ตอนที่แล้วบทที่ 60 เทศกาลชำระโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 62 เจียงนี่หลิว

บทที่ 61 ออกเดินทาง


เจียงหยุนไฮ่แวะไปที่ตำหนักตระกูลเจียงและโถงวรยุทธด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเขาพูดอะไรกับตระกูลเจียง แต่เมื่อเขาจากไป เจียงหยุนซานก็ออกคำสั่งให้ปิดประตูทันที ยกเว้นเจียงเฮิ่นซุ่ยและผู้อาวุโสคนอื่นๆของตระกูลเจียง ไม่มีใครในตระกูลเจียงได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก การค้าส่วนใหญ่ที่เป็นของตระกูลเจียงได้พากันเซ้งร้าน เห็นได้ชัดว่าตระกูลเจียงต้องการรักษาตระกูลและฟื้นคืนอีกครา

เจียงหยุนซานไม่มีทางเลือกอื่น เจียงหยุนไฮ่ไม่ได้ทำอะไรมากมายที่ตระกูลเจียง แต่เขาบอกความต้องการ..ให้ลบชื่อของเขาและเจียงอี้ออกจากทะเบียนของตระกูลเจียง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาไม่ต้องการให้ตระกูลเจียงมีความสัมพันธ์กับเขาและเจียงอี้อีกต่อไป

เมื่อผู้อาวุโสทั้งสอง...เจียงหยุนเฉอและเจียงหยุนสือถูกสังหาร คนในตระกูลเจียงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องศิโรราบ พวกเขากลัวว่าเมื่อเจียงหยุนไฮ่จากไป ตระกูลอื่นๆจะเล่นงานพวกเขาทันที

ฝั่งประมุขโถงวรยุทธได้ยกเลิกข้อตกลงกับเจียงอี้อย่างตรงไปตรงมา แต่นั่นก็หมายความว่าเจียงหยุนไฮ่ติดหนี้บุญคุณโถงวรยุทธ นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากโถงวรยุทธนั้นทรงพลังอย่างท่วมท้น หากพวกเขาต้องปะทะกัน แม้แต่เจียงหยุนไฮ่และเจียงอี้ก็คงจะต้องตาย

ส่วนกองทัพทหารตะวันตกก็ถอนทัพกลับไปแล้ว และเมืองเทียนอวี่ก็กลับคืนสู่ความสงบสุขในขณะที่สำนักจิตอสูรยังคงแข่งขันต่อไป บรรยากาศโดยรวมของการแข่งขันไม่น่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน เมื่อทุกคนมองไปที่เวทีด้านบน จิตใจของพวกเขานึกถึงใบหน้าของเจียงอี้ พวกเขาก็จะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

จีเทียนและเจียงหยุนไฮ่ออกคำสั่งให้ทุกคนปิดปากและห้ามใครพูดถึงเรื่องของเจียงอี้ต่อสาธารณะ หลายวันต่อมาจีทิงยวี่ เจียงเฮิ่นซุ่ย เหลิ่งเชี่ยนเชี่ยนและเฮ่อเตา แต่ละคนได้คว้าชัยชนะติดต่อกันและกำลังจะเข้าใกล้ชัยชนะที่หนึ่งร้อย ผู้คนเริ่มลืมเรื่องเกี่ยวกับเจียงอี้และเริ่มสังเกตเห็นรุ่นเยาว์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้

ตระกูลหม่าทำการชำระทรัพย์สินเพื่อซื้อเม็ดยาพิภพห้าพันเม็ดและยกห้าแสนตำลึงทองไปยังตำหนักเจ้าเมืองภายในเวลาที่เจียงหยุนไฮ่กล่าวไว้

หม่าขุยนั้นเป็นคนฉลาด หลังจากนำเม็ดยาและตำลึงทองไปยังตำหนักเจ้าเมือง เขาก็นำคนในตระกูลทั้งหมดของเขาออกจากเมืองเทียนอวี่ทันที พวกเขาพบเมืองเล็กๆใกล้เคียงและไปตั้งหลักแหล่งที่นั่น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเล่นงานหรือถูกยึดครองโดยพันธมิตรอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้น หากตระกูลหม่าต้องการกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง สิบปีก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ

หลายวันต่อมาจีทิงยวี่เป็นคนแรกที่ได้รับชัยชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งในขณะที่ เจียงเฮิ่นซุ่ย เหลิ่งเชี่ยนเชี่ยนและเฮ่อเตาก็ตามมาในภายหลัง พวกเขาทั้งสี่ก็ได้ป้ายตำแหน่งทั้งสี่ไปครอง ส่วนการแข่งขันแบบแพ้คัดออก ทุกคนไม่ได้มีความประหลาดใจใดๆกับหลิ่วเหอที่ได้รับตำแหน่งสุดท้าย ตระกูลหลักส่วนใหญ่พอใจกับผลลัพธ์โดยเฉพาะตระกูลหลิ่วซึ่งพวกเขาได้ป้ายตำแหน่งของเจียงอี้ไป

ด้านกองทัพทหารตะวันตกก็เสร็จสิ้นพิธีรับสมัครอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตำแหน่งส่วนใหญ่ได้รับการตัดสินจากภายในแล้ว เช่นเจียงหยูหลง ซึ่งจริงๆแล้วเขาตัดสินใจที่จะใช้ตำแน่งใดตำแหน่งหนึ่ง แต่กลับถูกเจียงอี้ฆ่าตายอย่างน่าเสียดายไปเสียก่อน

และตัวแทนของสำนักจิตอสูรก็สั่งให้ผู้ได้รับตำแหน่งห้าคนไปถึงเมืองจิตอสูรภายในหกสัปดาห์

หลังจากกองทัพทหารตะวันตกออกจากเมืองไป เมืองเทียนอวี่ก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างสมบูรณ์

เจียงอี้ก็ดูเหมือนว่าจะหายไปตั้งแต่เขาเข้าไปในตำหนักเจ้าเมือง นอกจากจีเทียนก็ไม่มีใครเห็นเขาเลย อาการบาดเจ็บของเจียงอี้ต้องรักษาไปสิบวันหลังจากเขาเข้าไปในตำหนักเจ้าเมือง และเขาไปที่โถงวรยุทธในตอนกลางคืน เขาจะบ่มเพาะพลังภายในห้องที่เงียบสงบในขณะที่เจียงหยุนไฮ่ก็นำเอาเม็ดยาพิภพจำนวนมากมาให้เจียงอี้ได้ใช้ตามที่เขาพอใจ

...

หนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา

ณ ห้องฝึกฝนแห่งหนึ่งในโถงวรยุทธ เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและถอนหายใจยาว ความเร็วในการบ่มเพาะนี้ไวเหมือนดั่งการบินไปกับสายลม!

เขาใช้แก่นแท้พลังสีดำเพื่อเพิ่มความทักษะของเม็ดยาพิภพ ความเร็วในการฝึกฝนของเขาสามารถเปรียบเทียบได้ว่าเป็นการเดินทางสามพันลี้ในหนึ่งวัน ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขากำลังจะบุกไปยังขั้นที่ห้าของขอบเขตฉูติ่ง

ใกล้จะถึงเวลาแล้วใช่ไหม? ท่านปู่พูดในใจ ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว และเราจะออกจากเมืองเทียนอวี่ไปสู่เมืองจิตอสูร!

เจียงอี้ยืนขึ้นแล้วเหยียดร่างกายของเขา เขาพูดพึมพำและกดกลไกของห้องเพื่อเปิดประตู เมื่อเขาออกมา เขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ผู้ดูแลหยางรออยู่ข้างนอกมาระยะหนึ่งแล้ว

ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของผู้ดูแลหยางเต็มไปด้วยความสุขใจ เขาตบไหล่เจียงอี้แล้วพูดว่า "หมาป่าเดียวดาย ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังจะจากไป ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด จงจำไว้ว่าเจ้าจะต้องปิดบังพลังที่แท้จริงของเจ้าไว้ตลอดเวลาและอย่าประมาท หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าและไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ เจ้าสามารถกลับมาที่นี่ได้ตลอดเวลา โถงวรยุทธยินดีต้อนรับคู่ซ้อมป้ายทองเสมอ"

เจียงอี้พยักหน้าแล้วก้มศีรษะอย่างลึกซึ้ง และพวกเขาก็ออกไปที่ประตูด้านข้างของโถงวรยุทธ

บนทางเท้าด้านนอก รถม้าอันสง่างามกำลังรอเขาอยู่ มันมีคำว่า "จี" ขนาดใหญ่สลักอยู่ เจียงหยุนไฮ่เห็นเจียงอี้และพยักหน้าเล็กน้อย เขายืนอยู่ข้างรถม้าและบอกให้เขาขึ้นรถโดยไม่ได้พูดอะไร

เจียงอี้กระโดดขึ้นรถและเห็นเบาะที่เหมือนเตียงซึ่งเจียงเสี่ยวนู๋กำลังนอนหลับสนิทอยู่ เขาก็ปลดปล่อยความโล่งใจและเปิดม่านรถม้าเพื่อมองผู้ดูแลหยางพร้อมโบกมือลา

“ไปกันเถอะ!”

เจียงหยุนไฮ่เข้ามาในรถและสั่งคนขับรถม้าจากตระกูลจี คนขับรถม้ายกแส้ขึ้นเบาๆและรถม้าก็มุ่งหน้าไปยังประตูทางใต้ของเมือง

รถม้าแล่นผ่านเมืองเทียนอวี่ที่คึกคักและมาถึงที่ประตูทางใต้อย่างรวดเร็ว ด้านนอกของประตู จีเทียนและเจียงหยุนซานยืนอยู่ข้างประตูซึ่งแต่ละคนนำลูกน้องของพวกเขามายืนอย่างเงียบๆ คนขับเห็นทั้งสองคนและหยุดรถม้าอย่างรวดเร็ว เจียงหยุนไฮ่เปิดม่านแล้วมองจีเทียน “จีเทียน ภูเขาและแม่น้ำนั้นบรรจบกัน หากวันหน้ามีโอกาส เราคงได้พบกันอีก!”

จีเทียนพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย เขาโบกมือแล้วพูดว่า “พี่หยุนไฮ่ รักษาตัวด้วย! เมื่อท่านมีเวลา โปรดมาร่วมดื่มกับข้า!”

เจียงหยุนซานเห็นได้ว่าเจียงหยุนไฮ่ยังคงไม่สนใจเขา และหัวหน้าตระกูลเหมือนจะรู้สึกหดหู่ แต่เขายังคงกำกำปั้นและกล่าวลา “ลุงไฮ่ รักษาตัวด้วย!”

ในชั่วขณะหนึ่งที่เจียงหยุนไฮ่กวาดตามองไปที่เจียงหยุนซานและพยักหน้าอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็ส่งสายตาประหลาดให้จีเทียนและดึงม่านลงและพูดกับคนขับรถม้าว่า “ไปเถอะ!”

“ย่าห์”

ในขณะที่จีเทียนเห็นว่าเจียงหยุนไฮ่ลับไปแล้ว เขาจึงถอนหายใจยาว “เฮ้อ… หยุนซาน พี่หยุนไฮ่เอาใจใส่ให้กับตระกูลเจียงของเจ้าเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่เจ้ากลับไปทำร้ายหัวใจเขา!”

เจียงหยุนซานยังคงนิ่งเงียบต่อไป ย้อนกลับไปเมื่อตอนเจียงหยุนไฮ่ออกเดินทางคราวก่อน เขากล่าวชัดเจนกับพวกเขาที่จะดูแลเจียงอี้เป็นอย่างดี แต่เจียงหยุนซานกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย ทำไมต้องใส่ใจขยะที่ถูกผนึก? หลายปีที่ผ่านมาเขาเห็นว่าเจียงอี้ถูกรังแก ถูกเนรเทศและกดขี่อย่างไร

แต่เขาคิดว่าเจียงหยุนไฮ่เสียชีวิตไปแล้วและคิดว่าเขาอาจทิ้งเจียงอี้ไว้ให้เผชิญชะตากรรมของเขา เขาไม่ได้คาดหวังว่าทุกก้าวที่เขาเดินไปผิดทางจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียเป็นอย่างมากต่อตระกูลเจียง เขาไม่สามารถตำหนิใครได้นอกจากตัวเอง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเจียงหยุนซานถามว่า “ท่านเจ้าเมืองจี ลุงไฮ่ได้กล่าวอะไรหรือไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด? แล้วพวกเขาจะกลับมาไหม?”

“ข้าไม่แน่ใจ!”

จีเทียนส่ายหัวและพูดอย่างแน่วแน่ว่า “จงรอดูเถิด ด้วยพรสวรรค์และนิสัยของเจียงอี้ เขาจะโด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรภายในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นเราจะรู้เองว่าพวกเขาไปที่ใดกัน!”

“โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรหรือ?”

เจียงหยุนซานขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัยว่า “พรสวรรค์ของเจียงอี้ไม่ได้มากมายอะไร ใช่ไหม? ถึงแม้ว่าเขาจะมีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ หากเขาไม่สามารถบรรลุได้เขาจะยังคงเป็นขยะ ใช่ไหม?”

“เจ้าโง่!”

จีเทียนทำอะไรไม่ได้นอกจากตกปากรับคำ หากไม่ใช่เพราะสายตาพิลึกที่เจียงหยุนไฮ่ให้ไว้เมื่อตอนเขากล่าวคำอำลา..ว่าขอให้เขาดูแลตระกูลเจียง เขาคงไม่สนใจที่จะให้คำแนะนำใดๆกับเจียงหยุนซาน เขามองเจียงหยุนชานด้วยหางตา

“ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์หรือ? ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจียงอี้ เจ้าคิดว่าเขาจะทำได้สำเร็จหรือไม่? เจียงอี้เข้าสู่ความสันโดษน้อยกว่าหนึ่งเดือนและตอนนี้เขากำลังจะพัฒนาไปสู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตฉูติ่งแล้ว!”

“แม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเม็ดยาพิภพและพลังงานจากโถงวรยุทธ แต่ความสามารถของเขาจะต้องอยู่ในระดับเดียวกับอัจฉริยะยอดเยี่ยมแห่งอาณาจักรเสินหวู่เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กคนนี้มีสิ่งที่พิเศษในร่างกายของเขา แล้วดูสิ่งที่เจ้าทำลงไปสิ ไม่เพียงแต่เจ้าจะทำให้หัวใจของพี่หยุนไฮ่เยือกเย็น แต่เจ้าได้สูญเสียเหล่าลูกหลานอัจฉริยะของตระกูลเจียงด้วย และหากไม่มีอะไรเกิดกับเจียงอี้ไปเสียก่อน ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเขาจะกลายเป็นผู้ที่อยู่ที่เหนือเกินจินตนาการของเราเสียด้วยซ้ำ!”

“ฮะ…”

ร่างกายของเจียงหยุนซานสั่นไหว ใจเขาโกรธและยากที่จะสงบนิ่ง ในขณะที่เขามองรถม้าที่ดูเหมือนอยู่ไกลลับตาแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและหมดหนทาง ถ้าเจียงอี้กลายเป็นอย่างที่จีเทียนกล่าวมา เขาจะทำเช่นไร เขาจะเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษของเขาได้อย่างไรเมื่อถึงเวลาไปปรภพของเขา?

“ไปแล้ว พวกเขาไปกันแล้ว!”

สาวน้อยผู้หนึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในฝูงชน นางสวมชุดสีแดงเพลิงและจ้องมองที่รถม้าซึ่งอยู่ไกลออกไปด้วยดวงตาที่เว้าวอน อี้หลิงเสวี่ยถอนหายใจ นางรู้ว่าการจากไปของเจียงอี้จะทำให้เขาไปจากนางและออกจากโลกของนางไปอย่างถาวร!

...

“ท่านปู่ เราจะไปที่ใดกัน?”

เมื่อรถลากออกไปได้หลายร้อยเมตร เจียงอี้ใช้มือของเขาลูบใบหน้าเสี่ยวนู๋แล้วพูดเบาๆกับเจียงหยุนไฮ่

เจียงหยุนไฮ่ชี้ไปทางทิศใต้แล้วหัวเราะ “เรากำลังจะไปที่เมืองจิตอสูรซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของอาณาจักรเสินหวู่ ท่านต้องไปมีส่วนร่วมในงานที่เรียกว่า เทศกาลชำระโลหิต มันเป็นวิธีเดียวที่ท่านจะมีโอกาสได้เข้าสู่สำนักจิตอสูร! หลังจากเข้าเรียนที่สำนักจิตอสูรแล้ว ท่านจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหมอเทวะ และเมื่อท่านมีสัมพันธ์กับเขาแล้ว ข้าจะนำเสนอของมีค่าของข้าและพิษของเสี่ยวนู๋ก็จะถูกถอนได้อย่างง่ายดาย”

เจียงอี้กระพริบตาและถามด้วยความงุนงงว่า “ท่านปู่ ทำไมท่านไม่เพียงตรงไปที่สำนักแล้วเข้าไปคุยกับหมอเทวะโดยตรงเลยล่ะ? แล้วอะไรคือเทศกาลชำระโลหิตหรือ?”

“ฮ่าๆ เด็กโง่!”

เจียงหยุนไฮ่หัวเราะด้วยความเมตตา “สำนักจิตอสูรตั้งอยู่ในหุบเขาสามหมื่นลี้ มันไม่ได้เป็นพื้นที่ของหกขั้วอำนาจใดๆและเป็นอิสระโดยไม่ต้องพึ่งพาพลังที่มีอิทธิพลใดๆ แม้แต่ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวก็ไม่สามารถเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้น ข้าคงไม่ขอให้ท่านเสี่ยงกับการเข้าร่วมการชำระโลหิตหรอก!”

“สำหรับงานชำระโลหิตมันก็เป็นไปตามชื่อเรียกเลย มันเป็นงานการฝึกฝนที่อันตราย ทุกครั้ง สำนักจิตอสูรจะเป็นเจ้าภาพจัดงานรับสมัคร และพวกเขายังเป็นเจ้าภาพงานชำระโลหิตด้วย พวกเขาอนุญาตให้เมืองต่างๆร่วมเทศกาลและผู้เข้าร่วมบางคนที่ต้องการจะสำรวจหุบเขาสามหมื่นลี้ด้วยตนเองเพื่อลองและไปถึงบริเวณสำนัก”

“บุคคลทั้งห้าจากเมืองเทียนอวี่เช่นกัน พวกเขาจะต้องข้ามภูเขาและฆ่าสัตว์อสูรระดับต่ำ พวกเขาจึงจะเป็นศิษย์หากพวกเขาสามารถไปถึงสำนัก แต่หากพวกเขาไม่สามารถไปถึงสำนักได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด พวกเขาจะถูกส่งกลับไป และแน่นอนว่ามันไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาในการผ่านการชำระโลหิตนี้”

“อา?”

เจียงอี้สับสนมากกว่าเดิม เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคนที่เข้าร่วมการชำระโลหิตก็คือจีทิงยวี่และคนอื่นๆใช่ไหม?”

“แน่นอน มันเป็นสิ่งที่ท่านก็ต้องทำเช่นกัน!”

เจียงหยุนไฮ่อธิบายต่อ “มีการชำระโลหิตสองประเภทคือประเภทหนึ่งสำหรับผู้ที่ได้รับตำแหน่งและอีกประเภทหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับตำแหน่งเช่นท่าน และแน่นอนว่าถ้าท่านเข้าร่วม ความยากลำบากในการชำระโลหิตจะยากลำบากยิ่งกว่านั้น แม้ว่าท่านจะผ่านการชำระโลหิตแล้วก็ตาม ท่านจะได้เข้าเรียนที่สำนักจิตอสูรในฐานะศิษย์นอกสำนัก ครึ่งปีต่อมา ท่านจะต้องเข้าร่วมการชำระโลหิตพิเศษ จากนั้นท่านถึงจะกลายเป็นศิษย์สำนักอย่างเป็นทางการ!”

“ภายในสำนักจิตอสูรมีศิษย์ที่แตกต่างกันหลายระดับ: ศิษย์นอกสำนัก, ศิษย์สำนักสามัญ, ศิษย์สำนักยอดเยี่ยม, และศิษย์สำนักอัจฉริยะ…เมื่อผ่านการชำระโลหิตสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เจ้าจะมีโอกาสได้เข้าใกล้และทำความรู้จักกับหมอเทวะ...”

“เรื่องมันก็เป็นเช่นนั้นแหละ!”

เจียงอี้ปวดหัวหลังจากได้ยินข้อมูลทั้งหมด แต่เมื่อเขาหันมามองเจียงเสี่ยวนู๋ผู้หลับไหล ใบหน้าที่บอบบางของเขาก็มุ่งมั่นขึ้นมา

ไม่ว่าจะยากหรือลำบากเพียงใดเขาจะฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เขาต้องเป็นศิษย์ที่โดดเด่น และได้รับการยินยอมจากหมอเทวะเพื่อมารักษาเจียงเสี่ยวนู๋ให้ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด