ตอนที่แล้วบทที่ 83 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 85 - ระดับ S ยอน ฮวาวู (2)

บทที่ 84 - ระดับ S ยอน ฮวาวู (1)


บทที่ 84 - ระดับ S ยอน ฮวาวู (1)

ฉันได้ขอให้ไพก้าทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดภายในนี้ด้วยพลังสายฟ้า เพราะว่าเธอมีพลังที่เกี่ยวข้องกับสายฟ้าดังนั้นนี้จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เธอทำได้

โทรศัพท์ กล้อง กล้องวงจรปิด จอภาพและอื่นๆมากมาย แม้ว่ามันจะต้องใช้มานาจำนวนมาก แต่ว่ามันก็สามารถจะแก้ได้ง่ายๆด้วยโพชั่นสองขวด โลคไม่ดีที่แม้กระทั่งโทรศัพท์ของเยอึนและของฉันก็ถูกทำลายไปเช่นกัน

ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามในการลบหลักฐานเกี่ยวกับซัคคิวยัสโลหิต แต่ว่าฉันก็ต้องการจะทำให้มันแน่ใจ ไพก้าเป็นคนที่เหมาะกับงานนี้มากที่สุดแล้วด้วยฐานะที่เป็นภูติธาตุ กล้องไม่สามารถจะเห็นเธอ และด้วยพลังสายฟ้าเธอมีความสามารถในการทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่ฉันกังวลที่สุดเลยก็คือความทรงจำของนักเรียนที่ถูกควบคุมโดยซัคคิวบัส มันจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ฉันอาจจะจำเป็นที่จะต้องปรับเปลื่ยนแผนการของฉันให้มันสมบูรณ์ โชคดีที่ฉันสามารถปลุกนักเรียนขึ้นมาถามได้ซึ่งพวกเขาจำอะไรไม่ได้เลย จริงๆนักเรียนก็จำได้เพิ่งแค่สั้นๆว่าเพิ่งมาแคมป์

ฉันดีใจมาก ฉันไม่จำเป็นจะต้องปิดปากพยานทั้งหมด อาฉันทำอะไรกับนักเรียนที่ตื่นขึ้นมาหรอ? ฉันให้เขาดื่มเขาไปจนเวลาผ่านไป....ฉันต้องการที่จะให้เขาเมาหลับไปและจำคำถามที่ฉันถามไม่ได้

ต่อไปพวกเราก็จะต้องาร้างข้อแก้ตัว อย่างแรกในขณะที่นักเรียนกำลังหลับอยู่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันได้ให้ริยูทำความสะอาดพวกเราด้วยพลังธาตุน้ำแข็ง เธอสามารถจะทำความสะอาดมันได้

[อี้ แช่แข็ง!]

เธอได้แช่แข็งทุกๆอย่าง (เลือด ฝุ่น ฯลฯ) ในร่างกายของพวกเรายกเว้นเสื้อผ้า จากนั้นเราก็ได้โยนทุกสิ่งไว้ในห้องน้ำ ด้วยเหตุนี้เราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปอาบน้ำหรือทำความสะอาดเสื้อ หลังจากได้จากได้พบกับพลังแห่งธาตุแล้วเยอึนก็ได้สัมผัสร่างของเธออย่างมึนงงแล้วจากนั้นก็เริ่มตื่นเต้น

"น่าทึ่ง! ฉันต้องการมันซักอย่างจัง!"

[ฉันเกลียดเธอ! น่ากลัว!]

หลังจากโต้แย้งเยอึน ริยูก็ได้บินมาหาฉันและซ่อนตัวอยู่หลังหัวของฉัน อย่างไรก็ตามเยอึนไม่สามารถจะได้ยินและเห็นริยูได้

"ดื่มนี้ เราจะต้องจัดการกับอาการบาดเจ็บของเธอด้วย"

ในขณะที่ฉันลูบริยู ฉันก็ได้ส่งโพชั่นไปให้เยอึน มันเป็นโพชั่นที่ฉันได้เลือกมาจากชั้นบอสในตอนที่ไม่มีอิลิกเซอร์ดรอปออกมา

เนื่องจากว่าฉันไม่สามารถจะมอบโพชั่นจากชั้นขายของให้กับใครได้ ดังนั้นฉันต้องให้โพชั่นนี้กับเธอไปแทนซึ่งฉันมีมันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

"นี่คืออะไร?"

