Chapter 148 – The Swamp of Kh’rot (4) [10-04-2020]
Chapter 148 – The Swamp of Kh’rot (4)
”
ซังจินกำลังจะถามไพโรแมนเซอร์เพิ่มขึ้นไปอีก แต่แล้วเสียงในใจของไพโรแมนเซอร์ก็ดังออกมา
'ชายคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงได้มาถามคำถามฉันหลังจากที่โผล่ออกมาจากที่ไหนสักแห่ง?'
ซังจินได้ตั้งจหยุดคำถามเอาไว้และให้ไพโรแมนเซอร์ได้ใช้เวลาคิดไปกับตัวเอง ไพโรแมนเซอร์ได้มองสลับไปมาระหว่างซังจินและเบลเทรน
' 'ผู้ถูกเลือก' ...ฉันได้ยินว่าพวกเขาพูดบางสิ่งที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ สเตตัสของผู้ถูกนั้นสูงอย่างน่าเหลือเชื่่อจริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นบัพที่ดีก็ได้ ...คนๆนี้เป็นผู้เลือกงั้นหรอ? ถ้างั้นฉันกควรที่จะทำมันให้ดูดี'
หลังจากฟังสิ่งนั้น ซังจินก็ถามขึ้น
"ในบรรดาสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในการจู่โจมมาตลอดนี้ อะไรคือสิ่งที่นายเสียใจมากที่สุด?"
ด้วยการตอบสนองนี้ ซังจินได้รับคำตอบจากใจจริงๆออกมาก่อน
'เสียเงิน 2000 เหรียญในการประมูล'
แต่ว่าดวงตาของเขาได้กระพริบก่อนที่จะตอบว่า
"อา..อืม..ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่สามารถจะปกป้องเพื่อนร่วมทีมได้"
เขาสามารถจะได้ยินเสียงในใจของชายคนนี้ต่ออย่างรวดเร็ว
'ฉันควรจะพยายามทำให้เขาประทับใจสินะ แม้ว่าฉันจะไม่ถูกว่ามันเป็นอย่างที่ฉันคิดมั๊ย แต่มันก็ไม่เสียหายที่จะลอง'
ซังจินได้ยิ้มขึ้นในขณะที่ถามต่อ
"ไม่สามารถปกป้องพวกเขา? ยังไงล่ะ?"
"อา..ในอดีค...ในพระราชวังน้ำแข็งของแม่มดน้ำแข็ง เพื่อนร่วมทีมของฉันได้ถูกแช่แข็งด้วยการโจมตีของแม่มด....."
ซังจินกำลังฟังเรื่องราวเหล่านี้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่นิด
'ถ้าฉันพูดเกินจริงไปสักหน่อย...'
ความคิดของเขาเป็นสิ่งแรกที่ดังให้ซังจินได้ยินเสมอ
"เพราะว่าฉันไม่ได้ใช่เวทย์ของฉันอย่างถูกต้อง...พวกเขาเลยแข็งตาย ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้ทำมันอย่างตั้งใจ แต่มันเป็นเพราะฉันที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องตาย...ในสิ่งที่เกิดขึ้นในการจู่โจมนี้ นั่นมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันเสียใจที่สุด"
"อา...งั้นหรอ ฉันเข้าใจแล้ว..."
ซังจินได้หันหลังกลับจากตรงนั้น เริ่มจากไพโรแมนเซอร์ สายตาของนักล่าคนอื่นๆได้เริ่มจดจ่อไปที่ซังจิน เบลเทรนได้เดินเข้าไปใกล้ซังจินและกระซิบเบาๆ
"นายคิดยังไงกับเขา?"
ซังจินได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังถามความคิดเห็นของเบลเทรน
"เบลเทรนนายคิดยังไงล่ะ?"
"ฉันคิดว่าทักษะของเขานั้นดีเยี่ยม แต่ว่า...กลับกัน เมื่อเขาได้ตอบกลับมา มันรู้สึกเหมือนว่าเจากำลังโกหกอยู่ ทัศนคติของเขานั้นแตกต่างไปเล็กน้อยจากตอนแรก..."
อาจจะเป็นเพราะว่าเบลเทรนนั้นเคยเป็นตำรวจมาก่อนก็ได้ มันดูเหมือนว่าสัมผัสของเขาจะไม่เลวเลย ซังจินไม่ได้พูดถึง 'ไทด์' แต่พูดอย่างอื่นออกมา
"ฉันก็คิดเหมือนๆกัน"
"ถ้าอย่างนั้น"
ซังจินได้สรุปออกมาอย่างรวดเร็ว
"เขาถูกปฏิเสธ ชายคนนั้นนะ"
มันดูเหมือนว่าไพโรแมนเซอร์จะไม่ใช่คนไม่ดีหรืออยู่ในระดับที่จะเป็นฆาตกร แต่ซังจินไม่ต้องการที่จะนำคนที่ชอบโกหกไปด้วยได้
"เข้าใจแล้ว"
ซังจินได้ตบไหล่เบลเทรนในขณะที่พูดออกมา
"โชคดีสำหรับส่วนที่เหลือของการจู่โจมนะ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็เรียกฉัน"
"โอเค ฉันเข้าใจ"
ซังจินได้เหลือบไปข้างหลัง ซึ่งไพโรแมนเซอร์กำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่จากมุมหนึ่ง ซังจินก็ได้กล่าวกับเบลเทรนต่อ
"เอาล่ะ ตามจริงฉันไมได้บอกเขาว่าเขานั้นล้มเหลว เพราะนั่นมันอาจจะทำให้เขาเพาะเลี้ยงความเสียใจขึ้นมาได้"
"แน่นอน ถ้างั้นควรจะพูดยังไงดี?"
"เพียงแค่บอกว่าถ้าเขาผ่าน ฉันจะมาหาเขาหลังจากการจู่โจมจบ นอกจากนี้ช่วยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกเลือกเอาไว้ด้วย"
"เข้าใจแล้ว"
เบลเทรนได้กลับไปที่ตำแหน่งเดิมหลังจากที่ได้ฟังคำของซังจิน ขณะนั้นซังจินก็มองย้อนไปที่เบลเทรนและจากนั้นเขาก็ซ่อนตัวเองอีกครั้ง
"ล่องหน"
เบลเทรนได้หันกลับไปหานักล่าและพูดออกมา
"เอาล่ะ มันดูเหมือนว่าเราจะได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว ไปหาชิ้นส่วนลับกันต่อเถอะ"
เมื่อเบลเทรนได้กลับมา นักล่าบางคนก็ได้เดินเช้ามาหาเขา เหมือนว่าพวกเขาจะถามเกี่ยวกับ
'คนๆนั้นคือใคร?'
คำถามที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของซังจิน ในขณะที่ซังจินมองไปที่พวกเขาเหล่านั้น ซังจินก็คิดขึ้น
'เอาล่ะ...เบลเทรนรู้ดีว่าเขาจะต้องพูดอะไร'
จากนั้นซังจินก็ได้เดินไปที่ขอบของบึงที่ๆนักล่าไม่น่าจะมากัน
'ตามที่คาดเลย...มันยากที่จะหาคนที่ดีสำหรับคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่คนแปลกหน้า'
ซังจินได้พิจารณาทักษะออกมา
'แทนจะเป็นทักษะ...ฉันควรจะมองไปที่บุคลิกของเขาดีมั๊ย?'
อย่างไรก็ตาม การทำแบบนั้นมันก็ยังจะนำปัญหาบางอย่าง นักล่าที่เขาได้เลือกคือ เซริน ฮาน นาดา ฟรานซ์ มาฮาเดส และเบลเทรน พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อแม้ว่าจะไม่มีฉายา 'ผู้ถูกเลือก'
พิจารณ์จากการจู่โจมสำหรับนักล่า 5 หรือ 10 คนร่วมกัน หากว่าคนใดคนหนึ่งที่ทักษะต่ำอย่างมาก จากนั้นเขาก็โดดเด่นขึ้น
มันสามารถสร้างความรู้สึกของความด้อยกว่าสำหรับนักล่าที่และอาจจะกลายเป็นภาระสำหรับนักล่าอื่น ๆ ซังจินได้ส่ายหัวออกมา
'มันยังคงมีโอกาสอยู่อีกมาก เพราะว่ามันยังคงมีนักล่าเหลืออยู่อีกตั้งหลายหมื่นคน'
ซังจินได้หยิบเอาหินแสวงหาฆาตกรออกมาไว้ในมือและทันใดนั้นเขาก็คิดบางอย่างขึ้นมา
'ฉันพึ่งจะนึกออก...'
ระยะเวลาคูลดาวล์ของหินแสวงหาฆาตกรก็คือ 10 นาที นอกจากนี้ระยะเวลาคูลดาวล์สำหรับไทด์ที่เป็นตุ้มหูใช้อ่านใจได้ก็ยังใช้เวลาคูลดาวล์ 10 นาที
'ถ้าฉันพบและฆ่าฆาตกรใน 10 นาทีและตรวจสอบผู้ถูกเลือกคนอื่นใน 10 นาที....'
เขาก็ควรที่จะมีเวลาเหลือพอ ไม่ว่ายังไงมันก็ยังมีเวลาเหลืออยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ซังจินได้ใช้หินแสวงหาฆาตกรในทันที
"การแสวงหาความยุติธรรม"
ในคราวนี้เขาหาฆาตกรพบ
[คำขอย้ายมิติได้รับการยอมรับ]
ซังจินได้มุ่งหน้าไปหาฆาตกรแล้ว
*****
"เหี้ย! ทำไม?! แกทำแบบนี้ได้ยังไง?!"
ฆาตกรได้ถ่มน้ำลายสาบแช่งต่อซังจินในขณะที่วิ่งไปปราวกับว่าเท้าของเขาถูกไฟล้ม อย่างไรก็ตามทันใดนั้นม้าวิญญาณก็ได้มาปรากฏเบื่องหน้าเขาและกันเส้นทางเอาไว้
"ฮี้"
"อะไร...นี้มันอะไรกัน!?"
ฆาตกรได้รู้สึกประหลาดใจกับม้าตัวนี้ม้า มันมีลักษณะเป็นม้าผีที่มีครึ่งตัวที่โปร่งแสง ในขณะนั้นเอง
'ฉึก'
ดาบสองเล่มก็ได้แทงทะลุหัวใจของเขา ซังจินได้ดึงดาบออกมา และเก็บไอเทมมาลงไปในลูกบาศ์พร้อมทั้งถามโอเปอเรเตอร์
"โอเปอเรเตอร์ฉันใช้เวลาในมิตินี้นานแค่ไหน?"
[9 นาที 21 วินาที]
เบสโกโร่ได้พูดต่อมา
'นี้มันใช้เวลานานเกินไป'
"ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถจะทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ บอสในแผนที่นี่มันไม่มีตำแหน่งที่กำหนดไว้และมันสามารถจะปรากฏตัวในทีใดก็ได้ตามที่ลูกน้องของมันถูกฆ่า...นอกจากนี้ผู้ที่รู้ว่าว่ามีฆาตกรจะต้องซ่อนตัวอยู่ในรังของไวเวิร์น"
'ฮึ่ม ถ้าข้าอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของข้านะ ข้าจะสามารถหาพวกมันพบใน 5 นาทีด้วยชาโดวรัน'
ในคำพูดของเบสโกโร่
"ฮี้ ฮี้"
ม้าวิญญาณชาโดวรันก็ได้ร้องออกมาสั้นๆเหมือนกับว่ามันเขาใจในสิ่งที่พวกเขาพูด ซังจินได้ตอบรัยกลับมาอย่างง่ายๆ
"ใช่ ใช่"
ยังไงก็ตามเขาก็จะต้องรอ 10 นาทีเพื่อที่จะใช้การตรวจสอบอีกครั้ง
"ตรวจสอบ"
ซังจินได้เฝ้ามองไปที่การกระทำของเหล่านักล่าอีกครั้ง
'มาดูกัน...ใครที่ดูเหมือนจะโอเค...'
คราวนี้เป็นผู้ใช้หน้าไม้ในปาตี้ของฟรานซ์ที่ดูเหมือนจะดูเยี่ยม ในขณะที่ปาตี้ของฟรานซ์ เขาก็ได้จัดการเจาะคอและหัวของไวเวิร์นด้วยศรของเขาจากทางด้านหลัง
แม้ว่าเขาจะไม่โดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อตอนที่ต่อสู้กับลิซาร์ดแมน มันดูเหมือนว่าทักษะของเขาจะเริ่มแสดงออกมาเมื่อพบกับศัตรูประเภทที่บินอยู่ ซังจินได้ไปที่มิตินั้น และใช้เวทย์อีกครั้ง
"ล่องหน"
และเฝ้าดูพวกเขาในที่ๆพวกเขาไม่สามารถจะมองเห็นได้ แน่นอนว่าแกนหลักของทีมก็คึอฟรานซ์ที่ใช้ดาบสองมือของเขาโดยที่ไม่ได้หยุดพักเลยและได้ตัดคอและหางของเหล่าไวเวิร์น แต่ว่าการมีส่วนร่วมของชาย 'ผู้พิฆาต' ไม่ได้แย่เลยเมื่อนำมาเทียบกัน แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญในการใช้ธนู แต่เขาก็สามารถจะร่ายเวทย์ได้
"พลังแห่งธรรมชาติ! หยุดยั้งศัตรู! รากพัวพัน!"
ในไม่ช้ารากก็ได้พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินและรัดมันไวเวิร์นที่อยู่ใกล้ๆไว้ในเวลาสั้นๆ ไวเวิร์นมันได้พยายามที่จะกระพือปีกของมันอย่างตกใจ แต่ว่าร่างที่ทนทานนี้ได้รัดแน่นที่ข้อเท้าของมันไปแล้ว ในขณะนั้นเองฟรานซ์ก็ได้วิ่งเข้ามาเหมือนกับสายฟ้าและตัดคอของไวเวิร์นไป
'เป็นทีมเวิร์คที่ดี'
ซังจินได้มองพวกเขาจากที่ใกล้ๆโดยจนกว่าพวกเขาจะฆ่าไวเวิร์นทั้งหมดไป หลังจากที่การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงเขาก็ได้แสดงตัวออกมา
"หือ?"
"ใครนะ?"
แน่นอนว่าทุกคนยกเว้นฟรานซ์นั้นรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นซังจินในครั้งแรก ซังจินได้เดินเข้ามาหาผู้พิฆาตและจับมือกับเขา
"สวัสดี ยินดีที่ได้พบนะ"
*****
ซังจินได้พบพื้นที่ๆแห้งแล้งใกล้ๆและนั่งลงไปอย่างรุนแรง ที่ไกลออกไปฟรานซ์และพรรคพวกกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปที่วิหารของไฮดร้าอยู่ ในระหว่างที่มองดูพวกเขา
"ฮ่าห์...เฮ้อ"
ซังจินได้ถอนหายใจออกมา
'ทำไมเจ้าผิดหวังหรอ'
ซังจินได้ส่ายหัวกับคำพูดของเบสโกโร่
"ไม่ มันก็แค่..."
เมื่อซังจินพูดขึ้น เบสโกโร่ก็แทรกขึ้นทันที
'มันไม่มีเหตุผลที่จะไม่พอใจ ในความเป็นจริงมันดีกว่าซะอีก มันดีกว่าที่จะกรองคนออกไปจากจุดเริ่มต้น ดีกว่าปล่อยพวกนั้นเอาไว้เป็นปัญหาในภายหลัง'
"ฉันคิดว่านายพูดถูก"
'แน่นอน เชื่อข้าสิ ข้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในสนามรบมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่คอที่ข้าได้ตัดจะเป็นของฝ่ายตรงข้าม แต่มันก็มีไม่น้อยเลยที่เป็นคอของพวกข้าเหมือนกัน'
"จริง?"
'แน่นอน เจ้าสามารถพบกับคนได้ทุกประเภทเลยในสงคราม คนที่ขโทยอาหารปศุสัตว์ ผู้ที่ไปปล้นสะดมโดยที่ไม่มีการอนุมัติและแม้กระทั่งผู้ที่หลบหนีไปก่อนที่จะต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเขา มีคนชนิดที่...'
ซังจินได้หยักหน้ารับในขณะที่ฟังคำพูดเหล่านั้น
"นายอาจจะถูกก็ได้"
การสัมภาษณ์กับผู้พิฆาตนั่นมันไม่ได้ใช้เวลานานนัก คำถามของซังจินและความคิดของผู้พิฆาตมีดังนั้น
'นายเคยเป็นฆาตกรมาก่อนมั๊ย?'
'ฉันไม่เคย ฉัยรู้สึกไม่อยากจะรับโทษของการทำมัน'
นี่มันเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากคำถามแรก และเขาก็ได้ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ในคำถามที่สอง
'นายเคยมีความตั้งใจที่จะนำนักล่าคนอื่นไปสู่ความตายมั๊ย?'
'เมื่อฉันได้วิ่งหนีจากบอสลับในเมืองดาร์คเอลฟ์หรอ?'
บอสลับของเมืองดาร์คเอลฟ์นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเจ้าของคนเดิมของอาเทอร์มิโอ ปรมาจารย์คาเรี่ยน นักดาบที่แม้แต่ซังจินก็แทบที่จะไม่สามารถจะเอาชนะมาได้แม้ว่าหลังจากที่ทุ่มด้วยทุกอย่างที่มีลงไป
'เพราะว่าแท้งได้ถูกผลักกลับมาหลังจากต่อสู้เพียงแค่ 1 วินาที... ฉันก็ได้หนีก่อนเป็นสิ่งแรก แต่ว่าไม่มีเพื่อนร่วมทีมของฉันตามหลังฉันมาเลย ฉันเสียใจกับมัน'
ซังจินสามารถจะยืนยันบุคลิกกระภาพของผู้พิฆาตได้โดยการที่เขาสร้างข้อแก้ตัวให้กับตัวเองในใจของเขา เบสโกโร่ก็ได้เสริมออกมา
'ใครล่ะที่ไม่ได้ถือว่าชีวิตตัวเองสำคัญ? ยังไงก็ตามเมื่อนายเริ่มต่อสู้ นายก็ควรที่จะยืนหยัดร่วมกันไม่ว่าจะเป็นหรือตายกับพรรคพวก เพื่อนควรจะเป็นอะไรถ้าหากนายวิ่งหนีเขาด้วยตัวนายเองในช่วงเวลาสำคัญ? มันไม่มีการหนีในสนามรบหรอกนะ ฉันจะบอกนายให้'
เขาพูดถูก ไม่ว่ายังไงเมื่อเขาได้ไปด้วยกันแล้วมันก็ไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไป ถ้าคุณได้ร่วมต่อสู้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหรือตายคุณก็จะต้องต่อสู้ร่วมกัน ซังจินก็ได้พูดกลับไปกับเบสโกโร่
"ฉันคิดว่าสิ่งที่นายพูดนั้นถูกเลย เบสโกโร่ ไม่ว่าทักษะของเขาจะเป็นยังไง แตต่ถ้าเขาทำแบบนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะมาเป็นพรรคพวกของเรา"
หลังจากที่ได้รับคำชมเชยหลังจากผ่านไปนาน เบลโกโร่ก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน
'ฉันบอกให้นายเรียกว่าเซอร์'
หลังจากนั้นซังจินก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่สลับไปมาระหว่างล่าฆาตกรและตรวจสอบไอเทม ในขณะที่เขาได้รับไอเทมจากฆาตกรอย่างๆ แต่ว่าการหาพรรคพวกกลับเป็นเรื่องยาก ในท้ายที่สุดแล้วซังจินก็ไม่สามารถจะหาพรรคพวกเพิ่มได้แม้ว่าบทนี้จะจบลงไป
[จะเทเลพอตไปสู่ตลาดมืดในอีก 10 วินาที]
[10 9 ...]
ซังจินได้กอดอกเอาไว้ในขณะที่ฟังการนับถอยหลังของโอเปอเรเตอร์ เขาได้เดินเดินไปรอบๆอย่างพลุ่งพล่านในขณะที่ได้ไปถึงสิบมิติที่ต่างกัน แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถพบเจอกับนักล่าที่ต้องการได้เลย
'ดีล่ะ...มันควรจะมีซักคนในการจู่โจมถัดไป'
การจู่โจมถัดไปเป็นการจู่โจมแบบ 10 คน นั่นมันหมายความว่ามันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะพบคนที่มีพรสวรรค์หรือไม่ก็เพื่อนร่วมทีมเก่าๆที่เขารู้จักดี
'แต่ว่าสถานที่นั่นมัน....เป็นนรกที่แท้จริง...'
ในขณะที่ซังจินได้คิดถึงอดีตที่ผ่านมาสั้นๆ เขาก็ได้ถูกเทเลพอตไปที่ตลาดมืด