บทที่ 68 - สวนแฟรี่ (1)
บทที่ 68 - สวนแฟรี่ (1)
”
ทักษะของอันเดตคำรามของอัศวินโครงกระดูกนั้นมันน่ารำคาญมาก แม้ว่าฉันจะแก้ไขมันได้ด้วยทักษะวอคลายแต่ว่ามันก็ใช้ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น
แน่นอนว่ามีฉันสามารถจะใช้ระเบิดสายฟ้าทมิฬได้ อัศวินโครงกระดูกมันไม่สามารถจะหลบระเบิดสายฟ้าทมิฬได้ในระยะใกล้ๆแน่นอน
แม้ว่าระเบิดสายฟ้าทมิฬมันจะไม่สามารถที่จะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะว่ามันมีร่างกายเป็นกระดูกก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็จะต้องเป็นอัมพาตในช่วงระยะเวลานั้น
และก็เนื่องด้วยระเบิดสายฟ้าทมิฬก็สามารถจะใช้ได้วันละครั้งเช่นเดียวกัน ในครั้งที่สามฉันก็เลยได้ใช้ทักษะผิวมังกร ฉันสามารถจะใช้มันได้จนหมดระยะเวลาทักษะอันเดตคำรามของมันได้ ไม่ว่ามันจะโจมตีฉันยังไงก็ตามอย่างน้อยฉันก็จะไม่มีทางตาย
ถ้ามันเป็นไปได้ ฉันก็อยากที่จะเอาชนะมันได้โดยที่ไม่ใช้ทักษะของบอส แต่อย่างไรก็ตามถ้าฉันไม่เอานักบวชมาร่ายเวทย์ป้ิองกันสถานะ ฉันก็ไม่สามารถจะคิดวิธีต่อต้านทักษะมันได้
ฉันได้พยายามที่จะถามหลิน แต่ว่าเขาก็ได้บอกว่าไอเทมที่สามารถจะใช้ป้องกันทักษะอันเดตคำรามมีอยู่แค่ชั้นที่ 60 ขึ้นไปเท่านั้น แม้ว่าฉันจะไม่ควรที่จะพูดแบบนี้ แต่ว่าทักษะของบอสประจำชั้นมันโกงจริงๆเลย
[ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าอัศวินที่แท้จริงเขาเป็นกันยังไง!]
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของอัศวินโครงกระดูกในครั้งนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
"บุคลิกของบอสสามารถจะเปลื่ยนไปได้ด้วยเหมือนกันหรอ?"
บอสจนถึงตอนนี้นั้นจะมีบุคลิกที่เรียบง่ายยและโหดร้าย มันจึงไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจในเรื่องนี้ แต่ว่าที่นี่คือบอสชั้นที่ 30 มันได้เปลื่ยนแปลงบุคลิกภาพของตัวเองและลูกน้องอย่างชัดเจน
[ทุกคนเข้าไป! ทำให้ผู้ที่บุรุกมาต้องจ่ายด้วยชีวิตของมัน!]
"คุฮ่าๆๆ ฉันจะเปลื่ยนหัวกระโหลกของฉันในวันนี้!"
"กระดูกสันหลังของเขาเป็นของฉัน!"
"ชุดเกราะนั่นดูดีนี่ มันจะต้องเป็นของฉัน!"
พวกลูกน้องครงกระดูต่างก็คิดที่จะเอาชิ้นส่วนของฉันไปอย่างชัดเจนราวกับว่าเป็นโจรค้าอวัยวะ
"ดูเหมือนว่ามันจะยากกว่าครั้งที่แล้วนะ ไพก้า!"
[ศรสายฟ้า]
เวทย์ธาตุของไพก้าได้ทำงานออกมาและจอมเวทย์โครงกระดูกก็ได้ใช้เวทย์ป้องกันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกกระดูกระยะประชิดก็วิ่งเข้ามาพร้อมๆกับอัศวินโครงกระดูก น่าแปลกใจมากศรสายฟ้ากว่าครึ่งได้หายไปโดยที่ไม่สามารถจะเจาะการป้องกันได้ แน่นอนว่าอีกครึ่งที่เหลือก็ได้เจาะเข้าไปในตัวของโครงกระดูกจอมเวทย์อย่างสวยงาม
[นายท่านอีกรอบมั๊ย?]
"ไม่ต้อง มันไม่เป็นไรแล้วพวกนักธนูมันไม่อันตรายเท่ากับจอมเวทย์"
แม้ว่าฉันจะกินมานาโพชั่นลงไปได้แต่ว่ามันก็จะต้องคูลดาวล์ ซึ่งมันอาจจะทำให้ฉันไม่สามารถจะใช้เวทย์ธาตุได้อย่างอิสระ ฉันได้โคจรวงจรเพรูต้าไปอย่างช้าๆในขณะที่แทงหอกออกไปข้างหน้า
ฉันกำลังเผชิญหน้ากับทหารโครงกระดูกที่มากกว่า 200 ตัว แม้ว่ามันจะดูแตกต่างไปจากการจู่โจมครั้งแรกที่ไม่เป็นระเบียบ แต่ว่าฉันก็ชอบแบบที่มันตั้งค่ายากมากกว่าง่าย
"พวกแกทั้งหมดเข้ามา!"
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ! ศัตรูทั้งหมดจะเข้ามาโจมตีคุณด้วยความเกลียดชัง]
"ก๊าซซซซ!"
"เราจะเหยียบย่ำมัน! และเอากระดูกของมันมา!"
"เอาหัวกระโหลกมา!"
ฝีเท้าของเหล่าโครงกระดูกได้เร็วมากขึ้น ด้วยรอยยิ้มกว้างฉันได้แทงหอกออกไป กระแสมานาของฉันได้หมุนวนจากหอกและพุ่งทะลวงฉีกกระชากเหล่าโครงกระดูก
"เท็มเพรส"
[ติดคริติคอล]
"อ๊ากกก!"
"ก๊าซซซซ!"
พวกโครงกระดูกและลูกธนูที่ยิงออกมาได้กระเด็นกลับไปด้วยแรงจากเท็มเพรส การโต้คืนความตายนั้ได้ทำให้เพิมพลังโจมตี 50% และนักทำลายกระโหลกก็เพิ่มอัตราคริติคอลอีดเวย มันทำให้พวกโครงกระดูกได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและตายไป
[นักทำลายกระโหลกเจ้าเป็นผู้ใช้ธาตุ]
อัศวินโครงกระดูกได้กลายมาเป็นโกรธขึ้นและพุ่งมาทางฉันด้วยการขี่ม้า รูปลักษณ์นี้ของมันดูน่าสะพรึ่งกลัวและดาบใหญ่ที่ให้บรรยากาศที่น่าอัศจรรย์ มันน่าพอใจอย่างมาที่เป็นแบบนี้ ฉันได้ตะโกนออกไปในขณะที่วิ่งเข้าไปหามัน
"ขอโทษด้วยนะ แต่ว่านั่นมันไม่ใช่เวทย์ธาตุ"
[ย๊ากกกก!]
ดาบของมันได้เหวี่ยงออกมาในทิศทางแปลกๆ และมุ่งตรงมาที่คอของฉัน แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะหลบเมื่อรู้ว่ามันเล็งมาจากที่ไหน ฉันได้แทงไปที่ขาของม้าโครงกระดูกด้วยหอกในมือ เมื่อม้าโครงกระดูกมันได้เสียสมดุลไป ดาบยักษ์ที่พุ่งเข้ามาก็พลาดเป้าไปเช่นกัน
[เจ้านักทำลายกระโหลก]
"ใช่แล้ว ฉันจะขยี้หัวของนายซะ! ก่อนอื่นก็ม้าเท่ๆของนายนี่แหละ"
ให้ตายสิ ม้าโครงกระดูกนี่มันเท่จริงๆเลย เสียงตะโกนของฉันมันได้เต็มไปด้วยความอิจฉาในขณะนั้นมันก็โจมตีกลับมา แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นสำเร็จฉันก็ได้ฟาดเข้าไปที่ขาของม้าโครงกระดูกและทำให้มันเสียสมดุลไป อัศวินโครงกระดูกได้โกรธอย่างมากและตะโกนออกมา
[ฆ่านักทำลายกระโหลก!]
"ทุกคนเข้าไป!"
"กระดูกสันหลังซีกที่เจ็ดคือของข้า!"
หยุดพูดเกี่ยวกับกระดูกสันหลังทีได้มั๊ย!
[คุณได้รับ 50000 ทอง]
[รางวัลจะแจกตามลำดับผลงาน]
[คงชินมีส่วนร่วมมากที่สุด เลือกรางวัลของคุณ]
[1.อิลิกเซอร์เสริมแกร่งกระดูก (ขอย่อนะครับ)
2.หมวกอัศวินโครงกระดูก]
นี่ไงอิลิกเซอร์เสริมแกร่งกระดูก! ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างต่อเนื่องจาากรางวัลที่ได้รับมา ตามที่คาดเอาไว้จากบอสชั้นที่ 30 เลย มันได้ดรอปอิลิกเซอร์เสริมแกร่งกระดูกออกมา ทั้งหมดนี้จากโครงกระดูกที่มันเริ่มปรากฏตัวจากชั้นที่ 26! ฉันได้เลือกอิลิเซอร์มาและดื่มมันลงไปในทันที
[กระดูกของคุณได้เปลื่ยนไปกลายเป็นทนทานและแข็งแกร่งขึ้น ความแข็งแกร่งและความทนทานของคุณเพิ่มขึ้นอย่างละ 1]
"โอ้วววววว!"
ความแข็งแกร่งของฉันได้เพิ่มขึ้นตามที่คาด แต่ว่าความแข็งแรงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน! ฉัยได้กระโดดโลดเต้นขึ้นไปและสนุกสนานไปกับความสุกนี้ ครู่หนึ่งฉันก็ตั้งสติได้ เมื่อฉันกำลังจะเดินออกไปฉันก็ได้รับข้อความ มันมาจากฮวาหยานั่นเอง
[ยวน ฮวาวู]
"ว่าไง มัส...ฮวาหยา มีอะไรหรอ?"
[ทีวี...นายกำลังดูทีวีอยู่มั๊ย?]
"ฉันอยู่ในดันเจี้ยน ทำไม?"
จากนั้นฉันก็ได้รับข้อควมเข้ามา เมื่อฉันได้เปิดดูมันก็เป็นภาที่พ่อได้ส่งมาให้ฉัน
เมื่อฉันได้เปิดดูภาพฉันก็คิดขึ้น
'...ตั้งแจ่เมื่อไหร่กันที่ปราสาทโอซาก้ามันได้ปกคลุมไปด้วยเมฆสีแดงเข้ม?'
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ถูกเคลียร์มันได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน]
ฮวาหยาได้ตอบคำถามในหัวของฉันออกมาอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ฉันก็ฉันกำลังคิดถึงมัน ก็ได้มีข้อความดังขึ้นมาเป็นพรวนในระหว่างที่ฉันกำลังต่อสู้ ฉัยได้ให้ระบบนำข้อความพวกนี้ไปไว้ในบันทึกข้อความอย่างรวดเร็ว
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดัย S 'รังไวเวิร์น' ได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน! เมื่อบอสขอมอนสเตอร์ไม่ได้ถูกจัดการระยะเวลาหนึ่ง มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนก็อาจจะแตกออกมาได้]
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดัย B+ 'เกียรติยศของแม่ทัพ' ได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน! เมื่อบอสขอมอนสเตอร์ไม่ได้ถูกจัดการระยะเวลาหนึ่ง มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนก็อาจจะแตกออกมาได้]
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดัย A+ 'สุสานเหนือทะเลสาบ' ได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน! เมื่อบอสขอมอนสเตอร์ไม่ได้ถูกจัดการระยะเวลาหนึ่ง มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนก็อาจจะแตกออกมาได้]
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดัย B 'สถานที่พักผ่อนเหล่ากูล' ได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน! เมื่อบอสขอมอนสเตอร์ไม่ได้ถูกจัดการระยะเวลาหนึ่ง มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนก็อาจจะแตกออกมาได้]
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดัย D 'ถ้ำก็อบลิน' ได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน! เมื่อบอสขอมอนสเตอร์ไม่ได้ถูกจัดการระยะเวลาหนึ่ง มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนก็อาจจะแตกออกมาได้]
[เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดัย C+ ....]
"ฮวาหยา เธอรู้มั๊ยว่าพื้นที่ดันเจี้ยนมันคืออะไร?"
[ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าดันเจี้ยนที่มันอยู่ภายในเกตมันได้ย้ายไปอยู่ที่โลกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่า...มันดูเหมือนจะไม่หายไปแม้ว่านายจะเคลียร์มันอีกด้วย]
"ฉันแน่ใจว่ามีบางคนที่มีความสุขกับเรื่องแบบนี้แน่นอน"
แน่นอนว่าโลกเต็มไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์อยู่แล้ว เมืองที่ที่ทำลายไปด้วยมอนสเตอร์ก็จะต้องกลายไปเป็นรังของพวกมัน และสถานที่ที่พิเศษสำหรับเหล่ามอนสเตอร์ แม้แต่หมู่บ้านเล็กๆตามภูเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทุกๆคนจะต้องล่าพวกมันให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามกลุ่มมอนสเตอร์พวกนี้มันก็มีความอันตรายอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันจะออกมาจากที่ไหน แม้แต่ดาวเทียมก็ไม่สามารถที่จะระบุตำแหน่งของพวกมันได้ มอนสเตอร์พวกนี้มันเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเติบโตเต็มที่ในช่วงเวลาที่ไม่คาดฝัน มันจึงเป็นเหตุผลที่มีกลุ่มผู้พิทักษฺและปีกแห่งเสรีเดินเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ความจริงแล้วมันก็ยังก่อให้เกิดอัตราการตายอย่างสูงกับพวกอิสระ
ในทางกลับกันดันเจี้ยนนั้นก็จะทำให้เกิดพวกมอนสเตอร์เหมือนๆกันออกมามากมาย เมื่อการสำรวจครั้งแรกเสร็จสิ้น มันก็สามารถจะจัดระดับความอันตรายได้ นอกจากนี้มันก็ยังมีพื้นที่ที่จำกัดอีกด้วย มันทำให้เป็นไปได้ที่จะมีโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพของนักสำรวจที่เข้าไป โดยรวมแล้วการล่าในดันเจี้ยนมันง่ายยิ่งกว่าในป่า
[ใช่แล้ว สำหรับดันเจี้ยนที่มีระดับความยากที่ไม่สูงมากนักล่าก็จะมารวมตัวกัน ดังนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับพวกเรา อย่างไรก็ตามสำหรับดันเจี้ยนระดับ A หรือสูงกว่า...]
"กลุ่มผู้พิทักษ์ผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องชาวเมืองก็จะตาย"
[กลุ่มผู้พิทักษ์ก็จะต้องขอความช่วยเหลือจากปีกแห่งเสรีแน่นอน พวกเขาไม่สามารถจะเมินเฉยกับการเรียกร้องของชาวเมืองได้]
"ฮวาหยา เธอจะไม่เป็นไรใช่มั๊ย? เธอเป็นกลุ่มผู้พิทักษ์จากอังกฤษนี่!"
[ฉันน่ะไม่หรอก นายก็รู้นี่ใช่มั๊ยหละ? เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับ A ที่ได้กลายเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนระดับ A ผู้พิทักษ์ระดับ S และผู้ที่สูงกว่าจะถูกเรียกตัวไปเพื่อที่จะประเมินความอันตราย]
"เธอเป็นพวกทนอยู่แล้วนี่ เอาเถอะ ถ้ามันเป็นเธอล่ะก็นะ เธอจะไม่เป็นไร"
[ขอบคุณสำหรับคำชมน่ะ แต่ว่า... หึ ...]
เสียงของฮวาหยาได้เต็มไปด้วยความหงุดหงิด อย่างแรกฉันได้ออกมาจากห้องของบอสและออกมาจากดันเจี้ยน ฉันจะต้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกด้วยตาของฉันเอง
"แกอยู่นี่เองไอลูกชาย"
"พ่อยังไม่ได้เปลื่ยนช่องใช่มั๊ย? ผมขอดูหน่อยW
"มาดูสิ อืม นีมันเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้จัดการดันเจี้ยนที่ประเทศเกาหลีไปอย่างรวดเร็ว"
"จริง"
พ่อกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในชุดลำลองขณะที่กินป็อบคอนไปดูทีวีไป ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่ได้สนในปัญหาของประเทศอื่นมากนัก ถึงแม่ว่าเขาจะเป็นพ่อของฉัน แต่ฉันก็อิจฉาในความคิดทางแบบง่ายๆของเขา ในขณะนั้นฉันก็ยังคงสนทนากับฮวาหยาต่อไป
[นายก็รู้ว่าที่อังกฤษมีผู้ใช้พลังระดับ SS อีกคนนอกจากฉันใช่มั๊ย?]
"ฉันแล้ว ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้ชาย"
[โจชัว บริทส์แมน เขาเป็ชายที่ทนทายาดที่สุดในโลก]
"โจชัว บริทส์แมน หือ เอ๊ะ? ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน"
[เขาเป็นนักลงทุนในเกาหลี เจ้าของร้านขายเสื้อที่มีชื่อเสียง]
นักลงทุนกลายมาเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS? ทำไมฉันรู้สึกว่ามันเป็นการโกงกันนะ? อย่างไรก็ตามการเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนของฉันก็โกงเช่นกัน ฉันไม่สามารถจะบ่นอะไรได้
[เขาอายุ 37 ในปีนี้]
"เขาอายุสามสิบปลายๆสินะ"
[เขาได้มาขอแต่งงานกับฉันด้วย]
"นั่นมันน่าแสดงความยินดีนี่ เขาจะไม่กลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกเลยหรอ?"
[แต่ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เขาอาจจะมีผู้หญิงในสต็อกอีกหลายคนเช่นกัน]
โอ้ งั้นเขาก็คือไอชั่วสิน่ะ
[ฉันแทบอยากจะตายเลยล่ะ กับนายเสแสร้งนั่น! นายก็ด้วยอย่ามาแสดงความยินดีกับเรื่องนี่นะ! ฉันกำลังกังวลอยู่]
"อา เอาล่ะ ใช่แล้ว ฉันก็กังวล เธอนั่นปฏิเสธใช่มั๊ย?"
[แน่นอน ฉันได้ถ่มน้ำลายในคำขอแต่งงานของเขาด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ที่ฉันหนีมาที่เกาหลีก็เพราะว่าฉันไม่ต้องการจะเจอกับเขานี่แหละ แต่ว่าฉันจะต้องพบกับเขาเมื่อกับไป...ฟู่]
แม้ว่าฉันจะไม่ให้หน้าเธอจากการคุยแบบนี้ แต่ฉันก็สามารถจะจินตนาการได้เลยจากการที่เธอถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ถึงแม้ว่าฉันจะเกือบหัวเราะออกมา ฉันก็ได้หยุดเอาไว้
"ไม่ต้องกังวล มันเป็นปกติที่ผู้ชายจะเข้าหาสาวสวยแบบเธอ แต่เพราะว่าเธอแข็งแกร่ง เธอก็น่าจะจัดการเขาได้นะ"
[...พูดอีกครั้ง]
"หืม? เพราะเธอแข็งแกร่ง เธอก็น่าจะสามารถจัดการเขาได้...?"
[ก่อนหน้านั้น]
"...สาวสวยแบบเธอ"
[อืมม... โอเค ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด]
"ฉันไม่รู้ว่าส่วนไหนมันทำให้เธอดีขึ้นเลยนะ"
[ทันทีที่ฉันจัดการกับปัญหาเสร็จ ฉันจะชวนนายเข้ามาที่อังกฤษ นายยังไม่เคยมาใช่มั๊ยล่ะ? มาเเที่ยวที่นี่พร้อมกันกับสุมิเระและคุณลุงยงอูกัน]
ฉันยินดีเลยล่ะถ้าได้รับคำเชิญให้ไปที่นั่น ฉันอยากจะเห็นสถานที่ต่างๆที่นั่นมาซักพักแล้ว แม้ว่าในขณะที่ฉันฝึกอยู่กับพ่อเราก็ไม่เคยที่จะไปที่อังกฤษมาก่อน การเปลื่ยนแปลงอย่าฉับพลัยของฮวาหยาทำให้ฉันงงเล็กน้อย แต่ว่ามันก็สายเกินไปที่จะถามเธอแล้วในตอนนี้
"พวกเราไม่จำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวไหนคราวนี้ มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วยที่เราจะต้องไปจัดการและปล่อยให้พวกผู้ใช้พลังของประเทศนั้นๆจัดการกันเองไป"
"แน่นอน แต่ว่าโอกาสของเหตุการณ์การจู่โจมที่จะเกิดขึ้นจากพื้นที่ดันเจี้ยนมันทำให้ฉันลำคาญ"
"เอาหล่ะ เอาไว้ไปจัดการเมื่อถึงเวลาล่ะกัน"
เมื่อฉันได้ตอบกลับความคิดเห็นของพ่อไปอย่างเป็นธรรมชาติและเหลือบไปมองพอ พ่อก็ยังคงนอนแผ่อยู่บนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นเองพ่อก็หันมาหาฉันและประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการนัก
"นี่ พ่อกำลังอยู่ในช่วงกลางของการทะลวงผ่านชั้นที่ 37 นะ"
"ใช่ ใช่ ผมพนันได้เลยว่าพ่อกำลังรู้สึกต้องการที่จะโม้สินะ"
ไม่เหมือนกับพ่อ ฉันต้องการจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันได้ทำเอาไว้! พ่อจะต้องกลัวที่จะพ่ายแพ้แน่ๆ พ่อก็เลยไม่ได้แม้แต่จะถามฉันออกมา!