Chapter 135 – Black Market Eleventh Shopping (3) [15-03-2020]
Chapter 135 – Black Market Eleventh Shopping (3)
"รู้อะไร?"
เมื่อซังจินได้ถามกลับไปพร้อมกับเอียงหัว ฟรานซ์ก็ได้ตอบกลับมา
"อ่อ...หลังจากการจู่โจมคูลดาวล์ทั้งหมดจะได้รับการฟื้นคืนมา แม้ว่าจะเป็นคูลดาวล์ที่ใช้เวลา 1 วันก็ตาม ฉันคิดว่านั่นมันจะมีการเปลื่ยนแปลงด้านเวลาวันที่ในช่วงเวลาระหว่างก่อนและหลังการจู่โจม"
"โอ้...จริงหรอ? ฉันก็ฉันก็มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เหมือนกัน"
ระยะเวลาของการจู่โจมจะไม่ตรงกับเวลาที่เมื่อนักล่าถูกวาปไปและเวลาที่กลับมา และเมื่อใดก็ตามที่เขากลับมาเขาจะสังเกตุเห็นได้ว่าเคนและราร์ตัวใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก
'หลายวัน...ไม่สิ เป็นเดือนงั้นหรอ?'
เขาเคยสงสัยในเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ว่ามันจะปรากฏความจริงออกมาเมื่อเวลาผ่านไปเอง
"หืมม...ถ้างั้นฉันก็ควรที่จะสามารถรวบรวมทุกคนมาได้ในวันนี้เหมือนกันสินะ"
"ใช่แล้ว ฉันก็คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้"
"นั่นมันดีมาก ฉันมีเรื่องที่จะต้องพูดมากมายเลย ถ้าอย่างนั้นฉันคิดว่าฉันจะเรียกหาทุกๆคนก่อนมือเย็น? พวกเราทุกคนจะได้มากินอาการด้วยกันได้"
การพบในตอนเช้ามันก็ดี แต่มันจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าทุกคนสามารถที่จะเจอกันได้อีกในตอนมื้อค่ำ แถมซังจินยังต้องการที่จะแนะนำเบลเทรนให้ทุกๆคนรู้จักอีกด้วย
"นั่นฟังดูดีนะ"
ฟรานซ์ได้ตอบกลับมาอย่างร่าเริง
"ถ้างั้นฉันจะเรียกนายอีกซักพักนะ"
จากนั้นฟรานซ์ก็โค้งให้ซังจิน
"ครับท่าน"
เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนา ซังจินก็ได้มุ่งหน้าไปที่โรงตีเหล็กของคาร์กอสก่อนที่จะกลับโรงแรม มันเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะถามเกี่ยวกับ 'ดาวฤดูหนาว' ที่ลึกลับ
'ดาวฤดูหนาว..'
เขาไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกเลยว่ามันคืออะไร ซังจินได้เข้าไปในโรงตีเหล็กพร้อมกับถือดาวฤดูหนาวไว้ในมือ โชคตีที่คาร์กอสได้เห็นมันในทันที
"หืมม นั่นมันอัญมณีนี่...ดาวที่ส่องอยู่เพียงลำพังในตอนค่ำคืน อัญมณีที่เป็นสัญลักษณ์ของความโดดเดี่ยว"
"สัญลักษณ์ของความความโดดเดี่ยว...มันหมายความว่าอะไร?"
เมื่อซังจินได้ถามออกไป คาร์กอสก็ได้ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วและตอบกลับ
"ฟังให้ดีนะ มันมีอยู่สองวิธีที่จะใช้อัญมณีนี้"
ซังจินได้หยักหน้า
"โอเค"
"อย่างแรกก็ง่ายๆ ไปหาเมอริเดี่ยนและขายมัน"
"...อืมมม..."
"จากนั้นนายก็จะได้รับเหรียญหลายพันเหรียญเพราะว่าอัญมณีมันมีราคาที่แพง"
หลายพันเหรียญสำหรับชิ้นส่วนวัสดุมันไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับซังจินเลย เขาได้ถามต่อไปอย่างไม่ลังเล
"แล้วอีกวิธีล่ะ?"
"มันเป็นการสร้างไอเทม"
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนายสร้างมัน?"
"ฉันได้บอกนายไปแล้วว่านี่คืออัญมณีที่เป็นสัญลักษณ์ของความโดดเดี่ยว"
"นั่นมันหมายความว่า..."
เมื่อซังจินกำลังจะพูดจบ คาร์กอสก็ได้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดออกมา
"มันจะกลายเป็นไอเทมที่ช่วยให้นายสามารถจะเข้าสู่การจู่โจมได้เพียงลำพัง"
ซังจินตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาได้ร้องออกมาอย่างประหลาดใจ
"อะไรนะ!?"
คาร์กอสได้ชูดาวฤดูหนาวขึ้นและพูดออกมา
"ถ้านายใช้มันก่อนที่การจู่โจมจะเริ่มขึ้น นายจะสามารถเข้าไปในการจู่โจมได้เพียงลำพังโดยปราศจากทีม แน่นอนว่านั่นมันหมายถึงว่านายจะได้รับทุกๆอย่างแบบ 100% แต่ว่านายจะต้องมีความมั่นใจในการเอาชนะการจู่โจมด้วยตัวคนเดียวด้วย"
ซังจินมีความมั่นใจในเรื่องนี้มากยิ่งกว่าใครๆ เขาแม้แต่เตรียมพร้อมที่จะเคลียการจู่โจมแบบ 10 คนด้วยตัวคนเดียวอีกด้วย ด้วยไอเทมนี้เขาสามารถที่จะจัดการกับพวกมอนสเตอร์ได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร
"ถ้างั้นนายจะเลือกอะไร? นายจะไปหาเมอริเดี่ยนและ...."
ก่อนที่คาร์กอสจะได้พูดจบ ซังจินก็ได้ตอบกลับไป
"อย่างที่สอง ช่วยสร้างมันที"
คาร์กอสได้ยิ้มขึ้น
"โอเค ฉันรู้ว่านายจะเลือกวิธีนี้ ถ้างั้นไปก่อนและกลับมาอีกครั้งในตอนพรุ่งนี้เช้า ค่าสร้างไอเทมคือ 1000 เหรียญ"
มันไม่ได้มีราคาแพงเลยแม้แต่น้อย
"เข้าใจแล้ว ถ้างั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้"
ซังจินได้ก้มหัวลงกล่าวลาและกลับไปที่โรงแรม
****
เมื่ออยู่ที่โต๊ะ ซังจินก็ดึงคทาแห่งขุนศึกออกมา เขาได้ชูมันขึ้นไปบนอากาศและประกาศออกมา
"รวมพล"
ใบหน้าของผู้ถูกเลือกได้เริ่มปรากฏขึ้นมาบนลูกบาศก์ โดยคนแรกก็คือฟรานซ์
"ฟรานซ์ มันถึงเวลาแล้ว"
เขาจะต้องรอคอยซังจินอยู่แล้ว
"เข้าใจละ ฉันพร้อมแล้ว"
ต่อมาก็คือเซริน
"ว่าไงเซรินมาเถอะมา มากินอาหารเย็นด้วยกัน"
"ด้วยกันกับทุกคนหรือสองคน?"
"ทุกคนสิ"
"อา...โอเค โอปป้า"
จากนั้นก็นาดา
"นาดา ฉันมีแผนว่าจจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำด้วยกันกับทุกคนที่นี่ ดังนั้นมาด้วยนะ ฉันต้องการที่จะพูดเกี่ยวกับการจู่โจมอีกด้วย"
"โอเค"
พวกเขาทั้งสามคนได้มาถึงโรงแรมของซังจินเป็นกลุ่มแรก จากนั้นซังจินก็ถามกับเซรินคนแรก
"แล้วเธอหาชิ้นส่วนลับเจอมั๊ย?"
"เจอแล้ว เมื่อพวกเราเริ่มหามัน มันก็อยู่ตรงกับตำแหน่งที่โอปป้าพูดเลย"
"งั้นสินะ"
จากนั้นซังจินก็ได้ตัดสินใจถามนาดาเช่นกัน
"เธอดูไม่เป็นไรนะ ฉันเดาว่ามันเป็นไปด้วยดีใช่มั๊ยในการต่อสู้กับบอสลับน่ะ"
"ใช่แล้ว ฉันทำได้อย่างที่นายพูดและมันค่อนข้างจะง่าย ซอมบี้ของฉันจำนวนมากได้ถูกล้มไป แต่ว่าที่นั่นมันก็มีศพอยู่เป็นจำนวนมาก
"ฉันก็คิดแบบนั้น เธอดูจะมั่นใจมากขึ้นนะนาดา"
ในที่สุดเบลเทรนก็ได้ปรากฏขึ้นบนลูกบาศก์
"อา สุดยอดนักล่าเค เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
"ฉันได้เรียกรวมทุกๆคนน่ะ ช่วยตอบรับคำขออัญเชิญด้วย"
"อา โอเค"
เบลเทรนเป็นคนสุดท้ายที่ซังจินกำลังคอยอยู่ มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนที่ย้ายมาใหม่ในระหว่างกลางเทอมจะปรับตัว อย่างแรกที่ซังจินจะต้องจัดการทำก็คือการแนะนำเบลเทรนกับทุกๆคน
"นี่คือเบลเทรน เขาเป็นคนอเมริกาและก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ"
เบลเทรนผู้ที่สูงกว่าทุกๆคนโดยประมาณครึ่งหัวได้คำนับเล็กน้อยและแนะนำตัว
"ชื่อของฉันคือกาเร็ต เบลเทรน ยินดีที่ได้รู้จักนะทุกๆคน"
เซริน นาดาและฟรานซ์ได้กล่าวต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
"สวัสดีจ้า"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
"ยินดีต้อนรับนะ"
ซังจินได้กอดอกและพูดออกมา
"พวกเราได้พบกันในบทที่ 1 และก็ด้วยอะไรบางอย่างก็ทำให้เราได้มาเจอกันอีกครั้ง"
ดวงตาของเซรินได้เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
"โอ้ จริงหรอ?"
นาดาได้หยักหน้ายอมรับในสิ่งนี้
"เป็นชะตากรรมที่น่าสนใจ"
ซังจินได้ปรบมือขึ้นครั้งหนึ่ง
"ถ้างั้นเรามาจบการแนะนำตัวที่เชื่องช้านี้และมาเริ่่มต้นอาหารเย็นและแบ่งปันเรื่องราวกันดีกว่านะ ดารูปินขอออเดอร์หน่อยนะ"
ดารูปินได้เข้ามาและโค้งคำนับ
"ผมจะต้องเตรียมอะไรให้กับพวกท่าน ท่านนักล่าที่รัก"
"อย่าสั่งแบบของคนเดียวนะและเรามาเริ่มงานเลี้ยงใหม่กัน อย่างนี้เป็นไง?"
"ฟังดูเข้าท่านี่"
"แล้วอาหารของประเทศอะไรล่ะที่เราควรจะเลือก? จีน? อินตาเลี่ยน? ฝรั่งเศส? หรือเกาหลีดีล่ะ?"
****
ผู้ถูกเลือกได้เลือกที่จะกินอาหารฝรั่งเศสกันในขณะเดียวกันพวกเขาก็แลกเปลื่ยนความคิดเห็นเล็กๆกัน
"เมื่อในตอนที่ฉันถูกอัญเชิญฉันกำลังขับรถลาดตะเวนไปรอบๆอยู่เลย มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆนะ"
"ฉันน่ะกำลังวิ่งอยู่ที่แม่น้ำฮานอยู่แล้วแต่ทันใดนั้นวิสัยทัศของฉันก็ได้เปลื่ยนไปและฉันก็ได้พบว่าตัวเองอยู่ที่อื่น"
"ฉันกำลังเรียนอยู่ที่มหาลัย และเมื่อฉันกระพิบตาศาตราจารย์ก็ได้เปลื่ยนไปกลายเป็นหุ่นและลูกบาศก์ของโอเปอเรเตอร์"
พวกเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับในตอนแรกที่ถูกเรียกมาที่แห่งนี้
"อี้ แต่ว่าเคาน์เดมิทรีไม่ได้แย่เท่าไหร่นะ ไม่ใช่ว่าพวกฮาปี้มันแย่กว่าอีกหรอ?"
"ฉันเห็นด้วยกับเคาน์เดมิทรี"
"ฉันก็ด้วย"
พวกเขาได้แชร์ประสบการความรู้สึกของพวกเขาในการจู่โจมก่อนหน้านี้
"แล้วเคก็ปรากฏตัวออกมาแค่เท่านี้และก็เปรี้ยง! เขาได้โยนดาบเข้ามาและขวานที่ชายคนนั้นถือ..."
"โอ้"
พวกเขาได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับในตอนที่พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากซังจิน อารมณ์ของกลุ่มในตอนนี้เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
ในอดีตนั้นไม่ว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาได้พบกันช้าไปหรือไม่ก็อยู่ภายใต้ความกดดันหรือความกลัว พวกสมาชิก 10 คนสุดท้ายพูดคุยกันก็แค่เรื่องของการจู่โจมถัดไปเท่านั้น แต่ว่ากลุ่มของเขาในตอนนี้ได้ทำความรู้จักกันอย่างรวดเร็ว บางทีนี้อาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของพวกเขา
พวกเขามักจะไว้ใจซังจิน แต่ว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ดี เริ่มจากการคุยกันแบบนี้มันจะเป็นการเพิ่มความสนิทสนมกันของพวกเขาและช่วยเพิ่มการร่วมมือกัน ซังจินก็ยังรู้สึกสนุกสนานไปกับการสนทนาและหัวเราะไปตามมุกของคนในกลุ่มและพูดคุยไปด้วยเช่นกัน
"โอเค ถ้างั้น"
ทุกคนได้หยุบพูดเมื่อซังจินโพร่งขึ้นมา
"ให้มันจบที่นี่และอืมม ฉันอะไรที่ต้องการจะประกาศอย่างเป็นทางการบางอย่างน่ะ"
"มันคืออะไร?"
"อย่างแรก ถ้าพวกนายรู้แม้แต่น้อยว่ามันเป็นอันตรายกับชีวิตของพวกนายก็จงละเว้นทุกอย่างและเรียกฉัน ไม่ต้องรู้สึกอับอายไม่ว่าจะเป็นฆาตกรหรือมอนสเตอร์ก็เพียงแค่เรียกฉัน ถ้าสถานการณ์มันดูน่ากลัว ฉันจะทิ้งทุกๆอย่างและไปหาในทันที พวกนายทุกคนเป็นคนที่สำคัญสำหรับฉัน ฉันไม่สามารถจะปล่อยให้ใครสักคนตายไปได้"
ฟรานซ์ได้ก้มหัวลงในขณะที่ซังจินพูด คนอื่นๆก็หยักหน้ารับ เขาจะต้องรู้สึกสะท้อนใจถึงการกระทำของเขาในวันนี้
"อย่างที่สอง เตรียมพร้อมสำหรับบทที่ 14 สำหรับ 12 13 ...พวกนี้จะเป็นเพียงการจู่โจมในแบบ 5 คนปกติดังนั้นมันจะไม่ยากนัก แต่ว่าในบทที่ 14 นั่นต่างออกไป มันจะเป็นการจู่โจมแบบ 10 คน และก็จะมีบอสที่ทรงพลังปรากฏตัวออกมา มันอาจจะยากสำหรับทุกๆคนที่นี่แม้ว่าจะมีโบนัสสเตตัสก็ตาม แม้ว่ามันจะมีจำนวนคนถึงสิบคนแต่ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของเพื่อนร่วมทีมที่พบด้วย ดังนั้นจงพยายามให้หนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะถึงตอนนั้น"
เบลเทรนได้ยกมือขึ้น
"เคนายรู้ได้ยังไงว่าในบทที่ 14 จะเป็นการจู่โจมแบบ 10 คน?"
ซังจินได้มองไปที่เขาครู่หนึ่ง เขาเป็นสมาชิกใหม่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ตระหนักถึงกฏที่ไม่ได้พูดออกมา ไม่มีใครมีสิทธิที่จะถามว่า 'รู้ได้ยังไง' กับสุดยอดนักล่าเค ซังจินได้กระแอ่มไอและพูดออกมา
"นั่นคือ..."
ตาของเบลเทรนได้โตขึ้น แม้แต่ดวงตาของเซรินก็ยังเปิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่ว่า
"ความลับ"
เบลเทรนได้มองตรวจสอบไปที่คนอื่นๆ แต่ว่าทุกคนได้หลีกเลี่ยงการมองของเขาและในที่สุดเบลเทรนก็เข้าใจถึงสถานการณ์นี้
"อา โอเค"
"อย่างที่ 3 การแลกเปลื่ยนไอเทมระหว่างกันและกัน โอเปอเรเตอร์"
ซังจินได้เรียกลูกบาศก์และหยิบไอเทมที่เขาเตรียมไว้ออกมา เขาได้ถือธนูและโล่ของอิลลิชเอาไว้
"นี้คือไอเทมที่ฉันได้รับในรอบนี้...เซรินเธอต้องการธนูมั๊ย?"
ดวงตาของเซรินได้แสดงออกมาว่าเธอมีมันอยู่แล้ว
"ฉันได้รับมันมาแล้วหนึ่งอันในรอบนี้และกำลังวางแผนที่จะใช้มัน"
"ถ้าอย่างนั้นเธอก็รู้ใช่มั๊ยว่าถ้าเธอนำทั้งสามชิ้นนี้ที่เหมือนกันไปให้กับชั่งตีเหล็กเธอก็สามารถจะยกระดับไอเทมได้"
"แน่นอน ฉันเคยซื้อดาบเล่มนั้นให้กับโอปป้าในอดีต จำได้มั๊ย?"
"อา...ใช่แล้ว"
ซังจินได้เกาหัวของเขา
"เอาละ แบบนั้นแหละ ถ้าพวกนายได้รับไอเทมที่ไม่ต้องการ ให้บอกออกมาและลองแลกเปลื่ยนไอเทมเพื่อที่จะช่วยคนอื่นๆ โดยเฉพาะกับไอเทมระดับตำนาน ลองแลกเปลื่ยนกันเองก่อนที่จะขายมัน"
"โอเค"
ระบบนี้มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับทุกๆคน มันเป็นระบบที่จะทำให้ทุกๆคนได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
"อย่างที่ 4 ...."
ซังจินได้หยุดพูดเพื่อให้ดารูปินได้ส่งกระดาษให้กับนักล่าแต่ละคน บนกระดาษนั้นจะเขียนเกียวกับรายละเอียดของนักล่าหลายๆคน ลักษณะของนักล่า อาวุธของนักล่าและฉายาที่คาดว่าจะเป็นของพวกเขา
เอ็ดเวิร์ด ผมสีบลอนด์เป็นชาวคอเคเซี่ยนผิวขาว คทา สุดยอดจอมเวทย์
ริว ชิน ผมดำผิวสีแทน หอก เทพหอก
นี่มันเป็นลิสคำอธิบายของสมาชิก 10 คนสุดท้ายที่ยกเว้นเฉพาะนา อิลลิชและตัวเขาเอง ซังจินได้พูดกับคนในกลุ่มของเขา
"ถ้าพวกนายเห็นคนเหล่านี้ให้เรียกฉันในทันทีโดยไม่ต้องรอ เข้าใจนะ?"