บทที่ 82 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (5)
บทที่ 82 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (5)
”
'แคมป์มันไม่ได้มีอะรที่พิเศษเลย!' นั่นมันก็คือสิ่งที่ฉันรู้สึก ฉันเพียงแค่ได้ฟังอาจารย์บ่นๆให้ฟังและคน 400 คนก็ได้ถูกแยกกันออกเป็น 20 กลุ่ม กลุ่มเหล่านี้ถูกเลือกว่าคลาสและมันดูเหมือนว่าคลาสเหล่านี้จะถูกจัดขึ้นในงานปาตี้เปิดภาคเรียน
"เธอรู้เรื่องนี้มัย?"
"ไม่เลย"
เวร พวกเขาได้จัดกลุ่มแบบนี้กันตั้งแต่ที่เริ่มเรียน....เมื่อมองไปที่เหล่าคนที่แยกออกมาจากคลาส พวกเราดูน่าสงสารมาก แน่นอนว่าพวกเราไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเปิดภาคเรียน เพราะอย่างนั้นด้วยความช่วยเหลือจากรุ่นพี่พวกเราก็สามารถจะเข้าไปร่วมคลาสได้ จากคนในคลาสทั้ง 20 คน ฉันและซู เยอึนได้อยู่คลาสเดียวกัน
"...เฮะๆ พวกเราอยู่คลาสเดียวกัน"
"อ่า คังชินอยู่ในคลาส"
"เวร"
"...ซู เยอึนก็ยังตามเขามาแม้แต่ที่นี่"
จากนั่นพวกเราก็ได้ย่างเนื้อบางส่วนและเฝ้ามองคนอื่นๆในคลาสได้โชว์ความสามารถที่เตรียมตัวกันไว้ แน่นอนฉันก็ยังคงโคจรวงจรเพรูต้าต่อไป ฉันได้ตระหนักว่าฉันไม่เหมาะสำหรับชีวิตมหาลัย ในคนยี่สิบคนมีเนื้อย่างเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น และฉันได้มองดูพวกมือสมัครเล่นเต้นรำกันไว้มันได้ทำให้ฉันต้องการที่จะโชว์สเตปของฉัน
หลังจากนั่นเมื่อพวกเขกลับเข้าห้องพวกเขาก็ได้เล่นเกมดื่มกัน คนอื่นๆในห้องก็ได้มาขอให้ฉันไปเล่นเกมดื่มอีกด้วย แต่ว่าฉันเบื่อกับมันภายใน 17 นาที ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจะต้องเล่นเกมเพื่อดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าพวกเขาเล่นดื่มกันไปเรื่อยๆแบบนี้มันไม่ดี นั่นมันควรจะดื่มกันแบบขวดจะดีกว่านะคนอื่นๆในห้องก็ได้มาขอให้ฉันไปเล่นเกมดื่มอีกด้วย แต่ว่าฉันเบื่อกับมันภายใน 17 นาที ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจะต้องเล่นเกมเพื่อดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าพวกเขาเล่นดื่มกันไปเรื่อยๆแบบนี้มันไม่ดี นั่นมันควรจะดื่มกันแบบขวดจะดีกว่านะ!
ตามที่ฉันคิดเอาไว้เลยชีวิตมหาลัยมันไม่เหมาะกับฉันจริงๆ แม้ว่ามันจะมีอะไรที่มากกว่านี้ ฉันก็มีความสึกว่ามันมีบางสิ่งที่มันขาดหายไปซึ่งมันไม่เหมาะกับฉัน
"ครั้งต่อไป ฉันจะไม่มาแน่"
"ทำไมล่ะ!? ไปเข้าแคมป์ด้วยกันเพียงแค่คลาสของเขามันสนุกนะ!"
หญิงสาวที่ได้ดื่มเหล้าใกล้ๆได้เดินเข้ามาหาฉัน คลาสแคมป์งั้นหรอ? ฉันได้มองไปรอบๆมีคนอยู่ 18 คนนอกเหนือไปจากซู เยอึนและฉัน มีชาวจีนอยู่สองคน ทั้งคู่เป็นผู้ชายและได้พูดคุยกับผู้หญิงด้วยความตั้งใจที่เห็นได้ชัดเจน ซู เยอึนได้กรีดร้องออกมาและมาหลบซ่อนอยู่ข้างหลังฉันทำให้พวกเขาจ้องมาที่ฉัน
จากนั้นพวกคนอื่นๆ ชายและหญิงต่างได้มองหน้ากันแล้วกันราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะเลิกกัน กลุ่มผู้ชายก็ได้วางแผนที่จะไปหาผู้หญิงในห้องอื่นๆ และก็ผู้ผู้หญิงที่แปลกประหลาดเอาแต่ชวนให้ฉันดื่มเหล้าให้มากขึ้น ฉันรู้สึกสงสัยว่าพวกเขาได้รู้ตัวตนของฉันและกำลังพยายามจะคุกคามฉันหรือป่าว ฉันกลายเป็นสงสัยว่าฉันคิดถูกหรือป่าวที่มาแคมป์ครั้งนี้กับพวกเขา? ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆ
หลังจากที่แพ้เกมส์ไปหลายรอบและดื่มเครื่องดื่มไปหลายครั้ง ซู เยอึนก็ได้เกาะติดหลังของฉันด้วยคิ้วที่ขมวด แน่นอนว่าฉันใช้สายตามองไปที่ผู้ชายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าซู เยอึนจะสวมใส่ชุดคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ แต่มันก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้ว่าเธอนั้นน่ารักมากขนาดไหน
"เฮ้ชิน"
"อ่า ว่าไง...ไอนะ"
ฉันแทบจะจำชื่อของผู้หญิงที่เรียกฉันไม่ได้ พวกเราได้ดื่มด้วยกันหลังจากที่ซู เยอึนได้เมาไปจนหยุดดื่มไป และหลังจากนั้นทุกคนก็ได้มานั่งล้อมกันเป็นวงกลมและเริ่มพูดสิ่งที่มันน่าสนใจที่เกิดขึ้นในช่วงเทอมแรกเช่นเรื่องซุบซิบโดยทั่วไปหรือไม่ก็เรื่องราวชื่อเสียงของผู้พิทักษ์หรือไม่ก็ปีกแห่งเสรี
สมาชิกของผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีที่ยังหนุ่มและดูดีพวกเขาได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงผ่านการปรากฏตัวในทีวีโดยไม่สนใจในความสามารถของพวกเขา ฉันยังสงสัยอีกเลยว่ารัฐบาลจะเอารายการการล่ามอนสเตอร์มาฉายด้วยหรือป่าว
"จริงๆแล้วนายแคบกับซู เยอึนหรอ?"
หญิงสาวได้ชี้ไปที่ซู เยอึนที่อยู่ข้างหลังของฉัน เธอได้เกาะหลังของฉันเอาไว้เหมือนกับคนสล็อตและหลับลงไป เธอไม่รู้จักความอายเลยงั้นหรอ
"ไม่อะ พวกเราเป็นเพื่อนกัน"
"แต่ว่าเยอึนชอบนายนิ"
"เธอเพิ่งแค่ไม่กล้าไม่กล้าไปหาเพื่อนคนอื่นนอกจากฉันเท่านั้นเอง"
"มันไม่ได้เป็นแบบนั้นสินะ...."
หญิงสาวคนนั้นได้ถอนหายใจออกมาและมองไปที่ซู เยอึนด้วยความสงสาร จากนั้นหญิงสาวที่ชื่อไอนะก็ถามออกมา
"ถ้างั้น...นายก็ยังไม่มีแฟน?"
"โอ้!"
"ถามออกไปแล้ว!"
"ลุยเลยๆ!"
เด็กผู้หญิงที่อยู่รอบๆฉันได้ส่งเสียงดังขึ้น ไพก้าแล้วริยูที่นั่งอยู่บ่นไหล่ขงฉันก็ได้ส่งเสียงคำรามขู่ออกมา ด้วยความคิดที่ว่าฉันจะดื่มอยู่อีกซักหน่อย ฉันก็ได้อัญเชิญพวกเขากลับไป จากนั้นก็ตอบคำถาม
"ไม่มีอะ"
"โอ้!"
"เขาบอกว่าเขาไม่มีล่ะ!"
ในขณะที่คนอื่นๆกำลังพูดกันอย่างตื่นเต้น ฉันก็รู้สึกได้ถึงกลื่นบางอย่างแปลกๆ ฉันได้ยกแก้วที่ฉันกำลังจะดื่มขึ้นมามันเป็นเพียงวิสกี้ปกติ กลิ่นเหม็นมันมาจากไหนกัน? มันมีกลิ่นที่เหมือนกับเหล็กเล็กน้อย ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับมันแน่นอน มันคือ...
มันเป็นกลิ่นของเลือด
ฉันได้ค่อยๆลุกขึ้นยืน คนอื่นๆได้มองตรงมาที่ฉัน แต่ว่าฉันไม่ได้สนใจอะไร ซู เยอึนก็ยังลุกขึ้นในนขณะที่ขยี้ตาของเธอ
"หืมมีอะไรหรอชิน? ฉันอยู่ที่บ้านหรอ?"
"ทำไมฉันถึงจะไปอยู่บ้านของเธอล่ะ? ถ้าเธอตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าซะ"
ในขณะที่ซู เยอึนไม่ต้องการที่จะแยกไปจากฉัน ฉันก็ได้ยกเธอไว้บนหลังของฉันในขณะที่เดินไปทางหน้าต่างและเปิดมัน ด้านนอกมันยังคงเงียบสงบ ไม่สิ ทันใดนั้นความสงบก็ได้ถูกทำลายลงไปด้วยกลิ่นสารเคมีในขณะที่พลุไฟได้ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า มันดูเหมือนว่าคนในคลาสอื่นๆจะเล่นพลุไฟกัน แต่ไม่ว่ายังไงที่ฉันรู้สึกว่ามีมอนสเตอร์ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกล่ะ ฉันคิดผิดหรอ?
จากนั้นประตูก็ได้เปิดออก เมื่อฉันหันไปมอง คนที่มาก็คือนักเรียนชาวฝรั่งเศษและนักเรียนฉายอีกหลายคนได้ตามเธอมาด้วย
"อึก นั่นโคลอี้"
"นั่นมันโคลอี้ แบรนซ์"
คนที่วางแผนที่จะไปที่ห้องอื่นได้หยุดลงและกลับไปนั่งอย่างเงียบๆ จากนั้นโคลอี้ แบรนซ์ก็ได้เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม
"พวกเรามารวมกันมั๊ย?"
เธอสามารถจะพูดภาษาเกาหลีได้ชัดแจ๋ว แน่นอนว่าไม่มีใครเลยที่ปฏิเสธคำขอนี้ และโคลอี้้ แบรนซ์ได้เข้ามาร่วมกับพวกเราอย่างเป็นธรรมชาติ
ในขณะเดียวกันนั้นซู เยอึนก็เริ่มสั่นและกระซิบฉัน
"ฉะ ฉันไม่ชอบเธอเลย"
"หยาบคายอะไรแบบนี้ พวกเราไม่เคยพบกันมาก่อนเลยนะ นอกจากนี้เธอไม่ควรพูดมันในขณะที่กอดผู้ชายอย่างร้อนแรงนะ"
แน่นอนว่าเธอได้ยินมันเป็นอย่างดี ซู เยอึนได้ตกใจและติดหนึบอยู่กับฉัน พวกผู้ชายก็ได้เริ่มบ่นขึ้นมาและแบรนซ์ก็ได้หยักไหล่ของเธอ
"ฉันโคลอี้ แบรนซ์ นายชื่ออะไร?"
คนในห้องก็ได้แนะนำตัวกันออกมา หลังจากรอจนพวกเขาพูดจบ แบรนซ์ก็หันมามองฉัน ฉันก็เลยได้ตอบไปสั้นๆ
"คังชิน"
"ชิน! เป็นชื่อที่เจ๋งมาก มันช่างเข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาของนายจริงๆ"
"ฉันก็สามารถจะพูดแบบเดียวกันกับเธอได้"
"คำพูดนั้นไร้ความหมาย แต่ฉันยินดีจะมอบให้"
เพียงแค่การปรากฏตัวของเธอมันก็ได้ทำให้บรรยากาศดีขึ้น คนที่มองมาที่ซู เยอึนก็ได้เปลื่ยนเป้าหมายเป็นเป็นโคลอี้ แบรนซ์แทน แต่ว่าสำหรับฉันมันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะว่าสายต่อของเธอได้มองมาที่ฉัน เด็กผู้หญิงคนอื่นก็ยังหงุดหงิดอีกด้วย
"เธอมีผู้ชายคนอื่นๆเป็นโขยง ทำไมกัน...?"
"อ๊ากกน่ารำคาญ"
ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะออกมาเพราะได้มีผู้ชายเข้ามาอีกทำให้ห้องเต็ม พื้นที่ของพวกเราได้กลายเป็นแออัดพอดี แม้ว่าพวกเขาจะต้องการพลัดเปลื่ยนสมาชิก แต่ก็ไม่มีใครยอมรับมัน ในทางกลับกันฉันนั้นต้องการอากาศบริสุทธิ เมื่อฉันได้ลุกขึ้นโคลอี้ แบรนซ์ก็ได้หยุดฉันไว้
"นายจะไปไหนชิน? ฉันจะไปกับนายด้วย ฉันต้องการจะคุยกับนายให้มากขึ้น"
ฉันได้นั่งกลับลงไป นักเรียนชายคนอื่นๆก็ได้จ้องมาที่ฉันด้วยความเป็นศัตรูมากขึ้น นักเรียนแลกเปลื่ยนคนนี้ต้องการอะไรจากฉันกัน? ในขณะที่ฉันสงสัยซู เยอึนก็ได้ตัวสั่นขึ้นมา หลังจากดื่มกันไปที่ไม่นาน ในที่สุดฉันก็ถามเธอตรงๆ
"โคลอี้ แบรนซ์ เป้าหมายของเธอคืออะไร?"
เธอได้ลังเลเล็กน้อยจากนั้นก็มองไปรอบๆห้อง ตามสายตาของเธอฉันก็ได้มองไปรอบๆห้องเช่นกัน นักเรียนส่วนใหญ่ได้นอนกลับลงไปบนพื้นหรือไม่ก็มีอาการตัวพร่า ราวกับว่าพวกเขาถูกทำให้เป็นซอมบี้คล้ายกับมีคนทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น
จากนั้นเธอก็ตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา
"ฉันต้องการจะฆ่านายและเอาพลังงานชีวิตของนายมาชิน"
เธอได้หลับตาลงไปและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง การกระทำของเธอมันได้แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่มนุษย์
เวร! ฉันรู้ว่าเธอได้วางแผนอะไรบางอย่างไว้ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอเป็นมอนสเตอร์! ซู เยอึนได้สั่นมากยิ่งขึ้นเมื่อตระหนักได้ว่าคนข้างหน้าเธอเป็นมอนสเตอร์ ซู เยอึนได้เปิดโหมดการสั่นสะเทือนที่สูงสุดของเธออ
"นายไม่สามารถจะหนีไปได้ นายคิดว่าฉันแค่ดื่มเพียงเพื่อสนุกงั้นหรอ? ฉันได้จับทุกคนในห้องไว้แล้ว"
ด้วยเหตุนี้โคลอี้ แบรนซ์จึงยกมือขึ้นอย่างสง่างาม หญิงสาวคนหนึ่งได้มองได้มองอย่างพร่ามัวมาที่แก้วในมือของเธอ เธอได้ทำความเคารพมันด้วยสองมือ
"มันสายเกินไปสำหรับนายแล้วชิน"
เธอได้ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ ฉันสามารถจะได้ยินเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดเพราะปีกสีดำบนหลังของเธอกางออกมาได้ มันดูเหมือนกับปีกของนกขนาดใหญ่ จากนั้นเธอก็ได้เปิดปากของเธอขึ้นในขณะที่มีแแสงสีทองออกมาจากดวงตา
"ฉันจะแนะนำตัวเองอีกครั้งนะ ฉันไม่ได้ชื่อโคลอี้ แบรนซ์หรอก แม้ว่าฉันจะมาจากประเทศที่มนุษย์เรียกว่าฝรั่งเศสก็ตามที ฉันเป็น 'ซัคคิวบัสโลหิต' ซึ่งเป็นเจ้าของดันเจี้ยนในฝรั่งเศส
[เหตุการการจู่โจมได้แตกออก! การจู่โจมของชาย 20 คน ระดับ B 'ซัคคิวบัสโลหิต' เพราะคุณได้อยู่ในตำแหน่งที่มีบอสของการจู่โจมอยู่ คุณได้ถูกบังคับให้เข้าร่วม]
[คุณจะต้องจัดลำดับความสำคัญของเหตุการการจู่โจมให้ได้ หากไม่ต้องการจะเปิดเผยการดำรงอยู่ของมัน นักสำรวจดันเจี้ยนคนอื่นๆจะไม่ได้รับการแจ้งเตือน 1 ชม. นับแต่ตอนนี้]
ฉันได้กัดฟันแน่น ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอดูเหมือนจะมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ ซัคคิวบัสเป็นมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในความฝันของผู้ชายและกินพลังงานชีวิตของเหล่าผู้ชาย ซัคคิวบัสด้านหน้าของฉันเธอมีความสามารถทางด้านเสน่ห์ที่น่ากลัวไม่ว่าจะเป็นชายหรือผู้หญิง
แม้ว่าเธอจะเป็นบอสของระดับ B แต่ความสามารถพิเศษของเธอจะต้องน่ากลัวกว่านั้นอย่างแน่นอน ฉันได้ตกอยู่ภายใต้ผลพิเศษของเธอ ก่อนที่มันจะสายเกินไปฉันจะต้องใช้วอคลาย....!
"อึก ฉันใช้มันไปแล้ว...!"
ฉันได้ใช้วอคลายไปกับการต่อสู้กับดูลาฮานในตอนเช้า ไม่เพียงเท่านั้นแต่ฉันยังได้ใช้ระเบิดสายฟ้าทมิฬ ผิวมังกร และไม่ยอมตายออกไปอีกด้วย ถ้าหากฉันไม่สามารถจะแก้ปัญหาของมันได้ ฉันก็อาจจะต้องตายจริงๆ!
ฉันจะต้องหลบหนี นั่นเป็นทางเดียวที่ฉันจะรอดได้! ฉันได้พยายามที่จะเปิดใช้งานทักษะย้อนกลับ แต่ว่ามันไม่ทำงาน สัญชาตญาณของฉันมันไม่ต้องการให้ฉันออกไป ฉันไม่ต้องการที่จะแยกจากเธอ ฉันไม่อยากจะอยู่ไกลจากเธอแม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันจะต้องตาย! ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ฉันก็ไม่สามารถที่จะทำให้นักสำรวจคนอื่นรู้ได้ ย้อนกลับ อัญเชิญธาตุ การพิสูจน์ไดฟิค และแม้แต่เข้าไปในดันเจี้ยน เสน่ห์ของเธอมันมากพอที่จะป้องกันไม่ให้ฉันทำอะไรได้เลย
ฉันได้กัดฉันของฉันในขณะที่ถามออกไปในตอนที่ยังพูดได้อย่างอิสระ
"เกตที่ฝรั่งเศสควรจะหายไปแล้ว!"
"ถูกแล้ว แต่ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม? เมื่อฉันได้ตื่นขึ้นมาในปารีส โชคไม่ดีที่ชื่อเก่าของฉันมันน่ากลัวแถมยังถูกไล่ล่าอีกด้วย ดังนั้นฉันก็เลยต้องหนีมา ฉันได้เข้ามาถึงสนามบินและแอบขึ้นเครื่องบินหนีมาที่นี่ จากนั้นเมื่อฉันได้ตระเวนไปอย่างไร้จุดหมายฉันก็ได้พบกับโคลอี้ เธอได้ให้ทั้งความรู้ ร่างกายและการดำรงอยู่ของเธอแก่ฉัน เธอเป็นเด็กที่ดี
ในที่สุดฉันก็เข้าใจความหมายของคำว่าเพิ่มโอกาสในการเปลื่ยนเป็นเหตุการการจู่โจมเมื่อเหตุการดันเจี้ยนหายไป
ในปัจจุบันนี้ โลกอาจจะเต็มไปด้วยบอสที่หลบหนีจากดันเจี้ยนของเขาเมื่อดันเจี้ยนได้หายไป! แต่ว่ามันจะแล้วแต่ลักษณะนิสัยของพวกเขาว่าจะปรากฏตัวขึ้นมาในทันทีที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนหายไปหรือว่าพวกเขาจะหลบซ่อนตัวในหมู่มนุษย์ เหมือนอย่างซัคคิวบัสโลหิตที่ฉันเห็นอยู่นี้
"ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นมอนสเตอร์เลยนะเนี่ย!"
"สิ่งที่นายหมายถึงมอนสเตอร์ชมันน่าหยาบคายมากเลยนะ มองมาที่ฉันสิฉันไม่สวยงั้นหรอ? ส่วนไหนของฉันกันที่เป็นมอนสเตอร์?"
"ส่วนไหน...อึก...ก็ที่ๆเธอฆ่ามนุษย์ไง เธอก็ได้ฆ่ามันไปแล้วในวันนี้เหมือนกัน ใช่มั๊ย?"
"โอ้? แต่มนุษย์ก็ฆ่ามนุษย์คนอื่นๆตายเหมือนกันนะ นายไม่ควรที่จะเรียกฉันว่ามอนสเตอร์เพียงเพราะสิ่งนั้น เป็นชายที่ไร้มารยาทอะไรแบบนี้ แต่ว่านายไม่ผิดหรอก ฉันรู้ ฉันจะได้ควบคุมห้องที่ห้า หลังจากทั้งหมดนี้ วันนี้มันจะเป็นวันสุดท้ายของฉันในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ฉันต้องการที่จะกลืนกลินพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ภายในคืนนี้ และความจริงก็คือนายเป็นอาหารจานหลักของคืนนี้อีกด้วย"
เธอได้ลุกขึ้นยืนและปาแก้วทิ้งไป เธอได้เดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ จังเธอได้ส่องประกายความชั่วร้ายและเสน่ห์ออกมา
"มานาที่บริสุทธิ์และมานาที่ไม่จำกัดของนาย มันจะเป็นดึงดูกมากเกินไป นายรู้มั๊ย ฉันเป็นหนึ่งในผู้ที่วางแผนแคมป์ในครั้งนี้"
เมื่อสายตาของฉันได้สบกับของเธอ ฉันก็ไม่สามารถจะขยับได้เลย โดยปราศจากวอคลาย ฉันไร้ซึ่งพลังในการต่อต้านสถานะดังกล่าวนี้ ฉันควรที่จะตระหนักถึงมันให้เร็วกว่านี้เพื่อที่ฉันจะได้วางแผนไว้สำหรับมัน! ฉันได้พึ่งพาทักษะของบอสจนมากเกินไปแล้วและนี่ก็เป็นผลของมัน ฉันได้รู้สึกอับอายในตัวเองเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ตระหนักว่าอาการสั่นของซู เยอึนได้หยุดลงไปแล้ว ในตอนนี้เธอได้บ่นกับตัวเอง
"ฉัน กะกลัว...แต่ว่า..."
"เธอยังอยู่หรอ ฉันก็จะกินเธอเหมือนกัน หลังจากที่ฉันกินชินเสร็จแล้ว"
"ถะ ถ้าฉันไม่ทำมัน...ฉันจะตาย...ชินก็จะ...ตาย..."
เพื่อที่จะปกป้องซู เยอึน ฉันได้พยายามที่จะคิดหาทางแก้ไขอยากมาก ฉันจะหลุดพ้นจากเสน่ห์ของเธอได้ยังไงกัน? ถ้าฉันสามารถจะหลบมันได้สักแปปนึง ฉันก็จะสามารถฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆได้
อย่างไรก็ตามเสียงสีขาวก็ยังปั่นป่วนอยู่ในหัวของฉัน มันได้ทำให้ฉันไม่อาจต้านทานเสน่ของเธอได้ วิธีการใดกันที่ฉันตะสามารถใช้มันแยกออกไปจากเธอ แต่ว่าตัวฉันเองกลับปฏิเสธมัน
ใช่แล้ว เธอเป็นทุกอย่างสำหรับฉัน การแนกจากเธอมันเป็นเพียงความหมายเล็กน้อย ถ้าเธอต้องการฉันสามารถจะให้ได้แม้แต่ชีวิตของฉัน ดังนั้นทำไมฉันจะต้องต่อต้านด้วยล่ะ?
ฉันได้ยิ้มออกมา ซัคคิวบัสก็ยิ้มเช่นกัน ดวงตาของเธอได้เปิดกว้างและเปล่งแสงสีทองสดใส ฉันรู้สึกเหมือนลืมตัวตนและจมไปกลับมัน
ในเวลานั้นเองซู เยอึนก็ได้ก้าวเข้ามาเบื้องหน้าฉันและยกมือของเธอขึ้น เธอได้ถอดฮูดของเธอออกไปซึ่งสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้ปรากฏออกมา ผมยาวสลวยสีท้องฟ้ายามกลางคืนดำม่วงเหมือนกับท้องทะเล
จากนั้นเองตาซ้ายของซัคคิวบัสโลหิตก็ได้ถูกทำลาย