บทที่ 96 - มอบอิสระภาพ (3)
บทที่ 96 - มอบอิสระภาพ (3)
”
ฮวาหยาได้เบิกตากว้า มันเป็นตามที่ฉันคิดเลย เธอคงจะไม่คิดว่าจะมีชื่อของวอร์คเกอร์ขึ้นมา
แต่ว่าฉันมันใจ ชายชุดคลุมดำที่ถูกแช่แข็งจนถึงท้องก็คือเอ็ดเวิร์ดวอร์คเกอร์ ฉันสามารถจะบอกได้จากเสียงของเขา ทักษะที่เขาใช้มันก็ยิ่งทำให้ฉันมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ฉันได้ถอดหน้ากากของเขาออกมา สิ่งที่อยู่ภายในนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีผมและตาสีน้ำตาล แม้ว่าเขาจะกัดฟันและมองมาที่ฉัน ฉันก็ไม่ได้ให้ความสนใจใดๆและคว้าไปที่หน้าของเขา ฟีสสส ประกายสายฟ้าได้แลบออกมา ความต้านทานที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ฉันมั่นใจ
"นายมีแม้แต่ไอเทมที่ซ่อนตัวตนของนาย"
"เหมือนกับที่นายใส่อยู่หรอ?"
"ฉันจะบอกว่าฉันขอโทษ"
ฉันไม่ได้ปล่อยวอร์คเกอร์ไป เนื่องจากว่าเขามีทักษะย้อนกลับเหมือนกับฉัน (แม้ว่าตอนนี้เขาจะใช้มันไปแล้ว) ฉันได้หักขาทั้งสองข้างของเขามันได้ทิ้งหลักฐานว่าเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ แม้ว่าฉันจะไม่แน่ใจเกี่ยวกับสภาพแขนของเขา แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องกังวล
"อ๊ากกกก"
"วอร์คเกอร์นายได้แอบย่องเข้ามาในห้องของสุภาพสตรีซึ่งมันคือสิ่งที่พวกเศษสวะเท่านั้นที่ทำ นายไม่คิดแบบนั้นหรอ?"
"อ๊าาาา...!"
"นายรู้ไหมว่าฉันโกรธมากเลยนะ มันอาจจะเป็นเพราะว่าฉันก็มีน้องสาวตัวน้อยมันเลยทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น ฉันอาจจะรุนแรงซักหน่อยนะ...ดังนั้นมาเริ่มคุยกันเถอะ"
อยากแรกเลยฉันได้ต่อยไปที่ท้องของเขาเบาๆ มานาที่อยู่รอบๆร่างของเขาเป็นคลื่นและมีสีฟ้าอ่อนได้ถูกปล่อยออกมาชั่วขณะหนึ่ง จากการต้านทานที่ฉันรู้สึกได้จากหมัดที่ต่อยไปมันดูเหมือนว่าเขาจะสวมใส่ไอเทมที่ดูดซับแรงกระแทก แต่มันต้านทานแค่แรงกระแทกทางกายภาพ ไม่ได้รวมถึงสายฟ้า น้ำแข็ง
ฉันสงสัยว่ามันทำงานยังไง มันเป็นไอเทมใช้งานครั้งเดียวหรอ? หรือไม่ก็เป็นไอเทมที่จำกัดจำนวนการใช้? บางทีมันอาจจะสามารถใช้งานได้โดยมานา เพื่อตอบคำถามที่ฉันสงสัยฉันได้ต่อยวอร์คเกอร์อีกครั้ง เขาได้ขมวดคิ้วและในเวลาเดียวกันแสงสีฟ้าอ่อนก็ถูกยิงออกมา
ดูเหมือนว่าเขาจะใช้มานาของตัวเอง ฉันได้ตัดสินใจว่ามันจะดีที่สุดที่จะทำให้มานาของเขาหมดลงไปก่อนที่จะหลบหนีไปได้ ฉันได้ชกเขาซ้ำไปเรื่อยๆ
"อย่าได้ทำแบบนี้กับคนอื่นอีก"
"ฉัน...วอร์คเกอร์ อั๊ก...!"
"ขอโทษนะ ให้ฉันทำให้มานาของนายหมดก่อน"
"ฉัน...จะไม่ขัดขืนแล้ว!"
"ฉันไม่เชื่อนายดังนั้นเงียบซะ"
ฉันได้อัดเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อแสงสรฟ้าได้หายไปโดยสมบูรณ์ มันเป็นสัญญาณว่าวอร์คเกอร์ได้ขาดแคลนมานาแล้ว
"อึก...ยอน ฮวาวู นายมันเดรัจฉาน...! ฉันเพียงแค่เข้าไปอยู่ในนั้นแค่นั้นเอง!"
"อะไรนะ นายเพียงแค่พยายามที่จะแอบดูฮวาหยาอาบน้ำหรอ? คนอย่างนายแอบเข้าไปในห้องของระดับ SS เพื่อที่จะนั่งเล่นเฉยๆงั้นหรอ? ถ้านายยังพูดไร้สาระต่อไปอีก ฉันจะต่อยนายให้มากขึ้นกว่าเดิม"
"...."
"ทำไมนักสำรวจดันเจี้ยนแบบนายถึงไปทำงานให้กับคนแบบบริทแมน?"
แน่นอนฉันได้ตัดสินใจว่าบริทแมนเป็นลูกน้องของวอร์คเกอร์และทำงานภายใต้คำสั่งของเขา มันค่อนข้างจะชัดเจนเลยทีเดียว ฮวาหยาก็ยังหยักหน้าเห็นด้วยกับคำนี้
"นายจะเชื่อไหมถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำงานให้เขา?"
ฉันได้ยกหมัดขึ้นโดยไม่ตอบอะไรกับไป วอร์คเกอร์ได้ถอนหายใจลึกออกมา
"จริงๆแล้วนายมันเป็นคนโหดเหี้ยม...อั๊ก!"
"ก่อนอื่นถอดไอเทมนั่นออก"
วอร์คเกอร์ได้มองมาที่ฉันจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปถอดไอเทมของเขา แต่แล้วเขาก็รู้ตัวว่าแขนของเขาได้หักออก เขาได้พึมพัมอะไรบางอย่าง และก็ได้มีบางอย่างออกมาจากใบหน้าของเขาอย่างหน้าประหลาดใจ เขาได้กลายเป็นเด็กหนุ่มผมดำ ตาสีเขียว แม้ว่าดวงตาของเขาจะค่อนข้างเจ้าเล่ห์ แต่ตาสีเขียวมันทำให้เขาดูเงียบสงบ
"อ่า แน่นอนว่าส่งไอเทมนั่นมาด้วย"
"...มันเป็นไอเทมจากชั้นขายของดังนั้นก็เลยแลกเปลื่ยนไม่ได้"
"อ่อ เข้าใจแล้ว"
เมื่อฉันได้หยิบมันขึ้นมามันก็ตกอยู่ภายใต้ความครอบครองของฉันโดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เขาโกหก
[หน้าผี (ยูนีค)
ความคงทน - 98/110
ข้อจำกัดอุปกรณ์ - เลเวล 40+ พลังเวทย์ 50+
ผลอุปกรณ์ - พลังเวทย์ -20 ความคล่องแคล่ว +15
ทักษะ - หน้าผี: ด้วยการสวมใส่ไอเทมนี้จะช่วยให้คุณสามารถเปลื่ยนรูปลักษณ์ของคุณให้เป็นคนที่เคยเห็นมาก่อนได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากไอเทมนี้จะใช้มานาของคุณ ทำให้คุณไม่สามารถจะใช้ส่วนมานาในขณะที่ใส่ไอเทมได้]
ในตอนที่รายละเอียดของไอเทมได้ปรากฏขึ้นฉันได้ต่อยไปที่ท้องของวอร์คเกอร์อีกครั้ง ตามที่คาดไว้ได้มีแสงสีน้ำเงินอ่อนถูกยิงออกมาอีกครั้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไรบางอย่าง
"ไอเวรเอ้ย!"
"แกสิเวร"
ฉันได้ทำให้มานาของเขาหมดลงไปอีกครั้งและใส่หน้าผีลงไปในช่องเก็บของ
"นายสามารถจะปลดอาวุธได้ด้วยตัวเองอีกไหม?"
"ฉันไม่สามารถขยับร่างกายได้ อย่างน้อยก็รักษาแขนของฉันก่อน"
"โอเค ฉันเพียงแค่จะต้องเอามันออกมาเอง"
"กรี๊ด นายกำลังทำอะไรอยู่เนี้ย ฉันกำลังดูอยู่นะ!?"
เพราะแบบนั้นวอร์คเกอร์ได้ถูกฉันปล้นจนกระทั่งแม้แต่ส่วนสำคัญยังถูกเปิดเผยออกมา ฉันได้ใส่เสื้อผ้าคืนไปให้แก่วอร์คเกอร์แบบสุ่มๆและเผาชุดชั้นในของเขา จากนั้นฉันก็ตรวจสอบไอเทมและหาสิ่งที่ฉันต่อการ
"นี้มันคือ"
[สร้อยข้อมือผู้พิทักษ์เซริน่า (อีปิค)
ความคงทน - 551/1120
ความต้องการอุปกรณ์ - ถูกผูกไว้กับเอ็ดเวิร์ด วอร์คเกอร์ คนอื่นๆที่สวมใส่จะไม่ได้รับผลใดๆ
ผลของอุปกรณ์ - การป้องกันแห่งเซริน่า: เมื่อได้รับการโจมตีทางกายภาพหรือเวทมนตร์ที่เกินกว่าพลังป้องกันของผู้สวมใส่ ขะใช้มานาป้องกันผู้สวมใส่โดยอัตโนมัติ]
"อีปิค หืม...."
ฉันไม่ได้รู้ตัวในตอนแรก แต่ฉันก็มีไอเทมระดับอีปิคเหมือนกัน ชุดเกราะเกล็ดมังกรสีชาดของฉันทั้งหมดก็เป็นไอเทมระดับอีปิค
ในขณะที่ฉันคิดว่าวอร์คเกอร์ไม่น่าจะมีไอเทมที่มีค่าแบบนี้มันทำให้ฉันอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ อย่างไรก็ตามฉันก็รู้อยู่แล้วด้วยว่าไอเทมระดับอีปิคนั่นเป็นไอเทมที่จะผูกกับคนแรกที่สวมใส่ คนอื่นๆที่ใส่พวกมันก็จะไม่ได้รับผลใดๆ ดังนั้นฉันจึงสั่งให้ไพก้าทำลายสร้อยข้อมือของเรา มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายแต่ว่าฉันไม่มีทางเลือกเพราะฉันไม่สามารถจะใส่มันได้
"ไม่นะ นายรู้ไหมว่ามันมีค่ามากแค่ไหน!?"
"วอร์คเกอร์หุบปาก!"
ฉันได้ตรวจสอบอุปกรณ์ที่เหลือของเขา แต่ว่าพวกมันมีแค่ระดับแรร์ที่มากที่สุดเท่านั้น ฉันได้เก็บมันเอาไว้เป็นกองและเผามันไป วอร์คเกอร์ได้เม้มปากเล็กน้อยและสาปส่ง
"ไอลูกเคอรี่ ไม่สิ แกมันลูกปีศาจ"
"ตอนนี้ฉันได้ยินเรื่องของนายแล้ว"
"แบบไหน?"
"ปากของนายยังไม่เจ็บ ทำไมนายถึงทำงานภายใต้บริทแมนล่ะ? อย่าบอกว่านายทำให้เขาเป็นนักสำรวจนะ? แม้อย่างนั้นก็มีเพียงแค่นักสำรวจในโลก 6 คนในอันดับ..."
"นายคิดว่าฉันบ้าหรอ? เมื่อเทียบกับเขาแล้วสิ่งเดียวที่ฉันมีแต้มต่อเหนือกว่าก็คือฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน เขาไม่รู้เกี่ยวกับมัน...นอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวกับต้นตระกูลของฉันที่รับใช้ตระกูลของบริทแมนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว"
นี่มันเป็นเหตุผลง่ายๆ แม้ว่าฉันจะมีข้อสงสัย แต่ฮวาหยาดูเหมือนจะยอมรับมัน
"มันเป็นไปได้"
"เฮ้นี่มันศตวรรษที่ 21 นะ"
"ชินในโลกนี้มีคนจำนวนมากที่มีชีวิตอยู่ในแบบที่นายไม่สามารถจะจินตนาการได้"
"นั่นมัน...โอเคฉันเข้าใจแล้ว"
ฉันได้มองไปที่วอร์คเกอร์และตกอยู่ภายในความคิด ฉันไม่คิดว่าฉันจะอัดวอร์คเกอร์จนเจียนตาย มันเป็นเรื่องเหลวไหลอย่างที่ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนกับคำตอบทางคณิตศาตร์ที่ฉันไม่สามารถจัดการมันได้
"ถ้างั้นทำไมนายถึงมาสอดแนมฮวาหยา?"
"พวกนายทั้งคู่ค่อนข้างจะสนิทกัน เรียกเธอว่าฮวาหยา...ฉันไม่เคยเห็นมัสติฟอร์ดอนุญาติให้ใครเรียกเธอด้วยชื่อเลย"
"วอร์คเกอร์ ฉันคิดว่านายฉลาด..."
บางทีแม้ว่าเขาจะรู้ถึงสถานการณ์ที่อันตรายที่เขาอยู่ เขาก็อาจจะต้องการจะแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาไม่ได้หวาดกลัวฉัน หรือไม่ก็เขาต้องการบอกโยนตัวเองว่าเขาจะไม่ถูกทำให้หายไปโดยสมบูรณ์ ยังไงก็ตามฉันก็ไม่ได้สนใจมันสักทาง แต่ฉันก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะปล่อยมันให้ดำเนินต่อไปมากกว่านี้ ฉันจะต้องเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกงั้นหรอ?
วอร์คเกอร์ดูเหมือนจะสังเกตุเห็นในสิ่งที่ฉันคิดในขณะนั้นเขาก็เร่งรีบพูดต่อออกมา
"อย่างที่นายน่าจะคิดออก มันเป็นคำสั่งของบริทแมนเขาสั่งให้ฉันติดตามสังเกตุและรายงานทุกๆอย่าง...เขาอาจจะต้องการที่จะหาสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้นายยอน ฮวาวู...ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นชื่อปลอมของนาย เขาก็สั่งให้ฉันจับตาดู เขาคลั่งมากเลยล่ะที่มัตฟอร์ดอนุญาติให้นายพักบ้านเธอได้"
"อี๋ น่าขยะแขยง..."
ฮวาหยาได้เกาแขนของเธอเหมือนกับว่าเธอพึ่งได้ยินสิ่งที่น่าขนลุก ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันก็จะต้องขยะแขยงเขายิ่งกว่านี้อีก...
"มัสติฟอร์ เธอไม่ได้ลงการป้องกันลงบ่อยนัก สิ่งเดียวที่ฉันสามารถส่งมอบไปให้กับบริทแมนได้ก็คือภาพที่เธอกำลังอาบน้ำอยู่ระหว่างช่องว่างของประตู"
"กรี๊ดดดดดด!"
ฮวาหยาได้กรีดร้องออกมาและโยนแมวไฟของเธอไปที่วอร์คเกอร์ เสื้อผ้าที่ฉันพึ่งใส่ไปให้เขาได้ถูกเผาในทันที
"อ๊ากกกกก!"
"ฮวาหยาใจเย็น การฆาตกรรมมันไม่ดี"
น่าขยะแขยง น่าขยะแขยงที่สุด! บริทแมนเป็นคนสั่งให้ถ่ายรูปของฉันอย่างลับๆและวอร์คเกอร์ก็ทำมัน! ฉันต้องการจะฆ่ามันทั้งคู่! ฉันจะฆ่าพวกมันทั้งคู่!"
"ตอนนี้อดใจไว้ก่อน ฉันมีบางอย่างที่คิดเอาไว้อยู่ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะฆ่าวอร์คเกอร์ ทำไมเธอไม่ลองฟังฉันก่อนล่ะ?"
"หุหุหุ..! นายมีแผนหรอ? ฉันจะต้องได้ยินมัน"
ฮวาหยาได้สูดหายใจเข้าและหยิบแมวเพลิงกลับมา หลังจากถูกเผาไปครึ่งตัวไฟก็ดับลง แมวได้กลิ้งตัวไปมารอบๆอย่างน่ารัก
ฉันคิดว่าเธอจะปฏิเสธ แต่เธอได้กลับมาสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว ในตอนท้ายก็ดูเหมือนว่าเธอจะคิดแบบเดียวกันกับฉัน
"จริงสิ...อึก เธอทำให้ฉันเผยส่วนที่น่าอายมากๆออกมาเอง...!"
วอร์คเกรอ์ที่ถูกเผาไปครึ่งหนึ่งได้พึมพัมในขณะที่กัดฟันแน่น ในขณะที่ฉันคุยกับฮวาหยาเสร็จ ฉันก็ตอบกลับไปยังเขา
"นายควรจะรู้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นถ้านายถูกเจอตัว"
"ใช่แล้ว...นายเจาะทะลวงผ่านการซ่อนตัวของฉันได้ยังไง? ฉันมั่นใจว่าฉันจะไม่ถูกพบนะ..."
"อย่าบอกนะว่านายคิดอย่างที่พูดจริงๆ...เอาล่ะวอร์คเกอร์มันมีหลายตัวเลือก ฟังนะ"
ฉันได้ยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วว
"อย่างแรกนายสามารถจะกับไปหาบริทแมนและเปิดเผยกับทั้งโลกว่านายได้ร่วมมือกับเขา"
"นายดูเหมือนจะพลาดเงื่อนไขบางส่วนไป"
"แน่นอน นายจะต้องใช้ใบหน้าจริงๆและเปิดเผยในสิ่งที่ทำ แม้ว่าบริทแมนจะอยู่เบื้องหลังนาย แต่รัฐบาลอังกฤษก็ดูแลเรื่องของฮวาหยาด้วยเหมือนกัน ฉันมั่นใจได้เลยว่ามันจะยากสำหรับง่ายที่จะมีชีวิตอยู่หลังจากตอนนั้นไป"
"..."
วอร์คเกอร์ได้เงียบลงไป ฉันก็พูดต่อ
"อย่างที่สองนายสามารถหนีไปที่ดันเจี้ยนได้และไม่ต้องกลับมาอีก มันอาจจะดีกว่าตัวเลือกแรก แต่มันก็ยังคงเหมือนเดิมนายจะไม่สามารถใช้ชีวิตบนโลกนี้เได้อีก"
"มีอะไรอีกไหม?"
แน่นอนว่ามีอยู่ สามคือนายทรยศบริทแมนและมาอยู่ฝั่งของพวกเรา"
"...นายคิดว่าฉันจะทำหรอ? หลังจากที่พวกนายทำอย่างนี้กับฉัน?"
วอร์คเกอร์ได้ถามฉันราวกับว่าเขาเพิ่งจะได้ยินในสิ่งที่ไร้สาระที่สุดในโลก แต่ฉันก็หยักหน้าอย่างกล้าหาญ
"ฉันคิดว่านายจะทำ นายทำงานภายใต้วอร์คเกอร์เพียงแค่เพราะต้นกำเนิดของนายเท่านั้น ถ้านายคิดจะจงรักภักดีกับเขานายก็คงทำให้เขาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนไปนานแล้ว"
"แล้วเกี่ยวกับคนที่ทำแบบนี้กับฉันล่ะ!?"
"สิ่งที่นายทำทั้งหมดมันก็ไม่สามารถให้อภัยได้ แม้ว่านายจะกลายมาเป็นพวกของฉัน แต่นายก็ต้องจ่ายสำหรับสิ่งที่นายทำไปในก่อนหน้า"
ด้วยคำพูดนี้วอร์คเกอร์ได้เงียบไป ฮวาหยาได้มองดูเขาและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
"ฮ่าๆๆ ถ้างั้นนี้คือวอร์คเกอร์ผู้ที่ดูแลตัวเองมากๆและไม่ต้องการจะช่วย...วอร์คเกอร์พูดตรงๆเลยนะสิ่งที่นายทำมันทำให้ฉันรังเกียจ แต่มันก็ยังน่ายกย่องที่นายไม่ได้ทำให้บริทแมนเป็นนักสำรวจ แต่ถึงแม้วอย่างนั้นฉันก็ต้องการจะให้มันจบลงไปไม่ว่าชินจะพูดยังไง...ถ้านายให้ความร่วมมืออย่างจริงใจต่อจากนี้ต่อไป ฉันจะสามารถหยุดตัวเองจากการจบชีวิตนายได้ นายควรจะรู้ว่าความเมตตาของฉันก็มีจำกัด"
"คนที่ไม่ได้สังเกตุเห็นฉันจนกระทั่งถึงตอนนี้ไม่ควรจะทำตัวหยิ่ง..."
"อึก"
หลังจากที่ทำให้ฮวาหยาพูดไม่ออก วอร์คเกอร์ก็หันหน้ามามองฉัน วอร์คเกอร์เป็นนักสำรวจที่เหมือนของฉันที่สามารถจะฟื้นฟูร่างกายได้ตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป
"ฉันไม่สามารถหนีไปจากเขาได้ แม้กระทั่งก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ใช้พลัง พลังและเงินของเขามันยิ่งใหญ่มาก ตราบเท่าที่ฉันยังอยู่ในอังกฤษฉันก็ไม่สามารถจะหนีจากเขาได้ แม้ว่าฉันจะสามารถเข้าไปในดันเจี้ยนได้ มันก็จะเป็นเหมือนเดิมเมื่อฉันออกมา มันไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะวางแผนใช้ชีวิตในดันเจี้ยนตลอดไปอย่างที่นายพูด ฉันจะต้องซื่อสัตย์กับเขาเท่านั้น สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันต่อต้านเขาได้ก็คือการที่เขาไม่รู้ว่าฉันไม่ได้ทำให้เขาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน"
"กับคำถามนี้มันจะใช่วิธีเดียวจริงๆหรอ... ทำไมนายไม่เพียงแค่ออกไปจากอังกฤษล่ะ?"
"นายได้ฟังฉันมั๊ย? มันไม่มีทางที่จะเดินทางออกไปจากประเทศได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว"
"ทำไมมันจะทำไม่ได้ล่ะ? ในระหว่างเหตุการการจู่โจม นายจะสามารถเดินทางไปที่ประเทศอื่นและอยู่ที่นั่น"
"...."
"นายเพียงแค่กลัว ยอมรับมันซะ นายไม่มีความกล้าที่จะเปลื่ยนแปลงวิถีชีวิตของนายเอง"
"...ฟู่"
หลังจากที่ถอนหายใจสั้นๆ วอร์คเกอร์ได้เปิดเผยความคิดจริงๆของเขา
"ตราบเท่าที่ฉันยังภักดีต่อเขา ฉันก็สามารถจะได้รับอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ นายพูดถูกการทำงานภายใตจ้เขาเป็นสิ่งที่สะดวกสะบายและฉันก็ได้เติบโตใช้มันจนเคยชิน มีส่วนร่วมในการจู่โจมและหนีไปงั้นหรอ? ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนั้นฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง? ฉันทำงานให้เขาตั้งแต่ที่ฉันเกิด มันไม่มีมีแม้แต่เวลาเดียวที่ฉันได้ทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง"
"เหตุผลของนายมีแต่จะทำให้คนอื่นๆในช่องการสื่อสารฟัวเราะเท่านั้นและนายก็ไม่เคยเข้าร่วม ก็เป็นแค่เพราะสิ่งนี้?"
"ไม่ นั่นมันเพราะว่าฉันคิดว่าพวกนายเป็นคนโง่ มันไม่ได้เป็นกลไกการป้องกันหรืออะไรแบบนั้นเลย ถ้าการกระโดดเข้าไปสู่อันตรายด้วยตัวเองถ้าไม่เรียกว่าโง่จะให้เรียกว่าอะไร?"
"นายทำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องตอนนี้..."
คนๆนี้แม้ว่าร่างกายของเขาจะโทรมมาก แต่ปากของเขามันยังอยู่...ฉันได้ตัดสินใจที่จะยื่นคำขาดให้แก่เขา
"วอร์คเกอร์ตัดสินใจซะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเปลื่ยนวิถีชีวิตของนาย หากนายยอมรับฉันจะแยกนายออกจากบริทแมนอย่างสมบูรณ์ ให้คำมั่นสัญญาจงรักภักดีและใช้ชีวิตอยู่กับบริทแมนไปตลอด หรืออยู่ในดันเจี้ยนโดยที่ไม่สามารถกับสู่โลกได้ อย่างน้อยฉันก็สามารถจะนำเสนอวิถีชีวิตที่เหนือกว่านั้น"
"...ฉัน"
วอร์คเกอร์ได้ลังเลเป็นเวลานายและเขาก็ตอบในที่สุด เมื่อได้ยินคำตอบของเขามันทำให้ฉันยิ้มขึ้น