บทที่ 60 เทศกาลชำระโลหิต
“ใต้เท้าเจียง โปรดรอก่อน!”
เจียงหยุนไฮ่เดินออกไปไม่ถึงสามก้าวจากปีกตำหนักที่พำนักของตัวแทนก็มีเสียงเล็กๆดังออกมาจากข้างหลัง เสียงที่ฟังแล้วสบายหูและแผ่วเบาแต่ยังคงความเย็นยะเยือกที่ปกปิดไม่ได้
ซึ่งเจียงหยุนไฮ่หันมายิ้มให้กับบุคคลผู้นั้นอย่างรวดเร็ว “คำนับแม่นางซู ผู้เฒ่าฝูเปลี่ยนใจของเขาเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ...”
นางแต่งกายด้วยชุดยาวสีขาวเหมือนหิมะ ผิวของแม่นางซูรั่วเสวี่ยนั้นขาวและบอบบางราวกับเกล็ดหิมะ
นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เจียงอี้ถอนตัวจากการแข่งขันไปแล้วและไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ร้องขอ อย่างไรก็ตามท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ... เทศกาลชำระโลหิตใช่หรือไม่? ในอีกสองเดือนมันจะเริ่มที่ เมืองจิตอสูร!”
“เทศกาลชำระโลหิต!”
ดวงตาของเจียงหยุนไฮ่สว่างขึ้นและเขาตระหนักได้ในทันที เขาโค้งคำนับอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณแม่นางซูที่ชี้ให้ข้าไปในทางที่ถูกต้อง หากเจียงอี้โชคดีพอที่จะสามารถเข้าไปยังสำนัก ข้าขอบคุณท่านมากที่ท่านให้โอกาสเขา”
“ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า!”
นางยังคงสภาพของความเฉยเมย หลังจากนั้น ซูรั่วเสวี่ยก็หันหลังกลับไป เมื่อนางเดินไปถึงทางเข้าตำหนัก นางหันหน้าของนางกลับมาเล็กน้อย “ท่านไม่ใช่เหตุผลที่ข้าออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้ให้ แต่เป็นเจียงอี้ แม้ว่าจะมีข่าวลือมากมายจากภายนอกเกี่ยวกับตัวเขา แต่ข้าเชื่อว่าคนที่เต็มใจสละอนาคตและชีวิตตัวเองเพื่อหญิงสาว คงไม่ใช่ปีศาจใจร้าย อนิจจา เรามีวิญญาณที่มีจิตใจที่แท้จริงเช่นนี้น้อยเกินไปในโลกนี้ ....”
เมื่อแม่นางซูเดินลับไป เจียงหยุนไฮ่ก็อ้าปากค้างและยังคงยืนหยั่งรากอยู่ที่เดิม คำพูดของนางทำให้เขาได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดในอีกด้านของนาง ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อน นางคงจะต้องมีเรื่องราวชีวิตของนางแน่นอน
...
“อะไรนะ? ท่านปู่ ท่านต้องการให้ข้าไปที่สำนักจิตอสูรหรือ? ข้าจะไม่ไป..ข้าอยากอยู่กับเสี่ยวนู๋..”
ณ ตำหนักที่เจียงอี้พำนักอยู่ เจียงอี้ส่ายหัวอย่างแรง เขาคัดค้านเมื่อเจียงหยุนไฮ่กล่าวข้อเสนอออกมา สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยนายน้อยและคุณหนูที่ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะพิเศษในด้านการต่อสู้ และไม่มีอะไรที่เจียงอี้ไม่ชอบไปมากกว่าเหล่านายน้อยและคุณหนูในขณะนี้ เขาอาจปรากฏตัวอย่างธรรมดา แต่เมื่อเขาถูกข้ามเส้น เขาก็จะบ้าดีเดือดแน่นอน ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาจะสามารถทำอะไรลงไปได้บ้าง
“ใต้เท้าน้อย โปรดฟังข้าก่อน!”
เจียงหยุนไฮ่โบกมืออย่างสุขุม “ข้าได้ปรึกษาถึงสภาพของเสี่ยวนู๋กับจีเทียนก่อนหน้านี้ เราทั้งสองสรุปได้ว่ามีเพียงสองวิธีในการช่วยชีวิตนาง!”
สิ่งนี้ทำให้เจียงอี้เงียบทันที เขานั่งลงและถามอย่างประหม่า “พวกมันคืออะไรขอรับ?”
เจียงหยุนไฮ่กัดริมฝีปากของเขา “ทางแรกคือการตามหาใครบางคน! อย่างไรก็ตามข้าไม่ต้องการตัวเลือกนี้นอกจากจะจำเป็นจริงๆ เพราะการตามหาเขาจะหมายถึงการเปิดเผยตัวตนของท่านและสิ่งนี้จะขัดกับความต้องการของแม่ของท่าน ถ้านางได้ยินเรื่องนี้ วิญญาณของนางจะไม่พบความสงบสุขในปรภพเป็นแน่...”
“'ใครบางคน' ?”
การแสดงออกของเจียงอี้มืดมน มุมปากของเขาบูดเบี้ยวอย่างขมขื่น “ท่านหมายถึงพ่อของข้าใช่ไหม?”
“ใช่”
ใบหน้าของเจียงหยุนไฮ่เต็มไปด้วยความโกรธ “พ่อของท่านเป็นคนที่มีอำนาจ แต่เขาทิ้งนายหญิงในวันนั้น นางคงไม่ตายหากมันไม่ใช่เพราะเขา ดังนั้น…ข้าจะไม่ไปหาเขา เว้นเสียแต่ว่าจะไม่มีทางเลือกอื่น ข้าไม่ต้องการแม้แต่จะเห็นหน้าเขา...เพื่อไม่ให้ข้าพยายามฆ่าเขาด้วยทุกสิ่งที่ข้ามี แต่…หากท่านต้องการติดต่อกับพ่อของท่านอีกครั้ง ข้าจะไม่หยุดท่านแน่นอน...แม้ว่านั่นจะแปลว่าท่านและข้าจะไม่ได้พบกันอีก”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ท่านปู่!”
เจียงอี้สั่นเทาไปด้วยความโกรธ “ไม่จำเป็นต้องไปหาเขา ข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีพ่อ แต่ข้าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากท่านปู่ ท่านไม่รู้จักข้าหรือขอรับ? อย่าเสียเวลากับเรื่องนี้อีกต่อไปและข้าไม่ต้องการได้ยินเกี่ยวกับเขาอีก ...”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
เจียงหยุนไฮ่พยักหน้ายินดี เขาหยุดพูดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะกล่าวต่อ “นั่นคือเหตุผลที่ข้าคิดว่าตัวเลือกที่สอง..ที่จะให้ท่านลงทะเบียนกับสำนักจิตอสูร อย่างที่ข้าได้กล่าวไปแล้วในวันนี้ วิธีหนึ่งในการรักษาเสี่ยวนู๋คือการซื้อเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถรู้ว่าเมื่อไหร่เม็ดยานั่นจะกลับมา...อาจเป็นหลายสิบปีก่อนที่พวกเขาจะทำมันขึ้นมาอีก อีกวิธีหนึ่งคือการขอความช่วยเหลือจากหมอเทวะ”
“มีหมอเทวะเพียงสี่คนเท่านั้นในทวีปเทียนชิงทั้งทวีป..สองคนได้รับการสักการะโดยราชอาณาจักรต้าเซี่ยและอาณาจักรเป่ยเหลียงขณะที่อีกคนหนึ่งท่องโลกและไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องของเขามานาน และคนสุดท้ายนั้นอยู่ที่สำนักจิตอสูร ดังนั้นข้าจึงเสนอให้ท่านลงทะเบียนเป็นศิษย์และรับความโปรดปรานก่อนที่จะขอให้เขาช่วยรักษาเสี่ยวนู๋! เขาจะไม่ช่วยผู้อื่นแม้ว่าข้าจะเสนอเงินมหาศาลให้มากเพียงใดก็ตาม”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”
ความเข้าใจเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าของเจียงอี้ เขามองไปที่เสี่ยวนู๋ที่อยู่บนเตียง และเขาก็พยักหน้า “เช่นนั้น ข้าจะไป แต่…ข้าจะลงทะเบียนได้อย่างไร ข้าไม่ได้ออกจากการแข่งขันไปแล้วหรือท่านปู่?”
“ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้น”
“ภารกิจเดียวของท่านในตอนนี้คือการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นและทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของท่านในการฝึกฝน ในระหว่างนี้ ข้าจะหาส่วนผสมชั้นดีเพื่อให้ท่านเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะ ในอีกหนึ่งเดือนข้าจะพาเจ้าและเสี่ยวนู๋ไปเมืองจิตอสูร” เจียงหยุนไฮ่ชี้แจง
“ขอรับ!”
เจียงอี้ยินยอมอย่างง่ายดาย ความตื่นเต้นพุ่งเข้ามาในเสียงของเขา ตอนนี้เขารู้ว่า เจียงหยุนไฮ่วางแผนที่จะพาเขาและเสี่ยวนู๋ไปให้ห่างจากสถานที่ที่น่าเศร้าแห่งนี้ที่ซึ่งเขาเติบโตขึ้นอย่างเหนื่อยล้า
"โอ้ ใช่แล้ว!" ทันใดนั้น ถึงคราวเจียงหยุนไฮ่ถาม "ท่านต้องการจัดการกับตระกูลหม่าและตระกูลเจียงอย่างไร ถ้าท่านยังไม่พอใจ ข้าสามารถสังหารพวกนั้นทั้งหมดที่ทำร้ายท่านในอดีตได้... "
“อ่า?”
เจียงอี้อ้าปากค้างแล้วส่ายหัว “ช่างมันเถอะ ท่านปู่ ยังไงท่านก็ยังคงเป็นคนของตระกูลเจียงและมีคนมากพอแล้วที่เสียชีวิตไปจากเรื่องนี้ ข้าได้ฆ่าหม่าเฮยฉี เจียงหยูหลงและคนที่ชอบทำร้ายข้าแล้ว ข้าว่าเราไม่ควรมีการฆ่าอีกแล้วนะขอรับ”
“ดีมาก ทำไมท่านไม่ไปพักผ่อนและฟื้นฟูบาดแผลสักหน่อยล่ะ ข้าจะออกไปข้างนอกพักหนึ่ง” เจียงหยุนไฮ่ตบไหล่ซ้ายของเจียงอี้และมองไปที่เสี่ยวนู๋
ไม่มีอะไรสำคัญกับเขามากกว่ารักษาเจียงเสี่ยวนู๋ ไม่ว่าเขาจะเกลียดสำนักจิตอสูรและเหล่านายน้อยและคุณหนูในนั้นมากแค่ไหนก็ตามรวม เขาจะต้องอดทนเพื่อเห็นแก่เสี่ยวนู๋ ท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายนี้ไม่ใช่เพราะความสนุกสนานหรือการเรียนรู้แต่มันคือการต้องการความช่วยเหลือเพื่อช่วยหนึ่งชีวิต!
...
ฝนที่โปรยหนักได้ซาลงสี่สิบห้านาทีหลังช่วงเที่ยง แต่อากาศยังคงเย็นสบาย และมีแอ่งน้ำอยู่ทุกหนแห่งบนถนน มีไม่กี่คนที่กล้าออกมานอกบ้านและทั้งเมืองก็ดูเหมือนแทบจะไม่มีคนเลย
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ต่างกันสิ้นเชิงในลานตระกูลหม่าซึ่งมีผู้คนมารวมตัวกัน เจียงหยุนไฮ่ออกจากตำหนักเจ้าเมืองเป็นครั้งแรกและเขามาที่นี่ ที่ลานตระกูลหม่ากับเจียงหวย หน่วยสอดแนมจากตระกูลต่างๆก็รีบติดตามมาทันทีเมื่อทราบข่าวนี้ ในขณะที่ผู้สังเกตการณ์คนอื่นๆก็มาดูว่าเจียงหยุนไฮ่จะกลับมาบ้าบิ่นอีกครั้งและถอนรากหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่....ตระกูลหม่าหรือไม่
“คำนับท่านใต้เท้าไฮ่ แม่ทัพเจียงหวย!”
