บทที่ 81 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (4)
บทที่ 81 - ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (4)
”
[ดูลาฮานได้ใช้การระเบิดออก]
"กึก!"
มันไม่ใช่การล้อเล่น ฉันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะตายไป มันไม่มีทางที่จะหลบสิ่งนี้ได้เลย เศษหินได้เข้ามาโดนฉันในทุกๆก้อน เพียงเพราะว่าดูลาฮานได้เหวี่ยงขวานใส่พื้น เศษหินก็ได้เริ่มลอยเข้ามาหาฉันเหมือนกับสะเก็ตระเบิด ถ้าฉันไม่ได้ใช้ผิวมังกรละก็ฉันจะต้องตายแน่ๆ ในระหว่างนั้นฉันก็ขยับตัวช้าๆขากผิวมังกร ฉันได้หยิบเอาโพชั่นพลังชีวิตขึ้นมาและดื่มมัน
[นายท่าน มานา!]
[ฉันไม่สามารถใช้ดำแพงน้ำแข็งได้!]
"คอนนี้ฉันไม่สามารถฟื้นฟูมานาของฉันได้ ฉันเพียงแค่จะต้องอดทนไว้"
ถึงแม้ว่าฉันจะตัดสินใจที่จะรักษาตัวเองจนกว่าทักษะของเขาจะสิ้นสุด แต่มันก็ได้กินเวลานานทีเดียว ฉันได้กัดฟันและขยับร่างกายอย่างช้า นี่มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะหนีจากสถานการณ์แบบนี้
"ฉันพบมันแล้ว เวยเอ้ย!"
แม้ว่าในขณะที่ฉันโดนโจมตีด้วยเศษหิน ฉันก็ได้พบกับหัวของดูลาฮานกลิ้งอยู่บนพื้น ทักษะที่น่าสะพรึงกลัวนี้ของเขาดูเหมือนจะเป็นกลไกในการป้องกันไม่ให้ใครมาโจมตีหัวของเขาเมื่อถูกแยกออกไปจากร่าง แม้ว่าฉันจะต้องกัดฟันจากผลลัพธ์การกระทำที่โหดร้ายนี้ แต่ฉันจะต้องทำลายหัวของเขาเพื่อจบสถานการณ์นี้
"ตายซะ!"
ฉันได้ใส่มานาที่น้อยนิดลงไปในหอกของฉันและแทงมันออกไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามหัวของเขาได้เป็นรูเพียงเล็กน้อยเท่านั้นราวกับว่ามันทำมาจากเหล็ก จากนั้นฉันก็ได้ตรวจสอบพลังชีวิตและมานา ต้องขอบคุณผิวมังกรที่ทำให้ฉันมีพลังชีวิตเหลืออยู่ถึง 50% และมีมานาเหลือ 10% เท่านั้น 10%!...ถ้ามันแบบนี้ อย่างงั้นก็...!
"ริยูฉันจะยกเลิกการอัญเชิญเธอสักแปปนึงนะ ไพก้าเข้ามาในถุงมือของฉัน!"
[นายท่าน!]
"นี้มันอาจจะดีกว่าการใช้หอก!"
มันเป็นเพราะว่าการแทงหอกไปด้วยมานา 10% จะไม่สามารถแทงทะลุหัวของมันได้ ในกรณีแบบนี้มันจะดีกว่าที่จะขยายรูเล็กๆให้มันกว้างขึ้นด้วยการต่อย ดังนั้นฉันก็เลยได้ใช้หมัดแทน นอกจากนี้การที่จะแทงหอกออกไปมันจะต้องใช้สมาธิ แต่เศษหินทั้งหมดมันได้ทำลายสมาธิของฉัน
ร่างของริยูได้เริ่มจางจากนั้นก็หายไป ไพก้าก็ได้ออกมาจากหอกของฉันและเข้าไปในถุงมือ ฉันได้เข้าไปโจมตีที่หัวของดูลาฮานในขณะที่ตะโกนออกมาทันที
"สายฟ้าคลั่ง"
[ก๊ากกกกกกก!]
เสียงกรีดร้องของดูลาฮานได้ดังยิ่งขึ้นและจำนวนของเศษหินที่พุ่งเข้ามาใส่ฉันก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย พลังชีวิตของฉันได้เริ่มลดลงในอัตราที่น่ากลัว ฉันได้กำหมัดแน่นและต่อยลงไปที่หัวของดูลาฮานอย่างบ้าคลั่ง
"อ๊ากกกกกกกกกกกก!"
[คุณได้ใช้วอคลาย! สมาชิกในปาตี้ทุกคนได้รับการเคลียสถานะด้านลบ ทุกคนในปาตี้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ในระยะเวลาหนึ่ง และได้เข้าสู่สถานะสุดยอดเกราะไม่สกสะท้านกับการโจมตีของศัตรู]
'ฉันจะจัดการนายในระหว่าง 11 วินาทีแห่งการโจมตีนี้!'
ในขณะที่ฉันอยู่ในสถานะสุดยอดเกราะ ผลกระทบจากเศษหินได้ไม่ส่งผลกับการเคลื่อนไหวของฉันอีกต่อไป ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะที่มันอลังการ ฉันเพียงแค่จะต้องเน้นไปที่พลังสายฟ้าในหมัดและต่อมันลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง ตอนนั้นเองพลังชีวิตของฉันก็ลดลงต่ำกว่า 20%
[นายท่านเวลาของพวกเราเกือบจะหมดแล้ว!]
"อีกนิดเดียว ย๊ากกกกกกก!"
ฉันได้ต่อยลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่ฉันจะได้สังเกตุเห็นทักษะสายฟ้าคลั่งก็ได้ถูกยกเลิกและไพก้าก็ถูกยกเลิกการอัญเชิญไปเช่นกัน อย่างไรก็ตามทักษะวอคลายและผิวมังกรยังคงแสดงผลอยู่ นอกจากนี้ฉันยังมีทักษะไม่ยอมตายอยู่อีก ฉันได้ตัดสินใจที่จะต่อยหัวดูลาฮานต่อไป
จากนั้นราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก หัวของเขาได้ระเบิกออก
[ก๊าซซซซซ!]
[ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่! คุณได้เอาชนะบอสประจำชั้นดูลาฮานเพียงลำพัง น่าทึ่งมาก!]
[คุณได้เลเวล 36 คุณได้รับคุณสมบัติในการเข้าสู่ชั้นที่ 36]
[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]
[คุณได้รับฉายา 'ผู้พิฆาตดูลาฮาน' สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1 อย่างถาวรแม้ว่าจะไม่ได้ใส่ฉายานี้ก็ตาม]
[คุณได้กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนระดับเงิน 5 ยินดีด้วย!]
[คุณได้เอาชนะดูลาฮานเพียงลำพัง คุณได้รับรางวัลพิเศษ 'หมวกของดูลาฮาน']
[คุณได้รับ 100000 ทอง]
[เลือกรางวัลของคุณ]
[1.หนังสือเวทย์เชี่ยวชาญเกราะหนัก]
ทันทีที่ดูลาฮานตายไปพายุก้อนหินมันก็ได้จบลง ฉันได้หันไปมองที่เขา ร่างกายของเขาได้กระจายหายไปในอากาศ ในตอนท้ายฉันสามารถเอาชนะเขาได้โดยที่ไม่ต้องใช้ทักษะไม่ยอมตาย
"อา เลวร้ายอะไรแบบนี้..."
ฉันได้นอนเหยียดยาวในขณะที่พึมพัมออกมา จนถึงช่วงกลางๆฉันรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมาก พวกเราทั้งคู่ได้แลกเปลื่ยนฝีมือกัน แน่นอนว่าพวกเขาทั้งคู่ก็ได้ใช้ทักษะ มันเลยพูดได้ยากว่าเป็นการต่อสู้ด้วยเทคนิคเพียวๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกสนุก ฉันคิดว่าฉันสามารถเอาชนะเทคนิคขวานและทำให้อาวุธของเขาหลุดไปได้
แต่เพียงเพราะว่าฉันได้แยกหัวออกไปจากร่างกายของเขา ทุกๆอย่างมันก็ได้เปลื่ยนไป ไม่ว่าฉันจะคิดยังไงทักษะของเขามันก็เป็นสิ่งที่โกงมาก ฉันสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับปาตี้ธรรมดาได้เลย พวกเขาจะต้องคิดว่าหัวคือจุดที่อ่อนแอและพยายามที่จะแยกมันออกจากร่างกาย จากนั้นพวกเขาก็จะต้องถูกจัดการด้วยเศษหินทั้งหลาย ฉันได้เป็นห่วงเร็น แต่ว่าฉันก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อจำได้ว่าเขาสามารถที่จะทนมันได้ด้วยทักษะผิวมังกรที่เขาได้รับมา
"จริงๆแล้วมันไม่มีบอสประจำชั้นที่เป็นปกติเลย"
แม้ว่าฉันจะต้องการนอนแผ่บนพื้นต่อเพื่อพักผ่อน แต่ว่าฉันก็ไม่สามารถจะทำได้ ฉันจะต้องทบทวนการต่อสู้และคิดกลยุทธ์ที่ไม่ต้องใช้วอคลายและผิวมังกร จากนั้นฉันก็จะต้องลองต่อสู้อีกครั้งหนึ่งเพื่อทำให้แน่ใจว่ามันได้ผล ไม่ใช่นั้นฉันจะไม่สามารถไปแคมป์อย่างสงบได้
****
"ดังนั้นนายก็เลยจบลงด้วยการใช้ทักษะไม่ยอมตาย?"
"ใช่ เวรเอ้ย"
มันเป็นตอนบ่ายโมงครึ่งหลังจากที่ฉันได้กินข้าวและนอนไปสามชั่วโมง ในที่สุดฉันก็ได้เสร็จสิ้นการต่อสู้ครั้งที่สามกับดูลาฮาน
ในการต่อสู้ครั้งที่สองฉันได้จัดการกับมือของเขาที่ถือขวานก่อน จากนั้นฉันก็ได้โจมตีหัวของเขา มันได้ประสบความสำเร็จในการที่เขาไม่ได้ใช้ทักษะการระเบิดออก อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ครั้งทีสามฉันได้ตั้งใจที่จะโจมตีหัวเขาด้วยฮีโรอิค สไตรค์ แต่ดูลาฮานก็ได้ใช้การระเบิดออกด้วยความโกรธทันที
เพราะว่าฉันไม่มีผิวมังกรแล้ว ฉันจึงใช้ธาเลเรียเพื่อพยายามจะขยี้หัวของเขาในขณะที่หลบหลีกเศษหินไปด้วย แต่ว่าพลังชีวิตของฉันก็ได้ลดลงไปต่ำกว่า 3% และทักษะไม่ยอมตายก็ถูกใช้งาน
ในช่วงเวลาที่ทักษะไม่ยอมตายถูกใช้งาน ฉันก็ได้กอดหัวของดูลาฮานและใช้ทักษะระเบิดสายฟ้าทมิฬ ฉันอาจจะสามารถจบมันได้ก่อนที่จะใช้ทักษะระเบิดสาฟ้าทมิฬซะอีก มันเป็นความผิดของฉันที่ไม่ใช้ระเบิดสายฟ้าทมิฬในทันทีที่จับได้หัวของดูลาฮาน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าหลินจะคิดต่างออกไป
"ฉันแปลกใจมากที่นายสามารถเอาชนะดูลาฮานเพียงลำพังได้ นายใช่มนุษย์จริงๆหรอ? บอกฉันมานะ นายเป็นเผ่าพันธ์อื่นๆที่ฉันไม่รู้จักใช่มั๊ย?"
"พอแล้วกับเรื่องไร้สาระ ด้วยวิธีนี้หลิน...."
"อะไร?"
"นายควรจะหยุดเล่นลิ้นและทำถุงมือให้ฉันได้แล้วนะ ด้วยเวลาสองเดือนที่เหลือ ฉันจะเก็บของทั้งหมดในชั้นที่ 35 และพิชิตชั้นที่ 40 ด้วยเช่นกัน"
"..."
การเดิมพันระหว่างหลินกับฉัน เขาได้บอกเอาไว้ว่าจะเอานาฬิกาพกพาและคลาสรองของฉันไปถ้าฉันไม่สามารถจะทะลุผ่านชั้น 35 ไปในครึ่งปี แต่ถ้าฉันทำได้เขาก็จะทำถุงมือให้ฉัน และถ้าฉันผ่านชั้นที่ 40 เขาจะทำอาวุธและอุปกรณ์ป้องกันให้ฉัน ถ้าฉันสามารถผ่านมันได้ใน 3 เดือนเขาก็จะเผิมผ้าคลุมหนังมังกรให้อีกด้วย
หรือก็คือฉันได้ชนะการเดิมพันไปแล้ว ที่ฉันจะต้องทำต่อก็คือรับรางวัลโบนัสเท่านั้น มองไปที่ที่ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก หลินได้หยิบเอาทั่งตีเหล็กแบบพกพาออกมา
"ชิ เวรเอ้ย เพราะว่ากิลด์มาสเตอร์เวรของฉัน ฉันมาได้พบกับเจ้าหน้าใหม่เวรอีกคนและนั่นมันทำให้ชั่งตีเหล็กเวรต้องทำงาน เวรเอ้ย!"
"ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะหลิน"
"ไปไกลๆเลย!"
ในขณะที่หลินกล่าวคำลาเขาก็ชูนิ้วกลางขึ้นมาใส่ฉัน จากนั้นฉันก็ออกมาจากดันเจี้ยน
การแคมป์นั่นมันได้ถูกพิจารณาว่าเป็นจุดเด่นของชีวิตเด็กมหาลัย ในที่สุดฉันก็จะได้รัยประสบการณ์หลังจากได้เรียนเทอมแรก ฉันได้มองไปข้างหน้าไม่น้อย ถึงแม้ว่าฉันจะสงสัยว่าฉันอาจจะต้องอยู่กับซูเยอึนแม้ว่าจะอยู่ที่แคมป์ก็ตาม....!
"เขามา!"
"ซูเยอึนอยู่ไหนล่ะ?"
"ห๊ะ? เธอเพิ่งจะมาถึงไม่นานนี้เอง"
โอ้ดูเหมือนว่าการแคมป์จะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าอาจารย์ด้วย ถูกแล้วหล่ะเพราะมีนักเรียนไปแคมป์กันตั้ง 400 กว่าคนจะไม่มีเหล่าอาจารณ์ได้ยังไงหล่ะ เมื่อมองไปที่รถบัสที่จอดเรียงรายตามถนนของมหาลัย ฉันก็เลิกมึนงงก่อนที่ฉันสังเกตตุเห็นซู เยอึนที่ปรากฏตัวออกมาและเดินมาอยู่ข้างๆฉัน
"ชินนายมาสาย!"
"ฉันมาทันเวลาพอดีนะ เธอแอบเข้ามาอีกแล้วไม่ใช่หรอ?"
"...! ฉันต้องการที่จะใกล้ชิด แต่ว่าฉันกลัว"
"อะไรแบบนั้นนะ!? เหมือนว่าเราไม่สนิทกันล่ะ...!"
ฉันได้ล้อเลียนซู เยอึนในขณะที่ฉันรอคอย ทันใดนั้นเสียงซุบซิบของคนรอบข้างก็ได้รุนแรงขึ้น ฉันเลยถามซู เยอึน
"เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา!"
"เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเพราะเทพธิดาในแผนกของเรา"
"จริงดิ? ฉันสงสัยว่าไอเทมอะไรที่เทพธิดาจะดรอป...?"
"..."
'มันอาจจะยังเป็นไปไม่ได้ในระดับเลเวลปัจจุบันของ'
จากนั้นเองซู เยอึนก็ได้มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ห่างเหินมากยิ่งขึ้่น อะแฮ่ม ด้วยการกระแอ่มไอของฉัน ฉันได้ถามเธออีกครั้ง
"ถ้างั้นเทพธิดาเพิ่งปรากฏตัวหรอ?"
"ใช่แล้ว เธอเป็นนักเรียนแลกเปลื่ยนจากฝรั่งเศส"
"จริงๆแล้วมันก็มีนักศึกษาแลกเปลื่ยนอยู่จำนวนมากในวิทยาลัยเรานี่ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนก็ตาม"
กว่า 20% ของแผนกเราก็เป็นชาวจีนไปหมด เมื่อทำโปรเจคก็จะต้องมีชาวจีนอย่างน้อย 1 คนในกลุ่ม ส่วนใหญ่พวกเขาจะไม่กระตือรือร้น แน่นอนว่ามีคนที่ไม่เป็นแบบนั้น แต่ว่าเนื่องจากอุปสรรคด้านภาษาการทำงานกับคนในชาติจะดีกว่า แม้ว่าฉันจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจคก็ตาม ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดอะไรแบบนี้หรอกนะ
นอกเหลือจากชาวจีนแล้วก็ยังมีชาวต่างชาติที่เป็นคนอเมริกัน ญี่ปุ่น อังกฤษและฝรั่งเศสอยู่อีกหลายคน สำหรับมหาลับที่โม้เกี่ยวกับความภาคภูมิใจทางวัฒนธรรมมันเป็นที่ยอมรับของนักศึกษาจากต่างชาติเป็นจำนวนมาก
"พวกเราไปกันเถอะ ไปขึ้นรถบัสกัน!"
ตามที่ฉันคิดเอาไป ได้มีรุ่นพี่เป็นคนนำแคมป์ ด้วยกันนั้นซู เยอึนก็ได้จับฉันเอาไว้เพื่อไม่ให้หลงทาง ฉันได้เดินขึ้นรถบัสไป
"ฉันขอนั่งริมหน้าต่างได้มั๊ย?"
"ตามใจ"
หลังจากซู เยอึนได้ไปนั่งริมหน้าต่่่่่่่่่่่่่่่่่่าฉันก็ได้นั่งตัวตรงและหมุนเวียนวงจรเพรูต้า และอัญเชิญไพก้าและริยูออกมา
[มีคนเยอะมากเลย นายท่าน พวกเขากำลังจะทำอะไรกัน? พวกเรากำลังจะไปล่าพวกเขาหรอ?]
[วู้ ฮู้!!]
"อย่าได้ทำแบบนั้นเชียวนะไพก้า ริยูมานี่มา"
มีเพียงฉันเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของเหล่าธาตุ จากนั้นฉันก็กอดพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะขัดขืนเล็กน้อย แต่มันดูเหมือนพวกเขาจะได้พบกับจุดที่สบายๆของพวกเขาในขณะที่นั่งนิ่งมองไปรอบๆ
"พวกเรากำลังจะพักผ่อนกันในวันนี้"
[มันอบอุ่น ฉันชอบมัน]
[ฉันก็ชอบมันเหมือนกัน]
ฉันได้กอดพวกเขาเอาไว้อย่างเงียบๆ และปิดตาลงไปมุ่งเน้นความสนใจไปที่วงจรเพรูต้าต่อ ฉันได้โคจรมานาผ่านไปตามร่างกายของฉัน เพราะว่าฉันได้โคจรวงจรเพรูต้าในขณะที่อยู่ในดันเจี้ยนมาตลอดมันจึงกลายเป็นความคุ้นชินไป ครู่หนึ่งในระหว่างฉันกำลังโคจรมานาอยู่นี้ฉันก็ได้ยินเสียงรอบตัวฉัน
"อู เขาดูเหมือนกับภาพวาดแม้ในขณะที่หลับอยู่เลย"
"ถ่ายรูปไว้เร็ว"
"ฉันต้องการจะกอดเขา"
"อืมม? ยะ อย่าถ่ายรูปชินนะ!"
เมื่อพวกเราได้มาถึงที่หมาย มันก็เป็นเวลาประมาน 5.30 นาฬิกาแล้ว เมื่อฉันเปิดตาขึ้นฉันก็ตระหนักได้ว่ารถได้ยุดลง ใบหน้าของซู เยอึนได้โผล่มาข้างหน้าฉัน เพราะว่าใบหน้าของเธอไม่ได้โผล่มาแบบชัดเจนนักทำให้บางครั้งฉันคิดว่าเธอเป็นคนต่างชาติ มันยิ่งชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะจมูกคมของเธอ
"เธอกำลังทำอะไร?"
"ฉันพยายามจะปลุกนายไง"
"ฉันไม่ได้หลับซะหน่อย...ยังไงก็เถอะไปกันดีกว่า"
ด้วยธาตุทั้งสองบนไหล่ของฉัน ฉันได้ออกไปข้างนอกพร้อมๆกับซู เยอึนในขณะที่ยังคงหมุนเวียนวงจรเพรูต้า อย่างแรกฉันได้มองออกไปรอบๆ พวกเราอยู่ใกล้จากตัวเมืองและที่นี่มีภูเขาอยู่ใกล้ๆ หลังจากดวงจันทร์แฝดเกิดขึ้นสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดก็คือภูเขา และตามมาด้วยพื้นที่รอบๆภูเขา ด้วยมาตรฐานนี้สถานที่ๆเราอยู่ในตอนนี้นั้นค่อนข้างจะอันตราย
"สถานที่นี้...อาจจะมีมอนสเตอร์ก็ได้"
"ไม่ตลกนะ! แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็เพิ่งแค่ส่งสัญญาณเตือนไปให้พวกผู้พิทักษ์ ดังนั้นอย่ากังวลเลย"
นักเรียนหญิงคนหนึ่งได้เข้ามาหาฉันโดยที่ฉันไม่ได้สังเกตุเห็นและหัวเราะพร้อมกับตอบคำถามฉัน ฉันได้หยักหน้ารับมัน ถัดจากฉันซู เยอึนก็ได้ดึงแขนของฉันไว้
"ไปด้วยกันเถอะ ชิน"
"ชิ"
นักเรียนหญิงคนนั้นได้เดาะลิ้นของเธอ ฉันได้เอียงหัวของฉันและสงสัยว่าทำไม ในเวลาเดียวกันฉันก็เห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังก้าวออกมาจากรถอีกคันหนึ่ง ผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าของเธอมันเป็นความงามที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกด้อยค่าเมื่ออยู่ข้างเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นนักเรียนจากต่างชาติที่ถูกเรียกว่าเทพธิดาอะไรนั่น
เธอก็ยังเห็นฉันและขยิบตามา ฉันก็ได้ขยิบตากลับไปด้วยความคิดที่ว่าควรตอบกลับไปเหมือนกัน เธอดูเหมือนจะตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ว่าไม่นานเธอก็หัวเราะและโบกมือให้ฉันเบาๆ ก่อนที่จะเข้าการแคมป์เป็นครั้งแรก นักเรียนชายที่ได้รวมตัวกันรอบๆเธอก็ได้จ้องมาที่ฉันด้วยทาทางที่น่ากลัว นี่มันน่าขำจริงๆเลย
แม้แต่ซู เยอึนก็ยังคงดึงแขนฉันต่อไปด้วยท่าทางไม่สบายใจ ฉันทำได้เพียงแค่สายหัวไม่เข้าใจว่าทำไม การสั่นของเธอมันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เธอไม่สบายใจอะไร? ฉันได้ดึงซู เยอึนเข้ามาหาฉัน
"ไปกันเถอะ แม้ว่าถ้ามอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น ฉันจะปกต้องเธอเอง"
"กรีดดดด!"
...ฉันไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่าทำไมหญิงสาวคนอื่นๆถึงได้มีความสุขกับสิ่งที่ฉันพวกออกไป การแคมป์ครั้งแรกของฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว