บทที่ 90 - เสียงคำรามสีชาด (2)
บทที่ 90 - เสียงคำรามสีชาด (2)
”
แม้ว่าจะเป็นในฤดูหนาววินเดอแมร์ก็ยังคงงดงาม เรือหลายลำได้ถูกผูกติดกับท่าและทะเลสาบสีเงินก็กว้างไกลสุดสายตา เมืองเล็กใกล้ๆนั้นก็สะอาดและงดงาม
อย่างไรก็ตามคนที่นี่มีใบหน้าที่บูดบึ้งและคนส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้พลัง ในทะเลสาบมันมีสิ่งที่เหมือนปลาทูน่าขนาดยักษ์กระโดดขึ้นมาบ่อยครั้งแล้วจากนั้นก็หายไปใต้ผิวน้ำ คนเหล่านี้ไม่ใช่มาผิดที่หรอ? นี่มันไม่ใช่มหาสมุทร แต่มันเป็นทะเลสาบ!
"นายมาสาย!"
ฉันได้หันหาไปทางเสียงแหลมที่เรียกฉัน ฮวาหยากำลังวิ่งเข้ามาหาฉันด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ฉันได้ลงรถมา ทันใดนั้นเธอก็ได้ขมวดคิ้วเนื่องจากว่าเธอตระหนักได้ว่าหน้าตาฉันเปลื่ยนไป
ฉันไม่ได้เพียงแค่ปกปิดใบหน้าเพื่อแค่ซ่อนว่าฉันไม่ใช่ยอน ฮวาวูเท่านั้น แต่โครงสร้างร่างกาย สีผม และดวงตาก็ต่างไปด้วย มันหมายความว่าฉันมีวิธีการเปลื่ยนรูปร่างของตัวเอง และรูปร่างของยอน ฮวาวูในก่อนหน้านี้ก็คงเป็นเรื่องโกหก เพราะแบบนี้จึงเป็นปกติที่จะสงสัยว่าชื่อของฉันจะใช่ยอน ฮวาวูหรือไม่
"นาย..."
"ขอโทษ ฮวาหยา"
"นะ นาย...."
ฮวาหยาดูเหมือนจะรู้ถึงความจริงจากคำขอโทษของฉันในขณะที่เธอกำหมัดแน่น จากนั้นเธอก็ปล่อยมันเบาๆ
"ฮ่าา ฉันเข้าใจ"
"ขอบคุณ ฉันจะบอกเธอเกี่ยวกับมันในภายหลัง เธอรู้ว่าทำไมฉันถึงทำมัน ใช่มั๊ย?"
"ถ้านายโกหกฉันอีกครั้ง ฉันจะไปดึงหัวนายแน่และนายก็ควรจะบอกมันให้ถูกด้วยหลังจากนี้ แสดงตัวตนที่แท้จริงของนาย"
"อย่าห่วงเลย"
"ดี...เอาล่ะ ขอบคุณที่มา...และสำหรับความเชื่อใจฉัน"
หลังจากกอดเบา พวกเราก็จับมือกัน ที่ด้านหลังเธอ ฉันเห็นผู้ใช้พลังคนอื่นๆสามคน ในขณะที่ฮวาหยาทักทายฉัน พวกเขาก็มองมาที่เราด้วยความงุนงง จากนั้นฮวาหยาก็หันกลับไปและแนะนำฉันกับพวกเขา
"เขาคืออัศวินสายฟ้า"
"เฮ้!"
"โอ้!"
"อัศวินสายฟ้า!"
"นั่นเขาหรอ! เด็กอะไรแบบนี้!"
พวกเราแต่ละคนได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึงและจ้องมองมาที่ฉัน จากนั้นฮวาหยาก็ได้ก็ได้พูดออกมา
"ฉันไม่ได้บอกพวกนายหรอว่าฉันเป็นคนที่รู้จักอัศวินสายฟ้า!"
"น่าทึ่งมากมัสติฟอร์ด ฉันไม่คิดว่าเธอจะสามารถเรียกเขามาที่นี่ได้"
"ไม่ต้องพูดถึงว่าฉันไม่คิดว่าฉันจะได้เห็นหน้าของคนที่ไม่เคยเปิดเผยตัวตนมาก่อนเลย แม้ว่าเขาจะยังใส่หน้ากากอยู่ก็ตาม"
ปราศจาคสัญญาณแห่งความสงสัยใดๆจากคำพูดของฮวาหยา ผู้ใช้พลังทั้งสามคนได้แสดงความสนใจในตัวของฉันซึ่งมันดูเหมือนเป็นการพบกันครั้งแรกที่ดี
"อัศวินสายฟ้าเป็นคนที่ค่อนข้างหล่อและยังหนุ่มอีกด้วย"
"ฮ่าๆๆๆ!"
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหัวเราะ แม้ว่าฉันจะเปลื่ยนผมเป็นสีเงินและตาสีแดงแล้วแต่เพราะฉันไม่ได้เปลื่ยนสีผิว พวกเขาก็ควรจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนขาว แม้อย่างนั้นพวกเขาก็ยังปฏิบัติกับฉันด้วยดี
จากนั้นพวกเขาก็แนะนำตัวกับฉัน พวกเขาเป็นกลุ่มผู้ใช้พลังระดับ S ไมค์กี้ เดลลอนเป็นชายวัย 30 ที่เป็นจอมเวทย์น้ำ และพอล แบคคัสชายวัย 40 ปีใช้โล่สองมือ ซึ่งมันทำให้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่เขาจะกันไม่ได้
อย่างไรก็ตามฉันรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเขาบอกว่าเขาสามารถจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับโล่ด้วยมานาได้เพราะเนื่องจากว่าฉันไม่สามารถจะเสริมมานาไปในหน้าไม้ได้เลย นั่นจริงกล่าวว่าตราบใดที่เขามีมานา เขาควรจะสามารถใช้อาวุธอื่นๆได้ถ้าเขาฝึกมัน...เอาล่ะ เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ดีฉันไม่ควรจะกังวล
สมาชิกคนสุดท้ายก็คือเอมิลี่ บราว ผู้หญิงวัย 50 ปีที่มีผมบลอนด์ยาว เธอเป็นเจ้าของพลังในการรักษาอันล้ำค่า
"น่าทึ่งใช่มั๊ยล่ะ? มีฮีลเลอร์ระดับ S เพียงแค่ 10 คนเท่านั้นและนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น!"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะอัศวินสายฟ้า"
"..ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนายบราว"
ฉันอยากจะหยุดพวกเขาไม่ให้เรียกฉันว่าอัศวนสายฟ้า ฉันควรจะทำยังไงดี? หลังจากคิดสักหน่อย ฉันก็ได้วางแผนเอาไว้
"นายสามารถเรียกฉันว่า จอน สมิท..."
"เราจะเรียกนายว่า T.K. เป็นยังไง สั้นๆจากอัศวินสายฟ้า (Thunder Knight)?"
"ได้โปรดอย่าเลย ฮวาหยา"
[ถ้างั้นก็รีบๆบอกชื่อจริงของนายมา]
[เหมือนฉันจะสามารถพูดมันได้ที่นี่ล่ะ]
"เอาล่ะถ้างั้นก็ TK"
ผู้หญิงคนนี้เธอโกรธจริงๆด้วย...! ในที่สุดเพราะฮวาหยาชื่อเล่นของฉันเลยกลายเป็น TK ไม่ว่ายังไงฉันก็อดที่จะมองไปที่พวกเขาอย่างแปลกใจไม่ได้หลังจากได้รับการแนะนำผู้ใช้พลังทั้งสามคน
"ฉันไม่คิดว่าทุกคนจะมารับฉัน แต่ฉันก็แปลกใจมากที่ทุกคนมาที่นี่ได้ยังไง ไม่ใช่ว่ามีระดับ S อีกหรอ? แล้วคนๆนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่หรอ?"
"คนๆนั้นอยู่กับระดับ SS อีกคนเขาไม่ได้อยู่ที่นี่"
"ว้าว...แต่นี่มันยังไม่ถึงแม้แต่มื้อค่ำเลยนะ..."
คำพูดนี้ของฉันมันทำให้หน้าของฮวาหยาแดงขึ้นเล็กน้อยและเธอก็เตะมาที่หน้าแข้งของฉัน จากนั้นด้วยผลลัพธ์การเตะหน้าแข็งที่แข็งกว่าเหล็กกล้าของฉันมันทำให้เธอต้องจับเท้าและกับโดดอยู่กับที่
"ไม่ เจ้าโง่นี่! นั่นเป็นผู้ชายระดับ S! เขาเพียงแค่ติดตามโจชัว บริทแมนเฉยๆ!"
"อุ เขาเป็นผู้ชายหรอ? นี่มันแย่กว่านั้น..."
"ไอ้บ้า!"
"ฉันแค่ล้อเล่นน่า"
ฉันรู้สึกดีใจที่มีผู้ใช้พลังระดับ S หลายคนอยู่ข้างๆฮวาหยา แต่ว่าองประกอบของสมาชิกก็ค่อนข้างจะแปลกประหลาด มีนักเวทย์สองคน อีกหนึ่งคนเป็นป้องกันการโจมตีจากมอนสเตอร์ระยะประชิด และอีกคนก็เป็นผู้ใช้พลังการรักษา มันไม่ได้แย่ แต่มันดูเหมือนมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไป
"ไม่มีคนที่ฆ่ามอนสเตอร์ในระยะประชิดนี่ มันคือเหตุผลว่าทำไมเธอเรียกฉันมาใช่มั๊ย?"
ในแง่ของเกมพวกเขาขาดตัวทำความเสียหายระยะประชิด ด้วยคำถามของฉันผู้ใช้พลังทั้งสามคนได้ทำท่าทางเหนื่อยหนายเล็กน้อยในขณะที่ฮวาหยาถอนหายใจออกมา มันดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง
"นอกจากนาย ประเทศอื่นๆได้ส่งผู้ใช้พลังระดับ S มาช่วย"
"ใช่ ฉันรู้"
"เพราะฉันรำคาญบริทแมน ฉันก็เลยแนะนำกับคนอื่นๆว่าให้พวกเราแบ่งกองกำลังออกเป็นสองส่วนและสำรวจดันเจี้ยนด้วยเรือที่แยกกัน หลังจากทั้งหมดนั้นมันก็คือจะเร็วขึ้น"
"ใช่ นั่นมันสมเหตุสมผลนะ เป็นความคิดที่ดีเลย"
"เมื่อพวกเราพูดถึงเรื่องนี้บริทแมนก็เห็นด้วยมากๆ แต่ว่าเมื่อผู้ใช้พลังจากประเทศอื่นมา พวกเขาทั้งหมดก็บอกว่าจะเข้าร่วมกลุ่มกับบริทแมนเท่านั้น พวกเขาบอกว่าบริทแมนน่าเชื่อถือมากกว่าฉัน"
"ฉันสงสัยว่าเขาจ่ายให้กับความไว้ใจไปเท่าไหร่นะ...?"
เพราะแบบนี้ทางด้านฝั่งของฮวาหยาก็เลยมีคนน้อย
ตามที่คาดเอาไว้เลยระดับมันต่างจริงๆ มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงงินเท่านั้นก็ได้ ผู้ใหญ่นี่น่ากลัวจริงๆ!
ฮวาหยาก็ยังคงอธิบายต่อไป
"มันเป็นผลให้ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้พวกเราไม่สามารถจะเข้าลึกไปในดันเจี้ยนได้ ด้วยมีเพียงพอลอยู่ด้านหน้า พวกเราจะยิงเวทย์จากด้านหลัง...และในวันนี้บริทแมนพูดว่า 'มันไม่ใช่ว่าจะแย่หรอถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปคุณมัสติฟอร์ด? เราควรจะเปลื่ยนกลยุทธ์กันดีมั๊ย?' อ๊าก! น่ารำคาญ! ฉันอยากจะเผาเขาจริงๆ"
ในขณะที่ฮวาหยาบ่นก็มีเปลงเพลิงปรากฏขึ้นมารอบๆเธอ พอล ไมค์ มาดามบราวน์ผู้ที่อยู่ในปาตี้เดียวกันราวกับว่าพวกเขาก็คิดเหมือนๆกัน ฉันได้แต่ถามออกไป
"แต่ก็ไม่ใช่ระดับ S ทั้งหมดที่จะไปอยู่ฝั่งเดียวกับเขาใช่มั๊ย? เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้ใช้พลังระดับ S พวกเขาก็ไม่น่าจะขาดอะไรนี่"
"อ่า แน่นอนสิมีคนที่อยากจะเข้าปาตี้กับฉันด้วย แต่ว่าพวกเขาทั้งหมดเจ้าแผนกาลเหมือนพยายามจะทำอะไรกับชื่อเสียงของฉันและวิธีที่พวกเขามองมาที่ฉัน...อู ฉันก็เลยปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด ฉันไม่ต้องการพวกเขา"
"เธอนี่เป็นผู้หญิงที่เจ๋งจริงๆ"
"พอลกับไมค์นี่ไม่มีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้น ซึ่งแตกต่างไปจากบริทแมนที่ในหัวมีแต่คำว่าเงินและผู้หญิง พวกเขารู้ว่าอะไรสำคัญและนั่นเป็นความคิดว่าประเทศมาก่อน! อา มันเหมือนกับมาดามบราวน์ แน่นอน! ด้วยการที่เธอมาอยู่ข้างเราทำให้ฝั่งบริทแมนมีเพียงแค่ฮีลเลอระดับ A เท่านั้น"
ฮวาหยาได้หัวเราะราวกับจะบอกว่า 'มันก็เลยเป็นหน้าที่ของนาย' ฉันก็ยังตอบไปในขณะหัวเราะ
"ฉันคิดว่ามันมีบางอย่างแปลกๆเมื่อเธอส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับฉันอย่างเร่งรีบ แล้วเราจะไปที่นั่นเลยไหม? ฉันไม่ได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์รู้แบบปลามาก่อนเลย ดังนั้นฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะ"
ในความจริงร่างกายของฉันมันคันกระหายการต่อสู้ หลังจากที่ได้นอนนิ่งในเครื่องบินมานานมันทำให้ฉันต้องการจะยืดเส้นยืดสายบ้าง ฉันหมายถึงเพียงแค่มองไปที่มอนสเตอร์รูปร่างปลาทูน่า! มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องอร่อยแน่ๆ ฉันมั่นใจเลย 100% ! ลองคิดดูสิฉันยังไม่ได้กินเนื้อหมูป่าที่อยู่ใบคฤหาสน์เลยนะ ฉันจำเป็นจะต้องเอาเลือดมันออกและแยกส่วนมันเร็วๆนี้...
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ฮวาหยาก็เอียงหัวงงด้วยท่าทางที่น่ารักบ 'หือ?' จากนั้นเธอก็พูดในขณะที่กระพริบตาอย่างช้าๆ
"นายกำลังพูดเรื่องอะไร? เรือไม่ได้จะออกไปทุกเวลานะ พวกเราอยู่ที่นั่นมา 9 ชม.แล้วในวันนี้และมันก็เกือยจะถึงเวลาดื่มชายามเย็นแล้ว ชั่วโมงแห่งการทำงานมันจบไปแล้วในวันนี้"
"เธอต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ"
"ใช่ ฉันล้อเล่น"
"เฮ้!"
"แต่ว่ามันเป็นความจริงที่ว่าพวกเรายังไม่ได้ล่ามอนสเตอร์อื่นๆในวันนี้ นายเพิ่งจะมาถึง ดังนั้นนายควรจะพักผ่อนก่อนนะ"
ฉันรู้สึกตะลึงกับคำพูดของฮวาหยาซึ่งดูเหมือนจะบอกว่า 'อย่าหักโหมเกินไปแล้วก็พักผ่อนบ้าง' มันทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณเธอที่กังวลแทนตัวฉัน แต่ว่าเธอคิดแบบนั้นจริงดิ?
"เธอปฏิบัติกับฉันเหมือนกับพวกระดับ S ปกติงั้นหรอ..?"
"เขาพูดถูกมัสติฟอร์ด ร่างกายของพวกเขาผู้ใช้พลังระยะประชิดไม่ได้อ่อนแอแบบเธอผู้ใช้พลังระดับ SS ที่มักจะเป็นโรคโลหิตจาก"
พอลผู้ใช้พลังระยะประชิดเหมือนกับฉันได้ช่วยฉันโต้กลับฮวาหยา
"ฉันไม่ได้เป็นโรคโลหิตจางนะ! ฉันแค่เสียมานามากเกินไป!"
"เธอควรจะรู้นะว่ามานาเธอมีมากแค่ไหน"
"นายคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายหรอ?"
เป็นเพราะว่ามานาของฮวาหยามากเกินไปหรอ? มันดูเหมือนว่าเธอมีแนวโนมว่าเธอจะใช้มันโดยไม่สนใจ เพราะแบบนี้ธอก็เลยมีอาการอ่อนเพลียจากการเสียมานา ในขณะนั้นฉันก็รู้สึกว่ามันเหมือนกับในครั้งที่เราได้ไปจัดการเเหตุการณ์ดันเจี้ยนด้วยกัน ฉันจึงตัดสินใจที่จะเตือนเธอในครั้งนี้
"ถ้าเธอเป็นล้ม สมาชิกในปาตี้ของเธอจะตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่ามานาเธอจะมีมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็จำเป็นจะต้องควบคุมการใช้พวกมัน"
[แต่ฉันไม่สามารถจะมองเห็น Mp ในโลกนี้]
[อย่าใช้ค่าตัวเลข ใช้ความรู้สึกเอา]
[นายคิดว่ามันง่ายหรอ? นายทำได้มั๊ย?]
[ไม่ใช่ว่ามันชัดเจนแล้วหรอ?]
[ชัดเจนหรอ? นายสามารถทำมันได้จริงดิ?]
ในขณะที่เราส่งความความคุยกันส่วนตัว พวกเราก็จ้องมองกันเหมือนกับแข่งขันกัน พอลและไมค์คิดว่าเรากำลังจะสู้กันเลยก้่าวเจ้ามา
"ฉันคิดว่าทั้งสองคนคงต้องใจเย็นลงนะ"
"ต้องขอบคุณพลังเวทย์ของมัสติฟอร์ดที่ทำให้พวกเรามาได้ไกลขนาดนี้ด้วยคนเพียงแค่ 4 คน TK ก็ยังเป็นคนรู้จักของเธอ นายก็ควรน่าจะรู้ว่าเธอน่าทึ่งมากแค่ไหน"
"แน่นอนฉันรู้ แต่ว่าเธอจะน่าทึ่งมากกว่านี้ถ้าเธอพยายามหน่อย"
"อึก"
คำพูดของฉันมันทำให้ฮวาหยาต้องหดตัวกลับไป ด้วยความภาคภูมิใจที่เธอมีอยู่ เธอจึงไม่ชอบให้คนอื่นๆชี้ถึงจุดบกพร่องของเธอ อากาศได้ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ซ ฉันได้เตรียมตัวสำหรับรู้ไฟที่จะลอยเข้ามาหาฉัน เมื่อฉันเตรียมตัวพร้อม ฮวาหยาก็ได้คลายหมดของเธอ จากนั้นด้วยดวงตาที่เหมือนกับเปลวเพลิงเธอมองมาที่ฉันและพูดขึ้น
"ถ้านายทำมันได้ มันก็ไม่มีทางที่ฉันจะทำไม่ได้"
"ฮ่า แบบนั้นแหละๆ"
นี่คือสิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับเธอ คนที่ภาคภูมิใจแต่สามารถจะเข้าใจถึงข้อบกพร่องของตัวเอง
"ดังนั้นสอนฉันซะ อย่าบอกนะว่านายทำไม่ได้?"
"ได้สิ ฉันสามารถทำมันได้ง่ายๆเลย"
"เยี่ยม ถ้างั้นหลังจากอาหารเย็นมาหาฉัน"
"เข้าใจ...หืม?"
เอ๊ะ? เหมือนฉันเพิ่งจะได้ยินอะไรบางอย่าง? ในขณะที่ฉันยืนกระพริบตาปริบๆ พอลที่เดินมาได้สังเกตุเห็นก่อนฉันเขาได้พูดในขณะยิ้มขึ้น
"ว้าว ฉันรู้ว่ามีอะไรบางอย่างขึ้นเมื่อเธอโม้ว่าอัศวินสายฟ้าเป็นเพื่อนของเธอ แต่ฉันไม่คิดว่ามัสติฟอร์ดจะเชิญผู้ชายเข้าห้อง...ถ้าบริทแมนรู้ เขาจะต้องร้องไห้แน่ๆ"
ไมค์ซึ่งอายุน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพอลได้วางมือบนไหล่ของฉันและแนะนำออกมา
"ระวิ่งบริทแมนด้วยนะเพื่อน ฉันไม่รู้ว่าชายคนนั้นจะทำอะไรบ้างจากความหึงหวง"
"อืม...ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ.."
ฉันได้โต้กลับไปในขณะที่เอามือของไมค์ออกไปจากฉัน
นอกจากนี้มาดามบราวน์! อย่ายกนิ้วโป้งขึ้นมาให้ฉันด้วยรอยยิ้มสิ นี่มันน่ารำคาญ!