หม่าขุยเป็นหัวหน้าเหล่าสมาชิกขอบเขตจื่อฝู่ในตระกูลหม่า เขาต้อนรับเจียงหยุนไฮ่และเจียงหวยเข้าสู่ลานตระกูลหม่า ตลอดทางมานี้เขาไม่ได้ยินคำใดๆจากเจียงหยุนไฮ่ เขาเงียบจนทำให้หม่าขุยและคนอื่นๆถึงกับสยดสยอง
เมื่อเขามาถึงห้องโถงหลัก เจียงหยุนไฮ่ก็ตรงไปที่ที่นั่งของเจ้าภาพและนั่งลงอย่างเปิดเผย เขารอจนกระทั่งเจียงหวยนั่งก่อนที่จะมองดูที่เหลือ ดวงตาเขาเหมือนดาบสั้น “เข้าประเด็นเลย มีสองทางเลือก..ทุกคนในตระกูลหม่าจะต้องตายหรือเจ้าจะชดใช้กับการกระทำของเจ้า! หม่าขุย ตัดสินใจซะ!”
หัวใจของมาขุยและคนอื่นๆในตระกูลหม่าสั่นเทา แม้กระทั่งแม่ทัพเจียงหวยก็ไม่สบายใจกับคำพูดของเขา ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งเป็นทุกอย่างในทวีปเทียนชิงและกฎหมายโดยทั่วไปถือว่าไร้ประโยชน์ แต่อย่างน้อยที่สุดเราควรทำตามขั้นตอนทางกฎหมายไม่ใช่หรือ? เจียงหยุนไฮ่กล้าขู่จะเอาชีวิตตระกูลหม่าทั้งหมดได้อย่างไรโดยไม่ต้องปกปิดอะไรเลย?
ตัวเลือก? เขามีทางเลือกอะไรบ้าง?
หม่าขุยชำเลืองไปที่เจียงหวย เมื่อยังคงมีแต่ความเงียบ หม่าขุยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีและกัดฟันแน่น “ข้าเลือกชดใช้ให้ท่านหยุนไฮ่ โปรดระบุสิ่งที่ท่านต้องการด้วยขอรับ”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงหยุนไฮ่มาที่นี่เพื่อปล้นตระกูลหม่าอย่างเปิดเผย เขาหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “เม็ดยาพิภพห้าพันเม็ดและห้าแสนตำลึงทอง และข้าสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับตระกูลหม่าจากนี้เป็นต้นไป ว่ายังไงล่ะ?”
“อะไรนะขอรับ?”
การแสดงออกทางสีหน้าของหม่าขุยและผู้อาวุโสตระกูลหม่าคนอื่นๆเปลี่ยนไป เจียงหยุนไฮ่จะโหดเหี้ยมไปถึงไหนกัน? เม็ดยาพิภพเป็นยาระดับพิภพขั้นกลางและมีราคาอยู่ที่หนึ่งร้อยตำลึงทองต่อเม็ด ห้าพันเม็ดก็จะหมายถึงห้าแสนตำลึงทอง และตำลึงที่ต้องชดเชยให้ ตระกูลหม่าจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดหนึ่งล้านตำลึงทอง!
ตระกูลหม่าจะมีมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขามี!
แต่นั่นแปลว่าพวกเขาจะต้องขายทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูล เห็นได้ชัดว่าเจียงหยุนไฮ่ตั้งใจที่จะเขี่ยตระกูลหม่าออกไป เงินกว่าหนึ่งล้านตำลึงเป็นระเบิดของตระกูลหม่าและมันใช้เวลากว่าทศวรรษในการฟื้นฟู ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหม่าอาจถูกเพ่งเล็งโดยตระกูลอื่นและถูกลดอันดับลง
“เจ้ามีเวลาห้าวัน ส่งเม็ดยาและตำลึงทองไปยังตำหนักเจ้าเมืองในห้าวันหรือไม่ก็…เหอะ!” เจียงหยุนไฮ่เมินเฉยต่อความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในสายตาอันเศร้าสร้อยของสมาชิกตระกูลหม่า เขาพยักหน้าให้เจียงหวยและเดินออกจากลานตระกูล
เจียงหยุนไฮ่หยุดและโบกมือให้กองทัพทหารตะวันตกและเบาเสียงพูดกับเจียงหวย “แม่ทัพเจียงหวย ข้าไม่ได้สนใจว่าการคาดเดาของท่านจะเป็นอย่างไร หรือท่านเดาถูกหรือผิด ไม่ว่าในทางใด ข้าก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรเลย”
“มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับท่านถ้าสิ่งต่างๆเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเทียนอวี่ถูกแพร่ออกไป ดังนั้นโปรดปล่อยให้สิ่งที่ท่านต้องการจะพูดนั้น ไม่ต้องพูดอันใดออกมา ห้าแสนตำลึงทองจากตระกูลหม่าจะเป็นของท่านเพื่อเลี้ยงคนของท่าน เช่นนั้น..ข้าขอร้องให้ท่านอย่าปฏิเสธ! ข้าเป็นหนี้พวกท่าน ทำไมท่านไม่พาคนของท่านกลับไป และข้าจะดูแลส่วนที่เหลือนี้เองล่ะ?”
“เช่นนั้น! ใต้เท้าหยุนไฮ่ หากมีอะไรที่ท่านต้องการอีก สิ่งที่ท่านต้องทำเพียงแค่บอกข้าขอรับ!”
เจียงหวยพยักหน้าและยกกำปั้นของเขาด้วยการคำนับ เขาแสดงสิ่งอื่นไปไม่ได้นอกจากคำนับ แต่ภายในใจเขานั้นก็กระโดดด้วยความดีใจไปแล้ว
เจียงหยุนไฮ่เป็นคนใจกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ..ห้าแสนตำลึงทองคือหนี้บุญคุณจากคนที่อยู่ขอบเขตเสินโหยว! เจียงหยุนไฮ่จะกลายเป็นแม่ทัพตัวจริงถ้าเขาเข้าร่วมกับกองทัพ แน่นอนว่าสถานะของเขาสำคัญในตำหนักของกองทัพทหารตะวันตกมาก
เจียงหวยส่งสาส์นผ่านนกพิราบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาและเขาพบว่าเจียงหยุนไฮ่เคยเป็นหัวหน้าหน่วยลับในตำหนักของจอมพล! แม้ว่าเขาจะออกจากตำหนักไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ตำสมาชิกหนักที่รับใช้เขามานานยังคงให้ความสำคัญกับเขาเช่นเดิม
“บอกทุกคนให้กลับไปที่หน่วยงานของตนและรอรับคำสั่งการที่ตำหนักเจ้าเมือง!”
เมื่อมองเจียงหยุนไฮ่ลับตาไป เจียงหวยก็ออกคำสั่งและจ้องมองไปที่ขอบฟ้า คิ้วถักทอเข้าด้วยกันในการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
คนที่ให้ข้อมูลแก่เขานั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ทำงานในตำหนักของจอมพล ตามที่เขากล่าวมา จอมพลมีบุตรชายเพียงคนเดียว ไม่มีหลักฐานว่ามีบุตรมีลูกนอกสมรสหรืออะไรทำนองนั้น ถ้าเจียงอี้ไม่ใช่บุตรนอกสมรสของจอมพลกองทหารตะวันตก เขาจะเป็นบุตรชายของใคร? และถ้าเจ้านายของเจียงหยุนไฮ่ไม่ใช่กองทหารตะวันตก ท่านผู้นั้นซึ่งเป็นผู้ที่เจียงหยุนไฮ่เป็นหนี้ถึงเพียงนั้นจะเป็นผู้ใดกัน?