"โพชั่น เธอจะรู้เองเมื่อดื่มมัน"

ตามที่คาดไว้เยอึนได้เกิดความวุ่นวายในไม่ช้าหลังจากนั้น ฉันไม่สนใจเธอและรักษาบาดแผลของตัวเองไป ด้วยเหตุนี้ทุกสิ่งก็สมบูรณ์แบบ

อะไร? มันจะที่สภาพโดยล้อมมันเป็นแบบนี้งั้นหรอแล้วพวกเราจะจัดการทั้งหมดทำไม? แน่นอนสิมันมีเหตุผลที่พวกเราทำอย่างนี้ เราจะต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยอยู่ที่นี่ในคืนนี้ เมื่อคนได้เริ่มสำรวจและสอบปากคำคนที่เกิดเหตุก่อน เราจะพยายามหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์นี้

"คนปกติจะนอนในห้องอื่นๆ พวกเราก็ควรจะทำแบบนั้นเช่นกัน"

"นะ ในห้องอื่น...ด้วยกันสองคนหรอ!? อูวว ฉันกลัว"

"ไม่ มันเห็นได้ชัดว่าเราจะไปอยู่กับคนอื่น...."

"...."

เฮ้ๆ ทำไมเธอถึงทำหน้าตาผิดหวังแบบนั้นเล่า แม้ว่าฉันจะหมดคำพูดไปกับท่าทางของเธอ ฉันก็ยังทำความสะอาดห้องให้กลายเป็นระเบียบจากไฟ น้ำแข็ง และสายฟ้า

แม้อย่างนั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่าฉันทำมัน แต่ว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่จะกำจัดหลักฐานไปให้มากที่สุด ฉันยังตามไปจัดการลากนักเรียนที่ฉันโยนออกไปข้างนอกกลับเข้ามาอีกด้วย

"เอาล่ะ ตอนนี้เราต้องไปที่ห้องอื่นแล้ว แล้วก็ทำเป็นตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า"

"ชิน นายมันชั่วมาก..."

"เพื่อชีวิตที่สงบสุขของเรา"

มันจะต้องเป็นไปตามแผนของฉัน ในวันพรุ่งนี้ทุกคนจะต้องตกใจมากเมื่อเห็นว่าคนตายและโคลอี้ แบรนซ์ได้หายตัวไป หน่วยงานนิวมูนจะต้องนำผู้พิทักษ์มาตรวจสอบโดยที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก อย่างน้อยฉันก็หวังว่าแบบนั้นน่ะนะ ฉันได้ใช้ภูติธาตุทั้งสองในการกำจัดหลักฐาน หากพบอะไรอีกพวกเขาก็จะประเมินความสามารถของฉันในฐานะผู้ใช้ธาตุ

อย่างไรก็ตามฉันก็จะปรากฏตัวในอีกไม่กี่วันต่อมาในฐานะยอน ฮวาวู ฉันจะไปบอกกับสำนักงานนิวมูนว่าฉันบังเอิญพบกับซัคคิวบัสที่อ้างว่าเป็นเจ้าของดันเจี้ยนที่อยู่ไกลออกไปและจัดการกับเธอ ถึงแม้ว่าแผนนี้จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ว่าความสามารถในการปลอมแปลงของซัคคิวบัสเป็นของจริง ดังนั้นฉันก็แค่ตามน้ำไป

ทั่วทั้งโลกจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาจำเป็นจะต้องเข้าใจว่าบอสประจำดันเจี้ยนได้กระจายตัวออกไปทั่วโลก เพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมตัวป้องกัน

สิ่งที่ฉันจะต้องกังวลก็คือจะอธิบายว่าฉันไปเจอกับซัคคิวบัสยังไงหรือว่าการที่คนในผู้พิทักษ์จะพยายามเอาศพของซัคคิวบัสไปจากฉัน แน่นอนว่าฉันได้ยืนยันไปว่าฉันได้พบกับซัคคิวบัสโดยบังเอิฐและมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะให้ศพกับพวกเขา เนื่องจากว่าตาของซัคคิวบัสก็ถูกเยอึนเอาไปแล้ว ฉันจะไม่มีทางปล่อยแม้แต่ผมเส้นเดียวของซัคคิวบัสให้ไปอยู่ในมือของรัฐบาล ทุกคนที่กล้าจะมาแย้งของที่มันเป็นของฉันจะต้องข้ามศพฉันไปก่อน ฉันจะไม่เมตตาใครทั้งสิ้น

