจากที่เหลือบไปมองการประดับประดาที่ฉูดฉาดอยู่ครั้งหนึ่ง มาฮาเดสนั้นทำเพียงแค่นั่งลงไปอย่างง่ายๆและพนมมืออธิษฐานบริกรรมออกมา คนสุดท้ายที่ปรากฏตัวออกมาก็คือเซริน เธอได้มองไปรอบๆและเป็นประกาย
'มันคงจะดีถ้าเราได้มาทานอาหารค่ำที่นั่นในคืนนี้'
มันเป็นคำแนะนำของเธอที่ให้พวกเขามารวบตัวกันที่นี่ในวันนี้ เธอได้ยิ้มให้กับซังจินที่ฟังคำขอของเธอ หลังจากที่ผู้ถูกเลือกได้มารวมกันครบ ซังจินก็วางศอกลงบนโต๊ะและพูดออกมา
"ทุกคน การจู่โจมเป็นยังไงบ้าง?"
"มันเป็นเรื่องยากอยู่ แต่ว่าเราทำมันเสร็จสมบูรณ์"
"ฉันก็เหมือนกัน"
"ฉันด้วย"
ซังจินได้ยกมือขึ้นและถามออกมา
"มีใครที่ทำมันไม่สำเร็จ 100% มั๊ย?"
ไม่มีใครในโต๊ะยกมือขึ้นมาเลย สิ่งนี้มันสามารถจะบอกได้ว่าทุกคนได้ประสบความสำเร็จ 100%
ผู้ถูกเลือกที่ตอนนี้ได้มาถึงในระดับที่สามารถจะนำพวกนักล่าได้แบบเดียวกับที่ซังจินทำมาตลอดบทที่ 1 - 10 ได้แล้ว จากนั้นซังจินก็ปรบมือและพูดออกมา
"ดีล่ะ ถ้างั้นเรามากินอาหารด้วยกันดีกว่า"
นักล่าแต่ละคนได้หยิบเมนูที่ด้านหน้าของพวกเขาขึ้นมาและสั่งอาหาร
"ฉันเอาเนื้อวัวระดับแรร์นะ"
"ฉันพาสต้ากุหลาบกับเนื้อปู"
"สเต็กย่าง"
ครึ่งสิงโตที่รอคอยอยู่เบื้องหลังได้เขียนเมนูอาหารและเดินเข้าไปในห้องครัว รายการทั้งหมดที่ถูกสั่งสามารถจะถูกทำได้ด้วยดารูปิน แต่ว่าส่วนผสมและวิธีการปรุงนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละร้าน ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ที่จะเพลิดเพลินไปกับรสนิยมที่ต่างกัน นี่ก็คือเหตุผลที่เซรินได้ขอให้เขามาที่นี่
ไม่นานนักครึ่งสิงโตก็กลับมาพร้อมกับนำจานอาหารทั้งหมดมาเซิร์ฟ
"ขอให้ท่านเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร"
แต่ละคนต่างก็หยิบมืด ส้อม ช้อนและตะเกียบขึ้นมา หลังจากที่พวกเขาได้กินไปพักหนึ่ง นาดาก็พูดขึ้น
"แล้วไม่มีใครที่มาใหม่ในวันนี้หรอ?"
ฟรานซ์ก็พูดขึ้นเช่นกัน
"ใช่แล้ว ไม่มีใครที่นายไปสัมภาษณ์แล้วถูกใจเลยหรอ?"
ซังจินได้กอดอกและพูดออกมา
"มันไม่มีเลย น่าเสียดายจริงๆ"
ในคำพูดของซังจิน เซรินก็แทรกต่อขึ้นมา
"มันจะต้องมีโอกาสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การจู่โจมถัดไปจะเป็นรูปแบบ 10 คน ดังนั้นมันไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสที่จะได้สังเกตุนักล่ามากยิ่งขึ้นหรอกหรอ?"
ซังจินได้จับมือเข้าด้วยกันและพูดตอบออกมา
"ถูกแล้ว แต่ว่า...ความจริงแล้วการจู่โจมแบบ 10 คนที่กำลังจะมาถึงมันเป็นเรื่องที่ยากลำบากแม้แต่กับฉัน ฉันก็ยังไม่สามารถรับประกันว่ามันจะสำเร็จ 100% ได้เลย ฉันไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาว่างเหลือหรือไม่"
ทุกคนได้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของซังจิน นี่มันเป็นเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ซังจินพูดถึงการจู่โจมแบบนี้
"นายควรจะได้รับแผ่นข้อมูลเร็วๆนี้...การจู่โจมถัดไป...มันเป็นที่ราบกว้างแห่งบาราสตัน มันเป็นสถานที่พิเศษก็คือ...มันเป็นสถานที่ของสนามรบ"
"สนามรบ?"
ซังจินได้จับหน้าผากในขณะที่พูดออกมา
"ใช่แล้ว สนามรบที่มีกองทัพมนุษย์และปีศาจกำลังห่ำหั่นกัน นักล่าจะเข้าร่วมทางฝั่งของมนุษย์และมีเป้าหมายที่การเอาชนะผู้บัญชาการของฝั่งศัตรู แต่ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแต่มันจะมีศัตรูจำนวนมากเท่านั้น ที่ตัวผู้บัญชการก็ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับรองรายล้อมเขาอีกด้วย... พวกมันเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะรับมือ"
"เอ่อ..."
"หืม..."
ซังจินได้หันไปทางนักล่าและพูดต่อ
"ฉันจะช่วยพวกนายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่..ฉันไม่รู้ว่าฉันจะไปได้ตลอดเวลาหรือป่าว ดังนั้นพวกนายควรจะเตรียมตัวกันให้พร้อมสำหรับคืนนี้ ฉันจะพยายามให้คำบรรยายสั้นๆกันในเช้าวันพรุ่งนี้"
นักล่าหลายคนได้หยักหน้าอย่างกังวลในคำพูดของซังจิน
*****
เวลาตีสี่ครึ่งเช่นเคย ซังจินได้มาที่ร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ
"ยินดีต้อนรับสุดยอดนักล่าเค นายดูดีนี่"
ซังจินได้ตอบสนองการทักทายของพ่อค้าด้วยการวางหินแสวงหาฆาตกรลงไปบนโต๊ะและพูดออกมาด้วยเสียงแห้งๆ
"ชาร์จพลังของหินนี่ โอเปอเรเตอร์จ่ายเงินให้เขา"
มันดูเหมือนว่าพ่อค้าจะรู้สึกไม่พอใจกับทัศนคติของซังจิน
"อะ ถ้านายยังคงเป็นแบบนี้อยู่ จากนี้ไปฉันจะไม่ขายอะไรแล้วนะ"
ซังจินได้จ้องมองเขาอยู่สั้นๆ ครู่หนึ่งพ่อค้าก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น
"อ่า มันเป็นมุขนะ"
พ่อค้าได้หยิบหินไปและจากนั้นก็วางกลับมาที่เดิม เมื่อเขาทำมันหินอ่อนก็ได้ส่องแสงสว่างกลับมาเหมือนเดม
"นี่ รับไปสิ"
ซังจินได้หยิบหินกลับมาและจากนั้นก็พูดกับพ่อค้า
"นอกจากนี้เรื่องที่ฉันได้ถามนายในครั้งที่แล้ว สิ่งนั้นน่ะ"
"อา นี่หรอ?"
พ่อค้าได้เปลื่ยนไปเป็นเอ็ดเวิร์ดอยู่ครู่หนึ่ง ซังจินไม่ชอบใจนักแต่ว่าเขาก็ไม่ได้เปิดเผยมันออกไปเพราะมันจะเป็นโอกาสให้พ่อค้าคนนี้เล่นตลกกับเขาไปมากยิ่งขึ้น
"ใช่ คนนี้แหละ เขามาที่นี่ใช่มั๊ย?"
ด้วยคำพูดของซังจิน พ่อค้าก็ได้หยักหน้ารับครั้งหนึ่งและพูดขึ้น
"นั่นมันเป็นราคาหนึ่งหมื่นเหรียญดำ"
ซังจินได้พูดออกไปโดยไม่ลังเล
"จ่ายเงิน"
ในเวลานี้ ซังจินได้รับกำไรมามากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำได้จากร้านประมูล เขาสามารถจะใช้เหรียญหนึ่งหมื่นเหรียญไปกับข้อมูลนี้ได้ หลังจากที่ลูกบาศก์ของซังจินกับพ่อค้าแลกเปลื่ยนกันเสร็จ พ่อค้ากธพูดขึ้น
"เขามาที่นี่แล้ว"
"เมื่อไหร่?"
"ถ้านายต้องการจะรู้อีกนายจะต้องจ่ายเพิ่ม...""
ซังจินได้ขมวดคิ้ว จากนั้นพ่อค้าก็พูดต่อ
"นี่มันเป็นสิ่งปกติ...แต่เนื่องจากว่านายเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ฉันจะให้บริการพิเศษแก่นายละกัน ครั้งแรกที่เขาได้มาที่นี่...ก็คือหลังจากที่จบบทที่ 10 และเมื่อครั้งล่าสุดก็คือเขามาถึงเมื่อเช้า"
"เช้าวันนี้หรอ?"
