บทที่ 83 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (6)
บทที่ 83 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (6)
”
"กรี๊ดดดดดด!"
"ไพก้า! ริยู!"
ในเวลาที่ซัคคิวบัสได้กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งฉันก็ได้หลุดพ้นจากสถานะก่อนหน้านี้และได้ตะโกนชื่อไพก้าและริยูออกมา ทั้งสองคนได้ปรากฏตัวออกมาในทันที
"ก๊าซซซซซซซซ!"
[นายท่าน!]
[ท่านสบายดีมั๊ย? ท่านสบายดีหรือป่าว?]
"ก่อนที่ฉันจะเป็นอย่างนั้นช่วยดึงฉันออกไปจากเธอที!"
เมื่อสายของฉันได้หันออกมาจากซัคคิวบัส ฉันก็ได้ตะโกนออกมาจนสุดปอด ถึงแม้อย่างนั้นฉันจะต้องการขอความช่วยเหลือจากนักสำรวจดันเจี้ยนคนอื่นๆแต่เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาในทันที่มั๊ย และพวกเขาอาจจะถูกความกลัวครอบงำจากบอสแบบสิ้นเชิงอีกด้วย ฉันไสามารถจะตะโกนคำสั่งง่ายๆออกมาได้เลยหรือไม่ฉันก็ยังสามารถที่จะเรียกเพรูต้าจากการพิสูจน์แห่งไดฟิตได้อีกด้วย แต่ว่าฉันยังวางใจเรื่องความกลัวสุดขีดที่ฉันรู้สึก
ไพก้าและริยูดูเหมือนจะสังเหตุเห็นว่าฉันหมดหวังมากแค่ไหนในขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าไปหายซัคคิวยัสโดนไท้แท้แม้แต่จะตอบกลับฉัน ฉันไม่สามารถจะเข้าใจได้เลย ฉันไม่เข้าใจมัน
"กรี๊ดดด! นังสารเลว ฉันจะข้าแก! ปีกโลหิตดำ! ตัดเปลวเพลิง!"
[ศรน้ำแข็ง!]
[หอกสายฟ้า!]
สิ่งต่างๆนั้นได้ระเบิดออกมาและทำลายห้อง หลังจากนั้นชิ้นส่วนต่างๆก็พุ่งเข้ามาใส่ฉัน แม้ว่ามันจะมีเศษซากบินเข้ามาหาฉันแต่การโจมตีนี้ก็ไม่สามารถจะสร้างความเสียหายแก่ฉันได้มากนัก นักเรียนที่ถูกควบคุมโดนซัคคิวบัสก็อาจจะได้รับบาดเจ็บด้วยก็ได้ แต่ว่าฉันในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะกังวลกับพวกเขาได้
จากนั้นฉันก็ได้คิดถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อฉันกำลังจะยอมแพ้ เมื่อตอนนั้นฉันได้ยืนอยู่โดยที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย ฉันยังจำได้ดีว่าฉันรู้สึกหมดหนทาง
แต่ว่าในสถานการณ์นั้นเองพลังงานชีวิตของฉันได้ถูกดูด ตาของซัคคิวบัสก็เลยได้ถูกทำลาย อย่างไรก็ตามสำหรับนักเรียนคนอื่นๆทั้งหมดเป็นทำธรรมดา พวกเขาจึงไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย
ก่อนที่ดวงตาของซัคคิวบัสจะถูกทำลาย ซู เยอึนก็ได้ถอดฮูดออกด้วย มันหมายว่าว่าเธอสามารถทนเสนห์ของซัคคิวบัสได้มากกว่าฉัน ไม่ว่ายังไงก็ตามซู เยอึนไม่ได้อยู่ข้างๆฉันแล้วในตอนนี้ ในกรณีนี้มันมีคำตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ
คนที่ทำลายดวงตาของซัคคิวบัสก็คือซู เยอึน
ยังไงกันล่ะ!? เธอควรจะเป็นโรคกลัวมอนสเตอร์ไม่ใช่หรอกและถึงแม้ว่าเธอไม่ได้เป็นโรคนั้นแล้วเธอทำมันได้ยังไง? แน่นอนคำตอบมันก็ง่ายมากซู เยอึนไม่ได้เป็นโรคกลัวมอนสเตอร์และกลับกันความสามารถของเธอแข็งแกร่งพอที่จะทำให้เธอทำลายดวงตาของซัคคิวบัสได้ ความสามารถซ่อนตัวของเธอไม่เพียงแค่ซ่อนรูปลักษณ์ของเธอเท่านั้น มันยังซ่อนความสามารถของเธอเอาไว้อีกด้วย
"ทุกคนลุกขึ้น! ฆ่าเจ้าพวกนี้!"
ในตอนนั้นเสียงร้องของซัคคิวบัสก็ดังขึ้น ฉันได้ออกมาจากความคิดและเงยหน้าขึ้น นักเรียนรอบๆได้ลุกกันขึ้น
เวร ในสถานที่ๆมีทั้งสายฟ้า ไฟและน้ำแข็งลอยไปรอบๆ ชีวิตของพวกเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายเพียงแค่ลุกขึ้น! ไม่ว่ายังไงฉันจะทุกข์ทรมานกับสถานการรณ์นี้ยังไงฉันไม่สามารถจะยืนได้เลยและต้องมองดูนักเรียนเอาตัวเองเข้าไปในกองไฟ แต่ว่าอะไรกันที่ฉันจะทำได้ล่ะ? หลังจากฉันได้คิดพักหนึ่ง ฉันก็นึกได้ถึงวิธีหยุดพวกเขา
"กรี๊ดดดดดดดด!"
[คุณได้ใช้ทักษะเสียงกรีดร้องของวิญญาณพยาบาท ศัตรูทุกตัวในพื้นที่ติดอยู่ในสถานะสับสนและหวาดกลัว]
"อ๊ากกกก!"
"ฉันมองไม่เห็นหน้าฉันเลย"
"ฉันจะต้องทำตามคำสั่งของนายท่านให้เสร็จสิ้น"
"ฮี้! อย่าเข้ามานี่! หยุดนะ!"
แม้ว่าพวกเขาจะถูกควบคุมโดยซัคคิวบัส พวกเขาก็ยังคงมีความสามารถทางกายภาพเท่ากับนักเรียนปกติ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากทักษะนี้ พวกเขาก็ได้สู้กันเองหรือไม่ก็กลิ้งกันอยู่บนพื้น ฉันได้รีบจับพวกเขามาที่ละคนอย่างเร่งรีบและโยนพวกเขาออกไปจากห้อง ฉันได้กลิ่นเลือดไหลออกมาจากทางเดินอีกด้วย เธอฆ่าคนไปแล้วจริงๆ!
มันยังไม่มีใครติดต่อไปยังผู้พิทักษ์สินะ? ในตอนนี้ฉันได้คิดเกี่ยวกันเรื่องที่ไม่มีใครติดต่อไปหาพวกเขา! ซัคคิวบัสตนนี้ได้แทรกซึมเข้ามาตั้งแต่ช่วงเปิดภาคเรียน แถมเธอยังเป็นคนจัดการการแคมป์ด้วยตัวเองด้วย กล้องทั้งหมดจะต้องไม่ทำงานแน่ๆ
เสียงสายฟ้าได้ดังขึ้นผ่านประตูที่เปิดออกมา ความหนาวเย็นได้วิ่งผ่านหลังของฉัน ผู้หญิงคนนี้กำลังเรียกลูกน้องของเธอ! เพื่อที่จะใช้ช่องทางการสื่อสารของนักสำรวจดันเจี้ยนฉันได้ยกมือขึ้นป้องปาก ในขณะนั้นเอง...
"กรี๊ดดด! ตาฉัน ตาฉัน!"
[นายท่าน ผู้หญิงประหลาดนี้ได้ดึงตาทั้งสองข้างออกมาแล้ว! พลังเสน่ห์ของเธอได้หายไปแล้ว!]
[ผู้หญิงนั่นน่ากลัว น่ากลัว!]
ริยูและไพก้าได้ลอยกลับมาหาฉัน พลังเสน่ห์ของเธอได้หายไปหรอ? ฉันได้นึกย้อนไปถึงความรู้สึกหมดหนทางที่ฉันรู้สึก ฉันก็ได้หันไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง ที่นั่นฉันเห็นซู เยอึนเปิดเผยใบหน้าสวยกระพือผมสีดำและโจมตีซัคคิวบัสโลหิตอยู่ เธอได้หายตัวไปและกลับมาหลายคครั้งในขณะที่มือถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากเลือดของซัคคิวบัส
ดวงตาของซู เยอึนได้ส่องสว่างสีแดงออกมาไม่เหมือนกับปกติ เธอได้ใช้การซ่อนตัวเองจากซัคคิวบัสและจากนั้นก็โจมตีซัคคิวบัสด้วยเล็บของเธอ เมื่อซัคคิวบัสเปิดช่องว่าง เล็บของเธอนั้นชัดเจนเลยว่ามีมานาบรรจุเอาไว้อยู่ เล็บพวกนั้นมีออร่าสีแดง แม้วอย่างนั้นมันก็มีความป่าเถื่อนเพียงเล็กน้อย เธอดูปราดเปรียวและแข็งแรง
ส่วนสำหรับซัคคิวบัสโลหิต แม้ว่าในขณะที่เลือดไหลออกมาจากซอกตาเธอก็สามารถหาตำแหน่งของซู เยอึนและปล่อยเวทย์ไปใส่เธอ ตามที่คาดเลยมันสมกับเป็นบอสการจู่โจม! กำแพงได้ถูกทำลายและหน้าต่างทั้งหมดได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าหากมันจะมีอะไรแย่กว่านี้มันก็คงอาคารทั้งหลังพังลง
หลังจากการโจมตีของซัคคิวบัส ซู เยอึนก็ได้มีเลือดไหลออกมาตามเนื้อตัว แม้อย่างนั้นพลังโจมตีของเธอก็ยังแข็งแกร่ง แต่ว่าพลังป้องกันของเธอต่ำ ด้วยอัตรานี้พวกเขาทั้งคู่จะฆ่ากันและกัน เพราะว่าฉันรู้ว่าไม่ต้องกังวลในเรื่องพลังเสน่ห์อีกแล้ว ฉันก็ไม่สามารถยืนดูซู เยอึนถูกโจมตีได้อีกแล้ว
ฉันได้หยิบหอกดินดำออกมาจากช่องเก็บของ แม้ว่าฉันจะคิดว่่าจะใช้การพิสูจน์แห่งไดฟิคอยู่ครู่หนึ่ง แต่ว่าฉันได้โยนความคิดนี้ไปในทันที ฉันจะต้องกลัวอะไรอีก? ฉันจะต้องแก้แค้นมันด้วยมือของฉันเอง ฉันไม่ควรที่จะถอยไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉันรู้ว่าฉันแข็งแกร่งพอ!
"ไพก้า"
[เข้าใจแล้ว]
โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก ไพก้าได้เข้าไปในหอกของฉัน บางทีอาจจะเป็นเพราะซัคคิวบัสได้สัมผัสถึงความผันผวนทางมานา เธอได้ใช้ตาที่เต็มไปด้วยเลือดมองมาที่ฉัน มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองมาก
"ขอบคุณมากเยอึน ตอนนี้เธอไปพักได้แล้ว"
"อึก!"
ซู เยอึนได้ตกใจกับเสียงของฉัน จากนั้นเธอก็หดตัวกลับไป ฉันกังวลเกี่ยวกับสถานะทางจิตวิทยาของเธอจากการที่เธอเปลื่ยนไปอย่างฉับพลัน แต่ว่ามันก็ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นอะไร ในเวลาเดียวกันที่เยอึนถอยกลับไป ฉันก็ได้พรุ่งเข้าใส่ซัคคิวบัส
"แก!!!!"
ซัคคิวบัสได้ลังเลที่จะโจมตีระหว่างฉันหรือซู เยอึน แต่ในท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะโจมตคีคนที่พุ่งเข้ามาหาเธอ มันได้มีลูกไฟหลายลูกลอยตัวขึ้นบนอากาศและพุ่งเข้ามาทางฉัน ริยูได้ตะโกนขึ้นมา
[กำแพงน้ำแข็ง!]
แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นบอสระดับ B ที่เหมือนๆกัน แต่ว่ามันก็มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยระหว่างหมูป่าเหล็กยักษ์กับซัคคิวบัสโลหิต เมื่อได้รับมานาที่เพียงพอกำแพงน้ำแข็งของริยูก็แข็งแกร่งแม้ว่าหลังจากรับการโจมตีของซัคคิวบัสทั้งหมด
ในความจริงซัคคิวบัสที่ไม่มีพลังเสน่ห์ก็เหมือนกับเสือที่ไม่มีเขี้ยว เธอไม่มีอะไรที่จะทำให้ฉันต้องกลัวอีกต่อไป
ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ในพริบตาเดียวมันได้ทำให้ฉันไปอยู่เบื้องหน้าของซัคคิวบัส จากนั้นฉันก็เหวี่ยงหอกของฉันตัดปีกข้างหนึ่งของเธอ มันเป็นเพราะว่าปีกของเธอได้ส่งกลิ่นอายของพลังเสน่ห์ออกมา แม้ว่าพลังเสน่ห์ของเธอจะไม่แข็งแกร่งเท่าตาก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ต้องการที่จะทิ้งอะไรที่มีโอกาสทำอันตรายเอาไว้
"ก๊าซซซซ! ดะ เดี๋ยวก่อน!"
ในที่สุดซัคคิวบัสก็ดูเหมือนจะสังเหตุเห็นถึงความแข็งแกร่งของฉัน มอนสเตอร์โง่เขลาที่โจมตีโดยที่ไม่เข้าใจถึงความต่างของพลังก็จะต้องเสียชีวิต แต่ว่าซัคคิวบัสที่ซุ่งเคยมีชีวิตอยู้เหนือการต่อสู้เป็นตายกับซู เยอึนเมื่อไม่นานมานี้ได้หดตัวกลับไปเหมือนแมว
"เดี๋ยวก่อย เดี๋ยวก่อย ปล่อยให้ฉันรอดเถอะได้โปรด ฉะ ฉันจะมอบความภักดีของฉันให้ท่าน ฉันเป็นเพียงแค่ซัคคิวบัสที่ไม่ดี ผู้หญิงคนหนึ่งได้ข่มขู่ฉัน ถ้าท่านสามารถช่วยฉันจากเธอ ฉันก็สามารถจะมอบให้ท่านแม้แต่ร่างกายของฉัน..."
"ไม่จำเป็นหรอก!"
ฉันได้ขัดจังหวะเธอ ฉันไม่ต้องการที่จะเสียเวลาฟังเธออีกต่อไป ใครจะรู้กันล่ะถ้าเธอฟื้นตัวในระหว่างช่วงนั้นและไม่จัดการฉันหลังจากนั้น?
"ฉันแค่อยากจะมีชีวิตอยู่! ฉันจะจงรักภักดีต่อคุณดังนั้นโปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันจะไม่ฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วย! ฉันเพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นเพียงเล็กน้อยเพราะฉันได้ปรากฏตัวในโลกแบบนี้ ฉันขอโทษ ร่างกายของฉันจะมีประโยชน์อย่างมากเลยนะ!"
"ร่างกายของเธอ หือ?"
"ชะ ใช่แล้ว! เมื่อดวงตาของฉันได้ฟื้นคืนมา ฉันจจะให้บริการท่านด้วยความสวยความที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ ฉันจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ ดังนั้นได้โปรดให้ฉันรอดอยู่! ฉันจะเป็นทาสของท่าน!"
ซัคคิวมัสสามารถจะใช้รูปร่างของความสวยงามได้ทุกรูปแบบ ผู้ชายคนไหนกันที่จะไม่ถูกล่อลวงด้วยความสามารถนี้ได้? ข้อเสนอของเธอมันเป็นน่าดึงดูดใจและเธอก็ได้เลือกเอาคำพูดมาได้ดี
อย่างไรก็ตามเธอเลือกศัตรูผิด
"ถ้างั้นแล้วใครจะเป็นคนชดใช้ให้กับคนที่เสียชีวิต
"ชดใช้? ท่านกำลังพูดถึงอะไร..."
"บาย"
"เดี๋ย--"
ฉันได้ตัดหัวของเธอโดยปราศจากความลังเลใจด้วยหอกดินดำที่ซึ่งฉันได้บรรจุมานาเอาไว้ในขณะที่รอ คอของเธอได้ถูกตัดออกมาอย่างง่ายดาย ฉันได้จับหัวของเธอเอาไว้ซึ่งมันได้ลอยขึ้นไป ในตอนนี้ที่เธอตาย เธอนั่นดูจริงๆแล้วไม่มีอะไรเลย ฉันได้กลายเป็นหงุดหงิดเมื่อตระหนักว่าฉันเกือบจะตายไปจากเสน่ห์ของเธอแบบง่ายดาย
ในเวลาเดียวกันที่ซัคคิวบัสตายไป นักเรียนที่กลิ้งไปกับพื้นก็หยุดเคลื่อนไหว พวกเขาไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเธออีกแล้วและเป็นลมไป
ในช่วงเวลาต่อมาเสียงข้อความก็ดังขึ้น
[เหตุการณ์การจู่โจมสำเร็จ! ด้วยสมาชิกเพียงคนเดียวในการจัดการเหตุการณ์การจู่โจมเพียงลำพัง! นี้มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหย่เพิ่มรางวัลจำนวนมหาศาล! ระดับของคุณเหนือกว่าของบอสโดยสิ้นเชิงลดรางวัลจำนวนมหาศาล!]
[คุณได้เคลียร์เหตุการณ์การจู่โจมสำเร็จและได้รับแต้มสเตตัส 1 แต้มเป็นรางวัล]
[คุณได้รับต่างหูซัคคิวบัสโลหิต]
ฉันได้ทิ้งข้อความเอาไว้เบื้อหลังและจากนั้นก็หันกลับไปมองที่ซู เยอึน เธอกำลังมองมาที่ฉันอย่างมึนงง จากนั้นเมื่อระหนักได้ว่าฉันกำลังจ้องเธออยู่ เธอก็หายจากการมึนงง เธอได้จับมือของเธอและเห็นเลือดบนนั้น ริมฝีปากและมือของเธอได้เริ่มสั่นซึ่งจากนั้นมันก็ได้กระจายไปทั่วร่างของเธอ มันเป็นอาการที่ทำให้ฉันสงสัยว่าเธอเป็นโรคกลัวมอนสเตอร์
"มะ ไม่ ชิน"
"หืม?"
"มะ มันไม่ใช่ฉัน มะ มันไม่ใช่ ดังนั้นอย่ากลัวไปเลยนะ"
"กลัว....?"
หลังจากที่ฉันได้ยินแบบนี้ ฉันก็ได้เริ่มเข้าใจเหตุผลจริงๆที่เธอสั่นเมื่ออยู่ต่อหน้ามอนสเตอร์
เธอไม่ได้กลัวมอนสเตอร์ เธอเพียงแค่กลัวตัวเองที่กลายเป็นคนโหดร้ายเมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์และเธอกลัวคนอื่นๆที่จะกลัวเธอหลังจากที่เห็นเธอแบบนั้น
ฉันได้ตอบกลับไปทันที
"เธอหมายถึงกลัวอะไร? เธอน่ะเจ๋งจริงๆเลยนะ นอกจากนี้ฉันก็เป็นคนจัดการตัดหัวของซัคคิวบัส ทำไมฉันจะต้องกลัวเธอสำหรับสิ่งที่เธอทำแบบนั้น?"
ฉันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะคำพูดของฉันอาจจะไม่สามารถช่วยให้เธอสบายใจได้มากนัก
อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าจะใช้ได้ในขณะที่การสั่นของซู เยอึนได้เริ่มอ่อนลง ดวงของเธอซึ่งส่องแสงสีแดงก็ได้ใหญ่ขึ้น
"จะ เจ๋ง? ฉันไม่ได้น่ากลัวหรอ?W
"ใช่แล้ว เจ๋งสุดๆเลยล่ะ เหมือนกับนักรบหญิงเลย อา ฉันยังอยากจะแนะนำให้เธอใช้อาวุธ..."
"...จะ จริงหรอ? ฉันเจ๋งหรอ?"
"ใช่สิ"
ฉันได้หยักหน้าโดยไม่ลังเลใจใดๆ ตั้งแต่ที่ฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกอย่างตรงไปตรงมามันก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บอะไรไว้ ซู เยอึนได้ช่วยฉันเอาไว้เมื่อฉันกำลังจะตาย ถ้าฉันเป็นผู้หญิงฉันคงจะใจละลายไปกับเธออย่างแน่นอน
ซู เยอึนได้ร้องหายออกมาโดยที่ไม่ส่งสัญญาณใดๆออกมาเลย
"ฮิค ฮิค ..."
"อ่า เฮ้ อะไร ทำไม ฉันทำอะไรผิดหรอ"
"ฮิค ฮือออออออออ"
เธอได้วิ่งเข้ามากอดฉันไว้และร้องไห้ออกมา มันดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้ทำอะไรผิด ในความจริงมันอาจจะตรงกันข้ามกัน
ฉันดีใจมากที่เธอสามารถจะปลดภาระบางอย่างในหัวใจเธอได้ แต่ฉันยังคงหงุดหงิดอยู่เพราะว่าฉันไม่สามารถจะทำอะไรให้เธอหยุดร้องไห้ได้ นักเรียนในตึกคนอื่นๆจะต้องรู้ในทันที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ถ้าพวกเราต้องการจะหลีกเลี่ยงการถูกพบ พวกเราจะต้องหนีไปในเร็วๆนี้...
นี้มันไม่มีทางเลือกอื่นใด อย่างแรกฉันได้เรียกไพก้าและให้คำสั่งพิเศษกับเธอไปพร้อมทั้งมอบมานาไปด้วย หลังจากไพก้าได้ออกไปจากห้อง ฉันก็ได้วางมือลงบนไหล่ของเธอและปลอบเธอ
"นี่ๆ ซู เยอึนอย่าร้องนะ ฉันไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในอดีด แต่ว่าอย่างแรกเรามาหลบหนีและกำจัดหลักฐานที่น่ารังเกียจนี้ก่อนดีมั๊ย?W
"ฮิค นายเรียกฉันอย่างใกล้ชินในก่อนหน้านี้เพียงแค่เยอึน..."
คนอังกฤษ ชาวลูก้าหรือชาวเกาหลี ทำไมพวกเขาจะต้องสนใจเรื่องชื่อกันด้วยนะ
"เอาล่ะเยอึน ไม่ต้องร้องอีกแล้ว มาทำความสะอาดและไปพักผ่อนกันดีกว่า โอเคนะ?"
"ฮิค ฮิค ฮือออออ!"
มันดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาซักพักก่อนที่เธอจะหยุดร้องไห้ ฉันได้ลูบหัวซู เยอึน...เยอึนที่ร้องไห้ในอ้อมกอดของฉันและเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านหน้าต่างที่พังไป ดวงจันทร์แฝดก็ยังสว่างไสวในคืนนี้แบบผิดปกติ
มันเกือบเหมือนจะส่งสัญญาณมาว่าโลกนี้กำลังมีการเปลื่ยนแปลง
เกือบเหมือนจะบอกว่ามันยังมีเวลาอยู่อีกก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น