จากนั้นฉันก็ได้แลกเปลื่ยนตัวตาจากเยอึนด้วยการพาเธอไปกินเฟรนฟราย 5 ครั้ง แม้ว่าฉันจะคิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบเธอ แต่ว่านี้ก็เป็นสิ่งที่เธอเสนอ ดังนั้นดวงตาสีทองของซัคคิวบัสก็ได้มาจบลงในมือของฉัน ฉันได้ตัดสินใจที่จะให้บางอย่างกับเยอึนเป็นการชดเชยในภายหลังเพื่อชดเชยสิ่งนี้ ในความเป็นจริงฉันก็รู้อยู่แล้วว่าจะให้สิ่งใดกับธอ

และแล้วมันก็ถึงเวลาที่จะต้องทำตามแผน เยอึนและฉันได้พบห้องและเข้าไปในนั้น เมื่อพลังเสน่ห์ของซัคคิวบัสเข้ามาถึงที่นี่ ทุกๆคนก็ได้ล้มนอนสลบลงไป พวกเราก็ได้พบกับที่นั่งและนั่งพึ่งกันไป เมื่อฉันได้นั่งลงความตรึงเครียดที่มีอยู่ในร่างกายก็ได้จางหายไปทำให้ฉันถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

"ฟู่...ฉันต้องการจะนอนและหลับ"

"พักซะ"

"แน่นอน"

ใครกันจะหาสถานที่ๆดีและนอนหลับลงไปในความยุ่งเหยิงนี้? ฉันได้ตัดสินใจที่จะมีความสุขที่อย่างน้อยฉันก็ยังสามารถพิงเยอึนได้ ด้วยแบบนี้พวกเราได้เงียบกันไปขณะหนึ่ง เยอึนเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบนี้

"....นายจะไม่ถามหน่อยหรอ?"

"เธอจะพูดมันออกมาเองเมื่อเธอพร้อม"

"...."

เธได้เงียบไปอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นราวกับวาเธอจะพูดทุกอย่างที่เธอเก็บเอาไว้ เธอได้เปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง

"นายรู้มั๊ย...ฉันได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ต่อหน้าครอบครัวของฉัน"

"ครอบครัวเหรอ?"

"ใช่แล้ว ด้วนเหตุผลบางอย่างเมื่อใดก็ตามที่ฉันเห็นมอนสเตอร์ ฉันจะได้รับการกระตุ้นบางอย่างให้ต่อสู้กับพวกมัน ในเวลานั่น...ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ฉันก็ได้ดึงหัวใจของมอนสเตอร์ออกมาด้วยมือเปล่าแล้ว"

"..."

ฉันจินตนาการได้เลยถึงภาพสาวสวยที่กำลังหัวเราะในขณะที่ดึงหัวใจของมอนสเตอร์ มันไม่ได้เป็นภาพที่น่ารื่นรมณ์อย่างแน่นอน ไม่ว่ายังไงเธอก็ได้ของขวัญตามธรรมชาติ ของขวัญตามธรรมชาติสำหรับการต่อสู้ แม้ในขณะที่เธอปกติสมบูรณ์แต่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นมอนสเตอร์ เธอจะต้องการที่จะฉีกกระฉากพวกมันเป็นชิ้นๆ

โรคกลัวมอนสเตอร์หรอ? บ้าไปแล้ว เธอเป็นผู้ล่ามอนสเตอร์มากกว่าซะอีก

"ฉันไม่เคยลืมวิธีการที่พวกเขามองมาที่ฉันเลย...มันราวกับว่าพวกเขาไม่ได้มองมาที่มนุษย์ ซึ่งมันไม่เหมือนกับมองสมาชิกในครอบครัวเลย แม้ว่าฉันจะช่วยชีวิตของพวกเขา แม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาว เป็นพี่สาว....แต่ในท้ายที่สุดฉันก็ไม่มีจุดยืนและออกมาจากบ้านด้วยตนเอง"

เห็นได้ชัดว่านับตั้งแต่วันนั้นเธอจะตัวแข็งไปเมื่อเธอได้เห็นมอนสเตอร์เพราะว่าเธอจำได้ถึงวิธีที่ครอบครัวมองมาที่เธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเยอึน

"แต่ว่าวันนั้นที่ฉันได้พบกับชิน เห็นนายต่อสู้...ฉันคิดว่ามัน "ว้าว นี้นายสามารถจะต่อสู้ได้เท่และสวยงาม"...."