พ่อค้าได้ตอบกลับ
"ใช่แล้ว ตอนนี้เขาก็ยังอยู่กับฉัน นั่งอยู่บนเกาอี้ที่นายกำลังนั่งอยู่ในตอนนี้"
ซังจินได้ลุกขึ้นจากที่นั่งและมองไปที่เกาอี่
"เขาซื้ออะไร?"
พ่อค้าได้ปิดปากของเขาจากคำถามของซังจิน
"มันจะเป็นความลับอยู่เสมอ แม้ว่านายจะมอบเหรียญให้ฉันเป็นล้านก็ตาม แต่ฉันก็จะไม่บอกนาย"
ซังจินไม่ได้ถามอย่างอื่นอีก นี่มันเป็นข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเขาที่จะอนุมานความจริงบางอย่างได้แล้ว อย่างแรกก็คือถ้าเขได้มาที่นี่หลังจากบทที่ 10 มันหมายความว่าเขาได้ผ่านบททดสอบของอาเรี่ยนมา และจากนั้นถ้าเขายังอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าเขายังมีชีวิตอยู่
"ถ้างั้น เร็วๆนี้..."
ซังจินได้ลุกยืนขึ้นและคิดไปถึงเอ็ดเวิร์ด เมื่อเขาเห็นพ่อค้ายิ้มขึ้นในขณะมองมาที่เขา ซังจินก็พูดกับพ่อค้า
"ถ้างั้นช่วยเอาอิลิเซอร์สำหรับเงินส่วนที่เหลือของฉันมาที"
*****
ผู้ถูกเลือกทั้งหมดได้มารวมตัวที่มิติของซังจินในเวลากินอาหารเช้าด้วยการแสดงออกที่น่ากลัว แม้แต่อาหารที่พวกเขาสั่งก็มีแต่ขนมปังและธัญพืชที่เล็กน้อย มันดูเหมือนกับผลจากคำที่ซังจินบอกออกมา
'พวกนายควรจะเตรียมตัวให้พร้อม'
ด้วยท่าท่างที่น่ากลัวนี้ ซังจินได้คิดขึ้น
'...ฉันพูดว่ามันรุนแรงมากเกินไปสำหรับเมื่อคืนหรอ?'
แต่ว่าเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บบรรยากาศนี้เอาไว้ ทั้งสองคนที่อยู่ปาตี้นี้ไม่นานนักอย่างมาฮาเดสและเบลเทรนดูเหมือนจะไม่ค่อยกังวลนัก ในขณะที่เซริน ฟรานซ์ นาดา ผู้ที่รู้ซึ้งมาแล้วดูเหมือนจะเป็นกังวลอย่างมาก
ซังจินได้ตัดสินใจที่จะช่วยพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จนถึงวินที่สุดท้ายและกระตุ้นพวกเขาสักหน่อย
"ตามที่ฉันพูดเมื่อวานนี้บทนี้มันยากมาๆ ฉันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของบอสลับหรือชิ้นส่วนลับเลย ดังนั้นทุกคนจะต้องทำให้ดีที่สุด"
"เข้าใจแล้ว"
ซังจินได้บอกข้อมูลทุกๆอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับบทนี้ออกไป หลังจากที่พวกเขาได้จากไปแล้ว ซังจินก็ได้เตรียมพร้อมตัวเอง นี่เป็นเพราะว่าเขาจะดำเนินการการจู่โจมด้วยตัวคนเดียว
ถ้าเขาทำงานร่วมกันคนอื่น ความยากลำบากมันก็จะลดลงและมันก็อาจจะมีโอกาสในการค้นหาพันธมิตรอีกด้วย แต่ปัญหามันจะเกิดขึ้นในตอนการแจกรางวัล เขาไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น ซังจินได้หยิบ 'ลาเที่ยน - ดาวแห่งความโดดเดี่ยว' ออกมาแล้วพูดขึ้น
"การฝึกฝนที่โดดเดี่ยว"
[คุณได้ดำเนินการการจู่โจมเพียงคนเดียวสำหรับการจู่โจมถัดไป ความยากลำบากจะไม่ถูกปรับเปลื่ยนใดๆ]
หลังจากนั้นสั้นๆ ซังจินก็ได้ถูกอัญเชิญไปที่ที่ราบกว้างแห่งบาราสตันเพียงลำพัง