MPE บทที่ 22 สำนักงานนกร็อคทะยานฟ้า
เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้คุยโม้ ลุงหลิวจึงพาเกาเผิงเข้าไปในเมือง สำนักงานของลุงหลิวตั้งอยู่ใจกลางเมืองในจุดที่คึกคักที่สุด ข้างสำนักงานเป็นห้างสรรพสินค้า ขณะที่หน่วยงานราชการอยู่ไม่ไกลนัก
“สำนักงานของฉันอยู่ที่นี่” ลุงหลิวชี้ไปยังชั้นสามของตึกเตียนเหมา มีป้ายที่ใหม่เอี่ยมแขวนอยู่ชื่อว่า ‘สำนักงานเพาะพันธุ์สัตว์อสูรนกร็อคทะยานฟ้า’
เกาเผิงรู้สึกแปลกๆกับชื่อของมัน
ลุงหลิวหัวเราะ “ชื่อสำนักงานสามารถเปลี่ยนได้นะ ถ้าหลานไม่ชอบ”
เกาเผิงถึงกับพูดไม่ออก ‘ลุงเป็นเจ้าของไม่ใช่เหรอ ทำไมลุงไม่เปลี่ยนชื่อเองเลยล่ะ’
“แรกเริ่มเดิมที เดิมทีกิจการก็ดำเนินไปได้ดี แต่น่าเสียดาย หลังจากผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรลาออก ธุรกิจของฉันก็แย่ลงเรื่อยๆ”
“มีผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรมากมายในตลาดแรงงาน ลุงก็เลือกใครก็ได้มาทำงานที่นี่ก็ได้นี่ครับ” เกาเผิงกล่าว
“ไม่ใช่ใครก็ได้ที่รับงานนี้ เพราะฉันไม่ต้องการทำลายชื่อเสียงของสำนักงาน” ลุงหลิวกล่าวอย่างจริงจัง
“อืม” เกาเผิงพยักหน้า ‘ลุงหลิวเป็นบอสของที่นี่นี่น่า คงอยากจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการล่ะมั้ง’
“ลุงหลิว ลืมเรืองหุ้นไปเถอะ คุณเพียงจ่ายค่าตอบแทนให้ผม
ก็เพียงพอแล้ว“เกาเผิงกล่าว”คุณดูแลผมมาตลอดหลายปี นี่เป็นสิ่งเดียวทีผมสามารถตอบแทนคุณได้”
ถ้าหากเป็นสํานักงานของคนอื่น เกาเผิงจะรับหุ้นเอาไว้โดยไม่ลังเล เพราะเขาเชื่อว่าความสามารถของเขาเพียงพอที่จะได้มันมา แต่ที่นี่เป็นสำนักงานของลุงหลิวผู้มีพระคุณของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการช่วยเหลือไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ในฐานะเด็กกำพร้า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านช่วงเวลาอันมืดมน หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากลุงหลิว เขาจะไม่มีชีวิตที่ดีดังเช่นทุกวันนี้
“อย่าคิดมาก รับๆมันไปเถอะ ในอนาคตหลานจะรู้ว่าหุ้นแค่นี้ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองต่อความต้องการของหลานได้” ลุงหลิวเผยรอยยิ้มอบอุ่น “เอาล่ะ ลุงจะโอนหุ้นให้โดยไม่ว่าหลานจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม”
หลังจากพูดเสร็จ ลุงหลิวก็หยิบเอกสารมาให้เกาเผิงเซ็น
เกาเผิงอ่านเอกสารก็ตกใจ “อ่อ ผมยังไม่อยากเซ็นตอนนี้น่ะครับ”
ลุงหลิวตบไหล่เกาเผิง “โอเค ไว้ค่อยเซ็นทีหลังก็ได้ ไปดูสำนักงานของเรากันเถอะ งานของหลานในวันนี้ คือทำความคุ้นเคยกับสำนักงาน หลานสามารถเริ่มงานตอนไหนก็ได้ตามที่ต้องการ หากหลานอยากได้อะไรเพิ่ม บอกลุงได้เลย ลุงจะจัดหามาให้”
ตึกเตียนเหมาเป็นตึกทีสะอาดแวววาวเหมือนเพิ่งได้รับการตกแต่งใหม่
พวกเขารอลิฟต์อยู่ สักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออก มีกลุ่มคนที่ดูเหมือนพนักงานบริษัทก้าวออกมา หนึ่งในนั้นมีนกแก้วสีดำแดงของชายผู้หนึ่งหันหน้ามาทางเกาเผิงและกล่าว “งี่เง่า”
จากนั้นมันจึงหันหน้ากลับด้วยท่าทีหยิ่งยโส ชายหนุ่มชุดสูทก้มศีรษะขอโทษเกาเผิงด้วยความละอายใจ
เกาเผิงมองไปที่มัน สักพักก็มีข้อมูลปรากฏขึ้นต้องหน้าเขา
[ชื่อสัตว์อสูร] นกแก้วประกายนิล
[จุดอ่อน] 1.สัตว์อสูรธาตุลม 2.กลิ่นสมุนไพรเฉียนซินจะทําให้คลื่นไส้อาเจียน 3.ผลมาโควสายฟ้า เป็นของสแลงของนกแก้วประกายนิล สำหรับพวกมัน รสชาติของผลมาโควสายฟ้า ไม่ต่างจากอึ
“ไม่เป็นไรครับ นกของคุณคือนกแก้วประกายนิลใช่ไหมครับ ผมรู้มาว่ามันชอบกินผลมาโควสายฟ้ามากเลย คุณควรจะซื้อให้มันกินนะครับ ดูมันในตอนนี้สิผอมมาเลย ถ้ามันได้กินมัน เจ้านกนี่อาจจะเป็น ’เด็กดี’ มากขึ้นก็ได้นะครับ ฮะๆ”
“โอ้ ขอบคุณมากเลยครับ” ชายหนุ่มชุดสูทตื่นเต้น “ผมไม่ค่อยรู้ว่ามันชอบกินอะไร มันเป็นนกที่เลือกกินมาก ผมจะไปซื้อผลมาโควสายฟ้าให้เร็วที่สุดเลยครับ”
นกแก้วประกายนิลไม่รู้ว่าผลมาโควสายฟ้าคืออะไร แต่เมื่อได้ยินชื่อของมัน มันรู้สึกถึงภัยอันตรายที่จะเข้ามา ขนของมันตั้งชูชันขึ้นทันที
มันจิกไหล่ของชายหนุ่มชุดสูทแน่นขึ้น มองซ้าย มองขวา หาต้นตอของลางสังหรณ์นั่น ชายชุดสูทถึงกับงง ว่าเจ้านกนี่มันเป็นอะไร
เกาเผิงกับลุงหลิวมาถึงชั้น 3 ทั้งชั้นถูกเช่าให้กลายเป็นสำนักงานนกร็อคทะยานฟ้า มีกระถางไม้ไผ่ดำ 2ใบวางอยู่หน้าประตูทางเข้า
กลิ่นหอมของต้นไผ่ดำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ที่แผนกต้อนรับ มีหญิงสาวผมบ็อบในชุดสูทสีฟ้าอ่อน เธอแต่งหน้าบางอ่อน
เมื่อได้เห็นทั้งคู่เธอจึง กล่าวทักทายอย่างเร่งรีบ “ยินดีต้อนรับค่ะ นายท่าน มีอะไรให้รับใช้เหรอคะ” เธอชำเลืองมองเกาเผิงที่อยู่ด้านหลัง คิดว่าเด็กหนุ่มอาจเป็นหลานชายของลุงหลิว
ไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของลุงหลิว ความจริงก็คือลุงหลิวเป็นเจ้าของคนใหม่ที่พึงซื้อสำนักงานแห่งนี้เอาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าและปลดผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรทั้งหมดออกไป เดิมทีพนักงานหญิงผู้นี้ยังกังวลว่าเธอจะถูกไล่ออกด้วยหรือไม่ โชคดีที่ลุงหลิวไม่ปลดพนักงานแผนกอื่นออก สิ่งที่พนักงานทั้งหมดงุนงงก็คือลุงหลิวไม่อนุญาตให้พวกเธอบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานเร็วๆนี้ได้รับรู้
ด้วยเงินเดือน 1,000 ดอลล่าร์พันธมิตร ทำให้พนักงานทุกคนต่างยอมจำนนให้กับนายทุนผู้ชั่วร้าย
และยังต้องเซ็นเอกสารให้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ 'ทำไมพวกนายทุนถึงมีแต่คนแปลกๆ กันนะ'
“เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่นี่” ลุงหลิวกล่าวอย่างใจเย็น
“รับทราบค่ะ” พนักงานหญิงพยักหน้า
เกาเผิงรู้สึกได้ถึงบรรยกาศที่ตึงเครียดจากลุงหลิว
จากนั้นพนักงานทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องล็อบบี้
สำนักงานแห่งนี้มีพนักงานทั้งหมด 10คน รวมแม่บ้านทำความสะอาดไปด้วย
“จากนี้ไป เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นหัวหน้าผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรของสำนักงานนกร็อกทะยานฟ้าแห่ง และเขายังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอีกด้วย” ลุงหลิวกล่าวแนะนำเกาเผิง
พนักงานทั้งหมดตกใจ เขาไม่เด็กเกินไปเหรอ?
เห็นการแสดงออกของกลุ่มคน เกาเผิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เขาคงสีหน้าอันนิ่งสงบเอาไว้ได้ “ผมชื่อเกาเผิงครับ ถึงผมจะยังเป็นเด็ก ผมก็หวังว่าเราจะทำงานร่วมกันได้ดี”
“เสี่ยวเผิงเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางที่อายุน้อยที่สุด เขาทำลายทุกสถิติของเมืองฉางอาน เขาคืออัจฉริยะที่แท้จริง” ลุงหลิวกล่าว
“ผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางที่อายุน้อยที่สุด!?”
“เขาอายุยังน้อยแต่กลับสามารถเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางแล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ” พนักงานหญิงพูดด้วยความตื่นเต้น
แม้ทั้งชั้นจะเป็นของสำนักงานแห่งนี้ แต่ขนาดของสำนักงานก็ไม่ใหญ่มากนัก มันใช้พื้นที่แค่ 1ใน10 เอง
ในส่วนที่เหลือจะเป็นห้องยิม ห้องโยคะ ห้องรับรองลูกค้า ห้องล็อบบี้ บาร์ และอื่นๆ เท่าที่สังเกตดู ยังมีห้องว่างเหลืออีกหลายห้อง
ห้องเหล่านี้ภายในทำด้วยวัตถุกันเสียง บางครั้งก็จะมีลูกค้าบางคนนำสัตว์อสูรมาฝึกที่ห้องเหล่านั้น
“เป็นอย่างไรบ้างสำนักงานแห่งนี้ หลานสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ คิดซะว่าเป็นสำนักงานของตัวเอง” ลุงหลิวยิ้ม
เกาเผิงพยักหน้า “พรุ่งนี้ผมจะไปเรียนแล้ว ถ้าอย่างงั้น ผมจะเริ่มงานตอนบ่ายนี้ เพราะกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ”
“ตกลง หลานสามารถเลิกงานเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่หลานต้องการ งั้นลุงกลับบ้านก่อนนะ บ้านเป็นสถานที่สบายที่สุดสำหรับคนแก่เสมอ” ลุงหลิวโบกมือลาและเดินจากไป
เกาเผิงเดินไปส่งลุงหลิว เขามองแผ่นหลังของลุงหลิวที่เดินจากไปในที่สุด
เกาเผิงกล่าวออกมาเบาๆ “ขอบคุณครับ”
“ไม่ใช่ฉันหรอกนะที่หลานควรขอบคุณ” ลุงหลิวหัวเราะเบาๆ
‘งั้นใครกันล่ะ’เกาเผิงขมวดคิ้วสับสน