บทที่ 86 - ระดับ S ยอน ฮวาวู (3)
บทที่ 86 - ระดับ S ยอน ฮวาวู (3)
”
[ต่างหูซัคคิวบัสโลหิต (ยูนีค)
ความทนทาน - 85/85
ข้อจำกัดการสวมใส่ - เลเวล 35+ ผู้ที่เอาชนะซัคคิวบัสโลหิต
ผลลัพธ์ - พลังเวทย์ +10 สติปัญญา +5 เสน่ห์ +15 เมื่อสวมใส่คุณจะสามารถปล่อยกลิ่นที่สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้]
แม้ว่าต่างหูนี้มันก็ยังยอดเยี่ยม แต่ว่ามันก็ไม่มีทักษะที่ฉันต้องการให้มีอยู่ เพราะอย่างนี้ฉันเลยได้ถามหลินว่าจะทำยังไงกับมันดี
"อะไร? การป้องกันทางจิต?"
"ใช่แล้ว"
ในขณะที่เขามองฉันอย่างท้อแท้ ฉันก็ได้อธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาได้ยินว่าฉันถูกพลังเสน่ห์และเกือบจะถูกฆ่าตาย การแสดงออกของเขาก็ได้เปลื่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
"นายโดนพลังเสน่ห์จริงๆดิ? โง่อะไรแบบนี้?"
"นั่นมันคือเหตุผลที่ฉันถึงพยายามหานั่นทางแก้ไขปัญหานี้ เพราะว่าฉันไม่สามารถปล่อยมันไว้แบบนี้ได้"
"อะแฮ่ม... นายรู้มั๊ยว่าวิธีไหนคือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันจิตใจ?"
ฉันได้เอียงหัวงง ด้วยการถอนหายใจหลินได้อธิบายออกมา
"พลังเวทย์ของนายจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สเตตัสพลังเวทย์ที่สูงขึ้นของนายมันจะทำให้การเอาชนะการโจมตีทางจิตใจง่ายขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยสเตตัสสติปัญญาและเสน่ห์"
"ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมสติปัญญาถึงมีความสำคัญ...แต่ว่าเกี่ยวอะไรกับเสน่ห์ล่ะ?"
"เสน่ห์ไม่เพียงแต่จะทำให้นายดูดีขึ้น แต่มันจะสงผลต่อการตอบสนองต่อการแสดงตนของนายด้วย จริงๆมันก็ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรให้ระเอียด นายเพียงแค่รู้ว่าการมีค่าเสน่ห์สูงมันก็จะทำให้การป้องกันการโจมตีทางจิตใจง่ายขึ้น"
"ถ้างั้นฉันคิดว่าฉันจะต้องใส่ต่างหูนี้้...แต่ว่าหลิน ค่าเสน่ห์มันไม่สามารถจะเพิ่มขึ้นตัวโบนัสสเตตัส มันทำได้ผ่านเพียงแค่อุปกรณ์และฉายาเท่านั้นนิ แม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นเองบางครั้งก็ตามนะ"
หลินได้วางของลงบนทั่งเหล็กและทุบมัน
"ดังนั้นเพิ่มค่าสติปัญญาของนาย"
"นั่น...นั่นมันเป็นทางเดียวหรอ?"
"แน่นอนมันยังมีอีกหลายวิธี ทักษะ นายสามารถจะเรียนรู้ทักษะที่ใช้ป้องกันสถานะแบบนั้นได้"
"ยังไง!?"
"ฉันจำได้ว่ามันยากที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง..."
ด้วยแบบนี้หลินได้แบมือของเขาออกมา เขาต้องการเงิน เมื่อฉันเอาเงินออกมา 5000 ทอง เขาก็ยิ่มๆ เมื่อฉันหยิบออกมา 30000 ทอง เขาก็ส่ายหัว ในถ่ายที่สุดเขาก็ได้รับเงินไป 50000 ทองซึ่งฉันได้ยื่นออกไปด้วยมือสั่นๆ จากนั้นเขาก็พูดต่อ
"ลองเคลียร์ชั้นที่ 40 แบบตัวคนเดียวดูสิ"
"นายหลอกลวง!"
"ฉันเพียงแค่ตอบคำถามไปนะ"
หลินได้ฮัมเพลงในขณะที่ทุบค้อนต่อไป แม้ว่าฉันจะกัดฟันแน่นและมองไปที่ ฉันก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ทั้งหมดที่เขาทำเขาไม่ได้โกหก อย่างน้อยเขาก็ได้ชี้จุดที่ฉันควรจะทำ แม้อย่างนั้นเพราะฉันไม่สามารถจะทำอะไรในตอนนี้ได้ ฉันก็ได้ปล่อยวางเรื่องการโจมตีทางจิตใจไปก่อน เมื่อฉันกำลังจะมุ่งหน้าไปพบกับดูลาฮาน หลินก็ได้หยุดฉันไว้
"ในความจริงมันมีอีก 3 วิธี"
"อะไรนะ?"
"นายสามารถจะสวมใส่อุปกรณ์ที่มีผลพวกนั้นได้ หนึ่งที่ไม่ได้เพิ่มสเตตัสเพื่อป้องกันการโจมตีจิตใจ แต่เป็นไอเทมที่มีทักษะป้องกันจิตใจโดยตรง"
"นั่นคือสิ่งที่ฉันหวังว่าต่างหูนี่จะมี แต่ว่ามันไม่มี...บางทีนายอาจจะมีมันขายอยู่หรือป่าว?"
"นายกำลังพูดถึงอะไร? นายมีส่วนประกอบนั้นอยู่แล้ว"
ฉันได้เอียงหัวงง และหลินก็ได้ส่งรอยยิ้มชั่วร้ายมา
"นายเคยได้ยินคำที่ว่า ยาพิษคือยาหรือป่าว?"
"นายหมายถึง..."
"ศพของซัคคิวบัส ส่งมันมาให้ฉันและด้วยเงิน 50000 ทองน ฉันจะทำมันให้"
"หลินดังนั้นเงิน 50000 ทองนั่นมันสำหรับ...ขอบคุณมาก!"
ฉันรู้สึกประทับใจและขอบคุณเขาไปโดยที่ไม่ลังเล หลินได้แกล้งไอออกมาและหยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็พูดสิ่งที่ตามมาทำให้ฉันจดจำไปตลอดชีวิต
"มันแยกต่างห่างจากค่าข้อมูลที่ฉันเพิ่งได้มา ดังนั้นอย่าเข้าใจผิด"
"อึก..."
นี้มันเป็นครั้งแรกที่ฉันโดนหลินโต้กลับมา
ฉันได้นึกย้อนกลับไปในประสบการที่ปะทะกับซัคคิวบัส จนถึงตอนนี้ทุกอย่างที่ฉันทำมันง่ายมาก ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะพบกับมอนสเตอร์ในชีวิตประจำวันเลย แต่ว่าสิ่งสำคัญนั่นก็ได้เกิดขึ้นในตอนที่ฉันไม่สามารถจะใช้วอคลายเมื่อต้องการ มีสิ่งต่างๆได้เกิดขึ้นมากมายได้เกิดขึ้น แต่ว่ามันก็ยังมีทักษะที่ฉันใช้ได้อยู่ ทำไมฉันไม่ใช้มันกันนะ
ฉันไม่ได้ใช้ทักษะเสียงกรีดร้องของความตายเลย มันจะช่วยในสถานการณ์ที่อันตรายนั่นได้นะ โง่เง่า โง่จริงๆเลย ทำไมฉันถึงไม่ใช่ทักษะนี้ของฉันกัน
มันเป็นเพราะว่าศัตรูที่ฉันเจอมาจนถึงตอนนี้มันง่ายเกินไปหรอ? เป็นเพราะทุกสิ่งมันสามารถจะแก้ไขได้ด้วยทักษะของบอสประจำชั้นหรอ? ฉันนี่มันโง่จริงๆเลย ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้นะ พ่อได้พูดเน้นย้ำมันเสมอ! ไม่ต้องพูดถึงว่าฉันรู้ว่าทักษะที่ฉันอาศัยอยู่ก็ใช้ได้แค่หนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น ฉันไปตื่นตระหนกตกใจมากเมื่อไม่สามารถจะใช้มันได้ การตัดสินใจนี้ของฉันมันพลาดมากๆ ถ้าพ่อรู้เข้า พ่อจะต้องนำฉันไปสู่ขั้นต่อการฟาดอีกหลายๆครั้งแน่นอน
โชคดีที่ฉันไม่ได้เสียชีวิตไปตอนนั้น ในความจริงแล้วมันยังเป็นโอกาสดีสำหรับเยอึนที่จะเอาชนะบาดแผลในอดีตและกลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนอีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้เปลื่ยนไปมันดีจริงๆ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ฉันไม่สามารถยอมรับมัน
ความล้มเหลวนี้มันเป็นโอกาสดีของฉันในการเอาชนะความอ่อนแอและเติบโตขึ้น ถ้าฉันได้รู้ตัวช้ากว่านี้ ฉันอาจจะต้องเสียใจก็ได้
ทุกๆคนก็เคยทำพลาด สิ่งสำคัญก็คือไม่ทำพลาดซ้ำสอง ฉันได้ตัดสินใจที่จะใช้ความล้มเหลวนี้ผลักดันตัวเองไป ฉันสาบานว่าจะเปลื่ยนแปลงตัวเอง
รวมไปถึงการเปลื่ยนแปลงความโง่เขลาของตัวฉันที่เอาแต่พึ่งดิงทักษะวอคลายและไม่สนใจกับการป้องกันทางจิตใจ และไม่คิดว่าจะได้พบกับมอนสเตอร์ในชีวิตจริงด้วย นอกจากนี้ฉันยังจะต้องใช้ทักษะของฉันทั้งหมดโดยที่ไม่ใช้เพียงแค่ทักษะของบอสประจำชั้นไปจนถึงขีดสุดด้วย
โชคดีที่ในตอนนี้ฉันมีศัตรูที่เหมาะสม มันเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่ฉันจะต้องเผชิญหน้าสามครั้งต่อวัน ดูลาฮาน
เขาทั้งแข็งแกร่งและมีเทคนิค เป็นศัตรูที่ดีที่จะใช้เป็นตัวผลักดันตัวเองไปสู่ขีจำกัด ในครั้งแรกที่ฉันต่อสู้กับดูลาฮาน ฉันก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาทักษะของบอสประจำฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะชนะ ฉันก็ไม่คิดว่ามันเป็นชัยชนะที่ไม่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าทักษะของดูลาฮานมันเป็นสิ่งที่โกง แต่ว่าเกี่ยวกับครั้งแรกเมื่อฉันต่อสู้ก็ใช้วอคลายมันคืออะไร? เมื่อฉันต่อสู้ทักษะวอคลายของออร์คลอร์ดมันก็เป็นทักษะที่โกง ฉันมีนาฬิกาพกพาไหมในตอนนั้น? ฉันมีมานาหรือป่าว? ไม่เลย คำตอบคือไม่
ฉันได้เข้าใจถึงทุกๆการเคลื่อนไหวของออร์คลอร์ด คำนวนการเคลื่อนไหวครั้งถัดไปและสวนกลับ แม้ว่ามันจะใช้เวลานานที่จะพิชิต แต่ว่ามันเป็นชัยชนะที่บริสุทธิ์ที่มีเพียงความสามารถทางกายภาพของฉันเพียวๆ แม้ว่าพลังชีวิตของฉันจะเหลือ 0 อยู่หลายครั้ง แต่ฉันก็มีความเป็นนักรบมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันจะกลับไปในตอนนั้น เพราะว่าทั้งหมดนี้ฉันเป็นทั้งนักรบและนักสำรวจดันเจี้ยน ฉันหมายความว่าฉันจะไม่พึ่งพาเพียงทักษะใดทักษะหนึ่งและฉันจะใช้ทุกอย่างในการต่อสู้ ฉันได้สาบานกับตัวเอง จากนั้นฉันก็เปิดประตูห้องบอสไป
"มาสู้กับฉันดูลาฮาน!"
[เข้ามาเลย]
ม้าของเขาได้วิ่งออกมาโดยที่ไม่หยุดลง ดูลาฮานก็ได้พูดออกมาในขณะที่เล็งขวานมาที่ฉัน ฉันได้หยักหน้าและลูบหัวริยู
ในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ธาตุกับภูติธาตุของที่ได้มากยิ่งขึ้นทำให้สามารถที่จะสื่อความตั้งใจกันโดยที่ไม่พูดอะไรได้ สามารถแม้แต่ถ่ายทอดความคิดให้เหล่าภูติธาตุได้โดยตรงและให้ภูติธาตุเคลื่อนไหวไปตามนั้น ถ้าฉันต้องการที่จะต้องสู้บนหลังของริยูการสื่อสารระหว่างกันมันเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าฉันจะคิดว่ามันไม่จำเป็นมาจนถึงตอนนี้ แต่ฉันก็ได้เปลื่ยนใจ ทำไมฉันถึงโง่ขนาดนั้นกัน
[ฉันรู้สึกดีที่สามารถจะทำอะไรได้]
[ถ้าเธอทำให้นายท่านบาดเจ็บฉันจะจัดการเธอ]
[ฉันจะไม่ทำ ฉันชอบชินมาก]
[ฉันชอบเขามากกว่า!]
ภูติธาตุ ฉันดีใจนะที่พวกเธอชอบฉัน แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทะเลาะกัน เธอกำลังทำลายช่วงเวลาเท่ๆของฉัน! ฉันได้ลูบไปที่หัวของริยูเบาๆอีกครั้งหนึ่ง ฉันปิดตาลงครู่หนึ่งและเปิดขึ้น
"เตรียมตัวไว้ดูลาฮาน"
[ข้าไม่คิดจะลดการ์ดลงเมื่อเจอฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งเช่นเจ้าอยู่แล้ว เข้ามา!]
จากนั้นฉันก็ได้ส่งผ่านความคิดของฉันไปที่ริยู เส้นทางที่เธอควรจะไปและความเร็วที่ควรได้ถูกร่างเอาไว้ในหัวของฉัน นอกจากนี้มันยังรวมไปถึงวิธีการโจมตีดูลาฮานอีกด้วย
[บรูวววววว!]
ริยูได้พุ่งตัวออกไปจากพื้นโดยไร้ซึ่งคำเตือนใดๆและเข้าไปหาดูลาฮาน ฉันได้ลดร่างกายลงต่ำและถือหอกขึ้นมา ดูลาฮานก็ยังถือขวานของเขา ถ้าฉันคาดไม่ผิดเทคนิคขวานของเขาคงจะประมาณระดับกลางเลเวล 5 เพราะว่านั่นคือระดับทักษะเฉลี่ยของนักสำรวจบนชั้นที่ 35 เขาแข็งแกร่งโดยแท้จริง
อย่างไรก็ตามเทคนิคหอกของฉันก็คือระดับสูงเลเวล 5 ทำไมฉันถึงประเหมือนเขาเหมือนกับว่าฉันเป็นนักสำรวจปกติด้วยกันนะ? นั่นมันเพราะว่าการที่มีเทคนิคที่สูงกว่ามันไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะโจมตีได้รุนแรงกว่า มันหมายถึงว่าฉันนั่นมีเทคนิคที่เหนือกว่าเท่านั้น นั่นคือความได้เปรียบของฉัน
"ฮ่าห์!"
[เร็ว...กึก!]
ดูลาฮานได้ป้องกันการโจมตีของฉันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามในเวลาที่เขาป้องกันการโจมตีที่ดุดันของฉันมันก็ได้ทำให้สมดุลของเขาเสียไปและเปิดช่องให้ฉันแทงเขาต่อ
[อึก!?]
"ฉันจะไม่หยุดแค่นี้หรอกนะ!"
ฉันไม่ได้สนใจกับหัวของเขาเลย การแทงของฉันมุ่งเป้าไปที่บริเวณขวานซึ่งเป็นความแข็งแกร่งของเขา จากนั้นฉันก็เปลื่ยนไปที่แขนของเขา ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้สั่งให้ริยูโจมตีไปที่ม้าดำของเขา แม้ว่าริยูจะต่อสู้ด้วยตัวเอง พวกเราก็ยังร่วมมือกันเพื่อเพิ่มพลังให้ระหว่างเรา
[เจ้ากล้า!?]
"นายกำลังจะโยนขวาน ใช่มั๊ย?"
เมื่อดูลาฮานได้ยกขวานขึ้นมา ฉันก็เล็งโจมตีไปที่ข้อมูลของเขา ในเวลาเดียวกันไพก้าก็ได้ใช้ศรสายฟ้าเพื่อโจมตีไปที่ขวานของเขาให้หลุดออกไปจากมือ ทุกๆครั้งที่ศรสายฟ้าของเธอได้ปะทะเข้ากับขวานของเขา พลังสายฟ้าก็จะไหลผ่านขวานและทำให้ดูลาฮานรู้สึกชา ในช่วงที่เขาไม่สามารถจะรักษาการทรงตัวได้นั้นฉันก็จัดการโจมตีเขาให้มากยิ่งขึ้น
[ม้าที่รักของข้า เผาศัตรูซะ!]
"ริยู!"
[บรูววววว!]
อย่างที่ฉันคิดม้าดำของเขาก็ยังมีความพิเศษอยู่! เมื่อสิ้นเสียงดูลาฮาน ม้าดำก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึก ในเวลาเดียวกันริยูก็ได้ปล่อยลมหายใจน้ำแข็งอย่างรวดเร็วออกมาหลังจากที่ได้สูดพลังงานน้ำแข็งไป ม้าสีดำก็ได้ไอออกมาและสลบไป ลำคอของมันจะต้องถูกแช่แข็งจนไม่สามารถหายใจได้แน่ๆ ดูลาฮานนั่นได้ขี่มาทีมีชีวิตไม่ใช่ม้าอันเดต
แม้ว่าอย่างนั้นดูลาฮานก็ได้รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและจับขวานแน่น แต่ฉันก็ยังจัดการส่งการโจมตีไปที่ข้อมือของเขาด้วยหอก ริยูก็ยังยกขาหน้าของเธอขึ้น มันได้ส่งแสงสีขาวหิมะ ริยูพยายามที่จะเหยียบดูลาฮานและแช่แข็งเขา
[ภูติธาตุ!]
"ฉันเคยได้ยินคำนี้มาในก่อนหน้านี้แล้ว"
หลังจากที่ฉันยกหอกของฉันขึ้น ฉันก็ได้เปิดใช้งานฮีโรอิค สไตร์และโจมตีเข้าใส่ที่ร่างกายของดูลาฮาน
[ติดคริติคอล]
[อ๊ากกกก]
ดูลาฮานมีร่างกายที่เห็นได้ชัดและมีกระดูก ดังนั้นเขาจึงได้รับความเสียหายเพิ่ม 50% จากคริติคอล นักทำลายกระโหลกเป็นฉายาที่โกงอะไรแบบนี้
ฉันยังคงแทกร่างของดูลาฮานต่อไป จากนั้นเมื่อหัวของเขาที่ถูกปกป้องด้วยแขนข้างหนึ่งได้ส่องแสงออกมา ฉันก็ได้สั่งให้ริยูถอยกลับในทันที
ฉันเคยตกหลุมพรางนี้มันมาก่อน มันเป็นทักษะแปลกๆที่ทำให้ร่างกายของดูลาฮานยืนขึ้นไม่หว่างจะยืนอยู่ตรงไหนก็ตามในขณะเดียวกันเขาก็จะปล่อยหมอกความมืดที่ทำให้เป็นอัมพาตได้ ถ้าฉันไม่ได้ถอยกลับ การต่อสู้นี้ก็จะถูกพลิกกลับในทันที
"ก๊าาาาาา!"
ตามที่ฉันได้คาดเอาไว้ ในช่วงที่ฉันให้ริยูถอยกลับ ดูลาฮานก็ได้ปล่อยหมอกสีดำออกมา ในมือของเขาก็ยังมีขวานที่น่ากลัวอยู่ แม้ว่าเขาจะพุ่งเข้ามาหาฉันและเหวี่ยงขวานลงมา แต่ริยูก็ได้หลบไปด้านข้างในขณะที่ฉันใช้โอกาสนั้นในการโจมตีไปที่ขาของเขา ร่างกายของดูลาฮานได้เอียงไปและขวานที่โจมตีมาก็กระแทกพื้นอย่างแรก จากนั้นดูลาฮานก็ได้กัดฟันแน่นในขณะที่ยกขวานขึ้นอีกครั้ง
[ไม่เลวนี่ มนุษย์]
ดูลาฮานได้มองมาที่ฉันด้วยความหนาวเย็น หอกของฉันก็ได้ยกขึ้นอีกครั้งด้วยสายฟ้าสีแขวและเล็งไปที่เขา
ทักษะใช้งานในการต่อสู้มันหาได้ยากมาก ทักษะต่อสู้ที่ฉันได้รับมาในขณะที่ปีนขึ้นมาถึงชั้นที่ 35 มีเพียงแค่ ฮีโรอิค สไตรค์ พายุธาตุและสายฟ้าคลั่งเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงทักษะสายฟ้าคลั่งยังเป็นทักาะสนับสนุนมากกว่าทักษะโจมตีซะอีก นอกจากสามอย่างนั่นแล้วก็มีระเบิดสายฟ้าทมิฬที่อยู่ในนาฬิกาพกพที่ฉันนับได้อีกอย่าง
ดังนั้นฉันจะต้องใช้ทักษะการโจมตีของฉันให้ถูกเวลา พายุธาตุเป็นทักษะวงกว้างที่ใช้มานาครึ่งหนึ่งของฉัน และฮีโรอิค สไตรค์เป็นทักษะเดี่ยวที่ใช้ทั้งพลังชีวิตและมานาจำนวนมาก สายฟ้าคลั่งนั้นดีกว่าแต่มันมีขีดจำกัดเพียงแค่ 110 วินาทีเท่านั้น และฉันก็ไม่สามารถจะใช้มันคู่กับหอกได้
ดังนั้นฉันเลยได้ตัดสินใจที่จะใช้ทักษะฮีโรอิค สไตรค์ต่อไป
หากไม่มีมานามันจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามด้วยมานาที่นำมาเสริมร่างกายและเพิ่มพลังให้กับร่างกายอย่างต่อเนื่องมันก็ใช้ว่าจะทำบางอย่างไม่ได้เลย มานาที่ควรจะเพิ่มพลังทำลายล้างสามารถจะนำมาเสริมการฟื้นฟูพลังทางกายภาพได้ แม้ว่าการโจมตีของฮีโรอิค สไตรค์จะอ่อนลง แต่ฉันก็ยังจะสามารถโจมตีมันออกไปได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ใช้มานาน้อยลง เมื่อคิดว่าสิ่งนี้มันเป็นไปได้ฉันก็ทำมันในทันที
ในอากาศได้ปรากฏสายฟ้าขึ้น กล้ามเนื้อและพลังของฉันได้ไปรวมอยู่ที่ปลายของหอก อย่างไรก็ตามมานาได้แยกออกไปแล้วคลุมร่างกายของฉันเสริมพลังให้แก่ร่างกาย
ดูลาฮานก็ได้ยกขวานของมันขึ้นซึ่งได้มีออร่าทำลายล้างออกมา ใช่แล้วฉันรู้ว่าเขากำลังจะใช้ทักษะที่อันตรายของเขา
[ระเบิด...ออก!]
"ฮีโรอิค สไตรค์ต่อเนื่อง!"
ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างฉันได้แทงหอกออกไป ในขณะเดียวกันฉันก็คิดว่า
เซนต์ในการตั้งชื่อของฉันมันแย่ชะมัด