"อะไรนะ? ฉันไม่ได้ยินเสียงในตอนท้าย"

นอกจากนี้ฉันไม่คิดว่านั่นมันจะเท่เลย ถ้าฉันจำได้ถูกต้อง ฉันเพียงแค่แทงท่อเหล็กใส่นกพิราบยักษ์เองนะ

"ยะ ยังไงก็ตามเถอะ! ฉันคิดว่ามันจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นถ้าฉันอยู่กับนาย"

"เธอควรจะพูดมันในก่อนหน้านี้และขอความช่วยเหลือ"

"ฉะ ฉันจะทำได้ยังไง..? มันยากสำหรับฉันที่จะพูดมันแม้แต่กับในตอนนี้"

"โทดที ฉันคิดน้อยเกินไปนะ"

เยอึนได้หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ฉันได้รอเธออย่างเงียบๆ ครู่นึงเธอก็พูดต่อออกมา

"แต่ว่าในวันนี้เพราะนาย....ดูเหมือนจะถูกฆ่า..."

"ฉันจะตายถ้าไม่ได้เธอช่วย"

"ฉันต้องการที่จะทำเป็นโรคกลัวมอนสเตอร์ต่อ ฉันไม่ต้องการที่จะให้นายเห็นด้านที่น่าเกลียดของฉัน"

"เหมือนอย่างที่ฉันพูด เธอเจ๋งมาก"

ด้วยรอยยิ้มบางๆ เยอึนได้พูดต่อไป

"...เมื่อความคิดที่นายกำลังจะตายได้เข้ามาในหัวฉัน ฉันได้ลืมใบหน้าของพ่อแม่ในทันที ก่อนที่ฉันจะได้รู้ตัวมือของฉัน...มือของฉันได้เจาะเขาไปในตาของผู้หญิงคนนั้นแล้ว"

"ดังนั้นเธอรู้ว่าจะโจมตีไปที่ไหนด้วยสัญชาตญาณสินะ ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลยว่าฉันไม่ได้รู้ถึงพรสวรรค์นี้ของเธอมาก่อน ในฐานะผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ฉันอายมาก"

"และเป็นเพราะชินยังได้บอกว่าฉันเจ็ง...ฉันได้ลืมหน้าพ่อแม่ของฉันไปตลอดกาล"

"ตลอดกาล!?"

'เธอมั่นใจกว่าเธอจะไม่จดจำพวกเอาอีกในชั่วชีวิตงั้นหรอ?' ในคำถามนี้ เยอึนได้หยักหน้ารับอย่างแรง

"จากนี้ไปฉันคิดว่ามันจะไม่เป็นไรถ้าอยู่ด้วยกันกับนาย ใช่แล้วฉันมั่นใจ"

"...ยินดีที่ได้ช่วยเหลือเธอนะ"

ฉันรู้สึกมีความสุขที่ในที่สุดแล้วเธอก็สามารถใช้ศักยภาพของเธอได้อย่างเต็มที่ ฉันมีความสุขมากกว่านี้อีกเพราะเธอเป็นเพื่อนของฉันและฉันรู้สึกดีใจที่เธอก้าวขึ้นมาเพื่อปกป้องฉัน

"ดังนั้นดูแลฉันด้วย...ตลอดไป"

"เหมือนอย่างที่ฉันพูด ตลอดไปมันดูเกินจริงมากเกินไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ช่วยดูแลฉันด้วยเหมือนกัน ในฐานะสหายผู้ใช้พลัง"

"เฮะๆ...ฉันชอบนายจริงๆ"

"ใช่ ฉันก็เหมือนกัน"

จากนั้นเยอึนก็ได้ลุกขึ้นและกอดไห่ฉันไว้ สายตาของเธอซึ่งเปลื่ยนไปเป็นดำหลังจากการต่อสู้จบลงมันได้ขยายไปจนน่ากลัว ไหล่ที่เธอคว้าไว้มันได้เจ็บปวด จากนั้นเธอก็พูดสิ่งที่ไร้สาระที่ฉันไม่เคยจะลืมเลยในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่

"ถ้างั้นวันนี้เป็นของเรา!?"

"ไม่นะ...ฉันไม่ได้มีแผนที่จะที่จะเดทสำหรับตอนนี้ ฉันจะต้องไปดันเจี้ยน"

"...."

เยอึนได้พึมพัมและยืนนิ่งกับที่ ในความเป็ฯจริงฉันก็นิ่งไปเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้น? ถึงแม้ว่าฉันปฏิเสธเธอในการสารภาพรักกับฉัน!? แต่ว่าคำสารภาพนั่นคืออะไร? นั่นเป็นคำสารภาพครั้งที่สองตั้งแต่ที่ฉันได้จากตอนที่เรียน ม.6! นี่มันเป็นมุขหรือป่าวน่ะ? ฉันควรจะพังกล้อมทั้งหมดไปแล้วสินะ! ฉันได้ตกอยู่ในสภาพตื่นตกใจ

เยอึนได้ล้มลงไปกับพื้น

"ฉันคิดว่านายชอบฉัน..."

"นั่นมันเรียกว่ามั่นใจมากเกินไปนะ"

"แต่ว่านายซื้อเฟรนฟรายให้ฉัน...."

"ฉันคิดว่ามาตราฐานในการตัดสินใจของเธอนั่นได้เกินระดับของคนธรรมดาไปไกลแล้ว"

ถึงแม้ว่าฉันจะชอบเธอ แต่ฉันก็ไม่เคยคิดกับเธอแบบหนุ่มสาว

"นะ นะ นายบางทีอาจจะมีคนที่ชอบแล้วหรอ?"

"ไม่"

"เยี่ยม...ถ้างั้นฉันจะรอ! ฉันรอได้!"

"ไม่ นั่นมันกดดันนะ..."

เยอึนไม่สนใจในสิ่งที่ฉันพูดและมองฉันมาอย่างโล่งใจ เมื่อฉันได้มองไปที่เธอฉันก็รู้สึกเริ่มคันที่คอของฉัน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงสวยงามคนนี้จะชอบฉัน

แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับวันเวลาที่ฉันมีร่างกายเป็นกอลิล่า ฉันดูดีขึ้นมากในตอนนี้ แต่ว่าฉันก็เคยได้ยอมแพ้มันไปแล้วครั้งหนึ่งด้วยความคิดที่ว่า 'ในโลกนี้มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเดทโดยที่ไม่ต้องพิจารณารูปลักษณ์ภายนอก' เพียงเพราะใครบางคนพูดว่าเธอชอบฉัน ฉันก็เลยไม่สามารถจะพูดเพียงแค่ 'โอ้ จริงหรอ? ฉันก็คิดแบบนั้น' ได้

ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันอยู่ เหมือนฉันลอยอยู่ในหมู่เมฆ แม้ว่าฉันจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่สามารถจะยอมรับคำสารภาพของเธอได้

ดังนั้นฉันก็เลยให้ข้อเสนอกับเธอ

"ฉันไม่สามารถจะพูดอะไรที่เป็นประโยชประโยชน์ได้ แต่ว่านะเยอึน..."

"นะ นายต้องการจะให้เราเริ่มต้นในฐานะเพื่อนหรอ? แต่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว...."

"ไม่ใช่ มันไม่ใช่สิ่งแบบนั้นหรอก"

"แล้วแบบไหนหล่ะ!?"

"มันมีบางอย่างที่ฉันต้องการจะเสนอให้กับผู้ใช้พลังที่มีพรสวรรค์และมีความปรารถนาที่จะเอาชนะมอนสเตอร์"

"...?"

ฉันได้มองไปที่เยอึนที่ยืนนิ่งไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด จากนั้นก็พูดออกไปด้วยรอยยิ้

"เธอต้องการที่จะเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งหรือป่าว?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด